Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซิสโก้พลิกโฉมระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ในยุค AI

กรุงเทพฯ, 19 เมษายน 2567 – ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) ผู้นำด้านระบบรักษาความปลอดภัยและเครือข่าย เผยโฉมแนวทางที่แปลกใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยดาต้าเซ็นเตอร์และระบบคลาวด์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการปฏิวัติด้าน AI ที่มีผลต่อโครงสร้างพื้นฐานไอที ซิสโก้กำลังปรับสถาปัตยกรรมใหม่ในการใช้ประโยชน์และปกป้อง AI รวมไปถึงเวิร์กโหลดสมัยใหม่อื่นๆ ด้วย Cisco Hypershield ซึ่งเป็นนวัตกรรมแรกในอุตสาหกรรม (industry-first) นับเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่องค์กรต่างๆ โดยต่อยอดจากการประกาศแผนการล่าสุดของซิสโก้ในการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยอาศัยผลิตภัณฑ์อีเธอร์เน็ตสวิตช์ ซิลิคอน และระบบประมวลผลของซิสโก้

Cisco Hypershield ปกป้องแอปพลิเคชัน อุปกรณ์ และข้อมูลทั้งหมดในดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งแบบพับลิคและไพรเวท รวมถึงสถานที่ตั้งทางกายภาพในทุกที่ที่ลูกค้าต้องการ ซึ่ง Cisco Hypershield ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นโดยคำนึงถึง AI ตั้งแต่เริ่มต้น จึงช่วยให้องค์กรต่างๆ บรรลุเป้าหมายด้านการรักษาความปลอดภัยในขอบเขตที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้เพียงลำพัง

ชัค ร็อบบินส์, ประธานและซีอีโอของซิสโก้ กล่าวว่า “Cisco Hypershield เป็นหนึ่งในนวัตกรรมด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา ด้วยความได้เปรียบด้านข้อมูลและจุดแข็งในด้านความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐาน และแพลตฟอร์มการสังเกตการณ์ ซิสโก้จึงมีสถานะที่โดดเด่นในการช่วยให้ลูกค้าของเราสามารถใช้ประโยชน์จากพลังของ AI”

Hypershield คือสถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ที่นับเป็นการปฏิวัติวงการ สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่เดิมพัฒนาขึ้นสำหรับระบบคลาวด์สาธารณะในระดับไฮเปอร์สเกล และตอนนี้พร้อมใช้งานสำหรับทีมงานฝ่ายไอทีภายในองค์กรทุกขนาด  Hypershield มีลักษณะเป็นแฟบริค (Fabric) มากกว่าที่จะเป็นรั้วกั้น จึงทำให้สามารถวางระบบรักษาความปลอดภัยได้ทุกที่ที่ต้องการ ครอบคลุมทุกบริการแอปพลิเคชันในดาต้าเซ็นเตอร์ ทุกคลัสเตอร์ Kubernetes ในระบบคลาวด์สาธารณะ รวมไปถึงคอนเทนเนอร์และเวอร์ชวลแมชชีน (VM) ทั้งหมด  นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนพอร์ตเครือข่ายทุกพอร์ตให้เป็นจุดควบคุมความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูง โดยนำความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ มาใช้ ไม่เพียงแต่บนคลาวด์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงดาต้าเซ็นเตอร์ พื้นที่ภายในโรงงาน หรือห้องถ่ายภาพทางการแพทย์ในโรงพยาบาล  เทคโนโลยีใหม่นี้สามารถสกัดกั้นการโจมตีช่องโหว่ของแอปพลิเคชันได้ภายในไม่กี่นาที และหยุดการเข้าถึงส่วนอื่นๆ ของเครือข่ายอย่างอิสระทั้งหมด

จีทู พาเทล, รองประธานบริหารและผู้จัดการทั่วไปฝ่ายระบบรักษาความปลอดภัยและการทำงานร่วมกันของซิสโก้ กล่าวว่า “AI ช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับประชากร 8,000 ล้านคนทั่วโลก ให้สามารถสร้างผลกระทบได้มากขึ้นราวกับว่ามีประชากรมากถึง 80,000 ล้านคน ด้วยศักยภาพดังกล่าว เราจึงจำเป็นต้องพลิกโฉมบทบาทของดาต้าเซ็นเตอร์ รวมไปถึงวิธีการเชื่อมต่อดาต้าเซ็นเตอร์ การรักษาความปลอดภัย การดำเนินการ และการปรับขนาด  ข้อได้เปรียบของ Cisco Hypershield คือสามารถรักษาความปลอดภัยได้ทุกที่ที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นในซอฟต์แวร์ ในเซิร์ฟเวอร์ หรือแม้กระทั่งในสวิตช์เครือข่ายในอนาคต  เมื่อคุณมีระบบแบบกระจายที่ประกอบด้วยจุดควบคุมหลายแสนจุด การจัดการที่เรียบง่ายจึงถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการดำเนินงาน และเราจำเป็นต้องมีระบบที่สามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติและเป็นอิสระมากขึ้น โดยเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง”

การรักษาความปลอดภัยด้วย Hypershield เกิดขึ้นใน 3 เลเยอร์ที่แตกต่างกัน นั่นคือ ในซอฟต์แวร์ ในเวอร์ชวลแมชชีน และในเซิร์ฟเวอร์ประมวลผลบนเครือข่าย และอุปกรณ์ โดยใช้ประโยชน์จากตัวเร่งฮาร์ดแวร์อันทรงพลังแบบเดียวกับที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูงและระบบคลาวด์สาธารณะในแบบไฮเปอร์สเกล

Hypershield ถูกสร้างขึ้นด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่:

  • AI-Native: Hypershield ได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อทำงานได้อย่างเป็นอิสระและมีความสามารถในการคาดการณ์ เมื่อได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานแล้ว ระบบจะสามารถจัดการตัวเองได้ โดยรองรับแนวทางการรักษาความปลอดภัยที่มีการกระจายในวงกว้าง (Hyper-Distributed)
  • Cloud-Native: Hypershield สร้างขึ้นบนโอเพ่นซอร์ส eBPF ซึ่งเป็นกลไกเริ่มต้นสำหรับการเชื่อมต่อและปกป้องเวิร์กโหลดแบบคลาวด์เนทีฟในระบบคลาวด์แบบไฮเปอร์สเกล ในต้นเดือนที่ผ่านมา ซิสโก้ได้ซื้อกิจการ Isovalent ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ eBPF ชั้นนำสำหรับองค์กรธุรกิจ
  • Hyper-Distributed: ซิสโก้พลิกโฉมวิธีการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายแบบเดิมๆ อย่างสมบูรณ์ โดยฝังระบบควบคุมการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงไว้ในเซิร์ฟเวอร์และโครงสร้างเครือข่ายโดยตรง Hypershield ครอบคลุมคลาวด์ทั้งหมดและใช้ประโยชน์จากการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ เช่น หน่วยประมวลผลข้อมูล (DPU) เพื่อวิเคราะห์และตอบสนองต่อความผิดปกติในการทำงานของแอปพลิเคชันและเครือข่าย โดยจะย้ายระบบรักษาความปลอดภัยให้อยู่ใกล้กับเวิร์กโหลดที่ต้องการการปกป้องมากขึ้น

ซิสโก้ ด้วยความเชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรมด้านระบบเครือข่าย ความปลอดภัย และพาร์ทเนอร์อีโคซิสเต็มที่กว้างขวาง ร่วมกับ NVIDIA มุ่งมั่นในการสร้างและปรับแต่งโซลูชันความปลอดภัยที่เป็น AI-native เพื่อปกป้องและขยายดาต้าเซ็นเตอร์แห่งอนาคต ความร่วมมือนี้รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก NVIDIA Morpheus cybersecurity AI framework ในการตรวจจับความผิดปกติของเครือข่ายที่เร็วขึ้น ตลอดจน NVIDIA NIM microservices เพื่อขับเคลื่อนผู้ช่วยด้าน security AI ที่กำหนดเองสำหรับองค์กร ตระกูลตัวเร่งประมวลผลแบบรวมศูนย์ (converged accelerators) ของ NVIDIA ผสานพลังของการประมวลผล GPU และ DPU เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Cisco Hypershield ด้วยความปลอดภัยที่ทรงพลังจากคลาวด์สู่เอดจ์

เควิน ไดเออร์ลิง, รองประธานอาวุโสฝ่ายเครือข่ายของ NVIDIA กล่าวว่า “องค์กรในทุกอุตสาหกรรมกำลังมองหาระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถปกป้องพวกเขาจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ขยายวงกว้างอยู่ตลอดเวลา ซิสโก้และ NVIDIA กำลังใช้ประโยชน์จากพลังของ AI เพื่อมอบโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทรงพลังและปลอดภัยอย่างเหนือชั้น ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถทรานส์ฟอร์มธุรกิจของตน และลูกค้าได้ประโยชน์ในทุกที่”

Hypershield คือสถาปัตยกรรมการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ที่ปฏิวัติวงการ โดยแก้ไขปัญหาท้าทายหลัก 3 ประการของลูกค้าสำหรับการปกป้ององค์กรให้รอดพ้นจากภัยคุกคามที่ซับซ้อนในปัจจุบัน:

