Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ใหม่ในต่างแดน ในงาน “TIECA Study Abroad Expo มหกรรมการศึกษาต่อต่างประเทศ” ครั้งที่ 34

สมาคมไทยแนะแนวการศึกษานานาชาติ (TIECA) เชิญชวนเปิดโลกกว้างทางด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ ในงาน “มหกรรมการศึกษาต่อต่างประเทศ ครั้งที่ 34” พบตัวแทนสถาบันการศึกษาทุกระดับ ของภาครัฐและภาคเอกชนนานาประเทศทั่วโลกมากกว่า 70 สถาบัน ไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย แคนาดา จีน เยอรมัน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ และโรงเรียนนานาชาติ ทุกระดับการศึกษา อาทิ การเรียนภาษาอังกฤษในระดับมัธยมปริญญา หรือคำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจเรียนควบคู่ไปกับการทำงานในต่างประเทศ พบผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาแนะแนวบริการแบบครบวงจร, สถานทูตฝ่ายการศึกษาและองค์กรภาครัฐ เช่น บริติช เคานซิล, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, แคนาดา เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจให้กับนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครองและบุคคลทั่วไปที่ต้องการไปศึกษาต่อต่างประเทศ ได้รับข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการศึกษา พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดค่าลงทะเบียน ค่าดำเนินการ ค่าเล่าเรียน รวมทั้งทุนการศึกษาจากหลากหลายสถาบันชั้นนำ และลุ้นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ลอนดอน หรือซิดนีย์

นอกจากนี้ ร่วมฟังรับฟังกลุ่มวิทยากรมากประสบการณ์จากทุกวงการ พูดคุยในหัวข้อเสวนาเกี่ยวกับการศึกษาต่างประเทศ

11.00 น. – 11.40 น. พบคุณโอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง ในหัวข้อ “พ่อแม่มั่นใจ ส่งลูกเรียนไกลต่างประเทศ”

13.00 น. – 14.00 น. พบน้องกัสจัง จิรันธนิน เธียรพัฒนพล และคุณแม่ เจ้าของเพจดัง ‘โลกของกัสจัง’ ในหัวข้อ “เรียนต่อต่างประเทศ เริ่มต้นดีมีชัยไม่ยากเลย”

15.00 น. – 16.00 น. พบคุณขุนเขา สินธุเสน เขจรบุตร: K.S. Khunkhao นักจิตวิทยาชื่อดัง พูดคุยในหัวข้อ “ค้นหาตัวตนด้วยการเปิดโลกกว้างทางการศึกษา”
ในวันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 เวลา ณ โรงแรม เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  โทรศัพท์ 02 642 6114 / 062 554 6676 อีเมล์ admin@tieca.com ; info@tieca.com สำหรับรายชื่อและข้อมูลของแต่ละสถาบันสามารถดูได้ที่ http://tieca.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท เชิญชวนผู้ประกอบการ SME ช้อปสู้เศรษฐกิจ กับมาตรการ ‘ชิม ช้อป ใช้’

ออฟฟิศเมท สนองร่วมมาตรการรัฐ ‘ชิม ช้อป ใช้’ ชวนผู้ประกอบการ SME ที่มีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านในต่างจังหวัด มาช้อปสู้เศรษฐกิจ ที่ร้านออฟฟิศเมท 20 สาขา ทั่วกรุงเทพฯ โดยเดินหน้ารับชำระเงินผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย. 2562

นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท เปิดเผยว่า ออฟฟิศเมท ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ ของรัฐบาล ได้จัดเตรียมช่องทางการชำระเงิน g-wallet โดยลูกค้าที่ลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมมาตรการสามารถใช้สิทธิ “เป๋าตังช่อง 1” ชำระค่าสินค้าอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้เพื่อธุรกิจ สูงสุด 1,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) ได้ที่ร้านออฟฟิศเมท 20 สาขา ในกรุงเทพฯ ได้แก่

  • สาขาอาคารจิวเวลรี่เทรดเซ็นเตอร์ ชั้น 2
  • สาขาอาคารยูไนเต็ดเซ็นเตอร์ (สีลม) ชั้น B1
  • สาขาเซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์ ชั้น G
  • สาขารอยัลซิตี้อเวนิว (RCA)
  • สาขาซีคอนบางแค ชั้น B
  • สาขาบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า ลาดพร้าว ชั้น 2
  • สาขาทรีออนทรี พระราม3 ชั้น G
  • สาขาเทสโก้โลตัส พระราม 1 ชั้น 2
  • สาขาฟอร์จูน ทาวน์ ชั้น 2
  • สาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ ชั้น B
  • สาขาบิ๊กซี พระราม 4 ชั้น 1
  • สาขาเกตเวย์ เอกมัย ชั้น B
  • สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 9 ชั้น B
  • สาขาเทสโก้โลตัส บางกะปิ ชั้น 2
  • สาขาเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า ชั้น B
  • สาขาเซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ชั้น G
  • สาขามิดทาวน์ อโศก ชั้น B1
  • สาขาบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า รามอินทรา ชั้น 1
  • สาขาสิรินธร
  • สาขาบิ๊กซี เพชรเกษม

ทั้งนี้คาดว่ามาตรการ “เป๋าตัง-ชิม ช้อป ใช้” จะสามารถช่วยกระตุ้นการจับจ่ายปลุกกำลังซื้อของผู้ประกอบการ SME และยังเป็นการสร้างและเพิ่มฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้อีกด้วย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ตอกย้ำความพร้อมจัดงาน Smart Energy Transformation Asia 2019

ตอกย้ำความพร้อมจัดงาน Smart Energy Transformation Asia 2019 (SETA 2019) ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในไทย

นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล (ที่ 5 จากขวา) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีแถลงข่าวประกาศความพร้อมการจัดงาน “โครงการพลังงานและเทคโนโลยีที่ยั่งยืนแห่งเอเชีย 2562” หรือ Smart Energy Transformation Asia 2019 (SETA 2019) เวทีการประชุมวิชาการและนิทรรศการนานาชาติด้านพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Integrated Sustainable Energy Solutions For Asia” ในระหว่างวันที่ 10 – 12 ตุลาคม 2562 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จัดงานโดย บริษัท ด้อยซ์ เมซเซ่ จำกัด และบริษัท แกท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เพื่อร่วมกันผลักดันและพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานแห่งอนาคต และแสดงศักยภาพความพร้อมของประเทศไทยสู่ศูนย์กลางความรู้เทคโนโลยีและการพัฒนาพลังงานทดแทน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยภายในงานแถลงข่าวได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานคณะกรรมการการจัดงาน SETA 2019 และ ดร.จิราพร ศิริคำ (ที่ 4 จากขวา) ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) พร้อมด้วยภาคเอกชน ร่วมกันแถลงข่าวประกาศความพร้อมและเดินหน้าจัดงานอย่างเป็นทางการ ณ ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ (EnCo) เมื่อเร็วๆ นี้

บุคคลในภาพ (จากซ้ายไปขวา)
1. ศ.ดร.แชบเบียร์ กีวาลา หัวหน้าโครงการวิจัย Water Footprints และการประเมินความตึงเครียดของน้ำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
2. คุณนภปฎล สุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
3. คุณเบอร์นาด ชาร์บาร์นี่ ผู้อำนวยการโครงการ การบริหารจัดงานการประชุมนานาชาติ บริษัท ด้อยซ์เมซเซ่ จำกัด
4. รศ.ดร.ธัชชัย สุมิตร ประธานคณะกรรมการการจัดงาน SETA 2019
5. คุณสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
6. ดร.จิราพร ศิริคำ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิจัยนวัตกรรมและพัฒนาธุรกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT)
7. คุณธีรุตม์ บุตรเลิศเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
8. คุณพิชัย ถิ่นสันติสุข ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ สมาคมการค้าพลังงานขยะ
9. คุณญาณ ไอเค่ กราฟ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ช๊อยค์ เอเชีย จำกัด


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

3เอ็ม เตรียมรับมือ PM 2.5 เปิดตัว 3M Vehicle Air Purifier ผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์

3เอ็ม ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนให้ดีขึ้น เปิดตัว “ผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ 3M Vehicle Air Purifier” มาพร้อมไส้กรอง ที่ถูกออกแบบมาพิเศษด้วยระบบการกรองสี่ชั้น สามารถกรองฝุ่นละออง PM 2.5 ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ด้วยเทคโนโลยีของ 3M Electrostatic Electret Technology และ 3M Nonwoven Technology ยังช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ที่เกิดจากกลิ่นอาหาร กลิ่นเหงื่อ สารฟอร์มาลดีไฮด์ และ VOC ทั้งยังลดปฏิกิริยาที่เกิดการแพ้จากการสูดดมฝุ่น ทำให้อากาศในรถสดชื่นขึ้นเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติขจัดมลพิษในอากาศได้ถึง 99% เพียงไม่กี่นาที ราคา 4,590 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้แล้ววันนี้ที่ Lazada , Shopee และ 3Mdelivery.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ศูนย์สะเต็มศึกษา มจพ. เดินหน้าส่งเสริมให้เยาวชนและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ ทางด้านการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา

รศ.สุพร รัตนพันธ์ หัวหน้าศูนย์สะเต็มศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่สภามหาวิทยาลัยอนุมัติให้จัดตั้งศูนย์สะเต็มศึกษาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2560 ในระยะแรกใช้สถานที่ชั้น 9 อาคาร 96 คณะพัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม เป็นสถานที่ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการและทำกิจกรรมต่างๆ ของศูนย์สะเต็มศึกษา ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2562 ได้มีพิธีเปิดศูนย์สะเต็มศึกษาอย่างเป็นทางการ ณ ชั้น 5 อาคาร 97 โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน เป็นสถานฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการและทำกิจกรรมต่างๆ ศูนย์สะเต็มศึกษาเดินหน้าดำเนินโครงการต่างๆ มาตลอดทั้ง 3 ปี เพื่อถ่ายทอดความรู้ทางด้านการจัดการเรียนการสอนตามแนวทางสะเต็มศึกษา การผลิตสื่อต้นแบบ การพัฒนานวัตกรรม และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ การฝึกอบรมครู นักเรียน นักศึกษาให้กับสถานศึกษาในเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยและยังสามารถขยายผลไปยังสถานศึกษาอื่นๆ นอกเครือข่าย เพื่อช่วยพัฒนาครูให้เป็นวิทยากรที่สามารถถ่ายทอดการเรียนรู้รูปแบบการเรียนการสอนแบบ STEM ให้กับบุคลากรและนักเรียนในสถานศึกษาของตนเองได้ เป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21

“รศ.สุพร” เล่าให้ฟังถึงที่มาของ ศูนย์สะเต็มศึกษา มจพ. ว่ามหาวิทยาลัยได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 7 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2559 ซึ่งเป็นสถานศึกษาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัย ได้แก่ โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม โรงเรียนสตรีนนทบุรี โรงเรียนวิมุตยารามพิทยากร โรงเรียนวัดวิมุตยาราม โรงเรียนกลาโหมอุทิศ โรงเรียนลานนาบุญ โรงเรียนวัดมัชฌันติการาม ต่อมาเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี วิทยาลัยเทคนิคสมุทรปราการ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระราม 6 และวิทยาลัยอาชีวศึกษาลำปางพาณิชยการและเทคโนโลยี การดำเนินงานของศูนย์ฯ ในช่วง 2 ปีแรก จะมุ่งเน้นการผลิตสื่อต้นแบบ สร้างชุดอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้แบบ STEM ที่เน้นหุ่นยนต์และอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่ง (IoT) ให้สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาในหลักสูตรแกนกลางของนักเรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาสายสามัญและสายอาชีวศึกษาที่สามารถอธิบายให้เห็นการบูรณาการความรู้ทั้ง 4 ศาสตร์ คือ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) หรือ STEM เพื่อใช้เป็นสื่อการสอนในการอบรมครู นักเรียน นักศึกษา ของสถานศึกษาในเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัย รวมทั้งนักเรียนโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอมัน

ตลอดระยะเวลา 3 ปี (2560-2562) ที่ผ่านมา ศูนย์สะเต็มศึกษาได้ดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการกับสถานศึกษาทั้ง 12 แห่ง โครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วมี จำนวน 23 โครงการ มีทั้งโครงการผลิตสื่อต้นแบบและโครงการจัดอบรมครู นักเรียน นักศึกษา ของสถานศึกษาในเครือข่าย และนักศึกษาของ มจพ. ได้จัดอบรมไปแล้ว จำนวน 36 ครั้ง มีผู้เข้ารับการอบรมแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,194 คน ในการจัดอบรมแต่ละครั้งจะจำกัดผู้เข้าอบรมไม่เกิน 40 คน เพราะต้องการเน้นคุณภาพเพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดและสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง

ตัวอย่างโครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการแล้ว อาทิ
1. โครงการสร้างต้นแบบ STEM Robotics สำหรับนักเรียนแต่ละช่วงชั้น
2. โครงการนวัตกรรมการเรียนรู้ วิทย์-คณิต คิดผ่านหุ่นยนต์ ตอน : Integrated STEM Robotics and Coding
3. โครงการอบรมครู STEM Robotics ในยุค THAILAND 4.0
4. โครงการผลิตบอร์ดการเรียนรู้ระบบสมองกลฝังตัวและอินเทอร์เน็ตสรรพสิ่งสำหรับการเรียนการสอนแบบ STEM ในสายวิทยาการคำนวณสำหรับนักเรียนช่วงชั้นที่ 2 และ 3
5. โครงการสร้างต้นแบบเครื่องพิมพ์สามมิติเพื่อการเรียนรู้แบบ STEM
6. โครงการอบรมครูและสร้างต้นแบบโครงงานวิชาวิทยาการคำนวณ
7. โครงการ : ชุดทดลองสะเต็ม : ปฏิบัติการเคมีสีเขียว
8. โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการและการประลอง หุ่นยนต์สะเต็มและการเขียนโปรแกรมควบคุม ตอน:
เมืองอัจฉริยะเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

ในการดำเนินงานโครงการต่างๆ ข้างต้น ศูนย์สะเต็มศึกษาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากอาจารย์คณะต่างๆ หลายท่าน ได้แก่ รศ.ดร.ศุภชัย ตระกูลทรัพย์ทวี ผศ.ดร. สิริชัย จันทร์นิ่ม ผศ.ดร.ชูชาติ สีเทา ผศ.ดร.ศิริศาส เอื้อใจ รศ.ดร.นพวรรณ ชนัญพานิช อาจารย์ ดร.ศิฬาณี นุชิตประสิทธิ์ชัย และยังมีอาจารย์ท่านอื่นๆ อีกที่ร่วมเป็นทีมงาน

ผลงานที่โดดเด่นของศูนย์สะเต็มศึกษาของ มจพ. คือโครงการสร้างต้นแบบ STEM Robotics สำหรับนักเรียนแต่ละช่วงชั้น โครงการนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากครูและนักเรียนของสถานศึกษาในเครือข่ายและสถานศึกษาอื่นๆ เป็นโครงการที่สามารถพัฒนาสื่อต้นแบบต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้ นอกจากโครงการนี้แล้วก็ยังมีโครงการอื่นๆ อีก เช่น โครงการ : ชุดทดลองสะเต็ม : ปฏิบัติการเคมีสีเขียว โครงการนี้ได้สร้างชุดทดลองขึ้นจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่หาได้ง่ายมีราคาไม่แพง ครูสามารถนำไปขยายผลใช้สอนนักเรียนในห้องเรียนได้เลยโดยที่โรงเรียนไม่จำเป็นต้องมีห้องทดลอง

โครงการและกิจกรรมต่างๆ ที่ศูนย์สะเต็มศึกษาได้ดำเนินการมาแล้วตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากทั้งจากสถานศึกษาที่มีข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการและสถานศึกษาอื่นๆ นับว่าเป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง ศูนย์ฯ ได้กำหนดรูปแบบและแนวทางในการขยายผลไปยังสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน นอกจากนี้ศูนย์ฯ ยังสามารถใช้ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานที่ผ่านมาเพื่อเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการเชื่อมโยงกับสถานศึกษาทั่วไประดับต่ำกว่าอุดมศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลของประเทศในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป

สำหรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินโครงการต่างๆ ในแต่ละปีนั้น ทางศูนย์สะเต็มศึกษาได้รับการสนับสนุนทั้งงบประมาณแผ่นดินและงบประมาณเงินรายได้โครงการพัฒนามหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ศูนย์สะเต็มศึกษายังได้รับเงินบริจาค จากบริษัทพัฒน์กล จำกัด (มหาชน) เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดหา ครุภัณฑ์ อุปกรณ์ และเครื่องมือเพื่อการศึกษาบางส่วน

