Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ปฏิรูปการดำเนินงานในโรงงานด้วย AI

โดย เฮเลนิโอ กิลาเบิร์ต หัวหน้าฝ่ายการนำเสนอด้านบริการระบบออโตเมชันในอุตสาหกรรมทั่วโลก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีมานานนับศตวรรษแล้ว อย่างไรก็ตาม เราได้เห็นถึงปัจจัยสำคัญบางประการที่ทำให้เทคโนโลยีนี้กลับมาอยู่ในกระแสความสนใจมากขึ้น

ปัจจัยสำคัญประการแรกและมีความเกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับเรื่องนี้คือ คือการเกิดขึ้นของเอดจ์คอนโทรลเลอร์ รุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และให้ความคุ้มค่ายิ่งขึ้นกว่าที่เคยมีมา โดยในบางกรณี ด้วยเงินแค่ไม่ถึงหมื่นบาท เราก็สามารถซื้อโปรเซสเซอร์ในระดับแล็ปท็อปที่มีหน่วยความจำหลายกิกะไบต์และพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล ไว้ในตู้ควบคุมในโรงงานอุตสาหกรรม ที่สามารถรันรูปแบบของแมชชีนเลิร์นนิ่ง (Machine-learning หรือ ML) ที่ซับซ้อนได้

นอกจากนี้ เรายังเห็นว่าแพลตฟอร์มคลาวด์ส่วนใหญ่สามารถขยายขีดความสามารถได้ ด้วยแมชชีนเลิร์นนิ่งบนเฟรมเวิร์กและไลบรารีแบบเปิด ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากมาย หรือแทบไม่ต้องใช้ประสบการณ์มาช่วยในเรื่องนี้

เมื่อนำความสามารถทั้งหมดนี้ มาใช้ได้อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดศักยภาพในการปฏิรูปการดำเนินงานได้อย่างมาก

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เรียนรู้จากการสนทนากับลูกค้าในเรื่องนี้มากมายหลายครั้ง ว่าความท้าทายของลูกค้าไม่ได้อยู่ที่ว่าเทคโนโลยีช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ปัญหาใดที่เหมาะจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาช่วยแก้ไข เพื่อให้เกิดคุณค่าสูงสุดสำหรับธุรกิจ

นั่นคือเหตุผลที่ว่า เทคโนโลยีไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกพันธมิตร แต่เป็นเรื่องของความเชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมและความรอบรู้ด้านกระบวนการมากกว่า

หากเป็นเรื่องของแมชชีนเลิร์นนิ่ง หรือ ML ล่ะ?

เราเชื่ออย่างแท้จริงว่า ปัญญาประดิษฐ์ โดยเฉพาะแมชชีนเลิร์นนิ่ง มีศักยภาพมหาศาลในการช่วยแก้ปัญหาตามที่กล่าวมา

กุญแจสำคัญคือการนำไปใช้เพื่อเปิดรับข้อมูล และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องจากผู้ดำเนินการหรือผู้ปฏิบัติการ ไม่ใช่การติดตั้งกล่องดำ (black box) ไว้ใช้งาน วัตถุประสงค์คือเพื่อซ่อนความซับซ้อนด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลและการเขียนโปรแกรม รวมถึงนำเสนอผลลัพธ์และเหตุการณ์ในรูปของกระบวนการ ที่ช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถโต้ตอบกับโมเดลได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งช่วยเพิ่มความแม่นยำและขยายศักยภาพได้อย่างต่อเนื่อง

ผลที่ได้ก็คือ โมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่งจะรวบรวม “ความเชี่ยวชาญของผู้ปฏิบัติงาน” ในเรื่องของ “กระบวนการ” และทำให้เป็นระบบอัตโนมัติ โดยเก็บเกี่ยวความรู้ของผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์มากที่สุดเอาไว้ และยังช่วยให้ผู้ที่มีประสบการณ์น้อยกว่าสามารถเรียนรู้จากเรื่องเหล่านี้ได้

การที่โมเดลแมชชีนเลิร์นนิ่ง มีการวางเลเยอร์ด้านเทคนิคอื่นๆ เช่นวางเวิร์กโฟล์วไว้เหนือการตรวจจับ และการจำแนกประเภท ทำให้เราสามารถนำกลยุทธ์ด้านระบบอัตโนมัติมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มรูปแบบ จึงช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการตอบสนองต่อเงื่อนไขทางการตลาดที่ผันผวนได้ดี

สินค้าของเราราคาสูงกว่าท้องตลาดหรือไม่? ลองให้ความสำคัญเรื่องปริมาณการผลิต พร้อมกับจัดการหรือลดการปล่อยมลพิษ ราคาสินค้าของเราถูกลงหรือไม่? ลองให้ความสำคัญเรื่องการจัดการต้นทุนและอายุการใช้งานของสินทรัพย์ให้มีประสิทธิผล

ในโลกปัจจุบัน เราจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นเรื่องกลยุทธ์ด้านกระบวนการที่เหมาะสมที่สุด แต่เราต้องสามารถเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน เพื่อให้รองรับกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความคล่องตัวคือปัจจัยที่ช่วยสร้างความแตกต่างทางธุรกิจได้


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดงาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023 ส่งอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น จับมือกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โชว์โซลูชั่นสำหรับยกระดับโรงงานอุตสาหกรรมให้ ก้าวทันโลกดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพด้านการปฏิบัติการ และสร้างความยั่งยืน ประเดิมต้นปี รุก 5 จังหวัดเมืองอุตสาหกรรม ได้แก่ สมุทรปราการ ชลบุรี นครราชสีมา หาดใหญ่ ลำพูน

นายเผดิมศักดิ์ รัตนเรืองศักดิ์ รองประธาน ธุรกิจ Power Products ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล นับเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลกในยุคนี้ เพราะเป็นการปูพื้นฐานสำหรับการสร้างความยั่งยืนในอนาคต ทั้งช่วยลดต้นทุนความเป็นเจ้าของ และต้นทุนด้านการบำรุงรักษา ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการได้ รวมไปถึงกฎเกณฑ์ทางการค้าจะยิ่งมีความเข้มงวดมากขึ้นในเรื่องของความยั่งยืน การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลของโรงงานนับเป็นโอกาสในการทำธุรกิจในยุคนี้ก็ว่าได้”

งาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรม พร้อมให้คำปรึกษาด้านการทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

“การจัดงาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023 เราได้รับเกียรติจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยผลักดันไปสู่ดิจิทัล เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของประเทศในอนาคต เป็นการเตรียมความพร้อมด้านการแข่งขันในอนาคตที่ต้องมีเรื่องของการสร้างความยั่งยืนในอีโคซิสเต็มเข้ามาเกี่ยวข้อง เพื่อความเป็นต่อด้านการแข่งขันที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งการสร้างความยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมไม่ได้หมายถึงความจำเป็นในการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี IoT แบบเต็มรูปแบบ แต่เป็นการเริ่มจากผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แล้วค่อยมีการปรับเปลี่ยนเมื่อจำเป็น”

Innovation Day: Industrial Solutions 2023 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ออกแบบหัวข้อต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการเสริมศักยภาพในโรงงานปัจจุบัน อาทิ