  • การป้องกันช่องโหว่แบบกระจาย: ผู้โจมตีมีความเชี่ยวชาญในการสร้างอาวุธเพื่อโจมตีช่องโหว่ที่เพิ่งพบเจอได้รวดเร็วกว่าที่ฝ่ายป้องกันจะสามารถพัฒนาและติดตั้งแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นั้นๆ  จากข้อมูลของ Cisco Talos Threat Intelligence พบว่าองค์กรต่างๆ พบเจอช่องโหว่ใหม่เกือบ 100 รายการในแต่ละวัน ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่เลวร้ายได้  Hypershield มอบการปกป้องได้อย่างฉับไวภายในเวลาไม่กี่นาที ด้วยการทดสอบและปรับใช้ระบบควบคุมการชดเชยโดยอัตโนมัติภายใน distributed fabric ของจุดควบคุมต่างๆ
  • การแบ่งส่วนเครือข่ายอัตโนมัติ: เมื่อผู้โจมตีเข้ามาในเครือข่าย การแบ่งส่วนเครือข่ายถือเป็นกุญแจสำคัญในการหยุดการเข้าถึงส่วนอื่นๆ ของเครือข่ายอย่างอิสระได้ทั้งหมด  Hypershield จะสังเกต ค้นหาสาเหตุโดยอัตโนมัติ และประเมินนโยบายที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อแบ่งส่วนเครือข่ายโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ในสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนอย่างมาก
  • การอัปเกรดตรงตามข้อกำหนด: Hypershield ทำให้กระบวนการทดสอบและติดตั้งอัปเกรดที่ต้องใช้แรงงานและเวลาอย่างมากสามารถดำเนินการโดยอัตโนมัติทันทีที่อัปเกรดพร้อมใช้งาน โดยใช้ประโยชน์จาก Dual Data Plane  สถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์แบบใหม่นี้ช่วยให้สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์อัปเกรดและการเปลี่ยนแปลงนโยบายไว้ใน Digital Twin ที่รองรับการทดสอบอัปเดตต่างๆ โดยใช้การผสมผสานที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้า ทั้งในส่วนของแทรฟฟิก นโยบาย และฟีเจอร์ต่างๆ  จากนั้นก็นำอัปเดตดังกล่าวไปติดตั้งบนระบบที่ใช้งานจริง โดยที่ระบบยังคงทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

Hypershield ของซิสโก้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มความปลอดภัย Security Cloud ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มความปลอดภัย cross-domain แบบรวมศูนย์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยคาดว่าจะเปิดให้ใช้งานทั่วไปในเดือนสิงหาคม 2567 ด้วยการที่ซิสโก้เข้าซื้อกิจการของ Splunk เมื่อไม่นานมานี้ ลูกค้าจะได้รับความสามารถในมองเห็นและข้อมูลเชิงลึกที่เหนือกว่า ครอบคลุม digital footprint ทั้งหมดขององค์กร และช่วยยกระดับการรักษาความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ฟรังค์ ดิคสัน, รองประธานกลุ่มด้าน Security & Trust ที่ IDC กล่าวว่า “”AI ไม่ได้เป็นเพียงพลังที่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ที่เลวร้ายอีกด้วย ทำให้แฮกเกอร์สามารถย้อนรอยแพตช์และสร้างการโจมตีได้อย่างรวดเร็ว ซิสโก้มุ่งแก้ไขปัญหาที่เกิดจาก AI ด้วยโซลูชัน AI โดย Hypershield ของซิสโก้มีเป้าหมายในการเปลี่ยนสถานการณ์ให้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อผู้ปกป้องระบบ ด้วยการปกป้องช่องโหว่ใหม่ๆ จากการถูกโจมตีภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที แทนที่จะต้องรอเป็นวัน เป็นสัปดาห์ หรือแม้กระทั่งเป็นเดือน กว่าที่แพตช์จะถูกติดตั้งและแก้ไขปัญหาได้จริง”

“ด้วยจำนวนช่องโหว่ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเวลาที่แฮกเกอร์ใช้ในการโจมตีด้วยช่องโหว่เหล่านั้นลดลงเรื่อยๆ เป็นที่ชัดเจนว่าการอุดช่องโหว่ด้วยแพตช์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถตามทันได้อีกต่อไป เครื่องมืออย่าง Hypershield จึงมีความจำเป็นในการต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายทางไซเบอร์ที่ฉลาดและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ”

ซีอุส เคอราวารา, ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ของ ZK Research กล่าวว่า “Cisco Hypershield มุ่งแก้ปัญหาความท้าทายด้านความปลอดภัยที่ซับซ้อนของศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ในยุค AI  วิสัยทัศน์ของซิสโก้เกี่ยวกับโครงสร้างแบบจัดการตัวเองที่ผสานรวมเครือข่ายไปจนถึงจุดปลายทางอย่างราบรื่น จะช่วยกำหนดนิยามใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น ระดับการมองเห็นและการควบคุมสภาพแวดล้อมแบบ hyper-distributed สามารถป้องกันการเข้าถึงส่วนอื่นๆ ของเครือข่ายอย่างอิสระของผู้โจมตี ผ่านแนวทางการแบ่งส่วนเครือข่ายอัติโนมัติที่เป็นอิสระและมีประสิทธิภาพสูง แม้สิ่งนี้อาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่เวลานี้ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อความก้าวหน้าล่าสุดของ AI รวมกับความสมบูรณ์ของเทคโนโลยีคลาวด์เนทีฟอย่าง eBPF”

สตีเวน เอลโล, หัวหน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสารสนเทศภาคสนามของ AHEAD กล่าวว่า “ที่ AHEAD เราเชื่อว่าความปลอดภัยทางไซเบอร์ควรถูกรวมเข้าไปในทุกสิ่งที่เราทำ การใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบแยกส่วนนั้นมีต้นทุนสูงและได้ผลน้อยกว่า Cisco Hypershield ทำให้มั่นใจว่ามาตรการป้องกันภัยไซเบอร์ถูกรวมเข้าไปในแฟบริกขององค์กร ระบบป้องกันการโจมตีแบบกระจาย (Distributed Exploit laProtection) จะเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับฝ่ายป้องกัน การใช้แพตช์เสริมความปลอดภัยแบบเดิมนั้นจำกัดอยู่แค่อุปกรณ์ชั้นนอก (edge devices) ซึ่งยังเปิดช่องให้ผู้โจมตีเคลื่อนไหวสู่ส่วนอื่นๆ ได้อย่างอิสระเมื่อเจาะผ่านพื้นที่ชั้นนอกมาแล้ว วันนี้จึงเป็นวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ปกป้องความปลอดภัยไซเบอร์ที่จะมีเครื่องมือที่ดีกว่าในการป้องกันภัยคุกคามอย่างแท้จริง”

ซิสโก้ปกป้องบริษัทชั้นนำระดับโลกทั้งหมดที่ติดอันดับ Fortune 100  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม คลิกไปที่ cisco.com/go/security

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เกี่ยวกับ ซิสโก้ (Cisco)

Cisco (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่เชื่อมต่อทุกสิ่งอย่างปลอดภัยเพื่อให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ เป้าหมายของซิสโก้คือขับเคลื่อนอนาคตสำหรับทุกคนโดยช่วยลูกค้าคิดใหม่ (reimagine) เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ขับเคลื่อนการทำงานแบบไฮบริด รักษาความปลอดภัยให้กับองค์กร ทรานส์ฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เปิดประสบการณ์กับซิสโก้ที่ห้องข่าว The Newsroom และติดตามข่าวสารของซิสโก้บน X ที่ @Cisco.


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. จัดประชุมสามัญ สออ.ประเทศไทย ประชุมสามัญ ทปอ.และสมาคม ทปอ . ประจำปี 2567

.ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) กล่าวต้อนรับ ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์  ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประจำประเทศไทย (สออ.) ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และอธิการบดีมหาวิทยาลัยสมาชิก  ร่วมการประชุมสามัญที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และการประชุมสามัญสมาคมที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ครั้งที่ 2/2567  และการประชุมสามัญสมาคมสถาบันการศึกษาขั้นอุดมแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย (สออ. ประเทศไทย) ครั้งที่ 1/2567  ในวันอาทิตย์ที่  21  เมษายน  2567  ณ ห้องราชพฤกษ์ อาคารนวมินทรราชินี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ   .ดร.เสาวณิต สุขภารังษี  รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ผศ.ดร.กฤษชัย ศรีบุญมา รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากิจการมหาวิทยาลัยเพื่อความยั่งยืน  กล่าวรายงาน ผลการดำเนินคณะกรรมการพันธกิจสากล เครือข่ายมหาวิทยาลัยยั่งยืนแห่งประเทศไทย (Sustainable University Network Thailand, Sun Thailand) การดำเนินงานคณะกรรมการวิชาการและพัฒนาคุณภาพการศึกษาและ ผลการดำเนินงานคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพนิสิต นักศึกษา  พร้อมด้วยการนำเสนอ เรื่องความร่วมมือส่งเสริมธรรมาภิบาลต่อต้านคอร์รัปชันในระดับอุดมศึกษาโดยคุณวิเชียร  พงศธร ประธานกรรมการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย ต่อด้วยการบรรยายพิเศษ   เรื่อง  “Paper  คือหนึ่งในแสนยานุภาพเชิงวิชาการและวิจัยของประเทศนั้นๆ  โดย ศ.ดร.ผดุงศักดิ์ รัตนเดโช กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และนายกสมาคมวิศวกรเครื่องกลไทย (TSME)  จากนั้นเยี่ยมชมนิทรรศการ “65 ปี มจพ. พลิกโฉม พลิกความคิด สู่ความยั่งยืนและการมอบรางวัลผลงานด้านความยั่งยืนดีเด่น  ประเภทบทความวิชาการ และโปสเตอร์ ในงานประชุมวิซาการ SUN Thailand ครั้งที่ 8 ณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ขวัญฤทัย ข่าว