นอกจากนี้ศูนย์สะเต็มศึกษายังได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่และกำลังคนที่มีสมรรถนะเพื่อตอบโจทย์ภาคการผลิตตามนโยบายการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย หลักสูตร : การพัฒนาระบบการเรียนการสอนรูปแบบสะเต็มศึกษาสำหรับสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สาขาหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ประเภทหลักสูตรประกาศนียบัตร (Non Degree) อีกด้วย
โครงการนี้ดำเนินงานโดย ผศ.ดร.ชูชาติ สีเทา และทีมงาน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการฝึกอบรมนักศึกษาอาชีวะ รุ่นที่ 1 จำนวน 30 คน หลังจากฝึกอบรมเสร็จแล้วจะส่งนักศึกษาอาชีวะกลุ่มนี้เข้าฝึกปฏิบัติงานจริงตามสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการต่อไป
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์สะเต็มศึกษา ห้อง 903 ชั้น 9 อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือโทรศัพท์ 0-2555-2291,0-2555-2236

ขวัญฤทัย ข่าว/บุกเบิก ถ่ายภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

คณะบริหารธุรกิจ มจพ. ปราจีนบุรี MOU Eastern MICE Academic Cluster

ผศ.พีระศักดิ์ เสรีกุล รองอธิการบดีประจำวิทยาเขต มจพ.ปราจีนบุรี ปฏิบัติการแทนอธิการบดี และรักษาการแทนคณบดีคณะบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ เข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการการจัดตั้งศูนย์เครือข่ายความร่วมมือด้านการศึกษาไมซ์ภาคตะวันออก (Eastern MICE Academic Cluster) กับ นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. พร้อมกับผู้บริหารของสถาบันการศึกษาทั้ง 7 แห่ง ได้แก่ รศ.ดร.วัชรินทร์ กาสลัก ผู้รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยบูรพา, ผศ.ดร.สุภัทชัย ชมพันธุ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารและการศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา, ผศ.ดร.พรพิมล วิริยะกุล ที่ปรึกษาอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์, ผศ.ดร.กัลยรัตน์ เจียมโฆษิต คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี, ดร.อรรถเวทย์ พฤกษ์สถาพร รักษาการแทนอธิการบดี วิทยาลัยดุสิตธานี ศูนย์การศึกษาเมืองพัทยา, นายสุพจน์ ทองเหลือง ผู้อำนวยการ วิทยาลัยอาชีวศึกษาฉะเชิงเทรา และ นายวิชัย หาญพลาชัย ผู้อำนวยการ วิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ

มีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการจัดประชุมและการแสดงสินค้านานาชาติของประเทศไทย หรือ อุตสาหกรรมไมซ์ (MICE: Meeting, Incentive, Conversation and Exhibitions) และส่งเสริมให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมในทุกมิติ โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่ภาคตะวันออก

ซึ่งสอดคล้องกับการผลิตบัณฑิตของหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการท่องเที่ยวและโรงแรม คณะบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ มจพ.วิทยาเขตปราจีนบุรี โดยมีมหาวิทยาลัยบูรพาเป็น
ผู้ประสานงานการเข้าร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งนี้มีคณะผู้บริหารและบุคลากรของคณะบริหารธุรกิจและอุตสาหกรรมบริการ มจพ.วิทยาเขตปราจีนบุรี เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม ณ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยบูรพา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา

ศศิกานต์/ข่าว
ปาริฉัตร/ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เปิดตัวหลักสูตร WIN กับผู้สอนจากสองสถาบันธุรกิจชั้นนำ Alibaba และ NIDA Business School

กรุงเทพฯ 23 กันยายน 2562 – คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ร่วมกับบริษัท TeC e-Business Center ศูนย์กลางการยกระดับผู้ประกอบการไทย ให้สามารถพัฒนาธุรกิจด้วยเครื่องมือดิจิทัล เปิดตัวหลักสูตร “WIN” หลักสูตรแรกจากความร่วมมือระหว่าง NIDA Business School และ TeC e-Business Center, Project Collaboration ตัวแทนอย่างเป็นทางการของ “Alibaba Business School” หวังพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการที่ต้องการเอาชนะความท้าทายทางธุรกิจในยุคดิจิทัล ภายใต้แนวคิด WIN : Win The World Challenge of Digital Landscape ต่อยอดความคิด พลิกธุรกิจสู่ดิจิทัลยุคใหม่ ใน Episode: “Innovation Business Lesson Learn from China for New Business Enhancement” China 2020 ถอดบทเรียนผู้นำโลกธุรกิจดิจิทัล จากจีนสู่ไทยกับเทรนด์ที่ใคร ๆ ต่างต้องจับตามอง

ภายใต้การผสมผสานอย่างลงตัวขององค์ความรู้เชิงทฤษฎี ที่ถ่ายทอดผ่านทางคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ สถาบันการศึกษาชั้นนำและการถ่ายทอดประสบการณ์ กรณีศึกษาต่าง ๆ อันเป็นตัวอย่างจากการลงมือปฏิบัติจริงจากนักปฏิบัติชั้นยอดและผู้ที่ประสบความสำเร็จในแต่ละด้านของ Alibaba Business School และ TeC อีกทั้งยังเรียนเชิญวิทยากรพิเศษจากองค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยที่ประสบความสำเร็จในประเทศจีนอย่าง King power click และ Namu life, Snailwhite (Beljing) มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และเป็นแรงบันดาลให้กับเหล่าบรรดาผู้ประกอบการไทย ให้กล้ายกระดับความคิดและพัฒนาธุรกิจ จนประสบความสําเร็จได้ในอนาคต ทำให้หลักสูตรนี้มีความครบเครื่องและตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาศักยภาพและเอาชนะความท้าทายทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง

รศ.ดร.ธัชวรรณ กนิษฐ์พงศ์ คณบดีคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวถึงหลักสูตรความร่วมมือนี้ว่า “หลักสูตรนี้มีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เนื่องจากเหล่าผู้ประกอบการต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและเทคโนโลยีอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจและรองรับการแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์ สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับมาใช้กับการตลาดยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าถึงการค้าแบบ E-Business ได้อย่างมืออาชีพ”