  • กลยุทธ์การปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันยุคในอุตสาหกรรมไทย สู่ยุคดิจิทัล
  • เร่งเครื่องยกระดับอุตสาหกรรมไทยไปสู่ยุค IIoT
  • กลยุทธ์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอุตสาหกรรม เพิ่มความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน
  • นวัตกรรมการบริหารจัดการระบบไฟฟ้ากำลัง (Innovation of Power System Management)
  • การบริการด้านการจัดการระบบไฟฟ้าเชิงรุก วิเคราะห์ คาดการณ์ ลดดาวน์ไทม์ ในยุคดิจิทัล (Digital Services)
  • ยกระดับภาคการผลิตในอุตสาหกรรมด้วย Integrated Solutions for Automation
  • ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้วยเทคโนโลยี AVEVA

โดยงานดังกล่าวตั้งเป้าไว้ที่ 5 จังหวัดเมืองอุตสาหกรรม ได้แก่

“การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เพียงเจ้าของโรงงานมีความเข้าใจ แต่พนักงานทุกคนต้องมีส่วนร่วม และเข้าใจถึงเป้าหมายร่วมกัน การจัดงาน Innovation Day: Industrial Solutions 2023 นับเป็นโอกาสในการเสริมความเข้าใจในด้านการทรานส์ฟอร์มโรงงานสู่ดิจิทัลร่วมกัน ทั้งฝ่ายบริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งทางฝ่ายบริหารโรงงาน และตัวแทนจากโรงงานสามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งทางชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยินดีเป็นแรงเสริมในการช่วยผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้เติบโต เพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนของประเทศในอนาคต” นายเผดิมศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้สองช่องทางทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประสานเพื่อให้ข้อมูลต่างๆ ตลอดจนรายละเอียดการเข้าชมผ่านช่องทางออนไลน์


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มอบโคมไฟโมบิยาสานต่อเจตนารมณ์ พลังงานเพื่อชีวิต

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น จัดโครงการ Access to Energy  มอบโคมไฟโมบิยา (Mobiya Solar Lanterns) ให้กับชุมชนบนดอยสูง จำนวน 110 ครัวเรือน นับตั้งแต่ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2556 ได้มีการมอบไปแล้วถึง 1,044 ครัวเรือน เมื่อรวมครั้งล่าสุดเท่ากับได้ช่วยให้ชุมชนได้ใช้พลังงานสะอาด ที่ปลอดภัยถึง 1,154 ครัวเรือนเลยทีเดียว สร้างความเท่าเทียมด้านการเข้าถึงพลังงาน ต่อยอดคุณภาพด้านการศึกษา และอาชีพได้อย่างยั่งยืน

นายชาติชาย โพธิวร ผู้จัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย “เราได้จัดโครงการ Access to Energy นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 โดยมีเจตนารมณ์ให้ทุกคนในประเทศไทยเข้าถึงพลังงานโดยเสมอภาคกัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เชื่อว่า การเข้าถึงพลังงาน คือสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ โดยเราได้มีการมอบโคมไฟโมบิยาให้กับหมู่บ้านชาวมอแกน หมู่เกาะสุรินทร์ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาด้านพลังงานให้กับชาวมอแกนที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ และในอีกหลายจังหวัดที่พลังงานเข้าไม่ถึง ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ รวมถึงภาคอีสาน จวบจนสิ้นปี พ.ศ. 2561 จะได้ผลรวมทั้งสิ้น 1,044 ครัวเรือน ช่วยประชากรให้เข้าถึงพลังงานได้ราว 4,176 ราย”

“โครงการ Access to Energy ในปี 2566 นี้ เป็นโครงการแรกแห่งปี โดยจะมีการมอบโคมไฟโมบิยา จำนวน 110 ครัวเรือน ณ หมู่บ้านมอโก้คี และหมู่บ้านใกล้เคียง บ้านขะแนจื้อคี  บ้านมอเคลอะคี และหย่อมหมู่บ้านในละแวก ตำบลแม่อุสุ อ. ท่าสองยาง จ.ตาก พร้อมสาธิตการใช้งาน และเยี่ยมชมการใช้งานจริงในหมู่บ้านในช่วงกลางคืน ตลอดจนมอบของใช้ที่จำเป็นอื่นๆ ให้กับทางศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา บ้านมอโกโพคี แม่ฟ้าหลวง  อาทิ สื่อการเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา ปัตตาเลี่ยน หลอดไฟแอลอีดี เสื้อผ้า จานดาวเทียม ถังกักเก็บน้ำ เป็นต้น โดยโครงการ Access to Energy อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่เชื่อมั่นว่า พลังงานคือสิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษยชน

โคมไฟโมบิยา โคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์ ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผ่านการตกผลึกแนวคิดมาจากอุดมการณ์อันแรงกล้าเพื่อสนับสนุนการเข้าถึงพลังงานของประชากรบนโลก ซึ่งโคมไฟโมบิยาได้จดสิทธิบัตร มาพร้อมรางวัลแห่งความทุ่มเท ได้แก่ Grand Prix, Strategies Du Design 2013 และ European Design awards โดยหวังเป็นการจุดประกายอนาคตให้ส่องสว่างในพื้นที่ที่ไร้ด้านพลังงาน ใส่ใจแม้กระทั่งการออกแบบเพื่อให้ใช้งานง่ายและปลอดภัยแม้เด็กเล็กๆ ก็สามารถใช้งานได้ อีกทั้งรูปทรงและรูปแบบ รวมไปถึงฟีเจอร์การใช้งานที่ง่าย เหมาะสำหรับชุมชนที่ห่างไกลพลังงานอย่างแท้จริง” นายชาติชายกล่าวทิ้งท้าย

การมอบโคมไฟโมบิยา นับเป็นเจตนารมณ์ของเราในการมอบ “พลังงานไฟฟ้า เพื่อชีวิต” มุ่งเน้นไปที่ผู้ที่ไม่มีพลังงาน ได้เข้าถึงพลังงานไฟฟ้า สำหรับครัวเรือนที่อยู่นอกโครงข่ายไฟฟ้า คนเหล่านี้ล้วนต้องการพลังงานเป็นพื้นฐาน เพื่อตอบโจทย์ความจำเป็นในการดำรงชีวิตได้อย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่างยามค่ำคืน การศึกษา และการประกอบอาชีพในเวลากลางคืน เช่น การทอผ้า เป็นต้น นอกจากนี้  ไม่ว่าจะด้วยบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ ภัยธรรมชาติ หรือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่คาดเดาไม่ได้ และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ โอกาสเพื่อนำไปสู่การดำรงชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนนับเป็นสิ่งจำเป็น นั่นคือเป้าหมายของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนได้ใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราเป็นตัวแทนที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิต การทำงาน และความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัวดิจิทัลเซอร์วิส บริการเชิงรุก วิเคราะห์ คาดการณ์ ลดดาวน์ไทม์ เน้นประสิทธิภาพและความยั่งยืน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันด้านการบริหารจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน เปิดตัวดิจิทัลเซอร์วิส ด้วยขุมพลังจาก IoT ร่วมกับ AI อัจฉริยะ ให้ประสิทธิภาพการดำเนินการที่เหนือชั้นยิ่งขึ้น ทั้งการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของระบบไฟฟ้าทั้งระบบ คาดการณ์แนวโน้มการเสื่อมสมรรถภาพของอุปกรณ์ พร้อมแจ้งเตือนความล้มเหลวของอุปกรณ์ล่วงหน้า ช่วยลดดาวน์ไทม์ ยืดอายุของอุปกรณ์ไฟฟ้า และแนะนำแผนการบำรุงรักษาได้อย่างเหมาะสม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตอย่างก้าวกระโดดดิจิทัลถูกนำมาใช้ในการทรานส์ฟอร์มและยกระดับธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่ค้าปลีกไปจนถึงภาคอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน ได้คิดค้นนวัตกรรมในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลในทุกแง่มุมและทุกกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ดิจิทัลเหมือนเป็นโลกใหม่ที่ช่วยปฏิวัติโลกเก่าให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความยั่งยืน อีกทั้งการควบคุมด้วยดิจิทัลยังช่วยทำให้มองเห็นสถาปัตยกรรมระบบต่างๆ ทั้งในภาพรวม ผ่านซอฟต์แวร์ ช่วยลดความยุ่งยาก และลดเวลาในการทำงานซ้ำซ้อน เพื่อเอาเวลาที่มีค่าไปโฟกัสเรื่องที่สำคัญกว่าแทน