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

‘มข.’ ส่งนวัตกรรมเพื่อสังคม ‘เตียงอัจฉริยะ’ ยกระดับคุณภาพชีวิตสูงวัยป่วย สร้างรอยยิ้ม สร้างรายได้ชุมชน

มหาวิทยาลัยขอนแก่น สร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม ส่งเตียงอัจฉริยะ ช่วยพลิกตัวลดแผลกดทับ ‘สูงวัยป่วยติดเตียง’  2 ชุมชนนำร่อง ตำบลบ้านโต้น และตำบลหนองแวง อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เตรียมอัพเกรดเวอร์ชั่นใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น รับเทรนด์สังคมสูงวัยในไทยพุ่ง 13 ล้านคน คาดผู้ป่วยติดเตียงมี 1.3% หรือ 1.7 แสนคน เตรียมจัดตั้งสู่วิสาหกิจชุมชน ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตผู้ป่วย ผู้ดูแล และ สร้างงาน สร้างรายได้เข้าชุมชน

ศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์ อาจารย์คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ คิดเป็นสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งประเทศ โดยเฉพาะใน จังหวัดขอนแก่น ผู้สูงอายุที่ติดเตียงถึง 20,000 คน ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนา โครงการพัฒนาส่งเสริมการผลิตเตียงพลิกตัวต้นทุนต่ำสำหรับผู้ป่วยติดเตียงโดยชุมชน” ที่ร่วมกันระหว่างคณะเศรษฐศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งดำเนินการภายใต้โครงการ CIGUS (C – community, I – industry, G – government, U – university, S – society) ที่มีความตั้งใจให้ผู้ป่วยในพื้นที่นำร่องใน 2 ชุมชน ได้แก่ ตำบลบ้านโต้นและตำบลหนองแวง อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น ได้มีเตียงที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานสามารถพลิกตะแคงตัวผู้ป่วยและลดการเกิดแผลกดทับ อีกทั้งยังช่วยลดภาระผู้ดูแลผู้ป่วย และสร้างงานสร้างรายได้ให้กับช่างในชุมชน

ทั้งนี้การพัฒนาเตียงอัจฉริยะได้เข้าสู่เวอร์ชัน 3  โดยเตียงจะใช้วัสดุทำจากไม้และโลหะบางส่วน ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผู้ป่วยและผู้ดูแลทำการกดสวิตช์ควบคุมเพื่อให้เตียงทำการพลิกตัว ส่วนงบประมาณในการจัดทำนั้นจะอยู่ที่ 10,000-15,000 บาทต่อเตียง ซึ่งเป็นราคาที่ผู้สูงอายุในชุมชนสามารถเข้าถึงได้

ด้านนายชัยชาญ เพชรสีเขียว  ตัวแทนกลุ่มผู้ผลิตเตียงในชุมชน กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีโอกาสแนะนำผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงในชุมชน อายุ 91 ปี และผู้ดูแลถึงการใช้งานของเตียงที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมีปุ่มกดให้สามารถลุกนั่ง เอนซ้าย เอียงขวา เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดการเคลื่อนไหวร่างกายและช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ โดยที่ไม่เกิดแผลกดทับ

ในส่วนของการต่อยอดเตียงอัจฉริยะไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ให้ชุมชนนั้น ขณะนี้ทางชุมชนได้รับมอบแบบและวิธีการต่อเตียงมาเป็นที่เรียบร้อยและอยู่ระหว่างการพูดคุยกับช่างไม้ภายในชุมชนที่น่าจะมีจำนวนที่มากพอในการทำงานนี้    อย่างไรก็ดี คงต้องรอความคืบหน้าเพราะยังเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และยังไม่ได้จดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน หากทุกอย่างเริ่มลงตัว ทั้งแบบที่กำลังปรับให้สอดรับกับการใช้งานมากขึ้น และวัสดุที่นำมาใช้สร้างเตียง ซึ่งยังมีความเห็นที่หลากหลาย ทั้งไม้เต็ง ไม้เนื้อแข็ง ไม้สนนอก ที่มีน้ำหนักเบาและหาได้ง่าย รวมถึงนำเหล็กมาต่อเป็นเตียงเพื่อให้ถอดประกอบได้ ในส่วนของขนาดเตียงก็ปรับให้สามารถขนย้ายเข้าบ้านของผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น

ผศ.ดร.สุรกานต์ รวยสูงเนิน อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า การพัฒนาเตียงเพื่อผู้สูงวัยที่ป่วยติดเตียง เป็นโครงการที่เกิดประโยชน์ได้หลายทาง ทั้งในมิติในสังคม และเศรษฐกิจ ในอนาคตหากสามารถต่อยอดไปสู่วิสาหกิจชุมชนได้จะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก เพราะวิธีการผลิตที่ง่าย ทักษะช่างไม้ที่มีอยู่ในชุมชนสามารถดำเนินการได้เลยตามแบบและคู่มือการประกอบที่เตรียมจัดทำขึ้น ขณะที่อุปกรณ์มอเตอร์ไฟฟ้าก็หาได้ง่ายจากร้านค้าชุมชน ถ้าเป็นการผลิตในปริมาณที่มากขึ้นในอนาคตจะยิ่งเป็นการลดต้นทุนลงมาอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อเตียง ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน รวมถึงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเตียงในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย

นอกจากในมิติของการสร้างงานและสร้างรายได้เข้าชุมชนแล้ว ส่วนของคุณภาพชีวิตและการดูแลผู้ป่วยก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน

รศ.ดร.อัมพรพรรณ ธีรานุตร คณบดี คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ทักษะของคนดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน เช่นการทำความสะอาดร่างกาย การขับถ่าย การรับประทานอาหารที่มีทั้งผู้ป่วยพอทานเองได้ และการให้อาหารทางสายยาง รวมถึงการเคลื่อนไหวของร่างกาย ผู้ป่วยบางรายไม่สามารถนั่งได้ ทำให้ต้องนอนเพียงอย่างเดียว ดังนั้นการพลิกตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมงจึงมีความสำคัญมาก เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนของข้อไหล่ ข้อศอก ข้อสะโพก ข้อเข่า มีความสำคัญ หากการพัฒนาเตียงที่มีฟังก์ชันเปลี่ยนท่าทาง เคลื่อนไหวผู้ป่วยได้จะช่วยให้ข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกายไม่ติดล็อคและทำให้เกิดการผิดรูปขึ้นได้ นอกจากดูแลด้านร่างกายแล้ว ผู้ดูแลควรหมั่นสังเกตอาการที่ผิดปกติของผู้ป่วย และดูแลจิตใจด้วยการให้กำลังใจและให้ความหวังในการใช้ชีวิต  โดยคณะฯ มีหลักสูตรอบรม 70 ชั่วโมง แบ่งเป็นทฤษฎี 40 ชั่วโมง และลงมือปฏิบัติอีก30 ชั่วโมง รับรองโดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข การดูแลผู้ป่วยติดเตียงในชุมชน ทำโดย Caregiver และ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และญาติผู้ป่วย

ขณะที่ นายอานนท์ ดิษฐเนตร เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุขชำนาญการงาน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านโต้น จังหวัดขอนแก่น (รพ.สต.บ้านโต้น) กล่าวว่า จำนวนผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงในหมู่บ้านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป ซึ่งคนดูแลหลักจะเป็นญาติ เนื่องจากคนในชุมชนไม่มีกำลังมากพอสำหรับการจัดหาว่าจ้างผู้ดูแลภายนอก โดยแต่ละวันญาติจะช่วยผู้ป่วยอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย และทำความสะอาดแผลก่อนที่ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดตามอาการ ตรวจร่างกาย และติดตามความคืบหน้าของอาการว่าเป็นอย่างไร รวมถึงมีภาวะแทรกซ้อนหรือไม่

ที่ผ่านมา ทางชุมชนได้รับมอบเตียงอัจฉริยะจากทาง ม.ขอนแก่น ให้ผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงทดลองใช้งาน ซึ่งก็พบว่า เตียงที่สามารถพลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ช่วยลดการเกิดแผลกดทับได้ ทำให้คนดูแลมีเวลาไปทำอย่างอื่นได้ อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เห็นว่าควรการปรับในบางส่วน เช่น ขนาดเตียง ความสูงของเตียง ถ้าสูงเกินไปจะไม่สะดวกนักสำหรับผู้ดูแล รวมถึงความแข็งแรงของเตียง และการเคลื่อนย้ายเตียงด้วยการติดล้อ เป็นต้น     