ด้าน นางสาวกุลธิรัตน์ ภควัชร์ไกรเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท TeC e-Business Center กล่าวว่า “การปรับตัวของธุรกิจยุคปัจจุบันต้องสอดคล้องกับทิศทางการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยทุกวันนี้มีศูนย์กลางคือประเทศจีน ดังนั้นการที่ได้ Alibaba Business School มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์และความก้าวหน้าทางวิทยาการให้กับเหล่าผู้ประกอบการ และเจ้าของกิจการไทย ย่อมเป็นโอกาสดีที่ท่านจะได้เก็บเกี่ยวองค์ความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจของท่าน เพื่อยกดับระดับธุรกิจด้วยเครื่องมือด้านดิจิทัลต่อไป”

ด้าน นายณัฐพร วุ่นกลิ่นหอม นายกสมาคมดิจิทัลไทย หนึ่งในวิทยากรของหลักสูตรนี้กล่าวว่า “บทบาทของจีนในเวทีการค้าโลกเพิ่มความสำคัญขึ้นทุกขณะ เช่นเดียวกับบทบาทในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจด้านดิจิทัลที่จีนประกาศความพร้อมมานานหลายปี การเรียนรู้จากความสำเร็จของธุรกิจจีนจึงเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบธุรกิจชาวไทยได้ดีที่สุด และจากประสบการณ์ที่ผมได้มีโอกาสร่วมงานและสัมผัสประสบการณ์ตรงกับทาง Alibaba ในฐานะสมาชิกมูลนิธิ Jack Ma Foundation ทำให้ยิ่งมั่นใจว่านี่จะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะได้เรียนรู้จากผู้นำ e-commerce โลกและเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยไม่หยุดนิ่ง พร้อมปรับตัวก้าวทันโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

โดยผู้เข้าอบรมหลักสูตรนี้จะได้รับประกาศนียบัตรรับรองจาก สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ร่วมกับ TeC และ Alibaba Managerial Certification Program โดย Alibaba Business School โดยต้องเข้ารับการอบรมไม่น้อยกว่า 80% ของเวลาการอบรมทั้งหมด และมีค่าใช้จ่ายตลอดการอบรม 79,000 บาท

สามารถสมัครได้แล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคมนี้ โดยอบรมในวันอังคารที่ 12,19 และ 28-30 พฤศจิกายน 2562 ณ อาคาร บุญชนะอัตถากร คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยท่านสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนได้ที่ www.tec.work/win หรือติดต่อศูนย์เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน คณะบริหารธุรกิจ 02-7273973, 098-346-3513 Line: nidacec หรือ Email: chanida.c@nida.ac.th


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ยเปิดตัวโครงการ Developer Program 2.0 เร่งสร้างอีโคซิสเต็มนักพัฒนา

นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน/ 26 กันยายน 2562 – ที่งาน HUAWEI CONNECT 2019 หัวเว่ยได้ประกาศทุ่มงบกว่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของงบโครงการ Developer Program 2.0 ตั้งเป้าจับมือกับองค์กรและนักพัฒนาอิสระเพื่อสร้างระบบอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมคอมพิวติ้ง และได้เปิดตัว Kunpeng Developer Kit และแพลตฟอร์มพัฒนา AI อย่าง ModelArts 2.0 สำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ในแพลตฟอร์มประมวลผล Kunpeng และ Ascend

หัวเว่ยเชิญชวนนักพัฒนาร่วมสร้างอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมคอมพิวติ้ง
โครงการ Developer Program 1.0 ของหัวเว่ย เปิดตัวขึ้นครั้งแรกที่งานประชุม Huawei Developer Conference ในปี 2558 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หัวเว่ยก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์การสื่อสารแบบเปิด บริการคลาวด์ ระบบประมวลผล AI Ascend และแพลตฟอร์มการประมวลผล Kunpeng โดยบริษัทได้เปิดศูนย์ OpenLab ถึง 21 แห่งทั่วโลก ตั้งชุมชนนักพัฒนา จัดการแข่งขันสำหรับนักพัฒนา และระบบการรับรองนักพัฒนาที่มีความสามารถ ในขณะนี้หัวเว่ยมีนักพัฒนาอิสระที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วถึง 1.3 ล้านคน และทำงานร่วมกับบริษัทนักพัฒนาอีกกว่า 14,000 ราย เพื่อร่วมกันรังสรรค์ผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่จะสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้า

มร. แพทริค จาง ประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยี กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการ CLOUD & AI ของหัวเว่ย อธิบายถึงเป้าหมายของโครงการ Developer Program 2.0 ในอีก 5 ปีข้างหน้า ดังนี้

  • สร้างอีโคซิสเต็มอุตสาหกรรมคอมพิวติ้ง โดยใช้ขุมกำลังจากโปรเซสเซอร์ Kunpeng และ Ascend
  • สร้างระบบ Enablement ที่ครบวงจร
  • ส่งเสริมการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรม คุณสมบัติ ไซต์สาธิต และระบบการรับรองด้านเทคนิค
  • สร้างอีโคซิสเต็มสำหรับแอปพลิเคชันในอุตสาหกรรมแต่ละประเภท รวมถึงอีโคซิสเต็มของอุตสาหกรรมในแต่ละภูมิภาค
  • แบ่งปันพลังการประมวลผลของ Kunpeng และ Ascend ให้นักพัฒนาทุกคนได้ใช้