นายวราชัย จตุรสถาพร รองประธาน ธุรกิจ Field Services ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา เผยว่า “การทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัล ไม่จำเป็นต้องทำทีเดียว สามารถทำเท่าที่จำเป็นเพื่อที่ธุรกิจจะสามารถวัด ROI ได้ (Return on Investment) ด้วยเทคโนโลยี EcoStruxure ที่เป็นทั้งสถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์ม ระบบเปิด ด้วยความสามารถทางด้าน IoT และ AI จึงทำให้บริการดิจิทัลเซอร์วิสของเรามีความครอบคลุมที่สุด สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการเป็นผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ช่วยสร้างความยืดหยุ่น และแก้ไขปัญหาของลูกค้า รวมถึงธุรกิจลูกค้าในอนาคตได้ นอกเหนือจากบริการภาคสนามแบบปกติ และทางชไนเดอร์ยังมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลในเรื่องของการวิเคราะห์ ที่จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงเรื่องของความปลอดภัยทั้งในส่วนของสินทรัพย์ต่างๆ และบุคคล ช่วยปรับเปลี่ยนจากการบำรุงรักษาตามเวลาที่กำหนด หรือแบบไทม์เบส ซึ่งต้องชัตดาวน์ระบบทั้งหมด ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจ มาเป็นคอนดิชั่นเบส ทำให้เกิดการลดต้นทุนด้านการซ่อมบำรุง และต้นทุนการสูญเสียในการหยุดสายการผลิตต่างๆ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพด้านการดำเนินงาน รวมถึงสร้างความยั่งยืนได้อีกด้วย”

ดิจิทัลเซอร์วิสของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นมิติใหม่แห่งการบริการด้านการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า ไม่ใช่เพียงแค่บริการภาคสนามเพียงอย่างเดียว ยังมีการผนวกบริการดิจิทัล ด้วย EcoStruxure ที่ให้ศักยภาพด้าน IOT และใช้ AI มาช่วยในการวิเคราะห์ มีการบริการที่โดดเด่นได้แก่

EcoStruxure Service Plans มิติใหม่แห่งการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าด้วยบริการดิจิทัลตลอดอายุสัญญา ที่ให้บริการครอบคลุมถึงระบบ IoT ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค พร้อมทั้งจัดหาอุปกรณ์ และปรับปรุงอุปกรณ์ที่ลูกค้ามีอยู่ โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการทรานส์ฟอร์มระบบไฟฟ้ารูปแบบใหม่ด้วยซอฟต์แวร์ ระบบวิเคราะห์ และอุปกรณ์เชื่อมต่อกับดิจิทัล ช่วยลดความเสี่ยงจากกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ลดกิจกรรมด้านการบํารุงรักษา ลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินการเอง ลดเวลาขัดข้องที่ไม่ได้วางแผนไว้ตลอดจนยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และสินทรัพย์

EcoStruxure Asset Advisor ช่วยเสนอแนวทางในการจ่ายไฟฟ้าและการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ประเมินผลข้อมูลแบบเรียลไทม์จากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อ ใช้การวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อระบุภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้น ให้ความสามารถในการคาดการณ์และแก้ไขปัญหาก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น ลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผน ความสูญเสียจากการปฏิบัติงาน และการบำรุงรักษาที่มีราคาแพง ซึ่งลูกค้าหรือผู้ใช้งานสามารถดำเนินการด้วยตนเองอีกทั้งยังสามารถใช้บริการ Service Bureau ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจาก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่คอยดูแลและให้บริการตลอด 24×7

โดยบริการดิจิทัลของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มี 2 แพคเกจหลัก ได้แก่

Preventive Services เป็นการบริการเชิงป้องกัน ดูเทรนด์ของระบบ สามารถตรวจสอบได้ ช่วยให้มองเห็นภาพรวมและสถานะของอุปกรณ์ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในแบบเรียลไทม์ พร้อมการแจ้งเตือนอัจฉริยะเมื่อเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ นอกจากนี้ตลอดแพ็คเกจการใช้งานจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอุปกรณ์ไฟฟ้าภายในระบบตลอด 24 ชม. พร้อมกับการรายงานให้แบบรายเดือน

Predictive Services เป็นการบริการเชิงคาดการณ์ ได้รับบริการพื้นฐานเหมือนกับ Preventive Services แต่จะมีความแตกต่าง อาทิ เช่น การรายงานข้อมูล ‘เชิงลึก’ แบบกำหนดเองได้ มีทีมงานช่วยดูแลและให้คำปรึกษาพร้อมการแจ้งเตือน ‘โดยตรง’ ตลอด 24 ชั่วโมง และการคาดการแนวโน้มการซ่อมบำรุงในส่วนต่างๆ ทำให้ลดการเกิดดาวน์ไทม์ หรือเหตุขัดข้องโดยไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าได้ โดยผู้ใช้งานจะได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาได้ทันท่วงที หรือก่อนที่จะเกิดเหตุ พร้อมทั้งช่วยให้สามารถรู้ และแจ้งเตือน ช่วงเวลาในการซ่อมบำรุงของอุปกรณ์ต่างๆ ได้เมื่อถึงเวลา หรือใกล้เสื่อมประสิทธิภาพ และเมื่อใกล้หมดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์

“การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าให้เป็นดิจิทัล เป็นการแก้ปัญหาความท้าทายของระบบไฟฟ้าในอดีต ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ โดยเฉพาะการดาวน์ไทม์ที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว เนื่องจากการเสื่อมของอุปกรณ์ที่มีอยู่ หรือจากปัจจัยสภาวะแวดล้อมต่างๆ เมื่อเปลี่ยนเป็นดิจิทัลแล้ว ทำให้สามารถเข้าถึงและมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของระบบไฟฟ้า รวมถึงประสิทธิภาพ ในแบบเรียลไทม์ และย้อนหลังได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์ คาดการณ์แนวโน้มของระบบได้อย่างมั่นใจ” นายวราชัย กล่าวทิ้งท้าย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัวโฮมออโตเมชั่น Wiser รังสรรค์บ้านยุคใหม่ให้เป็นอัตโนมัติ

