Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ โชว์นวัตกรรมงาน Future Energy Asia

นายมงคล ตั้งศิริวิช รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา นำทีมนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทราส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เดินหน้าชูนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกยั่งยืนในงาน Future Energy Asia และ Future Moblity Asia 2022 ซึ่งเป็นงานที่รวมนวัตกรรมในการจัดการพลังงาน งานนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำด้วยนวัตกรรมไฮไลท์อาทิ สวิตช์เกียร์ GM AirSeT และ SM AirSeT นวัตกรรมใหม่ที่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้ระบบไฟฟ้า อุตสาหกรรมและอาคารลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาและการดำเนินงาน พร้อมด้วย EcoStruxure Building แพลตฟอร์มสำหรับอาคารที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพลังงานในอาคารให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน  และสร้างความยั่งยืน สามารถเชื่อมต่อกับระบบ EV Charger เพื่อทำการมอนิเตอร์และควบคุมได้จากที่เดียว

นอกจากนี้ภายในบูธ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับธุรกิจในยุค 4.0 เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดความยั่งยืนขององค์กร อาทิ ระบบแรงดันไฟฟ้าต่ำ โซลูชันไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชันบริการดูแลรักษาระบบไฟฟ้าด้วย IoT: EcoStruxure Service Plan รวมไปถึง โซลูชันซอฟต์แวร์จาก AVEVA เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระดับโลก สำหรับอุตสาหกรรมและอาคารในแบบ End-to-End  โดยงานมีขึ้นที่ ไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆ นี้

ค้นหาเทคโนโลยีด้านพลังงานล้ำหน้าได้ที่ https://www.se.com/th/th/work/campaign/innovation/overview.jsp


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ จัดทัพนวัตกรรมบุกงาน Future Energy Asia และ Future Mobility Asia 2022

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทราส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เดินหน้าชูนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกยั่งยืนในงาน Future Energy Asia และ Future Moblity Asia 2022 ซึ่งเป็นงานที่รวมนวัตกรรมในการจัดการพลังงาน งานนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำด้วยนวัตกรรมไฮไลท์อาทิ สวิตช์เกียร์ GM AirSeT และ SM AirSeT นวัตกรรมใหม่ที่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้ระบบไฟฟ้า อุตสาหกรรมและอาคารลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาและการดำเนินงาน พร้อมด้วย EcoStruxure Building แพลตฟอร์มสำหรับอาคารที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพลังงานในอาคารให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน  และสร้างความยั่งยืน สามารถเชื่อมต่อกับระบบ EV Charger เพื่อทำการมอนิเตอร์และควบคุมได้จากที่เดียว

นายมงคล ตั้งศิริวิช รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2020-2030 เป็นทศวรรษแห่งการดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงที่สุดของมนุษย์ โลก และเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กรต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราจึงทุ่มเทวิจัยผลิตภัณฑ์ในเชิงกลยุทธ์และยุทธวิธีที่ครอบคลุมเพื่อต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน วันนี้เราจึงมีการเปิดตัวตู้สวิตช์เกียร์รุ่นใหม่ GM AirSeT และ SM AirSeT ซึ่งไม่ใช้ก๊าซ SF6 ในตู้และอุปกรณ์ย่อยภายในเพื่อเป็นฉนวนอีกต่อไป แต่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทน นับว่าเป็นความท้าทายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการคิดค้นการใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 แต่ยังคงประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมและขนาดของตู้ขนาดเท่าเดิม”

ตู้สวิตช์เกียร์ GM AirSeT เทคโนโลยี GIS (Gas Insulated Substation) ชนิดแบบ Primary และตู้สวิตช์เกียร์ SM AirSeT เทคโนโลยี AIS (Air Insulated Substation) ชนิดแบบ Secondary มาพร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะแบบฝังตัว ยังคงเปี่ยมขุมพลังแห่งดิจิทัลด้วย แพลตฟอร์ม EcoStruxure ช่วยให้สามารถมอนิเตอร์ข้อมูลและมีประสทธิภาพในการควบคุม รวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน การจ่ายไฟฟ้าและจะช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเชิงป้องกันและพยากรณ์การซ่อมบำรุงได้ ผู้ดูแลสามารถตรวจสอบการทำงานทั้งหมดได้จากระยะไกล ข้อมูลเชิงลึกจะถูกป้อนเข้าสู่เครื่องมือวิเคราะห์บนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ โดย GM AirSeT เหมาะสำหรับโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดาต้าเซ็นเตอร์ และกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ SM AirSeT เหมาะสำหรับ คอนโดมิเนียม อาคารขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ฯลฯ

