โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปั
ซึ่งสาธิตพีไอเอ็มเป็นโรงเรี
ปีการศึกษา 2563 เปิดรับสมัคร ม.1 และ ม.4 แล้ววันนี้!!
รายละเอียดการเข้าเรียนชั้นมั
รายละเอียดการเข้าเรียนชั้นมั

โรงเรียนสาธิตสถาบันการจัดการปั
ซึ่งสาธิตพีไอเอ็มเป็นโรงเรี
ปีการศึกษา 2563 เปิดรับสมัคร ม.1 และ ม.4 แล้ววันนี้!!
รายละเอียดการเข้าเรียนชั้นมั
รายละเอียดการเข้าเรียนชั้นมั
นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ และ นางสาวจิตรลดา หาญวรวงศ์ชัย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท รุกตอบโจทย์ SME และผู้บริโภคยุคดิจิทัล ที่รับข่าวสาร โปรโมชั่น รวมถึงค้าขายและช้อปปิ้งผ่านช่องทางไลน์ โดยออกสติกเกอร์ไลน์ขวัญใจบอสยุคใหม่กับ “Offy & Okie ผู้ช่วยคู่ใจบอส” โดย “Offy” สาวเก่ง และ “Okie” นกน้อยสุดคล่องแคล่ว ผู้ช่วยคู่ใจ “บอส” จะมาช่วยสร้างสีสันให้การแชทและช้อปของคุณได้อรรถรสมากขึ้น เพราะมาพร้อมกับวลีเด็ดสุดฮิตของเหล่า SME และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ขาแชทที่ใช้สื่ออารมณ์และโต้ตอบกับลูกค้าในชีวิตประจำวัน เช่น “ชอบแบบนี้, ตาถึงมากคร่าา, ของมันต้องมี, คอนเฟิร์มนะคะ และ ส่งไว ส่งชัวร์” พร้อมให้คุณดาวน์โหลดได้แล้ว เพียงเป็นเพื่อนกันที่ OfficeMate LINE Official Account แล้วตอบคำถามง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้ – 22 ธ.ค. 2562
นอกจากจะได้สติกเกอร์ไลน์น่ารักๆ ไปใช้แล้ว ออฟฟิศเมทยังอัพเดทโปรโมชั่นสุดคุ้ม ให้คุณรู้ก่อนใคร ผ่านช่องทางไลน์ พร้อมแนะนำสินค้า บริการ และรับคำสั่งซื้อผ่านแชททุกวัน เวลา 8:30 – 18:00 น. พิเศษ…!!! ดาวน์โหลดสติกเกอร์ไลน์ “Offy & Okie ผู้ช่วยคู่ใจบอส” วันนี้ รับโค้ดส่วนลดต้อนรับเพื่อนใหม่ ให้คุณใช้เป็นส่วนลด 200 บาท เมื่อช้อปครบ 1,000 บาท และรับคะแนน The1 สูงสุด 9 เท่า เมื่อช้อปตามเงื่อนไขที่ OfficeMate Website และ OfficeMate Mobile App วันนี้ – 30 ก.ย. 62
ฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่
โดยจัดฝึกอบรมให้กับบุคคลที่
ขวัญฤทัย ข่าว/อัชณี ถ่ายภาพ
หัวเว่ยมุ่งมั่นขับเคลื่อนโครงการ TECH4ALL เพื่อช่วยให้ผู้คนอีก 500 ล้านคน ให้ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในอีก 5 ปีข้างหน้า
นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน/ 19 กันยายน 2562 — “การผลักดันให้ทุกคนได้เข้าถึงโลกดิจิทัลหมายถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการพัฒนาแบบเปิดกว้างและไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ครอบครัว หรือองค์กรทุกหนแห่ง” มร. เคน หู รองประธานบริหารของหัวเว่ย กล่าวปาฐกถาบนเวที TECH4ALL Summit ในงาน Huawei Connect 2019 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ธีม “นวัตกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อทุกคนจะขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้า” โดยมร. หู ได้กล่าวถึงโครงการริเริ่มของหัวเว่ยอย่าง TECH4ALL พร้อมแชร์ความคืบหน้าของโครงการ และยังได้เชิญชวนบุคคลและองค์กรต่าง ๆ ให้มาร่วมแก้ปัญหากับหัวเว่ย ไม่ว่าจะเป็นด้านอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ การศึกษา การพัฒนา และสิ่งแวดล้อม เป้าหมายของโครงการ TECH4ALL คือ การช่วยให้ผู้คนอีก 500 ล้านคนได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในอีก 5 ปีข้างหน้า
ทำเทคโนโลยีให้มีความอบอุ่นมากขึ้นด้วยการแบ่งปันความรักและเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจไปทั่วโลก