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น ปลุกประสบการณ์ระบบอัตโนมัติระดับโลก “สู่บ้านที่รู้ใจ” ด้วย Wiser ซึ่งเป็นเทคโนโลยีโฮมออโตเมชั่น หรือว่าบ้านอัจฉริยะ ที่เรียกได้ว่าเนรมิตความสะดวก ปลอดภัย สำหรับบ้านยุคดิจิทัล ด้วยอุปกรณ์อัจฉริยะที่ได้รับการออกแบบให้สามารถเชื่อมต่อได้อย่างไร้ขีดจำกัด เติมความรู้สึกและความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้อย่างสมดุล พร้อมความสามารถในการควบคุมผ่านสมาร์ทโฟนด้วยแอป Wiser by SE หรือทำให้เป็นกลายเป็นบ้านอัตโนมัติทั้งหลังก็ได้

ปัจจุบันดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต และการทำงานอย่างมากมาย แก้ pain point ที่เราต้องเผชิญเพื่อมาเติมความต้องการทั้งที่เราอยากได้ และที่เราคาดไม่ถึง  ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ไม่เพียงเป็นบริษัทระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟฟอร์เมชั่นในจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่นเท่านั้น แต่ยังคิดค้นนวัตกรรมการทรานส์ฟอร์มจากบ้านธรรมดาสู่ดิจิทัลอีกด้วย เรียกได้ว่าย่อนวัตกรรมสำหรับการทำงาน มาสู่การพักอาศัย เพื่อทำให้เป็นบ้านที่รู้ใจผู้พักอาศัยที่สุด มอบความสะดวกสบาย ความปลอดภัย การประหยัดพลังงาน และความมั่นใจ ด้วยอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพียงไม่กี่ชิ้น ที่ทำงานสอดประสานกัน แต่สามารถทำให้บ้านตอบโจทย์ได้ทุกเรื่อง แม้บ้านนั้นจะมีความต้องการที่แตกต่างกันของผู้พักอาศัยหลากหลายเจนเนอเรชั่น

นายกุศล กุศลส่ง รองประธานกลุ่มธุรกิจ Home and Distributions ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า“สิ่งแรกที่ต้องคำนึงเมื่อนึกถึงระบบโฮมออโตเมชั่น คือ เราต้องการอะไรจากโฮมออโตเมชั่น ในตอนนี้ และในอนาคต เช่น เรื่องของความปลอดภัย ความสะดวกสบาย หรือปัจจัยอื่นๆ เช่น มีผู้สูงอายุ เด็กที่ต้องดูแลอยู่ที่บ้าน หรือการโฟกัสที่สุขภาพด้วย  หรือเพื่อความมั่นใจว่าบ้านเราปลอดภัยในช่วงเวลาที่เราไม่อยู่  หรืออยากรู้สถานะบ้าน ว่าน้ำท่วมหรือเปล่าในขณะที่เราทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ และเทคโนโลยีไหนที่จะให้ความยืดหยุ่นสูงสุด เมื่อเรามีความต้องการเพิ่มเติมในอนาคต นั่นคือประเด็นที่ว่าอุปกรณ์โฮมออโตเมชั่น Wiser ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงต้องมีความเรียบง่าย ใช้งานไม่ยาก แต่สามารถเพิ่มเติมอุปกรณ์ได้ เพื่อเติมเต็มความต้องการของเราที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะบ้านเราต้องอยู่กันไปตลอดชีวิต”

ระบบโฮมออโตเมชั่น Wiser เป็นโฮมออโตเมชั่น ที่มีจุดเด่นในเรื่องการออกแบบที่เรียบง่าย ช่วยเปลี่ยนบ้านธรรมดาให้รู้ใจผู้พักอาศัย ด้วยเทคโนโลยีที่ผ่านการคิดค้นจากความต้องการของผู้คน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการได้ 360 องศา ด้วยอุปกรณ์หลักเพียงไม่กี่ชนิด และควบคุมได้ง่ายดายผ่าน Wiser by SE ได้แก่

IP Gate way หัวใจหลักของโฮมออโตเมชั่นของ Wiser ใน 1 ตัวสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ 40 อุปกรณ์เลยทีเดียวทำให้สามารถออกแบบฟังชั่นการทำงานของระบบโฮมออโตเมชั่นได้มากมายเกินกว่าจะจินตนาการถึง

Entertainment Control หรือ IR Control หรือเรียกว่าอุปกรณ์ควบคุมทีวี เครื่องเสียง และเครื่องปรับอากาศ เปลี่ยนความยุ่งยากในการควบคุมให้อยู่ในที่เดียวผ่านแอปพลิเคชั่น Wiser by SE และตรวจเช็คอุณหภูมิได้ ช่วยให้สามารถตั้งเวลาเปิดปิด อุปกรณ์ต่างๆ ได้ และยังสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อัจฉริยะอื่นๆ เพื่อเติมเต็มทั้งความสะดวกสบายในบ้าน และความปลอดภัยอีกด้วย

Presence Detection ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะไร้สาย ติดตั้งง่าย สามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย เช่น เดินผ่านแล้วไฟติดเหมาะสำหรับการออกจากห้องนอนในตอนกลางคืน ช่วยลดอุบัติเหตุ ในที่มืด หรือ เพิ่มฟังชั่นให้โฮมออโตเมชั่นเหนือระดับขึ้นไปด้วยการเซ็ตค่าช่วงเวลาให้มีการแจ้งเตือนเพื่อความปลอดภัยได้ เช่น ในช่วงเวลา 8.00 – 19.00 น. เป็นช่วงเวลาที่เราออกจากบ้านไปทำงาน แต่อุปกรณ์กลับตรวจจับความเคลื่อนไหวในบ้านได้ เราสามารถแจ้งตำรวจให้เข้าไปตรวจสอบ หรือเลือกตรวจสอบผ่านระบบ IP Camera ในระบบทั้งหมด นอกจากนี้ยังประยุกต์ใช้งานอื่นๆ ได้เช่น ติดตั้งในห้องคนชรา เมื่อเขาเดินผ่าน ให้ไฟติด เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องคลำหาสวิตช์ไฟ ในเวลากลางดึก

Curtain/Shutter control หรือระบบควบคุมม่านผ่านระบบโฮมออโตเมชั่น หรือให้เป็นแบบอัตโนมัติก็ได้ เช่นการตั้งเวลา เปิด/ปิดตามเวลาที่กำหนด

Door windows open detection สามารถดูได้ว่าประตูมีการเปิดปิดกี่โมงผ่านแอป หรือ ติดตั้งเพื่อความปลอดภัยเช่นมีการเปิด/ปิดประตูยามวิกาล ให้แจ้งเตือนในสมาร์ทโฟน เป็นต้น หรือการตั้งค่าคู่กับระบบควบคุมแสงสว่าง และเครื่องปรับอากาศ เช่นเมื่อประตูเปิด ให้อุปกรณ์ที่เราต้องการเปิด เป็นต้น