นอกจากนี้ในงาน Future Energy Asia 2022 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังจัดแสดงแพลตฟอร์มดิจิทัล EcoStruxure Building นวัตกรรมล้ำสมัยสำหรับอาคาร ช่วยในการบริหารจัดการและควบคุมการใช้พลังงาน ทั้งเรื่องของ HVAC หรือ Heating (การทำความร้อน) V-Ventilation (การระบายอากาศ) และ AC-Air Conditioning (การปรับอากาศ) นวัตกรรมดังกล่าวช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ด้วยโซลูชันอัจฉริยะที่ช่วยทั้งเรื่องการควบคุม มอนิเตอร์ และการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่าใช้จ่าย โดยไม่จำเป็นต้องแบกรับความซับซ้อนด้านไอที ทั้งในการติดตั้งและบำรุงรักษาที่คาดการณ์ไม่ได้ โดย EcoStruxure Building สามารถใช้ผ่านเว็บไซต์และมือถือช่วยให้เจ้าของอาคาร ผู้ดูแล และผู้ปฏิบัติการอาคารได้เห็นภาพสถานะของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของตน ช่วยให้สามารถติดตามการใช้พลังงาน รวมทั้งควบคุมประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดาย

พร้อมกันนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังไปเปิดตัว โซลูชั่นสำหรับ EV Charger ช่วยในเรื่องการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างดี สำหรับอาคาร และสำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้า อาทิ EcoStruxure EV Advisor, EcoStruxure EV Changing Expert รวมไปถึงการเปิดตัว EV Charger รุ่นใหม่สำหรับอาคารและที่พักอาศัย ซึ่งนับเป็นไฮไลท์สำคัญสำหรับอาคารในอนาคตอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์ EV Changer ที่เปิดตัวล่าสุดได้แก่ EVlink Pro AC ซึ่งมาพร้อมกับระบบป้องกันแบบ Built – in ภายใน สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้และรองรับ NFC ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน และสร้างความยั่งยืนสำหรับอาคาร เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มเวลาทำงานและประสิทธิภาพสูงสุด และรับประกันประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นสำหรับผู้ติดตั้ง EV ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ขับขี่

ภายในงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้นำเทคโนโลยี Wiser Home Control ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะสำหรับอัพเกรดบ้านให้ทันสมัยมากขึ้น ครบเครื่องตัวช่วยยุคใหม่ในการจัดการบ้าน ยุค 4.0 ผู้ใช้สามารถสั่งเปิด-ปิด ตั้งค่าอัตโนมัติต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ต เช่น ระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียง สมาร์ททีวี ชุดโฮมเธียร์เตอร์ ระบบม่าน กล้อง CCTV และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อและทำงานผสานร่วมกับระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่มีขนาดจิ๋ว ติดตั้งง่าย ได้อีกด้วย เช่นนำไปติดตั้งที่ประตู หน้าต่าง ใต้อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ เพื่อตรวจสอบน้ำรั่วได้อีกด้วย

ภายในบูธ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับธุรกิจในยุค 4.0 เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดความยั่งยืนขององค์กร อาทิ ระบบแรงดันไฟฟ้าต่ำ โซลูชันไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชันบริการดูแลรักษาระบบไฟฟ้าด้วย IoT: EcoStruxure Service Plan รวมไปถึง โซลูชันซอฟต์แวร์จาก AVEVA เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระดับโลก สำหรับอุตสาหกรรมและอาคารในแบบ End-to-End

สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านความยั่งยืนของชไนเดอร์ อิเล็คทริค พบกันได้ในงาน Future Energy Asia และ Future Mobility 2022 สามารถเยี่ยมชม ได้ที่ ฮอลล์ 98 บูธ MK01  ณ ไบเทค บางนา ในวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2565 นี้ พลาดไม่ได้ กับสิทธิพิเศษสำหรับท่านที่ลงทะเบียนเข้าชมบูธล่วงหน้าที่ https://bit.ly/3c6uqzw  และเพียงโชว์อีเมลยืนยันการลงทะเบียนที่หน้างาน รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือ ยูโอบี เพิ่มทางเลือกสำหรับธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการพลังงาน

นายสเตฟาน นูสส์ (Stephane NUSS) (ด้านบนจอขวา) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ และนายธนากร วงศ์วิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมงานเปิดตัว U-Energy แพลตฟอร์มสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานแบบครบวงจรแห่งแรกในเอเชีย ของธนาคารยูโอบี ที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารและที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมเพื่อให้ธุรกิจในประเทศไทยได้สามารถสร้างความยั่งยืนด้วยการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อให้ธุรกิจได้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนที่ตั้งไว้ ซึ่งงานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นประธาน โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

บริการดูแลระบบไฟฟ้ายุค IoT กันไว้ดีกว่าแก้

โดย ยอน เรนาด หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญการปฏิบัติงานด้านบริการระดับโลก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