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นตัวเร่งให้โลกของเรามีความอัจฉริยะมากยิ่งขึ้น ระหว่างที่เราเพลิดเพลินกับความสะดวกสบายที่ได้รับจากวิทยาศาตร์และเทคโนโลยี เราต้องหันกลับมามองอีกด้านหนึ่งด้วย ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลยังคงอยู่ หลายเมืองในประเทศจีน ผู้สูงอายุมากมายไม่สามารถเรียกแท็กซี่จากริมถนนได้เพราะแท็กซี่มากมายถูกจองผ่านโทรศัพท์มือถือไปแล้ว ในบังกลาเทศ ผู้หญิงจำนวนมากไม่ได้รับโอกาสให้เรียนคอมพิวเตอร์ ในประเทศคอโมโรส ประชากรถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และประเทศเพิ่งจะมีเครือข่ายโทรคมนาคมเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี้เอง
ในฐานะโครงสร้างพื้นฐานของโลกอัจฉริยะ อุตสาหกรรมไอซีทีมีบทบาทที่สำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของชาติและเป็นตัวช่วยผลักดันสวัสดิการและความสุขของคนในสังคม วงการไอทีซียังจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ อันจะทำให้มนุษยชาติสามารถแก้ปัญหาสำคัญอย่าง ความยากจน ความไม่เท่าเทียม ภาวะโลกร้อน การเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ปัญหาเศรษฐกิจ และการดูแลสุขภาพ เป้าหมายสูงสุดของเราคือการไม่ทอดทิ้งใครเอาไว้ข้างหลังในโลกยุดดิจิทัล
การผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงโลกดิจิทัล: ทำให้คนใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านเทคโนโลยี หัวเว่ยไม่เคยละทิ้งความพยายามที่จะทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น วันนี้เรามุ่งมั่นทำงานต่อไปด้วยโครงการในระยะยาวภายใต้ชื่อ TECH4ALL เพื่อส่งเสริมการผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงดิจิทัล ซึ่งหมายความว่าบุคคลทุกคนและองค์กรทุกแห่งมีสิทธิ์เข้าถึงและใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีการสื่อสารได้
ในวันนี้ เด็ก ๆ ในทวีปแอฟริกาได้รับรู้ว่าโลกภายนอกมีหน้าตาเป็นอย่างไร เด็ก ๆ ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินได้สัมผัสความสุขจากการอ่านได้อย่างไม่รู้จบ เราเข้าใจคลื่นเสียงที่วาฬส่งหาครอบครัวของมัน ตัวอย่างของการพัฒนานั้นยังมีอีกมากมาย แต่โดยทั่วไปแล้ว เรากลับมองว่าเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือที่ทำให้ผู้คนห่างไกลจากธรรมชาติ แต่ในทางกลับกัน บ่อยครั้งเราก็ได้ยินเรื่องจริงที่น่าประทับใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์ใกล้ชิดกับธรรมชาติมากขึ้น ในโลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วใบนี้
เทคโนโลยี การใช้งาน และทักษะ: พื้นฐานของการผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงดิจิทัล
หัวเว่ยมีวิสัยทัศน์และภารกิจในการนำดิจิทัลไปสู่คนทุกคน ทุกบ้านและทุกองค์กร เพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันได้อย่างเต็มรูปแบบ “การผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงดิจิทัล” เป็นแนวคิดที่สะท้อนถึงค่านิยมของหัวเว่ยได้เป็นอย่างดี โครงการ TECH4ALL นี้เกิดขึ้นมาจากวิสัยทัศน์ด้านความเท่าเทียมของหัวเว่ย
“เทคโนโลยีดิจิทัลกำลังพลิกโฉมโลกใบนี้ เราอยากให้ทุกคนได้รับประโยชน์และเข้าถึงโลกดิจิทัลได้ สำหรับโครงการ TECH4ALL เทคโนโลยีจะเป็นดั่งรากฐาน การใช้งานจะเป็นตัวปลดล็อก และทักษะจะเป็นตัวสร้างความเชื่อมั่น” มร. หู กล่าว “ โดยโครงการ TECH4ALL จะมุ่งเน้นสามส่วนด้วยกัน ได้แก่ เทคโนโลยี การใช้งาน และทักษะ”
• เทคโนโลยี: หัวเว่ยจะลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อและอุปสรรคในการขยายความครอบคลุมของเครือข่าย ด้วยการใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีด้าน AI คลาวด์ และอุปกรณ์เคลื่อนที่
• การใช้งาน: หัวเว่ยจะผลักดันระบบอีโคซิสเต็ม และช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์สร้างการใช้งานเพิ่มเติมสำหรับชุมชนและอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น
• ทักษะ: หัวเว่ยจะทำงานร่วมกับรัฐบาล ชุมชน และหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่นเพื่อเพิ่มพูนทักษะดิจิทัลของทุกคนในสังคม