Temperature and humidity detection สามารถตรวจสอบอุณหภูมิภายในห้อง เมื่อใช้คู่กับ IR Control สามารถให้เปิดแอร์อัตโนมัติ เมื่ออุณหภูมิร้อนเกินกว่าที่ตั้งค่าไว้ ซึ่งพื้นฐานของของตัววัดอุณหภูมินี้คือการอ่านค่าความชื้นและอุณหภูมิ แต่เมื่อนำมาผสานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่นตัว Curtain/Shutter control ซึ่งหัวใจหลักในการควบคุมมอเตอร์ ทำให้สามารถควบคุมระบบกันสาดอัตโนมัติได้ เมื่อความชื้นในอากาศตรงกับที่ตั้งค่าไว้ ให้กันสาดยืดออกมาบังฝนได้โดยไม่ต้องรอควบคุมเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบลืมตากผ้าไว้กลางแจ้ง แล้วลืมเก็บเป็นประจำ

Water leak detection อุปกรณ์เอาไว้ตรวจสอบน้ำรั่วไหล หากบ้านอยู่ในที่น้ำท่วมบ่อย หรือมีแนวโน้มน้ำท่วม เราสามารถวางเซ็นเซอร์นี้ไว้แถวบริเวณบ้าน ที่อยากให้แจ้งเตือนเมื่อมีน้ำเอ่อ ซึ่งเมื่อน้ำสัมผัสโดนตัวเซ็นเซอร์ จะส่งการแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทโฟนเพื่อให้เราได้รับรู้ เพื่อที่จะได้กลับมาที่บ้านได้อย่างทันท่วงที หรืออาจวางไว้บริเวณปั๊มน้ำเพื่อเช็คสภาพว่าน้ำรั่วไหม หรือบริเวณที่เสี่ยง อื่นๆ เช่น บริเวณเครื่องซักผ้า เพื่อจะได้รู้ว่ามีน้ำรั่ว น้ำล้น หรือในจุดสำคัญของบ้าน เช่น แถวปลั๊กราง ใต้แอร์คอนดิชั่น เป็นต้น ฯลฯ

Moment control ทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ชอบใช้สมาร์ทโฟนในการควบคุม สามารถพก Moment control ติดตัวในบ้านเพื่อควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ได้ เช่นระบบแสงสว่าง ระบบม่านเป็นต้น

ในมุมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค การติดตั้งโฮมออโตเมชั่นที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่เพียงแค่ซื้อมาติดเป็นชิ้นๆ แต่จำเป็นต้องมีโครงสร้างอย่างเป็นระบบ เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ ทำงานสอดประสานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เพื่อมอบประโยชน์สูงสุดในแบบที่ต้องการอย่างแท้จริง และต้องสามารถเพิ่มฟังก์ชั่นในอนาคตได้โดยไม่ยุ่งยาก ทั้งยังสามารถช่วยมอเตอร์การใช้พลังงานในบ้านได้อีกด้วย  ซึ่งสิ่งเหล่านี้อยู่ในโซลูชั่น Wiser ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

รถบัสพลังงานไฟฟ้า เพื่อขนส่งมวลชนที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์

โดย วาเลอรี ลายัน Segment President ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

อุตสาหกรรมขนส่งคือภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด โดยคาดการณ์ว่าจะยิ่งหนักขึ้นภายในช่วงเวลา 30 ปี รถบัสดีเซลคือรถขนส่งมวลชนที่มีการใช้งานกว้างขวางมากที่สุด และเป็นตัวการหลักในเรื่องนี้ ซึ่งตัวการปล่อยมลพิษหนักเหล่านี้ก่อให้เกิดเขม่าดำในภาคขนส่งถึง 25% นับเป็นอันตรายต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม

การเปลี่ยนรถโดยสารดีเซลในเขตเทศบาลให้เป็นรถบัสพลังงานไฟฟ้าหรือ eBus ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ นั้น ทราบกันดีว่าสามารถเปลี่ยนกระแสเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้ ด้วยการลดการปล่อยมลพิษจากยานยนต์ และขจัดมลพิษทางอากาศได้  ในขณะที่การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์โดยสารส่วนบุคคลในระบบไฟฟ้านั้นเริ่มมีมาหลายปีแล้ว ปัจจุบัน eBus กำลังอยู่ในความสนใจเพราะเป็นแนวทางที่ช่วยให้เมืองต่างๆ รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่น และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการขนส่ง สามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างความยั่งยืนให้กับภาคขนส่งในเมืองได้

ในทางตรงกันข้าม รถบัสพลังงานไฟฟ้าเพียงคันเดียว สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 60 ตันต่อปี

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ eBus เป็นโซลูชันสีเขียว?  เพราะ eBus หนึ่งคันวิ่งด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อวัน ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้มากถึง 60 ตันในหนึ่งปี เมื่อเทียบกับรถบัสดีเซลปกติ

ปัจจุบันมีรถบัสพลังงานไฟฟ้าเกือบ 600,000 คันที่วิ่งอยู่บนถนน และมีแผนว่าจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น โครงการ ZeEUS (Zero Emission Urban Bus System) ของคณะกรรมาธิการยุโรปกำลังทดสอบ eBus ในเครือข่ายระบบรถโดยสารประจำทางในเมืองกว่า 90 เครือข่ายทั่วยุโรป โดยเพิ่มการขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวคิดเป็นระยะทางกว่า 20 ล้านกิโลเมตร

รถบัสพลังงานไฟฟ้ายังช่วยให้เมืองตอบโจทย์ข้อบังคับด้านสภาพแวดล้อม

การตัดสินใจเรื่องระบบขนส่งมวลชนในเมืองเป็นเรื่องการดำเนินการระดับเมือง การเปลี่ยนจากดีเซลมาเป็นรถบัสพลังงานไฟฟ้า จะช่วยให้เมืองได้รับประโยชน์ด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้

  • ปรับปรุงเรื่องความยั่งยืน การเปลี่ยนไปใช้ รถบัสพลังงานไฟฟ้าทำให้เมืองมีสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรมากขึ้นและมอบสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากดีเซล รวมถึงมลพิษทางอากาศและเสียง ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้เมืองต่างๆ บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถบัสไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน
  • ตอบโจทย์ความต้องการผู้โดยสาร ภาคประชาชนต้องการระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ถ้าการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นคือตัวบ่งชี้เรื่องนี้ได้ โดยเมืองเองสามารถตอบสนองความต้องการดังกล่าวได้ด้วยรถบัสพลังงานไฟฟ้า ที่ให้ประโยชน์เรื่องสภาพแวดล้อมได้ตามที่ผู้โดยสารต้องการ นอกจากนี้ยังช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้โดยสารเนื่องจากรถบัสพลังงานไฟฟ้านั้นน่าเชื่อถือมากกว่าและเสียงเงียบกว่า
  • สอดคล้องตามกฏข้อบังคับ เมืองที่ใช้รถบัสพลังงานไฟฟ้าจะพร้อมรองรับอนาคตเนื่องจากตอบสนองความต้องการระดับประเทศและข้อบังคับของเมืองที่เข้มงวดได้ นอกจากนี้ยังพร้อมรองรับความต้องการใหม่ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรปต้องการให้หนึ่งในสี่ของรถบัสที่หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อมามีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2025  นอกจากนี้ ร่างกฏหมาย “Fit for 55” ของสหภาพยุโรป (ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน 27 ประเทศให้ได้ 55%) ยังนำพาอุตสาหกรรมขนส่งซึ่งมีส่วนในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 20% ของสหภาพยุโรปทั้งหมด เข้าสู่กระบวนการขจัดคาร์บอนของทางสหภาพยุโรปอย่างเต็มรูปแบบ โดยได้มีการนำเสนอให้เพิ่มการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็วด้วยการห้ามไม่ให้นำรถยนต์โดยสารรุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานฟอสซิลมาใช้ภายในปี 2035