IoT ยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มศักยภาพในปัจจุบัน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) พบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อ IoT จะมีการเติบโตมหาศาล โดยคาดการณ์ว่าจะทะลุ 30.9 พันล้านอุปกรณ์ ภายในปี 2568  ทว่าอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้ว่าแนวคิดและการนำ IoT มาประยุกต์ใช้ จะพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่ที่มีการเริ่มใช้คำนี้มานานกว่าสองทศวรรษ ถึงกระนั้นก็ตาม หลายบริษัทยังคงพลาดโอกาสมากมายในการปรับปรุงธุรกิจให้มีความยืดหยุ่น ยั่งยืน และสร้างมูลค่าได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น  IoT มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2573 โดยประมาณอยู่ที่ 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการปรับปรุงด้านเทคโนโลยี ก็จะไม่สามารถบรรลุตัวเลขนี้ได้ เช่น การผสานรวมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีการดำเนินงาน (OT) ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น การปรับปรุงความยั่งยืน การแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน และการให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

เทคโนโลยียังคงพัฒนาและได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ๆ

Covid เป็นปัจจัยที่เร่งให้บริษัทต่างๆ นำ IoT มาใช้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น มีรายงานว่า 48% ของระบบสาธารณูปโภค ได้เร่งปรับใช้ IoT เพื่อตอบสนองความท้าทายที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการระบาดของโควิด จึงนับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า IoT ให้ประโยชน์อย่างมากจนมีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาเป็นแนวทางหลักในการทำงาน

นั่นเป็นเพราะว่า IoT สามารถตอบโจทย์ปัญหาบางประการที่เป็นจุดบอดใหญ่ที่สุดของธุรกิจได้ เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าจากระยะไกล และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้การนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ IoT ระบบดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันได้อย่างฉลาดมาใช้ จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ปลดล็อกแหล่งข้อมูลใหม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ โดยสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งช่วยป้องกันปัญหา และเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ รวมถึงช่วยให้ดำเนินงานได้ยืดหยุ่นและให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น IoT ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นจากแนวทางปฏิบัติด้านการบำรุงรักษาที่ดีขึ้น

IoT ช่วยเพิ่มความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยการช่วยให้พลังงาน อุปกรณ์ และกระบวนการต่างๆ ดำเนินไปตามแนวทางปฏิบัติด้านการบำรุงรักษาที่ดียิ่งขึ้น อาทิ เซ็นเซอร์วัดความชื้นหรืออุณหภูมิของอุปกรณ์ อย่าง หม้อแปลงไฟฟ้า และสวิตช์เกียร์ ซึ่งจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นความรู้เพื่อใช้บ่งชี้และคาดการณ์ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

ข้อมูลดังกล่าว ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาโดยช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถคาดการณ์ความล้มเหลวของอุปกรณ์ และระบุระยะเวลาการซ่อมที่เหมาะสม แทนที่จะทำตามเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยไม่ต้องรอให้อุปกรณ์เสียหายก่อน การเตือนล่วงหน้าช่วยป้องกันการหยุดทำงาน ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และสร้างระบบให้บริษัทต่างๆ กำหนดแนวทางในการเปลี่ยน ปรับปรุง และซ่อมแซมอุปกรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่สร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

ความสามารถด้านดิจิทัลของ IoT ยังช่วยขับเคลื่อนความริเริ่มด้านความยั่งยืนในหลายโครงการและช่วยให้ใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บริษัทที่เพิ่มความสามารถด้านดิจิทัล จะสามารถตรวจสอบ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยข้อมูลพวกนี้ล้วนนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นและช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการด้านการใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดการสูญเสีย

IoT ช่วยชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานถูกใช้ไปในส่วนใดบ้าง รูปแบบการใช้เป็นอย่างไร และส่วนใดที่มีการใช้พลังงานมากที่สุด ซึ่งแดชบอร์ดและรายงานการใช้พลังงาน ช่วยให้ทีมสามารถกำหนดค่าพื้นฐาน พร้อมติดตามความคืบหน้าของโครงการในด้านประสิทธิภาพพลังงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย อีกทั้งยังแนะนำการปรับการดำเนินงานในไซต์งานได้อย่างเหมาะสมที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น

มุมมองด้าน IoT ที่เป็นตัวเปลี่ยนโฉมหน้าของเกมได้มากที่สุด คือความสามารถในการคาดการณ์อนาคต แทนที่จะใช้วิธีตั้งรับแบบเดิม IoT ช่วยให้บริษัทต่างๆ คาดการณ์อนาคตและตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลจริง

ตัวอย่างเช่น หลายอุตสาหกรรมล้วนพึ่งพาพลังงานที่ให้ความต่อเนื่อง เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานระบบสำคัญทำงานต่อไปได้ และหลีกเลี่ยงการเกิดไฟฟ้าขัดข้องและการหยุดชะงักของระบบโดยที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ทั้งนี้ ผลการวิจัยของการ์ทเนอร์ ยังระบุว่า ผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการที่อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานบกพร่องเนื่องจากการเกิด Downtime ของเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียว อยู่ที่ประมาณ 5,600 เหรียญสหรัฐต่อนาที ซึ่งการนำ IoT มาช่วยปรับปรุงด้านการบำรุงรักษาช่วยลดความเสี่ยงเรื่อง Downtime ได้

สิ่งที่เป็นอันตราย อย่างการเกิดไฟไหม้จากระบบไฟฟ้าขัดข้อง ก่อให้เกิดความเสียหายได้มากกว่าเรื่องการเสียเงิน เพราะคุกคามถึงชีวิตและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการใช้แบบจำลองการคาดการณ์ที่สร้างขึ้นโดยใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ IoT ที่ติดอยู่ที่อุปกรณ์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถระบุความเสี่ยงได้ เช่น ประกายไฟที่เกิดจากอาร์คหรือการเสื่อมสภาพที่อาจทำให้เกิดการระเบิด

เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ธุรกิจควรนำบริการด้านข้อมูลจาก IoT มาใช้ให้ครอบคลุมทั้งในส่วนของกิจกรรมต่างๆ ในระบบอัตโนมัติของอุตสาหกรรมและการบริหารจัดการพลังงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำบริการด้านข้อมูลที่ให้ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เจาะลึกถึงวิธีการใช้ IoT สำหรับระบบการจ่ายไฟฟ้า

เรียนรู้เคล็ดลับเรื่องการบำรุงรักษาในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ในการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้า คลิก https://www.se.com/th/th/work/services/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวิตช์ไฟ กับการบ่งบอกรสนิยม

เทรนด์การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลกำลังมาแรง! และได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ สไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น หากแต่มากด้วยประโยชน์ ตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน แบบ Less is more น้อยแต่มากไปด้วยคุณภาพ

สวิตช์ กับเต้ารับหรือที่เรียกกันว่า ปลั๊กไฟ อาจจะดูเป็นของพื้นๆ บ้านไหนๆ ก็มีเหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าแค่สวิตช์ไฟก็ทำให้บ้านดูชิคๆ คูลๆ ชวนให้น่าค้นหานับตั้งแต่ย่างเท้าเข้าบ้าน

ด้วยการออกแบบรูปทรงที่ประณีต ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการใช้งาน ผสานกับการดีไซน์รูปแบบที่มีหลากหลาย ตอบโจทย์ครบถ้วน ทั้งความสวยล้ำ รับกับการใช้งานในยุค 5G หน้าสวิตช์ยังเรียบเสมอกับระดับผนังจึงเนียนเป็นหนึ่งเดียวไปกับการแต่งบ้าน ตอบโจทย์ความเป็นคุณได้มากยิ่งขึ้น

เริ่มจาก “สวิตช์ไฟ” หน้าของสวิตช์ที่มีให้เลือกขนาดความกว้างได้ 3 ขนาด ขนาดเล็ก-เท่ากับสวิตช์ไฟทั่วไป ขนาดกลางกลาง-กว้างขึ้นเป็น 1 เท่าครึ่ง และขนาดใหญ่-2 เท่าของขนาดกลาง หรือ 3 เท่าของขนาดเล็ก ทำให้สามารถใช้งานได้ถนัดมือ และแลดูยูนีค จะสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ข้อนิ้ว หรือข้อศอกได้ทั้งสิ้น เพียงคลิ๊กเดียวเบาๆ สว่างไสว สร้างความอุ่นใจในความปลอดภัย

มากไปกว่านั้นคือ โทนสีของสวิตช์และเต้ารับที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ และตั้งใจคัดสรรจากประสบการณ์อันยาวนานในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ผลิตภัณฑ์เพื่อคนรักบ้านและที่อยู่อาศัย พบว่า สีขาว เทา และดำ เป็นสีที่สุดคลาสสิค เข้ากับทุกสไตล์การแต่งบ้าน สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ ผสมผสานและออกแบบจับคู่การใช้งานร่วมกันได้อย่างง่ายดายทั้งสวิตช์และเต้ารับ เนื่องจากถูกออกแบบโดยใช้กลไกแบบแยกส่วน จะเป็นแนววินเทจ เท่ๆ หรือจะแนวพาสเทล นุ่มๆ โรแมนติกๆ ก็ลงตัวกลมกลืนเป็นที่สุด