“เราจะต้องมีทิศทางที่แน่ชัดหากต้องการสานต่อที่สิ่งเรามีอยู่เพื่อสรรค์สร้างคุณค่า” มร. หู กล่าว ระหว่างการกำหนดแนวทางสำหรับโครงการ TECH4ALL หัวเว่ยได้คำนึงถึงความสามารถของตนและเส้นทางที่เป็นไปได้ โดยอิงจากประโยชน์ที่จะเกิดแก่วงการไอทีซีและหมายความของการผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงดิจิทัล เรายังได้กำหนด 4 ช่องทางที่จะช่วยส่งเสริมการผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงดิจิทัล
• การดูแลสุขภาพ: การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้กว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• การศึกษา: การใช้เทคโนโลยีเพื่อมอบการเข้าถึงการศึกษาที่เท่าเทียมให้แก่ผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้หญิงและเด็กวัยรุ่น พร้อมปรับปรุงทรัพยากรทางการศึกษา
• การพัฒนา: ขจัดช่องว่างในการพัฒนาในหลากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจ ภูมิภาค และกลุ่มคน เพื่อดูแลให้ทุกคนเข้าถึงทรัพยากรดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม
• สิ่งแวดล้อม: การใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อช่วยเหลือองค์กรการกุศลปกป้องและรักษาระบบนิเวศ
ในวันนี้ หัวเว่ยได้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคมที่รื่นไหลแก่ผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก และสนับสนุนการดำเนินงานที่เสถียรให้แก่เครือข่ายมากกว่า 1,500 เครือข่ายในกว่า 170 ประเทศ เขายังกล่าวว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะช่วยให้ผู้คนอีก 500 ล้านคนได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล อาทิเช่น AI, คลาวด์ และสมาร์ทดีไวซ์ รวมถึงการใช้งานและทักษะที่เกี่ยวข้องด้วย
ก้าวเล็ก ๆ ในวันนี้: เรายินดีให้คุณมาร่วมกับเรา
ในแวดวงกุมารเวชศาสตร์ ปัญหาที่พบอยู่บ่อยครั้งก็คือ เด็กไม่สามารถบอกอาการป่วยของตนเองได้ ซึ่งถือเป็นปัญหาที่มีความท้าทายมาก โรคทางสายตาในเด็กเล็กและทารกจึงเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากมากในแผนกกุมารเวชศาสตร์ ในกรณีส่วนใหญ่ เด็ก ๆ ก็ร้องไห้เวลาที่รู้สึกไม่สบายตา และผู้ปกครองก็มักจะคิดว่าลูกงอแงโดยไม่มีสาเหตุ เมื่อขาดความตระหนักรู้ในเรื่องนี้ เด็กมากมายที่มีโรคทางสายตาจึงไม่ได้รับการรักษาโรคตั้งแต่เนิ่นๆ และพลาดโอกาสในการรับการรักษาที่ดีที่สุดไป ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตในระยะยาว
ในประเทศสเปน หัวเว่ยร่วมมือกับ IIS Aragon แล็บวิจัยทางการแพทย์ในสเปน และ DIVE (ศูนย์วิจัยในประเทศ) เพื่อพัฒนาอุปกรณ์ทางการแพทย์ซึ่งตรวจหาความบกพร่องทางสายตาในเด็กเล็กได้ เมื่อใช้อุปกรณ์ดังกล่าว วิธีตรวจหาอาการคือให้เด็กมองภาพบนหน้าจอ Matebook E ของหัวเว่ย ซึ่งจะจำลองดวงตา ระบบ DIVE จะรวบรวมข้อมูลการจ้องหน้าจอและส่งไปยังโทรศัพท์ P30 จากนั้นแพทย์จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและตรวจหาสัญญาณบอกโรคได้ โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวมีชื่อว่า Track AI ในโทรศัพท์ P30 และเมื่อมีเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วย ผู้ปกครองที่ได้รับข้อมูลเรื่องนี้จะตรวจหาความบกพร่องทางการมองเห็นของบุตรหลานได้โดยไม่ต้องไปหาแพทย์เฉพาะทาง วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็ว ง่ายดาย และมีประสิทธิภาพมากกว่า และจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กที่มีความบกพร่องทางสายตากว่า 19 ล้านคนทั่วโลก
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของโครงการริเริ่ม TECH4ALL ขณะนี้หัวเว่ยกำลังทำงานร่วมกับองค์กรการกุศลระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การศึกษา การพัฒนา และสิ่งแวดล้อม ในสเกลที่ใหญ่ขึ้น