ทั้งนี้ ข้อมูลจากหอผู้ป่วยเวชศาสตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พบผู้ป่วยที่เป็นแผลกดทับ มีค่าใช้จ่ายในการรักษาเฉลี่ย 48,000-55,000 บาทต่อคน ส่วนผู้ป่วยกลุ่มเปราะบาง มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 3,000-5,000 บาทต่อคนต่อเดือน การพัฒนาเตียงอัจฉริยะ พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตเตียงให้ชุมชนสามารถผลิตใช้งานเองและนำไปต่อยอดสร้างรายได้ให้กับชุมชน และอนาคตหากสามารถส่งต่อไปยังกลุ่มเป้าหมายในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จะเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยติดเตียงและผู้ดูแลให้ดีขึ้นด้วย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. เปิดรับสมัครนักศึกษา สอบตรง สำหรับผู้เรียนดี เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) 2 – 3 ปี

อุทยานเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม สำนักงานอธิการบดี มจพ.  จังหวัดระยอง เปิดรับสมัครนักศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี (ต่อเนื่อง) 2 – 3 ปีจัดการเรียนการสอน ณ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีรายละเอียดในการรับนักศึกษา ดังนี้

เป็นโครงการคัดเลือกตรงเพื่อกระจายโอกาสสำหรับผู้เรียนดี วุฒิ ปวช. และ ปวส. ประจำปีการศึกษา 2567 หลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต (ทล..) สาขาวิชาเทคโนโลยียานยนต์สมัยใหม่และระบบอัตโนมัติ สำหรับรอบเรียนในเวลาราชการ และ รอบเรียนนอกเวลาราชการ 

คุณสมบัติเฉพาะของผู้สมัคร  สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ในสาขาวิชาช่างยนต์ ช่างกล  ช่างกลโรงงาน  ช่างแมคคาทรอนิกส์  ช่างไฟฟ้า  ช่างอิเล็กทรอนิกส์  ช่างเทคโนโลยีอุตสาหกรรม  ช่างเครื่องมือวัดช่างไฟฟ้าอุตสาหกรรมและช่างเทคนิคปิโตรเลียมหรือสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง

เปิดรับสมัครโครงการคัดเลือกตรงเพื่อกระจายโอกาส  ตั้งแตในวันที่ 1 เมษายน . 2567 ถึง วันที่ 20 พฤษภาคม 2567

สมัครได้ที่ลิงก์  https://stdadmis2.kmutnb.ac.th/ApplyStart?ReturnUrl=%2f 

ประกาศผู้มีสิทธิ์สอบ วันที่ 22 พฤษภาคม  2567

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม

โทร. 038-627-000 ต่อ 5606 ติดตามข่าวสารได้ที่ Line@ NAAT หรือ facebook : NAAT KMUTNB

ขวัญฤทัย ข่าว


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ลุยตลาดดิจิทัลเซอร์วิส เสนอความล้ำในงาน Future Energy Asia

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงาน และระบบอัตโนมัติ นำเสนอเทคโนโลยีการบริการยุคใหม่ ด้วยดิจิทัล หรือ ดิจิทัลเซอร์วิส ล้ำหน้าด้วยการยกระดับการจัดการระบบไฟฟ้าให้เป็นดิจิทัล ช่วยแก้ปัญหาระบบไฟฟ้าแบบเชิงรุก ให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มการซ่อมบำรุงได้ ลดปัญหาการดาวน์ไทม์ของระบบไฟฟ้าแบบฉับพลัน รวมไปถึงการตรวจสอบการเสื่อมของอุปกรณ์ที่มีอยู่ หรือจากปัจจัยสภาวะแวดล้อมต่างๆ

การยกระดับระบบไฟฟ้าอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ทำให้สามารถเข้าถึงและมองเห็นภาพรวมทั้งหมดของระบบไฟฟ้า รวมถึงประสิทธิภาพ ในแบบเรียลไทม์ และดูข้อมูลเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาเชิงป้องกัน วิเคราะห์สถานการณ์ย้อนหลัง และคาดการณ์แนวโน้มของระบบในอนาคตได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งช่วยลดตุ้นทุนในการซ่อมบำรุง ลดความเสี่ยงและการชัตดาวน์ของระบบ

พบกับนวัตกรรมด้านการบริการและบำรุงรักษาในแบบดิจิทัลสุดล้ำ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในงาน Future Energy Asia และFuture Mobility Asia ทุกธุรกิจไม่ว่าจะเป็นอาคาร โรงงาน ห้างสรรพสินค้า หรือธุรกิจที่มีระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ ที่ทุกความล้มเหลวของระบบนับเป็นต้นทุน มาอัปเดตเทคโนโลยีดิจิทัลเซอร์วิสได้ ใน วันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ณ บูธ EG02 ฮอลล์ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมลงทะเบียนล่วงหน้าที่ได้ที่นี่

งานนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยกทัพผู้เชี่ยวชาญมาพร้อมนำเสนอนวัตกรรมไฮไลท์ อาทิ

  • EcoStruxure Service Plans การบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าด้วยบริการดิจิทัลตลอดอายุสัญญา มาพร้อมการจัดหาอุปกรณ์จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค รวมถึงอุปกรณ์ IoT และปรับปรุงอุปกรณ์เดิมที่ลูกค้ามีอยู่ ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการทรานส์ฟอร์มระบบไฟฟ้ารูปแบบใหม่ด้วยซอฟต์แวร์ ระบบวิเคราะห์ และอุปกรณ์เชื่อมต่อกับดิจิทัล ช่วยลดความเสี่ยงจากกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ลดกิจกรรมด้านการบํารุงรักษา ลดค่าใช้จ่ายในการดําเนินการ ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และสินทรัพย์
  • EcoStruxure Asset Advisor ช่วยเสนอแนวทางในการจ่ายไฟฟ้าและการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า ประเมินผลข้อมูลแบบเรียลไทม์จากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ขั้นสูง สามารถระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ทำให้สามารถวางแผนป้องกัน และหาแนวทางแก้ไขไว้ล่วงหน้า ให้ความปลอดภัย หลีกเลี่ยงการหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผน ซึ่งลูกค้าหรือผู้ใช้งานสามารถดำเนินการด้วยตนเอง อีกทั้งยังสามารถใช้บริการ Service Bureau ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจาก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่คอยดูแลและให้บริการตลอด 24×7
  • EcoConsult

o   Power Quality Audit บริการออดิตแบบดิจิทัล แบบเรียลไทม์ โดยวิศวกรที่ชำนาญเฉพาะทางด้าน Power Quality มาพร้อมรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด พร้อมคำแนะนำในการแก้ปัญหา ช่วยในการวางแผนการป้องกันการเกิด Downtime โดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้าอย่างตรงจุด และยังทำให้ระบบไฟฟ้าทันสมัยอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย

o   Advanced Audit for Power เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยการตรวจสอบคุณภาพกำลังไฟฟ้า ช่วยตรวจสอบคุณภาพกำลังไฟฟ้าและประเมินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดทำงาน ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ และลดการปล่อยคาร์บอน

ผู้ที่สนใจพบกันใน วันที่ 15 – 17 พฤษภาคม 2567 ณ บูธ EG02 ฮอลล์ 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ผู้ดูแลระบบไฟฟ้า และผู้ประกอบการสามารถรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค ฟรี!!! ทุกเรื่องของพลังงานมีทางออกเสมอ


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เอปสันโชว์เหนือ คว้าสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย และแบรนด์พรินเตอร์ที่ 1 ในใจผู้บริโภค

18 เมษายน 2567 – เอปสัน ประเทศไทย คว้า 2 รางวัลใหญ่ ตอกย้ำองค์กรที่มีการดำเนินธุรกิจโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมรวมถึงเป็นแบรนด์พรินเตอร์ที่ครองใจผู้บริโภคเป็นปีที่ 3 ต่อเนื่อง

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด รับรางวัลสุดยอดองค์กรธุรกิจไทย Thailand Top Company Award 2024 ประเภทรางวัลความเป็นเลิศ Best Innovative Technology Award จากศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี ที่ให้เกียรติมอบรางวัล สำหรับรางวัลดังกล่าวใช้หลักเกณฑ์พิจารณาจากองค์กรที่ดำเนินงานธุรกิจที่มีความโดดเด่นและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

รางวัล Thailand Top Company Award 2024 จัดขึ้นโดย นิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อมอบให้แก่องค์กรไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศ มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม และมีความเป็นเลิศในแต่ละด้าน โดยครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด The Future of AI – Enabled Enterprises : ก้าวสู่อนาคตขององค์กรด้วยปัญญาประดิษฐ์

นอกจากนี้พรินเตอร์ เอปสัน ยังได้รับรางวัล 2024 Thailand’s Most Admired Brand ในฐานะแบรนด์พรินเตอร์อันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภคต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 รางวัลดังกล่าว จัดโดยนิตยสารแบรนด์เอจ ร่วมกับคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 25 ซึ่งเป็นการสำรวจความพึงพอใจของผู้บริโภคจากทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยกลุ่มตัวอย่างต้องเป็นผู้ตัดสินใจซื้อสินค้า และเป็นผู้บริโภคสินค้าหรือบริการนั้นๆ เพื่อให้ได้คำตอบที่สะท้อนความคิดผู้บริโภคอย่างแท้จริง รางวัลนี้สามารถสะท้อนถึงการรับรู้ของแบรนด์ ความเชื่อมั่นและความนิยมของแบรนด์ในสายตาของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