ทั้งยังทะลุกรอบไปอีกให้สามารถติดตั้งสวิตช์ไฟเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนได้ตามความถนัดของการใช้งานและรสนิยม ด้วยความยืดหยุ่นที่ไม่ได้จํากัดเฉพาะการใช้งานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ความเป็นตัวตนของคุณ

ส่วน “เต้ารับ” หรือ ปลั๊กไฟ มีทั้ง เต้ารับ 3 ขาเดี่ยว เต้ารับ 3 ขาคู่ ที่เพิ่มสวิตช์ปิด-เปิด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานในกรณีที่ใช้กับเครื่องใช้ในบ้านที่ต้องเสียบปลั๊กแทบจะตลอดเวลา เช่น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน พัดลม ฯลฯ โดยไม่ต้องถอดสาย เป็นการเพิ่มความสะดวก ปลอดภัยและลดความเสื่อมของสายอุปกรณ์ไปด้วย

อีกความพิเศษที่ยุคนี้ต้องมีคือ เต้ารับแบบ USB ที่ไม่ใช่แค่แบบ type A แต่ AvatarOn A ถือเป็นเจ้าแรกที่มี USB type C เข้ามาเป็นอีกตัวเลือก รองรับการชาร์ตไฟได้ถึง 12 วัตต์ จึงวางใจได้เมื่อใช้ที่หัวเตียง และยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานต่างๆ อีกมากมาย เช่น เต้ารับสำหรับโทรศัพท์ เต้ารับสำหรับทีวี เต้ารับสายแลน สวิตช์แบบหมุนสำหรับไฟหรี่ หรือสำหรับควบคุมพัดลม

สำหรับคนเจนวาย เจนซี ที่นิยมการดีไอวาย ออกแบบเอง เลือกเอง ลงมือเอง มีทริคเล็กๆ น้อยมาฝาก เพราะสีสันไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามหรือรสนิยม แต่ยังช่วยสร้างการจดจำได้ดี

เมื่อตอนเปิดตัว AvatarOn A ประเด็นหนึ่งที่สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรักการแต่งบ้านคือ เรื่องของสีสัน เพราะการติดตั้งสวิตช์ไฟเดี่ยวอาจเป็นเรื่องของความเนียนไปกับดีไซน์ของบ้าน แต่บางจุดที่ต้องมีสวิตช์ไฟมากกว่า 1 นี่สิ บางครั้งก็สร้างความสับสนว่าสวิตช์ไหนเป็นไฟจุดไหนของบ้าน ทริคหนึ่งของการสร้างการจดจำคือ การใช้สี เช่น กำหนดให้สวิตช์ไฟโถงเป็น “สีขาว” ไฟบันไดเป็น “สีเทา” และไฟทางเดินเป็น “สีดำ” เป็นต้น

ด้วยเชื่อว่าความเป็นตัวตน (signature) นั้นสำคัญ AvatarOn A จึงไม่หยุดที่จะพัฒนาบนพื้นฐานความคิดที่ถือเอาผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อทุกตอบโจทย์ของการดีไซน์ หรือแม้กระทั่ง ช่องทางการหาซื้อก็มีหลายช่องทาง เช่นร้านไฟฟ้าชั้นนำ ร้านวัสดุก่อสร้าง และช่องทางออนไลน์ เรียกได้ว่าอยู่กับบ้านก็สั่งได้


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้าโชว์นวัตกรรมสุดล้ำสำหรับอนาคต ในงาน Assembly & Automation Technology 2022

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เตรียมจัดทัพเดินเกมรุกโชว์นวัตกรรม Next Generation Automation สำหรับโลกอุตสาหกรรม 4.0 ในงาน Assembly & Automation Technology 2022 พร้อมเปิดตัวโซลูชั่นใหม่สุดล้ำอนาคต

  • Lexium™ MC12 multi carrier ระบบการลำเลียงในสายการผลิตรุ่นใหม่ ที่มุ่งแก้ pain point สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต มีจุดเด่นด้านการติดตั้งและการออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอุปกรณ์การติดตั้งและการประกอบแบบโมดูล มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถออกแบบและจำลองกระบวนการได้ล่วงหน้า
  • Co-Bot หุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรม Health Care มีความสามารถในการจดจำภาพสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผสานการตั้งโปรแกรมในการทำงานได้อย่างแม่นยำ เป็นผู้ช่วยมือฉมังในการทำงานแบบซ้ำๆ ช่วยลดโหลดและเวลาของเจ้าหน้าที่
  • Proface ST6000 มอนิเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมรุ่นล่าสุด Basic HMI ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด BLUE ให้ภาพคมชัดแบบสามมิติ มีหน้าจอให้เลือกหลายขนาด เชื่อมต่อกับเครื่องมือควบคุมแบบมอนิเตอร์ บนคลาวด์อย่างไร้รอยต่อ
  • พร้อมพบกับซอฟต์แวร์แบบ end to end โซลูชั่น จาก AVEVA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ที่จะเปลี่ยนโรงงานธรรมดาให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมงาน Assembly&Automation Technology 2022 เยี่ยมชมนวัตกรรมล่าสุดของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ที่ ฮอลล์ 101 บูธ 1G21  ณ ไบเทค บางนา ในวันที่ 22-25 มิถุนายน 2565 นี้ พลาดไม่ได้ กับสิทธิพิเศษสำหรับท่านที่ลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าที่ https://bit.ly/3QjSWwq และเพียงโชว์อีเมลยืนยันการลงทะเบียนที่หน้างาน รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แตกไลน์อีคอมเมิร์ซ เพิ่มช่องทางการซื้อ นำร่องกับผู้ประกอบการโรงตู้

ไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) รุกทำการตลาดออนไลน์ เปิดเว็บ shop-th.se.com เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา นำร่องกับกลุ่มคู่ค้าผู้ประกอบการโรงตู้ ตอบโจทย์ธุรกิจคู่ค้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เพิ่มความสะดวก วางแผนได้ และรวดเร็วในการสั่งสินค้า ลดกระบวนการที่สิ้นเปลืองเวลา  พร้อมอัดโปรเด็ด เพียงสมัครสมาชิกในเว็บวันนี้ ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อมส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่สูงสุดถึง 600 บาท

ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประสบความสำเร็จในการเพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ในมาร์เก็ตเพลสเช่น Shopee และ Lazada มาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับบ้าน อาทิ สวิตช์ไฟ เบรกเกอร์ เครื่องสำรองไฟ และผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรม เช่น ปุ่มกดและอุปกรณ์อื่นๆ ในโรงงาน โดยมีการร่วมทำกิจกรรมโปรโมชั่น สร้างความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์

คุณเบญจพร บุญอำนวยวิทยา ผู้อำนวยการฝ่ายการขายดิจิทัล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เล็งเห็นความสำคัญในการเพิ่มความสะดวกให้กับพันธมิตรคู่ค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ และเพื่อสอดรับกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน จึงได้เปิดตัวร้านค้าออนไลน์ผ่านทางเว็บ shop-th.se.com ซึ่งจะรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นำร่องสำหรับผู้ประกอบการโรงตู้และผู้รับเหมา โดยผลิตภัณฑ์ในเว็บของเรา เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Easy Series ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในตลาด ราคาจับต้องได้ มาพร้อมประสิทธิภาพและการใช้งานง่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะมีการกำหนดรายละเอียด พร้อมข้อมูล การใช้งาน ไว้อย่างชัดเจนครบถ้วน เพื่อความสะดวกกับลูกค้า และเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสั่งซื้อ พร้อมกันนี้ เรายังมีข้อมูลแนะนำช่องทางในการเข้าฟังสัมมนาในหัวข้อหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการในเว็บนี้อีกด้วย”

ผลิตภัณฑ์ที่มีขายผ่านช่องทางออนไลน์ในเว็บ shop-th.se.com นี้ ได้แก่

  • EasyPact EZS เบรกเกอร์ MCCBs (Molded-Case Circuit Breakers) ชูจุดเด่นความง่าย ได้แก่ง่ายต่อการเลือกใช้ ผู้ซื้อเลือกใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน คลอบคลุมการใช้งานทั่วไป เพราะรองรับกระแสไฟที่ 100 – 600 แอมป์ สามารถเลือกการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ 3 Pole และ 4 Pole ทนกระแสลัดวงจร 25-50 กิโลแอมป์ ง่ายในการติดตั้ง เนื่องจากมีขนาด 2 เฟรมทำให้ง่ายต่อการออกแบบตู้ การติดตั้ง และซ่อมบำรุง สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานที่มากขึ้น เช่น Trip release coils, Auxiliary signaling, contacts และ Rotary handles
  • EasyPact CVS เซอร์กิตเบรกเกอร์ MCCB ที่ให้สมรรถนะใหม่ด้าน breaking capacity (icu) ขนาด 16-600A รองรับกระแสลัดวงจรตั้งแต่ 25-50 kA
  •   Acti9 เบรกเกอร์ลูกย่อย หรือ MCBs ขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ ช่วยลดขนาดแผง รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย รองรับอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน ประหยัดค่าใช้จ่าย มีแถบสีแสดงสถานะ และง่ายในการตรวจสอบ
  • ดิจิตอลมิเตอร์ รุ่น EasyLogic™ PM2000 series ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและจัดการระบบไฟฟ้าง่ายๆ ในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นใจ ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ด้วยเครื่องมือวัดและการจัดการโหลดไฟฟ้าที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อผ่าน RS485  มีทั้งแบบสีสะดุดตา อ่านค่าง่าย และแบบเรียบง่าย สีขาวดำ
  • ตัวเก็บประจุรุ่นใหม่ EasyCan Capacitor ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่ และมีประสิทธิภาพสูง
  • และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับอุตสาหกรรม

การขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งเป้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการผลักดันภาพรวมของตลาดออนไลน์ในกลุ่มอุตสาหกรรม เสริมความแข็งแกร่งให้พันธมิตรคู่ค้า เริ่มต้นจากผู้ประกอบการโรงตู้ ผู้รับเหมา ให้ก้าวสู่การตลาดรูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสใหม่ทางการขาย อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นับเป็นการก้าวสู่ประสบการณ์ของตลาดออนไลน์ไปด้วยกันในยุคดิจิทัล 4.0 นี้” คุณเบญจพร กล่าวทิ้งท้าย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ฯ จับมือ กสอ. ถ่ายทอดความรู้และนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) จับมือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน Industrial IoT Solutions 2022  ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยไปสู่ยุค 4.0 เพื่อทิศทางของประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ประเดิมจังหวัดอยุธยา นำทีมโดยนายธนากร วงศ์วิเศษ (กลางซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลคลัสเตอร์ ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว พร้อมด้วยนายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ (กลางขวา) ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ดร.กิตติโชติ ศุภกำเนิด (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมมาตรฐานเทคโนโลยีการผลิตและผลิตภัณฑ์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นางสาววิทัศนีย์ จาดเสม (ที่ 3 จากซ้าย) นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยงานมีขึ้น ณ โรงแรมเดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ท จังหวัดอยุธยา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สำหรับผู้ที่สนใจงาน Industrial IoT Solutions 2022 สามารถเข้ารับฟังงานสัมมนา และเยี่ยมชมรถบัส Mobile Innovation Hub โดยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ถึง วันที่ 14 มิถุนายน 2565 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาได้ตามลิงก์ข้างล่าง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผนึก iMasons จัดงานเสวนา โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน และได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งจากองค์กร 100 แห่ง ที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2021 (2021 Global 100 Most Sustainable Corporations) จัดทำโดย Corporate Knights โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ร่วมมือกับ iMasons ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่ไม่แสวงหาผลกำไรมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านการศึกษา ความยั่งยืน ความหลากหลายและการมีส่วนร่วม และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับโลก ได้จัดเวทีเสวนาถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนเพื่อองค์กรและเพื่อโลกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี (Bio-Circular-Green) โดยมีผู้ร่วมเวทีเสวนา ได้แก่ นายสเตฟาน นูสส์ (กลาง) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ (ที่หนึ่งจากซ้าย) รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ รักษาการรองผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี ด้านพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต นายณัฐวุฒิ อินทรส (ที่สองจากซ้าย) Sustainable Development Deputy Director บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) นายปราชญ์ เกิดไพโรจน์ (ที่สองจากขวา) ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน ประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยมาร่วมงานคับคั่ง ณ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

กรอบการทำงานเพื่อสร้างความยั่งยืน ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ มุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างเห็นผล

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น และเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนที่สุดของโลกประจำปี 2021 จัดอันดับโดย Corporate Knights โดยวันนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ออกเฟรมเวิร์ก หรือกรอบการทำงานใหม่ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ให้ความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อม โดยเฟรมเวิร์กนี้ นับเป็นกรอบการทำงานแรกของอุตสาหกรรมที่นำเสนอผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมใน 5 ประเด็นด้วยกัน รวมถึงตัวชี้วัดสำคัญสำหรับผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังก้าวสู่เส้นทางเพื่อสร้างความยั่งยืนในขั้นตอนที่แตกต่างกันไป  ผู้ประกอบการที่นำเฟรมเวิร์กดังกล่าวมาใช้ สามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากดาต้าเซ็นเตอร์ได้

ดาต้าเซ็นเตอร์ คือโครงสร้างหลักของโลกดิจิทัลในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่โลกถึง 2 เปอร์เซ็นต์ เทียบเท่าอุตสาหกรรมการบิน และเพื่อต่อกรกับความต้องการแบนด์วิดธ์ดิจิทัลที่สูงขึ้น รวมถึงความต้องการไฟฟ้าในภาคไอทีที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมต้องนำแนวทางที่เป็นองค์รวมและได้มาตรฐานมาใช้ในการสร้างความยั่งยืนให้กับสภาพแวดล้อม