ในประเทศเคนยา หัวเว่ยกำลังทำงานร่วมกับองค์กรอย่าง ยูเนสโก และ โคลสเดอะแก็บ (Close the Gap) องค์กรการกุศลในเบลเยียม เพื่อปรับปรุงตู้คอนเทนเนอร์ให้กลายเป็นห้องเรียนดิจิทัลเคลื่อนที่ เพื่อเดินทางไปสอนทักษะดิจิทัลให้แก่ครู ผู้หญิง และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในภูมิภาคที่อยู่ห่างไกลในแอฟริกา การสอนทักษะจะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงทรัพยากรเพื่อการศึกษาดิจิทัลได้อย่างเท่าเทียม ความพยายามเหล่านี้จะพัฒนาความเป็นอยู่ของคนหนุ่มสาวได้มากมาย
ในพื้นที่ป่าดิบชื้น หัวเว่ยกำลังร่วมมือกับ Rainforest Connection (RFCx) เพื่อแปลงโทรศัพท์มือถือหัวเว่ยที่ใช้แล้วจำนวนมหาศาลให้กลายเป็นอุปกรณ์พลังงานแสงอาทิตย์ที่จะช่วยสอดส่องดูแลผืนป่าฝน โทรศัพท์มือถือจึงกลายมาเป็นหูเป็นตาให้แก่ผืนป่า ทีมงานใช้ AI เพื่อทำให้อุปกรณ์คอยฟังและระบุเสียงรถบรรทุกและเลื่อยไฟฟ้าที่เข้ามาลักลอบตัดต้นไม้ เพื่อเป็นการช่วยองค์กรพิทักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติรักษาผืนป่าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปีหน้า จะมีป่าฝนอีกกว่า 6,000 ตารางกิโลเมตรที่จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้
TECH4ALL Summit เป็นการรวมตัวของผู้แทนจากองค์กรมากมาย อาทิเช่น UNESCO, WWF และ WEF องค์กรการกุศลอย่าง RFCx และ DIVE Medical ตลอดจนรัฐบาล ธุรกิจ และอุตสาหกรรมมากมาย โดยทุกองค์กรล้วนเข้ามาร่วมแบ่งปันความคิดให้แก่โครงการ TECH4ALL
แอน เธอรีส หัวหน้า UN UNESCO ประจำแอฟริกาตะวันออก กล่าวว่าวงการไอซีทีและเอไอ จะช่วยให้องค์กรของเธอบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และประกาศว่าจะร่วมมือกับหัวเว่ย ในโครงการ DigiTruck เพื่อสอนทักษะดิจิทัลให้แก่ครูและผู้หญิงในเขตทุรกันดาร นอกจากนี้ World Wildlife Fund (WWF) ยังได้ประกาศโครงการ “การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพผ่านเทคโนโลยี” ซึ่งจะเป็นการนำ AI มาผสานรวมกับการตรวจสอบ การวิจัย และการอนุรักษ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ โครงการนี้จะช่วยผลักดันการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและช่วยให้เรารักษาระบบนิเวศในธรรมชาติได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวแทนจาก RFCx และ DIVE Medical ได้กล่าวถึงแผนการที่จะส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการรักษาผืนป่าฝน พร้อมผลักดันการตรวจหาความบกพร่องด้านการมองเห็นในเด็ก โดยอาศัยความช่วยเหลือจาก AI โครงการเหล่านี้จะทำให้ผู้คนในประเทศต่าง ๆ ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล
“TECH4ALL มีเป้าหมายที่จะทำให้คนทุกคน บ้านทุกหลัง และองค์กรทุกแห่ง ได้เพลิดเพลินกับความสวยงามของโลกดิจิทัล เราต้องการดูแลผู้ที่ยังไม่ได้รับโอกาส พร้อมเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ เพราะนี่เป็นคุณค่าสำคัญของเทคโนโลยี” มร. หู กล่าว พร้อมกับเชิญชวนผู้เข้าร่วมงานให้มาร่วมมือกับหัวเว่ย “การผลักดันให้ทุกคนเข้าถึงดิจิทัลเป็นวาระที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ และสังคมในวงกว้าง ณ ตอนนี้ เราเพิ่งเริ่มก้าวเล็ก ๆ เราจะยินดีเป็นอย่างยิ่งหากบุคคลหรือองค์กรใดจะมาร่วมมือกับเรา”
HUAWEI CONNECT 2019 เป็นงานแฟล็กชิปประจำปีซึ่งหัวเว่ยจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไอซีทีระดับโลก โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “Advance Intelligence” ที่นครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 18 – 20 กันยายน 2562 หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้ สำหรับลูกค้าและพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ให้โลกอัจฉริยะแห่งอนาคต
บริษัท 3เอ็ม ประเทศไทย แผนกผลิตภัณฑ์ทันตกรรมและการดู
ภายในงานยังมีกิจกรรมร่วมลุ้