โครงการ Developer Program 2.0 สอดคล้องกับหลักการ Lab as Service, End-to-End, Agile, Dedicated และ Social (LEADS) ของบริษัท และยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กระบวนการ พร้อมส่งเสริมชุมชน และทรัพยากรต่าง ๆ ในการพัฒนาทั้ง 4 ระยะ ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ การเรียนรู้ การพัฒนา และการนำออกสู่ตลาด การสนับสนุนแบบครบวงจรนี้จะทำให้การพัฒนาซอฟต์แวร์บนแพลตฟอร์มของหัวเว่ยมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น โดยทรัพยากรที่เรามีให้บริการนั้นรวมถึงโค้ดตัวอย่างใน Kunpeng, เทรนนิ่งการ์ดของ Ascend, คูปองใช้บริการคลาวด์, OpenLab, การฝึกอบรมและการมอบใบรับรอง และการแข่งขันสำหรับนักพัฒนา หัวเว่ยยังให้การสนับสนุนด้านการย้ายแอปพลิเคชันสำหรับริษัทซอฟต์แวร์อิสระ การพัฒนา Huawei FAE การตลาด และการสร้างโชว์เคส และเพื่อส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรม หัวเว่ยได้ก่อตั้งกองทุนพัฒนาการเรียนรู้ (LDF) กองทุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (PDF) และกองทุนพัฒนาด้านการตลาด (MDF) สำหรับขั้นตอนการเรียนรู้ สร้างผลิตภัณฑ์ และส่งออกสู่ตลาด ตามลำดับ

Kunpeng Developer Kit ของหัวเว่ย สนับสนุนการย้ายซอฟต์แวร์ และการพัฒนาบนแพลตฟอร์มคอมพิวติ้ง Kunpeng ของหัวเว่ย
มร. ซีเหว่ จาง ประธานบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์ Taishan & Atlas ของหัวเว่ย ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอีโคซิสเต็ม Kunpeng ไว้ว่า “การพัฒนาของอีโคซิสเต็ม Kunpeng กำลังก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้าเพื่อทำการย้ายแอปพลิเคชันยอดนิยมกว่า 3,000 แอปเข้าไปอยู่ในอีโคซิสเต็ม Kunpeng ซึ่งจะช่วยปลดล็อกประสิทธิภาพที่เหนือกว่าให้แก่โค้ดในทุกๆ บรรทัด”

Kunpeng จะช่วยเร่งกระบวนการทรานสฟอร์มสู่ดิจิทัลในทุก ๆ อุตสาหกรรมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ดังต่อไปนี้

  • การทำงานร่วมกันระหว่างดีไวซ์-เอดจ์-คลาวด์ ได้ทลายขีดจำกัดระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ เอดจ์ และดีไวซ์ต่าง ๆ ด้วยแพลตฟอร์มประมวลผลที่รวมเป็นหนึ่งเดียวสำหรับนักพัฒนา
  • การประมวลผลแบบ Multi-core ที่ทำงานพร้อมกันได้ในการประมวลผลเพียงครั้งเดียวนั้นออกแบบมาเพื่อสถานการณ์ที่ใช้บิ๊กดาต้า สตอเรจและดาต้าเบสที่ใช้งานร่วมกัน Kunpeng จะช่วยส่งเสริมการทรานสฟอร์มสู่สถาปัตยกรรมไอที
  • การทำงานร่วมกันของ Kunpeng และ Ascend ขยายไปถึงการประมวลผลด้วย AI สำหรับเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมาแรงอย่าง 5G, AI และการขับขี่อัตโนมัติ
  • เทคโนโลยีเร่งกระบวนการประมวลผล 5 ระดับจะช่วยเพิ่มศักยภาพขึ้นอีก 50% ผ่านการรวบรวมงานที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ, การรองรับ Non-uniform memory access (NUMA), ระบบเอ็กเซลเลอเรดฮาร์ดแวร์การเข้าคิวข้อความ, ไลบรารีการเอ็กเซลเลอเรดฟังก์ชัน และระบบเพิ่มประสิทธิภาพ Kernel scheduling อัตโนมัติ

Kunpeng Developer Kit ของหัวเว่ยประกอบด้วยชุดคอมไพเลอร์และเครื่องมือสามตัวด้วยกัน โดย Dependency Advisor และ Porting Advisor เป็นระบบแรกในอุตสาหกรรมที่ทำให้เกิดระบบอัตโนมัติสำหรับการย้ายแอปพลิเคชันระหว่างแพลตฟอร์มการประมวลผล พร้อมเร่งการย้ายและการออปติไมซ์โค้ด นักพัฒนาซอฟต์แวร์นั้นเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในชุดคำสั่ง แต่ Tuning Kit ช่วยทำให้เข้าใจประสิทธิภาพที่จะเกิดขึ้นและช่วยออปติไมซ์พารามิเตอร์ได้ในคลิกเดียวพร้อมอัตราในการพัฒนาที่มากขึ้นถึง 5 เท่า นักพัฒนาจึงสามารถใช้เครื่องมือและฐานความรู้ที่เกี่ยวข้องจากชุมชนสำหรับนักพัฒนาของ Kunpeng ที่ครบวงจร นอกจากนี้ DevCloud ของหัวเว่ยคลาวด์ยังผสานรวมเข้ากับ Kunpeng Developer Kit เพื่อช่วยทำให้เครื่องมือการพัฒนาซอฟต์แวร์พร้อมใช้งานออนไลน์อีกด้วย

หัวเว่ยเปิดตัว ModelArts 2.0 เพื่อการพัฒนา AI อันทรงประสิทธิภาพ
มร. แจ็ก เจีย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายการผลิตภัณฑ์ EI ของ Cloud BU ประกาศเปิดตัว ModelArts 2.0 ซึ่งอัปเกรดจากแพลตฟอร์มการพัฒนา AI ที่ครบวงจร เครื่องมือระบบอัจฉริยะประสิทธิภาพสูงชิ้นนี้ช่วยปรับปรุงการเตรียมดาต้า รวมถึงการเทรนและการใช้งานโมเดลอีกด้วย ModelArts 2.0 ยังเป็นระบบที่เป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้นในวงการ AI เพื่อให้ผู้ใช้เชี่ยวชาญและใช้ทักษะ AI ได้อย่างรวดเร็ว และยังเหมาะสำหรับวิศวกรอัลกอริทึมและนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูล เพราะจะช่วยเพิ่มขีดความความสามารถในการประมวลผล ทำให้นักพัฒนามีเวลาเหลือไปโฟกัสกับการวิจัยและสร้างสรรค์อัลกอริทึมขั้นพื้นฐาน