รถโดยสาร eBus จะมีความน่าเชื่อถือได้ด้วยโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้าที่ใช้

การเปลี่ยนจากรถบัสดีเซลเป็นระบบไฟฟ้า คือก้าวแรกของการมุ่งสู่การขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เมืองต่างๆ ต้องมุ่งเน้นที่โซลูชันกระจายพลังงานไฟฟ้าได้ครบวงจรแบบเอ็นด์-ทู-เอ็นด์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีพลังงานที่ยืดหยุ่นและน่าเชื่อถือสำหรับสถานีชาร์จของอู่รถบัส ประเด็นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในบางพื้นที่ที่ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของกริดที่นำไปสู่เหตุการณ์ไฟฟ้าดับ

เพื่อให้เข้าใจถึงแนวทางที่ดีที่สุด และไม่ว่าไมโครกริดจะเป็นส่วนหนึ่งของโซลูชันในอุดมคติสำหรับระบบโครงสร้างไฟฟ้าของรถบัสพลังงานไฟฟ้าได้หรือไม่ก็ตาม บริการด้านคำปรึกษาจึงมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ เพราะบริการเหล่านี้ช่วยกำหนดกลยุทธ์เพื่อสร้างความสำเร็จด้วยการกำหนดขนาดที่เหมาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และการกระจายไฟตามการใช้งานของรถโดยสาร เช่นวิ่งได้กี่กิโลต่อวัน และเวลาที่ต้องชาร์จไฟ รวมถึงการกำหนดขนาดที่เหมาะสมสำหรับไมโครกริดเพื่อการใช้พลังงานหมุนเวียนที่ไซต์และให้ความยืดหยุ่นได้ บริการด้านคำปรึกษาสามารถกำหนดกลยุทธ์การจัดการพลังงานได้ตามศักยภาพของกริด อัตราค่าธรรมเนียม ความต้องการเรื่องความยั่งยืน และความท้าทายเรื่องความยืดหยุ่น รวมถึง ข้อตกลงด้านการซื้อขายพลังงาน (PPA) และการชดเชยคาร์บอน (carbon offset)

โซลูชันสำหรับระบบโครงสร้างพื้นฐานของรถบัสพลังงานไฟฟ้า หรือ eBus มีอยู่ 3 ประเภท เพื่อกรณีการใช้งานที่แตกต่างกันไป

  • ระบบไฟฟ้าที่อู่รถบัสจะถูกผูกอยู่กับกริด โดยใช้โซลูชันในการตรวจสอบและควบคุมพลังงาน รวมถึงการกระจายพลังงาน MV-LV ด้วยทางเลือกในการจัดซื้อพลังงานสีเขียวเพื่อดำเนินการตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างครบวงจร
  • ระบบไฟฟ้าที่อู่รถบัสและไมโครกริด จะใช้กริดและไมโครกริดที่ไซต์งาน ในเวลาที่กริดให้ศักยภาพได้ไม่มากพอ และจำเป็นต้องปรับอัตราการใช้กริดได้อย่างเหมาะสม หรือผลิตเพื่อใช้เองและเพิ่มความยั่งยืน
  • ระบบไฟฟ้าของอู่รถและไมโครกริด ผูกกับกริดซึ่งสามารถแยกเป็นอิสระจากกันได้ 100% ในเวลาที่ต้องการชาร์จในช่วงสำคัญ กรณีที่กริดไม่เสถียรและมีความเสี่ยงที่จะล่ม

ในขณะที่แนวทางแรกเป็นแนวทางที่นิยมกันมากที่สุดและโดยปกติมักจะดำเนินการได้สำเร็จ เราลองมาดูตัวอย่างที่น่าสนใจของแนวทางที่สามกัน

เทศบาลเมือง มอนต์โกเมอรี่ มุ่งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณ 155,000 ตันด้วยโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้าเพื่อรถขนส่งมวลชน

เทศบาลเมืองมอนต์โกเมอรี่ ในรัฐแมรี่แลนด์ กำลังสร้างอนาคตระบบไฟฟ้าสีเขียว ด้วยโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถขนส่งมวลชน โดยโครงการนี้สร้างความคืบหน้าให้กับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของเทศบาลด้วยระบบที่ให้ความยืดหยุ่น ช่วยปรับปรุงการดำเนินงานด้านการขนส่งให้มีความน่าเชื่อถือ อีกทั้งช่วยขจัดคาร์บอนในการสัญจรไปมาโดยใช้เทคโนโลยีไมโครกริดและระบบไฟฟ้าที่ผสานรวมการใช้พลังงานทั้งที่ผลิตจากแผงโซลาร์ และพลังงานที่สร้างจากไซต์งาน พร้อมการกักเก็บพลังงานในรูปแบตเตอรี่

สถานีรถประจำทางของบรู๊ควิลล์ ใช้ระบบไฟฟ้าและขับเคลื่อนด้วยไมโครกริดที่สามารถทำงานด้วยโหมดที่แยกเป็นอิสระได้ ซึ่งมีการกำหนดขนาดของไมโครกริดเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้งานช่วงสูงสุดได้ และมั่นใจได้ว่ามีความยืดหยุ่นด้านพลังงานเพื่อให้ดำเนินงานได้ต่อเนื่อง กระทั่งในช่วงที่บริการของกริดหลักหยุดชะงักก็ตาม เช่นในภาวะอากาศสุดขั้วและไฟฟ้าดับ โดยเทศบาลเมืองมอนต์โกเมอรีกำลังวางแผนสำหรับอนาคตด้วยระบบโครงสร้างคลาวด์แบบใหม่เนื่องจากสามารถรองรับสินทรัพย์สำหรับแหล่งผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (DER) หรือระบบโครงสร้างชาร์จยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในเวลาที่รถโดยสารมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

ในทันทีที่เปลี่ยนรถขนส่งมวลชนมาสู่ระบบไฟฟ้า ก็จะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 155,000 ตันตลอดช่วงอายุการใช้งานไมโครกริด

 

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัว EV ชาร์จ ตัวแรกของโลกที่สามารถติดตามค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปล่อยคาร์บอนได้

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น ปฏิวัติวงการ EV ชาร์จเจอร์ ด้วยการเปิดตัว EVlink อุปกรณ์ชาร์จไฟอัจฉริยะสำหรับบ้าน ในงาน IFA 2022 โดยจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จ ตัวแรกของโลกที่สามารถบริหารจัดการโหลดพลังงาน EV จำนวนมากอย่างชาญฉลาดได้จากที่บ้าน พร้อมมุ่งเน้นความสำคัญที่แหล่งพลังงานหมุนเวียนเป็นลำดับแรก