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ 6 ทศวรรษ มจพ.และก้าวต่อไปเพื่อความเป็นเลิศและความยั่งยืน (KMUTNB 2040) ในปี 2562 เป็นวาระครบรอบ 60 ปี ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) บนเส้นทางการพัฒนามหาวิทยาลัยสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืนที่เดินทางมาครบ 6 ทศวรรษด้วยการสร้างผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมได้อย่างรวดเร็วพร้อม ๆ กับการเปลี่ยนแปลงด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนภายใต้รากฐาน “วิศวกรรมมือเปื้อน” และถึงเวลาการเปลี่ยนแปลงก้าวสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ มจพ. มุ่งสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืน เป็นไปตามยุทธศาตร์ 4 เป้าหมาย (4 Goals: 4G) ภายใน 20 ปีข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาตร์ชาติ 20 ปี โดยในโลกยุค 4.0 การเรียนการสอนควบคู่การทำงานวิจัยต้องเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมและเอกชน เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับตลาดแรงงานยุคใหม่ที่ต้องผนึกกำลังเพื่อขับเคลื่อนผ่านแผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ระยะ 20 ปี มุ่งเน้นการพัฒนามหาวิทยาลัยโดยการหลอมรวมทั้ง 3 วิทยาเขต สู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในการสร้างสรรค์ประดิษฐกรรมสู่นวัตกรรม (Invention to Innovation) ของโลกอย่างแท้จริง
มจพ. ได้นำความสามารถและผลงานอันโดดเด่นด้านการบริหารกลยุทธ์ (Strategic Management) และการพัฒนาองค์กร (Organization Development) ด้วย มจพ. เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง และการปลูกฝังวัฒนธรรมการทำงานอย่างมืออาชีพที่สามารถสื่อสารและถ่ายทอดเทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม ให้กับนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากร ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ปรากฏต่อสายตาสาธารณชนถึง 6 ทศวรรษ ที่ มจพ. สร้างความโดดเด่นและประสบความสำเร็จเป็นสุดยอดองค์กรจากเวทีระดับโลกที่หลากหลาย
ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดเผยว่า เส้นทางการพัฒนามหาวิทยาลัยในภาพรวมของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ระยะ 20 ปี ให้ความสำคัญและมุ่งเน้นการพัฒนามหาวิทยาลัยทั้ง 3 วิทยาเขตไปสู่ “ความเป็นผู้นำองค์กรด้านความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม (Leader in University-Industry Cooperation)” ผ่านยุทธศาสตร์เพื่อความเป็นเลิศและยั่งยืน 4 ยุทธศาสตร์เป้าหมาย สอดรับกับปณิธาน “มุ่งมั่นที่จะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และวิชาการชั้นสูงที่เกี่ยวข้อง ให้มีความรู้คู่คุณธรรม เพื่อเป็นผู้พัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เหมาะสม อันก่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” และสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี สำหรับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัย ระยะ 20 ปี ประกอบไปด้วย 4 ยุทธศาสตร์ เพื่อความเป็นเลิศและยั่งยืน ดังนี้
G1) ความเป็นเลิศด้านการจัดการศึกษา (Academic Excellence)
G2) ความเป็นเลิศด้านการวิจัย สร้างสรรค์ประดิษฐกรรมสู่นวัตกรรม (Research, Invention and Innovation Excellence)
G3) ความเป็นเลิศด้านบริการวิชาการและบริการวิจัย (Academic and Research Service Excellence)
G4) ความเป็นเลิศด้านการจัดการ (Management Excellence)