นายยรรยง กล่าวว่า “เอปสันมุ่งมั่นสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่เปี่ยมประสิทธิภาพ ขนาดกะทัดรัด และแม่นยำ ที่ช่วยลดการใช้ทรัพยากร เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน หรือ “Engineered for Good ” ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง อาทิ Heat-Free เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ไม่ใช้ความร้อนลิขสิทธิ์เฉพาะของเอปสัน  ซึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องพิมพ์เลเซอร์แล้ว จะประหยัดพลังงานได้มากกว่าถึง 85% ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงถึง 85% พร้อมประสิทธิภาพการพิมพ์ที่ดี คุ้มค่าการลงทุน สำหรับทั้งสองรางวัลที่
เอปสันได้รับ นับเป็นรางวัลแห่งความภาคภูมิใจของทีมงานเอปสันทุกคน รวมถึงเป็นเครื่องหมายสะท้อนว่าเอปสันเป็นองค์กรที่พร้อมส่งต่อนวัตกรรมบนแกนหลักของความยั่งยืน ที่มีคุณค่าแตกต่างทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนแนวทางการพัฒนาความยั่งยืนในองค์กรของลูกค้า ผ่านเทคโนโลยีของเอปสัน”


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

HIS MSC จัดงานสัมมนา The SuperApp ERP for Hotel

บริษัท เอชไอเอส เอ็มเอสซี จำกัด หรือ HIS MSC จัดงานสัมมนาเรื่อง “The SuperApp ERP for Hotel” ซึ่งเป็นระบบบริหารงานบัญชีโรงแรมครบ จบใน app เดียว ณ สำนักงานใหญ่ (สวนหลวง) บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

โดยมีผู้บริหารและทีมงานจาก  Hop Inn & Erawan Group: นำทีมโดย คุณนรุตม์ จันทร์กิติสกุล, Senior Vice President, Digital Transformation Technology  และ คุณนงนุช บูรณคุนามณี,  Finance Manager

ผู้บริหารและทีมงานจาก Best Western® Hotels & Resorts  นำทีมโดย คุณกิตติกรณ์  คุณยศยิ่ง, Regional Financial Controller l Asia l Operations และคุณวีรวัฒน์ พิพัฒน์วณิชชา Regional Information Systems Manager – Asia  นำทีมมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้

“The SuperApp ERP for Hotel Accounting” จาก HIS MSC ครอบคลุมทุกโมดูล ตอบทุกโจทย์ความต้องการทั้งในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานของระบบบัญชีที่ทั้งง่ายและสะดวกสบายสามารถเข้าถึงการใช้งานได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลทางงานบัญชีของโรงแรมเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว

สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ HIS MSC เพิ่มเติมโปรดติดต่อได้ที่คุณภูษิต อรุณรัตนดิลก: 062-646-6539 Email: phusith@metrosystems.co.th Website: https://www.hismsc.com


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

AMD ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PC สำหรับธุรกิจ ครอบคลุมโมบายและเดสก์ท็อป

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 17 เมษายน 2567 – AMD (NASDAQ: AMD) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PC บนแพลตฟอร์มโมบายล์และเดสก์ท็อปที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มอบประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม ประสบการณ์การใช้งาน AI ระดับพรีเมียม และการเชื่อมต่อที่เหนือชั้นสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มธุรกิจ โปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดซีรีย์ AMD Ryzen™ PRO 8040 เป็นโปรเซสเซอร์ x86 ที่ล้ำสมัยที่สุดสำหรับโน้ตบุ๊คและโมบายเวิร์คสเตชั่นสำหรับการใช้งานด้านธุรกิจ[ii] นอกจากนี้ เอเอ็มดียังประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป AMD Ryzen™ PRO 8000 โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปตัวแรกที่รองรับ AI สำหรับผู้ใช้งานด้านธุรกิจ[iii] ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมควบคู่กับการประหยัดพลังงาน

ด้วยเทคโนโลยี AMD Ryzen™ AI ที่อยู่ภายในโปรเซสเซอร์ เอเอ็มดียังคงเดินหน้าขยายความเป็นผู้นำด้าน AI PC[iv]  ผ่านการใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ กราฟิกการ์ด และหน่วยประมวลผลประสาทเทียม (NPU) บนชิปที่ออกแบบมาเฉพาะ มอบประสิทธิภาพการประมวลผลด้าน AI ที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า[v] มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงสุดที่ 16 NPU TOPS (Trillions of Operations Per Second) และประสิทธิภาพระบบรวมสูงสุดที่ 39 TOPS โดยพีซีเชิงพาณิชย์ที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ Ryzen AI ใหม่นี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งาน มอบประสิทธิภาพการประมวลผลขั้นสูงสำหรับการทำงานร่วมกันที่ใช้เทคโนโลยี AI การสร้างสรรค์คอนเทนต์ งานวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยเทคโนโลยี AMD PRO ที่เพิ่มเติมเข้ามา ฝ่าย IT จะสามารถปลดล็อคฟีเจอร์การจัดการระดับองค์กร ลดความซับซ้อนการดูแลระบบไอที   และดำเนินงานเร็วขึ้นทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยในตัว ตั้งแต่การป้องกันชิปไปจนถึงระบบคลาวด์ เพื่อรับมือกับการโจมตีขั้นสูงที่มีความซับซ้อน อีกทั้งยังมีเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือและอายุการใช้งานของแพลตฟอร์มที่ยาวนาน เหมาะสำหรับซอฟต์แวร์ระดับองค์กร

Jack Huynh รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มผลิตภัณฑ์ประมวลผลและกราฟิก บริษัท AMD กล่าวว่า “AMD นำเสนอเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจยุคใหม่ เรายังคงขยายความเป็นผู้นำด้าน AI PC อย่างต่อเนื่องผ่านการเสนอประสิทธิภาพการประมวลผลที่มากขึ้นบนกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อปและโมบายพีซีหลากหลายรุ่น โปรเซสเซอร์ PRO ซีรีส์ล่าสุดของเราได้สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านประสบการณ์การประมวลผลระดับพรีเมียม และช่วยให้ธุรกิจนำความสามารถด้าน AI ไปใช้กับพีซีทั่วทั้งองค์กรด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยระดับชั้นนำ” 

โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 Series ขับเคลื่อนประสิทธิภาพกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปและโมบายเวิร์คสเตชั่นระดับมืออาชีพ

ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ มุ่งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปใช้กับคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 Series นำเสนอประสิทธิภาพการประมวลผลอันทรงพลังและประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม เพื่อรองรับเวิร์คโหลดด้านธุรกิจและ AI ที่หนักหน่วงที่สุด โปรเซสเซอร์ใหม่นี้มาพร้อมกับคอร์ประมวลผลประสิทธิภาพสูงถึงแปดคอร์ บนเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง 4nm และสถาปัตยกรรม “Zen 4” ที่มอบประสิทธิภาพการประมวลผลรวดเร็วขึ้นถึง 30% สำหรับแอปพลิเคชันโมบายเวิร์คสเตชั่นที่ต้องการทรัพยากรมากที่สุด[vi] ด้วยเทคโนโลยี AMD Ryzen AI และ AMD RDNA™ 3 อันทรงพลัง ที่ผสานรวมเข้ากับโปรเซสเซอร์ซีรี่ย์ล่าสุดนี้ ได้มอบประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นถึง 72% และใช้พลังงานน้อยลงถึง 84% เมื่อเทียบกับ Intel Core Ultra 7 165U[vii] [viii] สำหรับการประชุมทางวิดีโอ ไม่ว่าจะเปิดใช้งานประสบการณ์ AI หรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ พีซีที่ใช้โปรเซสเซอร์ Ryzen PRO 8040 Series จะเป็นผู้ใช้กลุ่มแรก ๆ ที่รองรับเทคโนโลยี WiFi-7 ซึ่งมอบการเชื่อมต่ออันล้ำสมัยและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม

โปรเซสเซอร์เรือธง AMD Ryzen™ 9 PRO 8945HS มาพร้อมคอร์ประมวลผล 8 คอร์ 16 เธรด แคช 24MB และการ์ดจอ Radeon™ 780M ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลขั้นสูงสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล เช่น การคำนวณทางเทคนิค การสร้างสรรค์เนื้อหามัลติมีเดีย และกราฟิกแยก โดยโปรเซสเซอร์สามารถรองรับเวิร์คโหลดงานที่ต้องการกราฟิกสูง เช่น การเรนเดอร์ 3D การเข้ารหัสวิดีโอ และการแก้ไขรูปภาพ

โมบายโปรเซสเซอร์ Ryzen PRO 8040 Series ใหม่ คาดว่าจะวางจำหน่ายผ่านพันธมิตร OEM ประกอบด้วย HP และ Lenovo ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2024