อุปกรณ์ชาร์จ EVlink Home Smart รุ่นใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค นับเป็นอุปกรณ์แรกในตลาดที่สามารถผสานรวมกับระบบนิเวศด้านการจัดการพลังงานในบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อตรวจสอบการใช้พลังงาน EV ในแบบเรียลไทม์ คาดการณ์การใช้จ่าย และกำหนดงบประมาณได้อย่างง่ายดาย ด้วยโหมดต่างๆ ถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดชาร์จทันที “charge now” โหมดการชาร์จแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “green charging” โหมดประหยัดค่าใช้จ่าย “cost effective” และ โหมดกำหนดตารางเวลาในการชาร์จได้เอง “customized schedule” ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบ Home Energy ได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำให้เจ้าของบ้านสามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของตน พร้อมทั้งติดตามการใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันเดียว

อุปกรณ์ชาร์จ EV หรือ EV Charger กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต่างเลือกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในรูปแบบที่ให้ความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แต่การชาร์จรถยนต์ก็จะต้องให้ความสะดวกและมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ซึ่ง EV สามารถเพิ่มโหลดพลังงานในบ้านได้ถึง 40% (ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบต่อราคาพลังงานที่พุ่งสูงอยู่ก่อนแล้ว) จึงเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับเจ้าของบ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากบ้านเรือนต่างๆ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าการขนส่ง อุตสาหกรรม หรือการผลิตพลังงานอยู่แล้ว

ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่ออย่างราบรื่นและสามารถใช้งานร่วมกับระบบ Home automation (แอปฯ Wiser Home Energy Management) ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้อย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้จึงสามารถรับมือกับความกังวลทั้งหมดนี้ได้ด้วยการใช้แค่อุปกรณ์ในมือ ผู้ใช้สามารถควบคุมเวลาและวิธีการชาร์จ EV พร้อมปรับสมดุลการชาร์จร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่กินพลังงาน โดยควบคุมผ่านมือถือได้ในทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ

เริ่มใช้โหมด “ประหยัดค่าใช้จ่าย”

เมื่อเปิดใช้งานโหมด ‘ประหยัดค่าใช้จ่าย’ Wiser สามารถช่วยเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่แพง ด้วยการสร้างตารางเวลาในการชาร์จให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยอิงตามอัตราค่าไฟฟ้าที่ถูกที่สุดที่มี สำหรับเจ้าของบ้านที่มีการตั้งค่าจำกัดการใช้พลังงานไว้ Wiser ยังสามารถจัดการการชาร์จให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ได้ ช่วยป้องกันกรณีตรวจจับค่าพลังงานถึงขีดจำกัด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตลอดเวลา

ระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะของ Wiser จะปรับสมดุลโหลดอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถทำงานอย่างราบรื่น เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับเจ้าของบ้าน ตัวอย่างเช่น หากเริ่มทำอาหาร Wiser จะทำงานรวมกับอุปกรณ์ต่างๆในครัว เช่น ซิงค์ล้างจาน ฯลฯ เพื่อควบคุมและบริหารการใช้งานพลังงานภายในบ้านได้แบบเรียลไทม์ เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักหรือการสะดุด มอบความสะดวกสบายสูงสุด เพื่อให้คุณชาร์จรถได้โดยไม่รบกวนการใช้ชีวิตในส่วนอื่นๆ

ก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน (Green mode)

ในปี 2566 นี้ผู้ใช้จะสามารถใช้งาน โหมดพลังงานสีเขียว “green mode” ได้ ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างเต็มรูปแบบ ตัวอย่างเช่น หากมีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ระบบจะสลับมาใช้แหล่งนี้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้เมื่อมีการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์สูงสุด คุณสามารถตั้งค่า EV ให้ชาร์จในช่วงเวลานั้นได้

นอกจากนี้ แอปฯ ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ โดยให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับปริมาณการใช้ CO2 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลมากยิ่งขึ้น ข้อมูลสำคัญเพื่อทำให้เจ้าของบ้านสามารถประหยัดต้นทุนได้เพิ่มขึ้น

การใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้ตัดสินใจเกี่ยวกับความยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้มั่นใจว่ารถยนต์ของเราได้รับการชาร์จและพร้อมสำหรับการใช้งานในเวลาที่เราต้องการ ทั้งหมดนี้ คือการทำให้พลังงานและบ้านของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเราและเพื่อโลกใบนี้

อุปกรณ์ชาร์จ EVlink Home Smart เป็นอุปกรณ์ล่าสุด ที่เข้ามาเสริมแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์การบริหารจัดการพลังงานภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาดและยั่งยืน ในสาย EV Charger จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค

EVlink Home – เหมาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ใช้สำหรับที่พักอาศัยทั่วไป

EVlink Pro AC – สำหรับอาคาร สำนักงาน หรือ โรงงานอุตสาหกรรม

#SEGreatPeople #HomesOfTheFuture #NetZeroHomes #HomeCharging #EVcharging

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ถอดรหัส AvatarOn A ปลั๊กไฟที่ไม่ใช่แค่ปลั๊กไฟ

สำหรับใครหลายๆ คนเวลาพูดถึงปลั๊กไฟ หรือที่ภาษาช่างเรียกว่า เต้ารับ ส่วนมากมักนึกถึงปลั๊กไฟแบบมี 3 ช่อง กรอบปลั๊กสีขาวพื้นๆ ติดตั้งตามผนังบ้านอย่างที่เห็นกันชินตา แต่ถ้าลองเข้าไปดูในความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ประเภทสวิตช์ไฟและเต้ารับของ “AvatarOn A” จะเห็นถึงความตั้งใจของผู้ผลิตที่ใส่ใจต่อการออกแบบสวิตช์และเต้ารับให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ที่น่าสนใจคือ ในยุคที่ DIY (Do It Yourself) ต้องมา ทั้งสะดวก ประหยัด ปรับแต่งได้ดั่งใจ ซ้ำยังภาคภูมิใจอีกต่างหาก การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาผสมผสานเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น ความสะดวกในการติดตั้งแบบที่เรียกว่า เทคโนโลยี Easy Clip ช่วยให้ติดตั้งปลั๊กไฟได้อย่างง่ายดาย รวดเร็วและปลอดภัย

นับเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้ AvatarOn A ชนะใจคณะกรรมการคว้ารางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมแห่งปี ในสาขา Best Home Solution Influencer Campaign จากงาน Thailand Influencer Awards 2021 พลิกโฉมวงการสวิตช์ไฟ สำหรับบ้านและที่พักอาศัยยุคใหม่ ในฐานะที่เป็นสวิตช์ไฟที่ให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการออกแบบสวิตช์ไฟและเต้ารับได้อย่างอิสระตามสไตล์ที่ชื่นชอบ