หากย้อนกลับไปเมื่อ 60 ปีก่อน มจพ. มีรากฐานการศึกษาที่ได้รับมาจากประเทศเยอรมัน ปัจจุบัน มจพ. จัดการเรียนการสอนที่เน้นการสอนทฤษฎีควบคู่ปฏิบัติ โดยโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน (Thai-German Pre-engineering School) เป็นแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้พัฒนาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพื่อเตรียมความพร้อมการเป็นวิศวกรนักปฏิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับการปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทยในปัจจุบัน และเป็นที่ต้องการของภาคอุตสาหกรรมและเอกชน รวมถึง มจพ. เน้นการสร้างและพัฒนาหลักสูตรโดยให้มีความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม (University-Industry Partnership) ทุกหลักสูตรของมจพ. มีการฝึกงาน (Internship) สหกิจศึกษา (Co-operative Education) รวมไปถึงการยกระดับให้เป็นระบบการเรียนรู้ผสมผสานกับการทำงานจริง (Work Integrated Learning : WIL) ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 1 ภาคการศึกษาหรือมากกว่า เพื่อพัฒนา ส่งเสริม และเชื่อมโยงการจับคู่ความร่วมมือด้านงานวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรม เป็นรูปแบบการเชื่อมโยงการทำงานของคณาจารย์ นักวิจัย และนักศึกษา ร่วมกับภาคอุตสาหกรรม ที่ให้ความสำคัญในการพัฒนางานวิจัยซึ่งครอบคลุมการพัฒนาตัวชี้วัดและกลไกการรับรองงานบริการวิชาการเพื่อสังคม และพัฒนามิติด้านต่างๆ โดย มจพ. มีแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ ของทั้ง 2 วิทยาเขต โดยวิทยาเขตปราจีนบุรีมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการจัดการเรียนการสอนและงานวิจัยที่มีสเกลขนาดใหญ่ อาทิ เช่น ด้านการซ่อมบำรุงและบริการอากาศยาน (Aircraft Maintenance and Service) และด้านเซรามิก ซึ่งมีพื้นที่สำหรับโรงเตาเผาเซรามิก สำหรับวิทยาเขตระยอง มุ่งเน้นการสร้างมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University) ซึ่งจะเป็นต้นแบบในการประยุกต์ใช้กับโรงงานให้เป็นโรงงานสีเขียว (Green Industry) ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) รวมไปถึงการพัฒนากลุ่มวิจัยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ และการเป็นศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะ (Intelligence Logistic Center) กอปรกับมหาวิทยาลัยมีศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์อุตสาหกรรม (มาบตาพุด) ในเขตพื้นที่ EEC เพื่อตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพในการทำงานของบุคลากรในโรงงานโดยการอบรมเพื่อ upskill/reskill ซึ่งเป็นที่ต้องการสูงในปัจจุบัน
ในอนาคตอันใกล้นี้ “KMUTNB Technology Park” จะเป็นศูนย์กลางการวิจัยและการให้บริการวิชาการที่มีความพร้อมด้านทรัพยากรบุคคลในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม อย่างครบวงจร ด้วยทิศทางที่ชัดเจนมีกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน และใช้ความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการด้วยหลักการสมัยใหม่
จาก 4 ยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายความเป็นเลิศและความยั่งยืน มจพ. ตระหนักถึงแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนโดยใช้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัย ระยะ 20 ปี ครบทุกมิติอย่างรอบด้านเป็นตัวนำการขับเคลื่อน และในปี พ.ศ. 2562 มจพ. ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินงานที่ทุกๆ ผลงานล้วนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนักวิจัย บุคลากร คุณภาพงานวิจัยของ มจพ. ในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ได้สร้างสรรค์งานวิจัยให้ก้าวไปสู่ระดับชาติและนานาชาติที่เป็นเลิศอย่างยั่งยืน
ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ
ร่วมเปิดบ้าน พีไอเอ็ม เจาะ Insight หลักสูตร MBA
ตอน “Power of networking”
สร้างโอกาสทางธุรกิจภายใต้ Network ที่ใหญ่ที่สุด
พบกับหลักสูตร MBA
• สาขาการจัดการธุรกิจการค้าสมั
• สาขาการบริหารคนและกลยุทธ์องค์
พร้อมสอบชิงทุนการศึกษา มูลค่า 80,000 บาท
วันที่ 5 ตุลาคม เวลา 08.00-12.00 น.