งาน Huawei Connect ยังเป็นที่เปิดตัวหนังสือ Ascend AI Processor Architecture and Programming: Principles and Applications of CANN โดยมี มร. เหลียง เสี่ยวเหยา อาจารย์และที่ปรึกษาระดับปริญญาเอก คณะวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทง มาเป็นผู้เรียบเรียงคำแนะนำในซีรีส์หนังสือเกี่ยวกับ AI ของหัวเว่ย บริษัทมีแผนที่จะเผยแพร่บทเรียนเกี่ยวกับการประมวลผลอัจฉริยะที่ใช้เป็นแบบเรียนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรม AI นอกจากนี้ มร. จิม เซ็มลิน ผู้อำนวยการของ Linux Foundation ยังได้มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วย พร้อมกล่าวว่า Linux เป็นพลังในการขับเคลื่อนการพัฒนาการประมวลผลที่หลากหลายมาโดยตลอด และ Linux Foundation พร้อมร่วมงานกับหัวเว่ยเพื่อส่งเสริมความหลากหลายในโลกแห่งการประมวลผล

HUAWEI CONNECT 2019 เป็นงานแฟล็กชิปประจำปีซึ่งหัวเว่ยจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมไอซีทีระดับโลก โดยงานในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม “Advance Intelligence” ที่นครเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 18 – 20 กันยายน 2562 หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างและทุกคนเข้ามามีส่วนร่วมได้ สำหรับลูกค้าและพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ให้โลกอัจฉริยะแห่งอนาคต

โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.huawei.com/en/press-events/events/huaweiconnect2019


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์, เป่ยจิง ยูนิคอม และหัวเว่ย เปิดตัวระบบสมาร์ท ทราเวล ผ่านเทคโนโลยี 5G

ปักกิ่ง ประเทศจีน/ 24 กันยายน 2562 –ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์, ไชน่า ยูนิคอม เป่ยจิง และหัวเว่ย ร่วมกันเปิดตัวระบบบริการ 5G สมาร์ท ทราเวล ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเป่ยจิง ต้าซิง

ระบบบริการ 5G สมาร์ท ทราเวล ทำให้ประสบการณ์ภายในสนามบินของผู้โดยสารดีขึ้นอย่างมาก บริการต่าง ๆ ขับเคลื่อนด้วย 5G ไม่ว่าจะเป็นระบบจดจำใบหน้าสำหรับการเช็คอินและการรักษาความปลอดภัย ประสบการณ์การใช้งานในสนามบินที่ปรับแต่งสำหรับผู้ใช้แต่ละรายผ่านสมาร์ทแอปและบริการเช็คอินสัมภาระแบบไม่ต้องใช้กระดาษ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของบริการกลุ่มแรกในสนามบินที่ให้บริการผ่านเทคโนโลยี 5G, AI และ AR ที่ได้ตั้งมาตรฐานสนามบินอัจฉริยะรุ่นใหม่ และทำให้สนามบินแห่งนี้เป็นต้นแบบสำหรับการใช้เครือข่าย 5G จิกะบิต ในอุตสาหกรรมการบินพลเรือน การร่วมมือกับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมเคลื่อนที่จะช่วยเสริมศักยภาพให้สนามบินยกระดับแบรนด์ของตนขึ้นไปอีกขั้

เมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ไชน่า ยูนิคอม เป่ยจิง ได้เลือกใช้ระบบดิจิทัลภายในอาคารอย่าง LampSite 5G ของหัวเว่ย มาติดตั้งเพื่อปล่อยสัญญาณ 5G ให้ครอบคลุมทั่วทั้งอาคารผู้โดยสารของสนามบิน โดยมีอัตราความเร็วที่วัดได้ในช่วงทดสอบภาคสนามสูงกว่า 1.2 จิกะบิตต่อวินาที ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเครือข่ายสอบผ่านฉลุยสำหรับการมอบประสบการณ์ 5G ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ผู้โดยสาร

โฉมหน้าแห่งความสะดวกสบาย
ที่ท่าอากาศยานนานาชาติเป่ยจิง ต้าซิง ผู้โดยสารของสายการบินไชน่า อีสเทิร์น ไม่จำเป็นต้องแสดงบัตรประชาชนหรือสแกนคิวอาร์โค้ดอีกต่อไป เพราะสามารถผ่านขั้นตอนการเดินทางทุกขั้น ตั้งแต่การซื้อตั๋วไปจนถึงการเช็คอิน ฝากกระเป๋าสัมภาระ เช็คความปลอดภัย และขึ้นเครื่องได้ด้วยการสแกนใบหน้า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะยืนยันตัวตนผู้โดยสารด้วยระบบบริการสมาร์ท ทราเวล และพาผู้โดยสารไปยังที่นั่งของพวกเขาได้โดยใช้ระบบการจดจำใบหน้า

การจดจำใบหน้ายังมีประโยชน์สำหรับพนักงานบริการภาคพื้นดินอีกด้วย โดยพนักงานจะระบุตัวผู้โดยสารได้อย่างรวดเร็ว และพร้อมแจ้งข้อมูลการเดินทางเพื่อให้ขึ้นเครื่องได้ทันเวลา ด้วยเครื่องแสดงข้อมูลอัจฉริยะ (Smart Display Terminal) ในการเช็คอิน เช็คความปลอดภัย และพื้นที่สำหรับผู้โดยสารวีไอพี ผู้โดยสารสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับเที่ยวบิน ประตูทางออกขึ้นเครื่อง และสภาพอากาศ ณ จุดหมายปลายทาง โดยผ่านการสแกนใบหน้า ผู้โดยสารจึงไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเที่ยวบินของตัวเองบนหน้าจอที่มีข้อมูลยาวเหยียด นอกจากนี้ยังมีบริการแจ้งเวลาเครื่องออกเดินทาง/ถึงปลายทาง รวมถึงคาดการณ์เวลาที่ต้องใช้จากจุดที่อยู่ไปจนถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องอีกด้วย

ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ มีระบบเก็บข้อมูลของผู้โดยสารที่มีความปลอดภัยสูงสุด ที่จะลบข้อมูลของผู้โดยสารทั้งหมดเมื่อยืนยันการขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว เพราะบริษัทให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าเป็นอันดับแรก สายการบินจึงมั่นใจที่จะให้บริการอัจฉริยะใหม่ ๆ อย่างเต็มที่

บริการ Smart Air Travel
เครือข่าย 5G ที่ทรงพลังของไชน่า ยูนิคอม เป่ยจิง ซึ่งติดตั้งโดยหัวเว่ย ช่วยให้การส่งข้อมูลปริมาณมหาศาลเป็นไปได้ และช่วยปลดล็อกการให้บริการที่ปรับแต่งตามผู้โดยสารแต่ละรายของไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ ได้อย่างแท้จริง แอปพลิเคชันของสายการบินจะสามารถส่งข้อมูลที่เจาะจงผู้ใช้งานไปยังผู้โดยสารตลอดการเดินทาง รวมถึงการเตือนเรื่องการออกตั๋ว เช็คอิน ขึ้นเครื่อง การเปลี่ยนประตูขึ้นเครื่อง การรับกระเป๋าสัมภาระ และการเปลี่ยนเครื่อง

นอกจากการแจ้งเตือนตามปกติแล้ว ข้อมูลต่างๆ อาทิเช่น การโหลดกระเป๋าสัมภาระ การมาถึงของกระเป๋าที่บริเวณรับกระเป๋า การขึ้นเครื่องโดยไม่มีผู้ปกครองและการรับเด็ก และการประเมินเวลาที่จะไปถึงประตูทางออกขึ้นเครื่อง ล้วนดูได้จากแอป ทางไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ ยังได้วางแผนที่จะจัดหาบริการที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น เวลาโดยประมาณจากจุดออกเดินทางไปยังสนามบิน และการแจ้งเตือนการเข้าถึงพื้นที่บริการ เพื่อทำให้บริการการเดินทางทางอากาศมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

บริการต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ คลายความกังวลจากการใช้บริการสนามบิน และทำให้เกิดความสะดวกสบายและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น

บริการโหลดสัมภาระแบบไร้กระดาษ
ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ ได้เปิดตัวบริการติดตามกระเป๋าผ่าน 5G เพิ่มเติมจากโซลูชัน RFID แท็กอิเล็กทรอนิกส์ติดกระเป๋า ด้วยการ์ดติดกระเป๋า RFID ที่คงทนและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ผู้โดยสารที่ต้องการเช็คอินกระเป๋าสามารถที่จะวางการ์ดกระเป๋า RFID นี้ใกล้ ๆ กับโทรศัพท์มือถือเพื่อล็อกอินและระบุเลขเที่ยวบินและปลายทางของกระเป๋า แล้วทำการ Activate เพื่อส่งกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องใช้ใบรับกระเป๋าที่เป็นกระดาษเลย

เมื่อเทียบกับวิธีการแบบเดิม บริการโหลดกระเป๋าสัมภาระด้วยการ์ดกระเป๋ามีความชาญฉลาดและสะดวกสบายกว่า ผู้โดยสารยังสามารถแทร็กสถานะของกระเป๋าที่เช็คอินกระเป๋าผ่านแอปพลิเคชันของไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ ได้ทุกเมื่อ และพนักงานก็ทำการเช็คกระเป๋าสัมภาระได้อย่างรวดเร็วในแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการสัมภาระ

ด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย 5G ตอนนี้ไชน่าอีสเทิร์นแอร์ไลน์ จึงได้ก้าวขึ้นมาเป็นสายการบินอัจฉริยะอย่างเต็มตัวแล้ว สายการบินยังได้ช่วยปลดล็อกศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงโลกของ 5G, AI, คลาวด์คอมพิวติ้ง และเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมากมายผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ ไชน่า ยูนิคอม เป่ยจิง และหัวเว่ย และภายหลังจากที่ได้ทดลองใช้งานที่ท่าอากาศยานนานาชาติเป่ยจิง ต้าซิง แล้ว สายการบินไชน่า อีสเทิร์น จะนำระบบบริการสมาร์ท ทราเวลนี้ไปใช้ที่ท่าอากาศยาน ในปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเมืองใหญ่อื่นๆ ในประเทศจีนอีกต่อไป


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. จัดฟรี! สัมมนาการปรับตัวของภาคธุรกิจในยุค DISRUPTION

คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) จัดสัมมนา เรื่อง “การปรับตัวของภาคธุรกิจในยุค DISRUPTION” วันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562 เวลา 12.00 – 16.30 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารคณะบริหารธุรกิจ มจพ. วิทยาเขตระยอง เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 60 ปี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ปาฐกถาพิเศษ โดย  คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานนักศึกษา X-DBA รุ่นที่ 1

สัมมนา เรื่อง การปรับตัวของภาคธุรกิจในยุค DISRUPTION จัดถ่ายทอดสดผ่าน NationTV ช่อง 22  จัดโดยนักศึกษาระดับปริญญาเอก X-DBA รุ่นที่ 4 ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่

https://nregister.nationgroup.com/NTVBADIS/register.php

คณะบริหารธุรกิจ มจพ. ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าวได้ตามวันและเวลาข้างต้น หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์ 062-409-0519 

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Exit mobile version