ในส่วนของสวิตช์ไฟนั้นเมื่อคราวเปิดตัว AvatarOn A รูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบให้ไร้กรอบ ตอบโจทย์ทุกดีไซน์ เรียบและกลมกลืนไปกับผนังที่ติดตั้ง รวมทั้งสีสันที่มีให้เลือกไม่เพียงแค่สีขาว แต่ยังเพิ่มสีดำและสีเทา รวมเป็น 3 ตัวเลือกเพื่อให้เหมาะกับการออกแบบตามสไตล์ของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็น เนื่องจากในสายงานออกแบบจะทราบดีว่าสีดำ-ขาว ยังคงเป็นสีคลาสสิกตลอดกาลและไม่เคยตกยุค ให้ทั้งความหรู ดูดี มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ไม่เพียงเท่านั้น ประเด็นของการใช้งานที่ผู้ผลิตให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ทั้งในแง่ของประโยชน์ใช้สอยให้ครอบคลุมในทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน และเหนืออื่นใดคือความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยผ่านการรับรองตามมาตรฐานทั้งของประเทศไทยและสากล มีตรา มอก. และ IEC เป็นการันตี บนฐานของการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคทุกวันนี้ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยเพิ่ม USB Type C รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ

เพราะปลั๊กไฟในปัจจุบันไม่ได้เป็นแค่ปลั๊กไฟ แต่เป็นหัวใจสำคัญของบ้านที่จะขาดเสียมิได้!

เหตุผลของการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทสวิตช์และปลั๊กไฟให้มีความหลากหลายนั้น ประเด็นสำคัญคือการเพิ่มทางเลือกให้สอดรับและเหมาะสมกับฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ห้องนอนไปจนถึงห้องน้ำ รองรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหลากประเภทตั้งแต่หม้อหุงข้าวไปจนถึงสมาร์ทโฟน

Put the Right Man on the Right Job ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น แต่ละห้องในบ้านมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต่างกัน ฉะนั้นการเลือกสวิตช์และปลั๊กไฟจึงควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละพื้นที่เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น “ห้องนอน” ห้องแห่งการพักผ่อน ชาร์จแบตเตอรี่ยามที่เหนื่อยล้าจากภารกิจนอกบ้าน หัวใจสำคัญของห้องอยู่ที่หัวนอน การติดตั้งสวิตช์และปลั๊กไฟที่หัวเตียง ควรเลือกปลั๊กไฟแบบที่มี USB Port ด้วย เพื่อรองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน ขณะที่สวิตช์ไฟถ้าใช้แบบดิมเมอร์ สามารถหรี่ไฟปรับบรรยากาศสำหรับการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่และตื่นขึ้นพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใส

“ห้องโถง” หรือ “ห้องนั่งเล่น” เนื่องจากเป็นห้องอเนกประสงค์ที่ทุกคนใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากตำแหน่งของปลั๊กไฟที่ไม่ควรอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปเพื่อป้องกันเด็กเล็กแล้ว การเลือกปลั๊กที่มีม่านนิรภัยเป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง รวมทั้งสวิตช์ไฟแบบ 2 ทางเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่นในจุดเชิงบันไดเพื่อจะสามารถปิด-เปิดไฟในส่วนของชั้นบนของอาคารได้อีกด้วย หรือ การติดสวิตช์ 2 ทางบริเวณหัวนอนก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ไม่เลว สามารถเปิด-ปิดไฟได้โดยไม่ต้องลุกจากเตียงนอน เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกสีสวิตช์ไฟให้แตกต่างเพื่อง่ายในการจดจำ

ห้องที่เป็นเสบียงคลังของบ้าน อย่าง “ห้องครัว” อุปกรณ์ที่ใช้งานในพื้นที่นี้มักเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเสียบปลั๊กแทบจะตลอดเวลา เช่น ตู้เย็น หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ ฯลฯ ควรเลือกใช้ปลั๊กไฟแบบที่มีสวิตช์ปิด-เปิด เพื่อว่าจะไม่ต้องถอดปลั๊กทุกครั้งที่เลิกใช้งาน และควรเลือกสเปคที่รองรับกำลังวัตต์สูงอย่างน้อย 2,500 วัตต์ ส่วนห้องสุดท้ายที่จะขาดไปเสียไม่ได้คือ “ห้องน้ำ” การติดตั้งปลั๊กไฟควรเลือกชนิดที่มีฝาครอบกันน้ำจะดีที่สุด

หยิบเอาสาระน่าสนใจเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นข้อคิดพิจารณา เพราะฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน…เช่นนี้ไม่รัก AvatarOn A ได้อย่างไร!


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมมือสร้างความยั่งยืนด้วยดิจิทัล ในแผนยุทธศาสตร์ PEA Digital Utility

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) เดินหน้าร่วมมือองค์กรชั้นนำ รุกสร้างความยั่งยืนด้วยระบบดิจิทัล นำทีมโดย นายมงคล ตั้งศิริวิช (ขวาสุด) รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา จับมือบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดยนายอมร แดงโชติ (ที่สองจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญางานจ้างเหมาติดตั้งระบบ SCADA Smart Grid ADMS สำหรับระบบจำหน่ายแรงต่ำ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำโดย นายปราโมทย์ สุดทรัพย์ (ที่สองจากซ้าย) รองผู้ว่าการปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยพิธีลงนามสัญญามีขึ้น ณ อาคารศูนย์สั่งการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้ (25 สิงหาคม 2565)

นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือในการผลักดันสร้างความยั่งยืนร่วมกันภายใต้แผนยุทธศาสตร์ PEA Digital Utility ซึ่งสอดรับกับแคมเปญ Green Heroes for Life ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมกันจัดการระบบพลังงานและดิจิทัล เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น #GreenHeroesforLife


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ โชว์นวัตกรรมงาน Future Energy Asia

นายมงคล ตั้งศิริวิช รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา นำทีมนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทราส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เดินหน้าชูนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกยั่งยืนในงาน Future Energy Asia และ Future Moblity Asia 2022 ซึ่งเป็นงานที่รวมนวัตกรรมในการจัดการพลังงาน งานนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำด้วยนวัตกรรมไฮไลท์อาทิ สวิตช์เกียร์ GM AirSeT และ SM AirSeT นวัตกรรมใหม่ที่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้ระบบไฟฟ้า อุตสาหกรรมและอาคารลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาและการดำเนินงาน พร้อมด้วย EcoStruxure Building แพลตฟอร์มสำหรับอาคารที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพลังงานในอาคารให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน  และสร้างความยั่งยืน สามารถเชื่อมต่อกับระบบ EV Charger เพื่อทำการมอนิเตอร์และควบคุมได้จากที่เดียว

นอกจากนี้ภายในบูธ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับธุรกิจในยุค 4.0 เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดความยั่งยืนขององค์กร อาทิ ระบบแรงดันไฟฟ้าต่ำ โซลูชันไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชันบริการดูแลรักษาระบบไฟฟ้าด้วย IoT: EcoStruxure Service Plan รวมไปถึง โซลูชันซอฟต์แวร์จาก AVEVA เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระดับโลก สำหรับอุตสาหกรรมและอาคารในแบบ End-to-End  โดยงานมีขึ้นที่ ไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆ นี้

ค้นหาเทคโนโลยีด้านพลังงานล้ำหน้าได้ที่ https://www.se.com/th/th/work/campaign/innovation/overview.jsp


Exit mobile version