ณ ห้อง AUDITORIAM ชั้น 16 อาคาร CP ALL ACADEMY สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
ลงทะเบียนคลิ๊ก https://bit.ly/2ZjAtV8
ติดต่อสอบถาม
โทร 028550471
นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน/ 18 กันยายน 2562 – หัวเว่ยประกาศกลยุทธ์รองรับตลาดคอมพิวติ้ง พร้อมเปิดตัว Atlas 900 คลัสเตอร์การเทรน AI ที่รวดเร็วที่สุดของโลก ในงาน Huawei Connect 2019 Atlas 900 ขุมพลังของการประมวลผล AI จะช่วยทำให้ AI มีความพร้อมยิ่งขึ้นสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ในหลากหลายสาขา
มร. เคน หู กล่าวถึงกลยุทธ์การรองรับตลาดคอมพิวติ้งของหัวเว่ย ระหว่างกล่าวปาฐกถา ในงาน Huawei Connect 2019
“ตลาดการประมวลผลในอนาคตจะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยจะมีมูลค่าสูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ” มร. เคน หู รองประธานกรรมการของหัวเว่ย กล่าว “เราจะลงทุนอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ที่เน้นใน 4 ด้านหลัก เราจะขยายขอบเขตของสถาปัตยกรรมออกไปให้กว้างมากขึ้น ลงทุนในด้านโปรเซสเซอร์สำหรับการใช้งานในทุกรูปแบบ มุ่งมั่นกำหนดขอบเขตธุรกิจให้ชัดเจน และสร้างระบบอีโคซิสเต็มแบบเปิดกว้าง”
กลยุทธ์การประมวลผลของหัวเว่ย
แนวคิดในอุตสาหกรรมทางด้านคอมพิวติ้งนั้นกำลังพัฒนาจากโมเดลแบบมีกฎที่ตายตัว (Rule-based) มาเป็นแบบเชิงสถิติ ซึ่งเป็นรากฐานของแมชชีนเลิร์นนิ่ง หัวเว่ยคาดการณ์ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การประมวลผลเชิงสถิติจะกลายมาเป็นกระแสหลัก และการประมวลผลของ AI จะมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของรูปแบบการประมวลผลที่ใช้กันทั่วโลก
เพื่อความสำเร็จในตลาดนี้ กลยุทธ์ของหัวเว่ยจะมุ่งเน้น 4 ด้านดังต่อไปนี้
นวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรม
ในปีที่ผ่านมา หัวเว่ยได้เปิดตัวสถาปัตยกรรม Da Vinci ซึ่งเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมโปรเซสเซอร์ใหม่ ที่ออกแบบมาให้เป็นทรัพยากรในการประมวลผลที่มั่นคงและกว้างขวาง แต่ให้บริการในราคาที่สมเหตุสมผล หัวเว่ยจะยังคงลงทุนด้านการวิจัยพื้นฐานนี้ต่อไป
การลงทุนในโปรเซสเซอร์ที่รองรับการใช้งานทุกรูปแบบ
หัวเว่ยมีโปรเซสเซอร์หลากหลายรูปแบบ เช่น Kunpeng (คุนเผิง) โปรเซสเซอร์สำหรับการประมวลผลอเนกประสงค์, Ascend (แอสเซนด์) โปรเซสเซอร์สำหรับ AI, Kirin (คิริน)โปรเซสเซอร์สำหรับสมาร์ทดีไวซ์ และ Honghu (หงหู) โปรเซสเซอร์สำหรับสมาร์ทสกรีน
ขอบเขตด้านธุรกิจที่ชัดเจน
หัวเว่ยจะไม่ขายโปรเซสเซอร์โดยตรง แต่จะส่งมอบให้แก่ลูกค้าในรูปแบบของบริการคลาวด์ และส่งให้บริษัทคู่ค้าในรูปแบบของชิ้นส่วนประกอบ เพราะเราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนโซลูชั่นแบบผสานรวม
สร้างระบบอีโคซิสเต็มที่เปิดกว้าง
ในอีก 5 ปีข้างหน้า หัวเว่ยจะลงทุนงบประมาณอีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการสร้างนักพัฒนา เพื่อขยายโครงการให้รองรับนักพัฒนาอีก 5 ล้านคน และทำให้บริษัทคู่ค้าของหัวเว่ยทั่วโลกสามารถพัฒนาแอปพลิเคชั่นและโซลูชั่นรุ่นใหม่ๆ สำหรับอนาคตข้างหน้า
Atlas 900 คลัสเตอร์การเทรน AI ที่รวดเร็วที่สุดของโลก
Atlas 900 พัฒนาขึ้นจากเทคนิคขั้นสูงซึ่งหัวเว่ยได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา พร้อมประสานพลังของโปรเซสเซอร์ Ascend หลายพันตัว โดย Atlas 900 จะใช้เวลาเพียง 59.8 วินาทีในการเทรน ResNet-50 ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักในการวัดประสิทธิภาพการเทรน AI โดยสถิติใหม่นี้เร็วกว่าสถิติโลกเดิม 10 วินาที