Model Cores/Threads Boost[ix] / Base Frequency Total Cache cTDP Ryzen AI
AMD Ryzen™ 9 PRO 8945HS 8C/16T Up to 5.2GHz/
4GHz
24MB 35-54W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8845HS 8C/16T Up to 5.1GHz/
3.8GHz
24MB 35-54W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8840HS 8C/16T Up to 5.1GHz/
3.3GHz
24MB 20-28W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8840U 8C/16T Up to 5.1GHz/
3.3GHz
24MB 15-28W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8645HS 6C/12T Up to 5.0GHz/
4.3GHz
22MB 35-54W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8640HS 6C/12T Up to 4.9GHz/

3.5GHz

22MB 20-28W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8640U 6C/12T Up to 4.9GHz/

3.5GHz

22MB 15-28W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8540U 6C/12T Up to 4.9GHz/

3.2GHz

22MB 15-28W N/A

AMD Ryzen PRO 8000 Series เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์สำหรับธุรกิจตัวแรกของโลกที่รองรับเทคโนโลยี AI[x]

สำหรับนักธุรกิจที่ใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series มาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยี AI เป็นครั้งแรกบนโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป ขับเคลื่อนประสบการณ์ด้าน AI ให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสิทธิภาพการประมวลผลอันทรงพลัง โดยมีคอร์ประสิทธิภาพสูง “Zen 4” สูงสุดแปดคอร์ ผลิตด้วยเทคโนโลยีกระบวนการผลิต 4nm โปรเซสเซอร์ซีรี่ย์ Ryzen PRO 8000 สร้างมาตรฐานใหม่ด้านการประมวลผลและประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินธุรกิจธุรกิจแต่ละวัน โดยคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 7 PRO 8700G จะได้รับประสิทธิภาพการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นสูงสุด 47% และประสิทธิภาพกราฟิกที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากการทดสอบเมื่อนำไปเทียบกับโปรเซสเซอร์ Intel Core i7 14700[xi]

คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series จะรองรับเทคโนโลยี DDR5 และ PCIe® 4 ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน และเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อมูลสำคัญทางธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่อเทคโนโลยี Wi-Fi 7 ด้วย

โดยโปรเซสเซอร์เรือธงของซีรีย์ AMD Ryzen 8700G มอบประสิทธิภาพแก่ผู้ใช้ผ่านคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ 16 เธรด แคช 24MB และกราฟิกการ์ด AMD Radeon 780M ภายใน จากการทดสอบประสิทธิภาพ โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 8700G ให้ประสิทธิภาพดีกว่าถึง 19%[xii] พร้อมการใช้พลังงานที่น้อยกว่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้ระดับมืออาชีพสำหรับการทำงานในเวิร์คโหลดต่าง ๆ[xiii]

เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ Ryzen PRO 8000 Series ใหม่ คาดว่าจะวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มพันธมิตร OEM อย่าง HP และ Lenovo รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2024

Model Cores/Threads Boost / Base Frequency Total Cache cTDP Ryzen AI
AMD Ryzen™ 7 PRO 8700G 8C/16T Up to 5.1GHz/

4.2GHz

24MB 45-65W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8700GE 8C/16T Up to 5.1GHz/

3.65GHz

24MB 35W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8600G 6C/12T Up to 5.0GHz/

4.35GHz

22MB 45-65W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8600GE 6C/12T Up to 5.0GHz/

3.90GHz

22MB 35W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8500G 6C/12T Up to 5.0GHz/

3.55GHz

22MB 45-65W N/A
AMD Ryzen™ 5 PRO 8500GE 6C/12T Up to 5.0GHz/

3.40GHz

22MB 35W N/A
AMD Ryzen™ 3 PRO 8300G 4C/8T Up to 4.90GHz/

3.45GHz

12MB 45-65W N/A
AMD Ryzen™ 3 PRO 8300GE 4C/8T Up to 4.90GHz/

3.50GHz

12MB 35W N/A

เสริมพลังให้กับองค์กรผ่านแนวทางการรักษาความปลอดภัยและความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยี AMD Ryzen™ PRO และ Ryzen™ AI 

เทคโนโลยี AMD PRO มอบฟีเจอร์การจัดการระดับองค์กรให้แก่ผู้ใช้ ผลการศึกษาล่าสุดโดย Principled Technologies แสดงให้เห็นว่าผู้จัดการ IT สามารถติดตั้งแล็ปท็อปที่ใช้ขุมพลัง AMD ได้เร็วกว่าแล็ปท็อปของคู่แข่งถึง 41% และสามารถดูแลจัดการแล็ปท็อปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเครื่องมือบนระบบคลาวด์ เช่น Windows Autopilot นอกจากนี้ เทคโนโลยี AMD PRO ยังนำเสนอแนวทางการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นที่แข็งแกร่ง ฝังอยู่ภายในทั้งบนฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการ ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรที่หลากหลาย เทคโนโลยี AMD PRO จะช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีสามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย และเสนอการปกป้องที่ต่อเนื่องให้กับผู้ใช้จากการโจมตีที่ซับซ้อน

นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO ยังมาพร้อมชิปด้านความปลอดภัย Microsoft Pluton ที่ผสานเข้าไว้ด้วย[xiv] เสนอการป้องกันที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ชิปไปจนถึงระบบคลาวด์ ช่วยปกป้องข้อมูลรับรองตัวบุคคล บัญชีผู้ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล และการเข้ารหัสบนพีซีที่ใช้ระบบปฎิบัติการณ์ Windows 11

ภายในปลายปี 2024 นี้ คาดว่าจะมี ISV ที่รองรับ AI มากกว่า 150 ราย ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานบน Ryzen AI โดยผู้ใช้กลุ่มธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก Ryzen AI เพื่อสร้างเอกสารและงานนำเสนอระดับมืออาชีพ จากหัวข้อสั้น ๆ ไม่กี่ข้อ รวมไปถึงการสรุปเนื้อ และตอบกลับอีเมล ช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าในระหว่างวัน นอกจากนี้ Ryzen AI ยังช่วยให้ผู้ใช้มีผู้ช่วยส่วนตัว AI เพื่อช่วยในการเขียนโค้ด ทำงานร่วมกับเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI และปรับแต่งภาพและวิดีโอด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การปรับความคมชัดและลดสัญญาณรบกวน

พันธมิตร OEM เปิดตัวแล็ปท็อปซีรี่ย์ Ryzen PRO 8040 และเดสก์ท็อปซีรี่ย์ Ryzen PRO 8000 เพิ่มเติม 

พันธมิตร OEM ของ AMD ประกอบด้วย Lenovo และ HP กำลังเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อป โมบายเวิร์คสเตชั่น และเดสก์ท็อปที่ทรงพลัง ประสิทธิภาพสูง และรองรับ AI มากขึ้น ผ่านขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 และ 8000 Series เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานด้านธุรกิจทุกประเภท นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ พันธมิตรในอุตสาหกรรม ยังคงขยายฟีเจอร์ Microsoft Copilot เพื่อนำเสนอความสามารถด้าน AI เพิ่มเติมมายังระบบปฎิบัติการ Windows ผ่านการใช้ฮาร์ดแวร์ AMD เพื่อปลดล็อคฟีเจอร์ใหม่สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ การรักษาความปลอดภัย และการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน

ในงาน HP Amplify Partner Conference ปีนี้ HP ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อป เวิร์คสเตชั่น และแล็ปท็อปเชิงพาณิชย์หลากหลายรุ่น รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพการประมวลผลบนโปรเซสเซอร์ AMD PRO Series ประกอบด้วย HP EliteBook 805 Series G11 Notebook PCs, HP EliteBook 605 Series G11 Notebook PCs, HP ProBook 405 Series G11 Notebook PCs, HP Elite Small Form Factor 805 G9 Desktop PC, HP ZBook Power G11 และ HP ZBook Firefly G11 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ PRO 8000 หรือ 8040 Series โดย HP และ AMD กำลังยกระดับเทคโนโลยี AI ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผ่านความเชี่ยวชาญของ HP ในโซลูชันการประมวลผลบนเวิร์คสเตชั่นระดับไฮเอนด์ ร่วมกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ AMD ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอความพร้อมและการสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี AI

Guayente Sanmartin รองประธานอาวุโสและประธานฝ่าย Commercial Systems & Displays Solutions บริษัท HP Inc. กล่าว”ที่ HP เรายังคงเดินหน้าเป็นผู้นำยุคใหม่ด้านการประมวลผลแบบเฉพาะบุคคล โดยทำงานร่วมกับ AMD ผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างอนาคตด้านเทคโนโลยี ด้วยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของเรา เรามีความยินดีที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ HP Elite และ Pro PC รุ่นล่าสุด รวมถึงโมบายเวิร์คสเตชั่น Z by HP ซึ่งติดตั้งโซลูชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเวิร์คโหลดงานด้าน AI ให้กับลูกค้าของเรา”

เมื่อต้นปีนี้ Lenovo ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ThinkPad T14 Gen 5 ที่ใช้ขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 Series และในวันนี้ บริษัทได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อปเพิ่มเติม ประกอบด้วย ThinkCentre M75s Gen 5, ThinkCentre M75q Gen 5 และ ThinkCentre M75t Gen 5 ซึ่งทั้งหมดใช้ขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series