ปานกาจ ชาร์มา รองประธานบริหาร ฝ่าย Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “การออกรายงานเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อม เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์หลายรายกำลังมุ่งเน้นมากขึ้น แต่อุตสาหกรรมยังขาดแนวทางที่ได้มาตรฐานในการติดตั้ง วัดผล และออกรายงานเกี่ยวกับผลกระทบด้านสภาพแวดล้อม ดังนั้น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงได้พัฒนากรอบการทำงานในองค์รวมพร้อมตัวชี้วัดที่ได้มาตรฐานเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมในวงกว้าง  เจตนารมย์ที่เรามุ่งหมายสำหรับกรอบการทำงานนี้ก็คือการปรับปรุงเกณฑ์การเปรียบเทียบให้ดียิ่งขึ้นและสร้างความก้าวหน้าไปสู่ความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อมเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติสำหรับคนรุ่นต่อไป”

“อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ มีความก้าวหน้าอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อความต้องการด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้น ดาต้าเซ็นเตอร์จึงยังคงต้องมุ่งเน้นผลักดันความริเริ่มด้านความยั่งยืนไปสู่วงกว้างมากขึ้นในระยะยาว” ร็อบ บราเธอร์ส รองประธานโครงการ ในส่วนดาต้าเซ็นเตอร์ และโปรแกรมด้านบริการสนับสนุน ไอดีซี กล่าว “คุณจะไม่สามารถสร้างผลกระทบจากสิ่งที่คุณไม่ได้มีการวัดผล ดังนั้นบริษัทต่างๆ ต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องรวมเรื่องการบริโภค (หรือการทำลายที่สามารถเกิดขึ้นได้) ของแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ ดิน และความหลากหลายทางชีวภาพ”

ความกดดันที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นจากทั้งนักลงทุน ผู้กำกับดูแล ผู้มีส่วนร่วม ลูกค้าและพนักงาน ยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการในการปรับปรุงการออกรายงานเกี่ยวกับผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินการดาต้าเซ็นเตอร์ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์หลายรายยังขาดความเชี่ยวชาญเรื่องความยั่งยืนและต้องเผชิญกับงานที่ยากลำบากในการกำหนดว่าจะใช้ตัวชี้วัดใดในการติดตามรวมถึงกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้  ทั้งนี้กรอบการทำงานของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ถูกพัฒนาจากศูนย์วิจัยด้านการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management Research Center) ที่อาศัยความเชี่ยวชาญของผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG รวมถึงที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน นักวิทยาศาสตร์ดาต้าเซ็นเตอร์ และสถาปนิกด้านโซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อทำการคาดการณ์ในภาพกว้างๆ เกี่ยวกับการวัดผลและการออกรายงาน ซึ่งศูนย์วิจัยด้านการบริหารจัดการพลังงานก่อตั้งขึ้นในปี 2002 และได้มีการจัดทำ whitepapers ที่เป็นกลางสำหรับผู้จำหน่ายกว่า 200 ฉบับ พร้อมเครื่องมือแลกเปลี่ยนเพื่อการใช้งานฟรีสำหรับอุตสาหกรรม

ตัวชี้วัดความยั่งยืนของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

การติดตามและออกรายงานเกี่ยวกับตัวชี้วัดความยั่งยืนที่ได้มาตรฐาน ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการปรับปรุงทีมงานภายในองค์กรได้อย่างสอดคล้อง และเพิ่มความโปร่งใสสำหรับผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจจากนอกองค์กร รวมถึงลูกค้า และผู้กำกับดูแล ซึ่งการนำกรอบการทำงานมาใช้ยังช่วยผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเด็นต่อไปนี้

  • ขจัดความยากในการเลือกตัวชี้วัดที่สร้างผลกระทบในการติดตามได้
  • ปรับปรุงการสื่อสารและความสอดคล้องในจุดมุ่งหมายเรื่องความยั่งยืนระหว่างทีมงานภายในองค์กร
  • นำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงการดำเนินงาน
  • ช่วยให้สามารถออกรายงานได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สำหรับผู้มีส่วนร่วมจากนอกองค์กร (นักลงทุน ผู้กำกับดูแล พนักงานที่มีศักยภาพ และ ฯลฯ
  • สร้างเกณฑ์การเปรียบเทียบที่ได้มาตรฐานทั่วอุตสาหกรรมและในทั่วโลก

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย รวมถึงผู้ให้บริการโคโลเคชั่นในการออกแบบ สร้าง ดำเนินการ และดูแลโรงงาน มีเพียงพันธมิตรด้านดิจิทัลเท่านั้นที่นำเสนอโซลูชันสำหรับแง่มุมที่เกี่ยวกับพลังงาน อาคาร ไอที และความยั่งยืนสำหรับธุรกิจ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรอบการทำงาน พร้อมสร้างศักยภาพในการเติบโตขององค์กรคุณได้อย่างยั่งยืน ดาวน์โหลด Guide to Sustainability Metrics for Data Centers ได้แล้ววันนี้


Exit mobile version