Atlas 900 คือขุมพลังของการประมวลผล AI และจะนำโอกาสใหม่ๆ มาสู่การวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และการพัฒนาธุรกิจใหม่ต่าง ๆ อีกมากมาย ตั้งแต่ด้านดาราศาสตร์ การพยากรณ์อากาศ และการขับขี่อัตโนมัติ ไปจนถึงการสำรวจหาน้ำมัน หัวเว่ยยังได้ติดตั้ง Atlas 900 ไว้ในหัวเว่ย คลาวด์ อีกด้วย โดยเป็นบริการแบบคลัสเตอร์ ที่ทำให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถเข้าถึงพลังในการประมวลผลแบบพิเศษนี้ได้กว้างขวางยิ่งขึ้น หัวเว่ยได้เสนอบริการต่าง ๆ เหล่านี้ในราคาพิเศษแก่มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
มร. เกา เหวิน สมาชิกสภาวิศกรรรมแห่งชาติจีนและผู้อำนวยการสถาบันเผิงเฉิง ได้กล่าวปาฐกถาในงานนี้ด้วยเช่นกัน มร. เหวิน อธิบายถึงพันธกิจและวิสัยทัศน์ของสถาบันเผิงเฉิงและการทำงานร่วมกับหัวเว่ยเพื่อสร้างระบบที่รวมซุปเปอร์คอมพิวติ้งและปัญญาประดิษฐ์เครื่องแรกของประเทศจีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบประมวลผลระดับ Exascale ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันสร้างแพลตฟอร์มรุ่นใหม่สำหรับงานวิจัยและนวัตกรรม AI พื้นฐาน
มร. เจิ้ง เย่ไหล ประธานบริหาร ของหัวเว่ยคลาวด์ กล่าวถึงการประยุกต์ใช้ AI ในสถานการณ์ต่าง ๆ เมื่อศึกษาจากประสบการณ์ของหัวเว่ยที่ทำโครงการมามากกว่า 500 โครงการ ในอุตสาหกรรมกว่า 10 สาขา มร. เจิ้ง ชี้ให้เห็นถึงอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังเปลี่ยนจากการใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงแคบสู่การเป็นขับเคลื่อนสำคัญเพื่อการปรับเปลี่ยนบริษัทสู่ยุคดิจิทัล
“นี่เป็นยุคใหม่ของการค้นคว้า” มร. เคน หู กล่าวสรุป “มหาสมุทรแห่งศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดกำลังรอเราอยู่ แต่เราจะข้ามไปไม่ได้หากเรามีเรือเพีย
ลำเดียว วันนี้เราขอส่งเรือหนึ่งพันลำออกจากฝั่ง ขอให้เราทำงานร่วมกัน คว้าโอกาสครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ และยกระดับความอัจฉริยะขึ้นไปอีกขั้น”
HUAWEI CONNECT 2019
เป็นงานแฟล็กชิปประจำปีซึ่งหัวเว่ยจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไอซีทีระดับโลก โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “Advance Intelligence” ที่นครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 18 – 20 กันยายน 2562 หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้ สำหรับลูกค้าและพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ให้โลกอัจฉริยะแห่งอนาคต
ฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่
โดยฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลั
มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 41 ปลื้มยอดขาย 4 วันโกยยอด 3,500 ล้านบาท หลังกำลังซื้อผู้บริโภคตัวจริ
มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 41 ปลื้มยอดขายหลังกำลังซื้อยั
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 เปิดเผยถึง ความสำเร็จของการจัดงานมหกรรมบ้
“ตั
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ประธานจัดงานฯ กล่าวเพิ่มเติม จากผลสำรวจของผู้เข้าชมงานครั้
สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 จัดโดย 3 สมาคมหลักทางด้านอสังหาริมทรั