Sanjeev Menon รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Worldwide Desktop Business in Intelligence Devices Group บริษัท Lenovo กล่าวว่า “ความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่าง AMD และ Lenovo ช่วยให้เราสามารถนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับลูกค้าของเรา กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเชิงพาณิชย์ Lenovo ThinkCentre รุ่นล่าสุดของเรา  ที่ใช้ขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series Desktop Processors ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ AI เพื่อมอบประสิทธิภาพและความคล่องตัวในระดับที่เหนือกว่า พร้อมทั้งเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งานด้านธุรกิจเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผลสำรวจล่าสุดของ Lenovo แสดงให้เห็นว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) มีความต้องการเร่งด่วนที่จะบูรณาการ AI เข้าสู่การดำเนินงานทางธุรกิจ และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ThinkCentre รุ่นใหม่นี้จะช่วยให้การใช้ AI เป็นไปได้สำหรับทุกคน”

James Howell ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายระบบปฎิบัติการณ์ Windows บริษัท Microsoft กล่าวว่า “Microsoft ยังคงเดินหน้าสร้างแรงผลักดันให้กับการนำ AI PC มาใช้ โดยมุ่งเน้นเรื่องการนำเสนอเคสการใช้งานและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้มืออาชีพยุคใหม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เรากำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ AMD เพื่อนำเสนอฟีเจอร์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและโมบายที่ใช้ระบบปฎิบัติการณ์ Windows 11 ที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพบนโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen” 

Supporting Resources


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซิสโก้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่บนแพลตฟอร์ม Cisco Observability

กรุงเทพ, ประเทศไทย, 11 เมษายน 2567 — ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เปิดตัวชุดโซลูชันใหม่ที่น่าตื่นเต้นบนแพลตฟอร์ม Cisco Observability ช่วยพัฒนาบริบททางธุรกิจ  เนื่องจากทุกวันนี้แอปพลิเคชันเปรียบเสมือนประตูทางเข้าสำหรับองค์กรธุรกิจ และการมอบประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันอย่างราบรื่นถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ของทีมงานฝ่ายไอที ดังนั้นซิสโก้จึงนำเสนอส่วนที่พัฒนาใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าส่งมอบประสบการณ์แอปพลิเคชันที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ใช้

Digital Experience Monitoring (DEM) เพื่อ visibility ที่ดีขึ้น และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้

ขณะที่ผู้ใช้งานมีความคาดหวังที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถใหม่ๆ ของ Digital Experience Monitoring (DEM) ทั้งสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดและคลาวด์  แอปพลิเคชัน DEM ใหม่ประกอบด้วยโมดูล Real User Monitoring (RUM) และ Session Replay เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันบนเบราว์เซอร์และมือถือ รวมถึงการแก้ไขปัญหาในระดับเซสชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ การบูรณาการเข้ากับ Cisco ThousandEyes และ Accedian ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้ จะช่วยเสริมพลังให้ทีมแอปพลิเคชันและเครือข่ายด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการให้บริการที่จำเป็นเพื่อระบุว่าสาเหตุหลักของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ดิจิทัลนั้นมาจากแอปพลิเคชัน เครือข่าย หรือโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

ความสามารถในกาาสังเกตการณ์เวิร์กโหลด Kubernetes ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี extended Berkeley Packet Filters (eBPF)

ซิสโก้นำเสนอความสามารถในการสังเกตการณ์เวิร์กโหลด Kubernetes บนแพลตฟอร์ม Cisco Observability โดยใช้ extended Berkeley Packet Filters (eBPF) ซึ่งเป็นยูทิลิตี้เคอร์เนล Linux ที่ทรงพลังและมีขนาดเล็ก  การทำงานในระดับเคอร์เนลช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าถึงการมองเห็นอย่างละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมเครือข่าย การใช้ทรัพยากร การเชื่อมโยงแอปพลิเคชั่น และการกำหนดค่าที่ไม่ถูกต้องที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหลายตัว รวมถึงการประสานงานร่วมกันระหว่างทีมงานต่างๆ และการทำแผนผังการเชื่อมโยงด้วยตนเอง

การสังเกตการณ์แบบรวมศูนย์เพื่อเพิ่มข้อมูลเชิงลึกที่มากขึ้นเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน

ซิสโก้มอบประสบการณ์แบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการสังเกตการณ์ทั้งหมด ด้วยความสามารถใหม่ๆ บน Cisco AppDynamics และ Cisco Observability Platform ด้วยการใช้บัญชีเดียวและบริบทที่ใช้ร่วมกัน ประสบการณ์การสังเกตการณ์แบบรวมศูนย์จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Log Analytics เพื่อค้นหาข้อมูลด้วย context และการจัดเก็บบันทึกที่ได้รับการปรับปรุงดีขึ้น  นอกจากนี้ ยังมี Core Web Vitals ซึ่งแสดงข้อมูลและสัญญาณเตือนที่สำคัญให้แก่เจ้าของแอปพลิเคชันส่วน front-end เพื่อป้องกันไม่ให้เว็บเพจของเขาถูกลดอันดับเนื่องจากประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี

อินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติ ขับเคลื่อนด้วย Generative AI

ซิสโก้มุ่งมั่นที่จะขยายนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI อย่างต่อเนื่อง และล่าสุด Cisco Observability Platform นำเสนออินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติสำหรับการแก้ไขปัญหา โดยผู้ปฏิบัติงานจะสามารถใช้ conversational dialogues แทนภาษา query เพื่อทำงานระหว่างการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก

โรนัค เดอไซ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Cisco AppDynamics and Full-Stack Observability กล่าวว่า “นวัตกรรมล่าสุดเหล่านี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถหลักๆ ของ Cisco Observability Platform ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเรามี visibility ที่ดีขึ้น รวมถึงการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก และการดำเนินการแบบข้ามโดเมนได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย ซิสโก้มีความพร้อมอย่างมากที่จะนำเสนอคุณประโยชน์ที่ครบครันของระบบสังเกตการณ์บนแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ เพื่อสนับสนุนอีโคซิสเต็มดิจิทัลของลูกค้าเรา”

นอกจากนี้ ซิสโก้ยังได้เปิดตัว:

Cisco AIOps สำหรับ Cisco Full-Stack Observability ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานด้านไอที

แอปพลิเคชัน Cisco AIOps ใหม่นี้จะช่วยลดความยุ่งยากในการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ และลดสัญญาณรบกวนจากเหตุการณ์และการแจ้งเตือนต่างๆ ได้อย่างมาก โดยทำให้กระบวนการด้านไอทีเป็นไปอย่างอัตโนมัติ และช่วยให้ทีมงานฝ่ายปฏิบัติการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็วในการตอบสนอง แอปพลิเคชันดังกล่าวรวบรวมข้อมูลจาก Cisco AppDynamics, Cisco ThousandEyes, Cisco DNA Center, VMWare, Zabbix และ ServiceNow (ITSM, ITOM และ CMDB) โดยสามารถทำงานได้อย่างเหนือชั้น เพราะประกอบสร้างขึ้นบน Cisco Observability Platform ซึ่งรองรับการจัดเก็บข้อมูลการใช้งาน (Log) นอกเหนือไปจากการแจ้งเตือน เหตุการณ์ และเมตริกต่างๆ  โดย Cisco AIOps ยังให้การแจ้งเตือนแบบไดนามิก (thresholds-based) เกี่ยวกับเมตริก และเหตุการณ์ รวมถึงวิธีการตรวจจับความผิดปกติหลายรูปแบบ 

Data Security Posture Management (DSPM) Observability

การเปิดตัว Data Security Posture Management (DSPM) Observability ในโซลูชั่น Business Risk Observability ของซิสโก้ ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ รวมไปถึงการจัดหมวดหมู่ การกำหนดนโยบาย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับข้อมูลสำคัญ นอกเหนือไปจากการแสดงผลและการจัดลำดับความสำคัญของช่องทางการโจมตี

โมดูลใหม่ๆ จากพาร์ทเนอร์

ด้วยแรงผลักดันอย่างต่อเนื่องในการสร้างอิโคซิสเต็มด้านการสังเกตการณ์ร่วมกับพาร์ทเนอร์จากทั่วโลก ที่ครอบคลุมหลากหลายส่วน เช่น AIOps, MLOps, เครือข่าย, infrastructure observability และข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ ล่าสุดซิสโก้ได้เปิดตัวชุดโมดูลใหม่ๆ จากพาร์ทเนอร์บน Cisco Observability Platform:

  • Aporia – Machine Learning Monitoring
  • CloudFabrix – Asset Intelligence, Operational Intelligence และ Infrastructure Observability
  • Komodor – Kubernetes Change Management
  • Perform IT – AS400 Monitoring และ I4Cube business performance
  • SoftServe – Operational Intelligence for Oilfields

เกี่ยวกับ Cisco Observability Platform:

Cisco Observability Platform รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายโดเมน รวมถึงเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย แอปพลิเคชัน ผู้ใช้งาน บริการคลาวด์ โครงสร้างพื้นฐานมัลติคลาวด์ และธุรกิจ เพื่อให้ระบบต่างๆ ผสานรวมเป็นหนึ่ง โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถของ ML และ AI เพื่อกำหนดบริบทและหาความสัมพันธ์ของเทเลเมทรีแบบเรียลไทม์ในโดเมนเหล่านี้ ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเกตการณ์ การกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก และการดำเนินการ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าและผู้ใช้งาน

การวางจำหน่าย:

  • แอปพลิเคชัน Digital Experience Monitoring (DEM) พร้อมความสามารถ Browser Real-User Monitoring (มีวางจำหน่ายทั่วไป), Mobile Real-User Monitoring (ประกาศล่วงหน้า) และ Session Replay (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Integration กับ Accedian ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้ (ประกาศล่วงหน้า)
  • Integration กับ Cisco ThousandEyes (ประกาศล่วงหน้า)
  • ความสามารถในการสังเกตการณ์สำหรับเวิร์กโหลด Kubernetes ซึ่งขับเคลื่อนด้วย eBPF (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Unified Observability Experience – Log Analytics (มีวางจำหน่ายทั่วไป) และ Core Web Vitals (ประกาศล่วงหน้า)
  • อินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Cisco AIOps สำหรับ Cisco Full-Stack Observability (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Data Security Posture Management (DSPM) Observability (ประกาศล่วงหน้า)
  • โมดูลของพาร์ทเนอร์บน Cisco Observability Platform (มีวางจำหน่ายทั่วไป)

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

เกี่ยวกับ ซิสโก้ (Cisco)

Cisco (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่เชื่อมต่อทุกสิ่งอย่างปลอดภัยเพื่อให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ เป้าหมายของซิสโก้คือขับเคลื่อนอนาคตสำหรับทุกคนโดยช่วยลูกค้าคิดใหม่ (reimagine) เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ขับเคลื่อนการทำงานแบบไฮบริด รักษาความปลอดภัยให้กับองค์กร ทรานส์ฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เปิดประสบการณ์กับซิสโก้ที่ห้องข่าว The Newsroom และติดตามข่าวสารของซิสโก้บน X ที่ @Cisco.


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

TikTok Shop หนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทย จัดใหญ่ร่วมฉลอง Songkran 2024

TikTok Shop โซลูชั่นอีคอมเมิร์ซชั้นนําในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร และ ไอคอนสยาม ฉลองเทศกาลแห่งความสุขของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก Songkran 2024″ ขึ้นเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลก จัดกิจกรรม Refill Your Joy with TikTok Shop เติมความสนุก สุขเต็มตะกร้า มอบประสบการณ์ Shoppertainment ส่งความสุขแบบ O2O Live Streaming ชวนเหล่าครีเอเตอร์ใน TikTok กว่า 100 ราย มาร่วม Live Commerce สนับสนุนสินค้าไทยมากมายทั้งสินค้า OTOP ใน TikTok Shop และสินค้าหัตถกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงงานศิลป์ฝีมือคนไทยจาก ICONCRAFT มากกว่าร้อยประเภทสินค้า (SKUs) จากร้านค้านับสิบ ๆ ร้าน สร้างปรากฎการณ์ Shoppertainment ในแพลตฟอร์มตลอดเทศกาลมหาสงกรานต์ทั้งที่ ICONSIAM และสยามสแควร์

นางสาวกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์, Head of FMCG, E-Commerce – TikTok Shop Thailand กล่าวว่า “TikTok Shop มุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยพร้อมผลักดันสินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มของเรา โดยข้อมูลของ TikTok เผยช่วงสงกรานต์และซัมเมอร์ปีนี้ มีผู้ใช้ถึง 98% ตั้งใจที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ และ 95% จะซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ ซึ่งนับเป็นเป็นช่วงเวลาแห่งการช้อปปิ้งแบบ O2O ที่สำคัญ และ 80% ยังวางแผนช้อปบน TikTok Shop ดังนั้นในปีนี้ TikTok Shop ในฐานะโซลูชั่นอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์ม TikTok เราจึงได้จัดแคมเปญพิเศษร่วมกับไอคอนสยามเพื่อต่อยอดประสบการณ์ Shoppertainment ให้แก่ผู้บริโภคและร่วมสนับสนุนร้านค้า โดยเพิ่มองค์ประกอบของความสนุกสนานจากกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ควบคู่กับดีลคุ้มค่าต่าง ๆ ที่มีอยู่ตลอดใน TikTok Shop มอบให้แก่ผู้บริโภค และที่สำคัญยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นด้วยการทำ Live Streaming โปรโมทสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วโลกในช่วงเวลาแห่งความสุขและทุกคนพร้อมจับจ่าย”

คนไทยและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรม Refill Your Joy” กับ TikTok Shop ได้ 2 สถานที่ คือ ICONSIAM ตั้งแต่วันที่ 10-16 เมษายน ณ บริเวณโซน River Park และที่ TikTok Shop Pop-up Booth ชั้น 2 ICONSIAM และ TikTok Shop ยังร่วมสนับสนุนการจัดงาน “สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็น เป็นสนุก” ที่จัดขึ้นในพื้นที่ Siam Square Walking Street ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ศกนี้ นอกจากนี้ TikTok Shop ยังเพิ่มดีกรีความสนุกให้กับผู้ใช้ TikTok ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถร่วมสนุกและช้อปสินค้าไทยผ่าน TikTok Shop เฉลิมฉลองไปพร้อม ๆ กันกับคนทั่วโลก

TikTok Shop at ICONSIAM พร้อมสาดความสนุกเป็นครั้งแรก ระหว่าง 10-16 เมษายนนี้ กับกิจกรรม “Refill Your Joy: เติมความสนุก สุขเต็มตระกร้า” ซึ่งจะรวมอยู่ในงาน THE ICONIC SONGKRAN FESTIVAL 2024 ไอคอนสยามมหัศจรรย์เจ้าพระยามหาสงกรานต์ ๒๕๖๗ โดยมีไฮไลต์สำคัญ ดังนี้

  • พบกับ Refill Your Joy Water Station บริเวณลาน River Park ของ ICONSIAM ที่ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวมาร่วมสนุก พร้อมบูทถ่ายภาพสุดเก๋ บันทึกความประทับใจระหว่างเล่นน้ำ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมในงานเพื่อรับสงกรานต์ไอเท็ม Limited Edition จาก TikTok Shop อีกจำนวนมาก อาทิ เกมยิงปืนฉีดน้ำมหาสนุก หรือ ลัคกี้ปิงปอง
  • พบกับ Creators ที่ TikTok Shop ชวนมาร่วมสนุกและพลาดไม่ได้กับ Live Commerce สนุก ๆ ถึง 19 session ณ TikTok Shop Pop-up Booth ชั้น 2 ICONSIAM เพื่อให้ทุกคนที่ใช้ TikTok สามารถเลือกช้อปสินค้า OTOP และสินค้าไทยที่คัดสรรคุณภาพระดับ ICONSIAM จากโซน ICONCRAFT พื้นที่จัดแสดงสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยช่วง 12-16 เมษายน จะมี Creators ชื่อดังมา Live Commerce ดังนี้ นัท-ณิสามณี (nisamaneenut), บี้-เดอะสการ์ (bietheska), หยาดพิรุณ (yardpirun) เติร์ก-อมรศักดิ์ (turk_tk), ติช่า-THE FACE (tichatiktok)
  • พิเศษ 12-16 เมษายน พบกับกิจกรรมไฮไลท์ Dunk Tank หนุ่มน้อยตกน้ำ ที่ผสานประสบการณ์ Shoppertainment หลอมรวมโลกออฟไลน์และออนไลน์เป็นใบเดียว พบกับ Celebrities หนุ่มชื่อดังที่ควงคู่กันมาร่วมสนุกในกิจกรรมหนุ่มน้อยตกน้ำ ประกอบด้วย คู่แรก พูห์-กฤติน (ppoohkt) และ พาเวล-นเรศ (Pavelphoom), คู่สอง สายลับ-เหมวิช (Spy_v) และ ภณ-ธนภณ (Thana_pon), คู่สาม เก่ง-หฤษฎ์ (harit_keng) และ น้ำปิง-นภัสกร (nampingster), คู่ 4 ต้าห์อู๋-พิทยา (oueiija) และ ออฟโรด-กันตภณ (offroad_ktp), และคู่ที่ 5 ต้า-นันคุน (nakunta) และ บาร์โค้ด-ตฤณสิษฐ์ (barcode.tin)

TikTok Shop at SIAM SQUARE ร่วมสนับสนุนงาน “สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็น เป็นสนุก” ระหว่าง 13-15 เมษายน โดย TikTok Shop จัดบูทใหญ่ ยกระดับความสนุกสนานครื้นเครงให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว โดยนำกิจกรรมหลากหลายมาให้สัมผัส อาทิ ซุ้มประตูน้ำ Water Splash Archway, กิจกรรมบอลน้ำมหาสนุกที่ให้ผู้เล่นเข้าไปอยู่ในลูกบอลยักษ์และวิ่งบนผิวน้ำ พร้อมบูทถ่ายภาพสุดเก๋ บันทึกทุกโมเม้นต์ความประทับใจระหว่างเล่นน้ำ พร้อมของรางวัล Limited Edition จาก TikTok Shop อีกมากมาย

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลกิจกรรม Refill Your Joy with TikTok Shop เพิ่มเติม ได้ที่ FacebookInstagram หรือติดแฮชแท็ก #สงกรานต์2567 #เติมความสนุกสุขเต็มตะกร้า #RefillYourJoywithTTS #TTSSongkran2024


Exit mobile version