Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CITE DPU ร่วมเอกชน พัฒนาระบบติดตามสถานะผู้ป่วยบนรถพยาบาลแบบเรียลไทม์

CITE DPU ร่วมเอกชน พัฒนาระบบติดตามสถานะผู้ป่วยบนรถพยาบาลแบบเรียลไทม์ ช่วยทีมแพทย์ประเมินคนไข้ก่อนถึง รพ. พร้อมรักษาได้ทันท่วงที อนาคตมีแนวคิดพัฒนาระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์การแพทย์ภายในรถหลากหลายขึ้น หวังช่วยแพทย์รักษาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การนำผู้ป่วยหรือคนไข้ฉุกเฉิน โดยรถพยาบาล (Ambulance)  ไปยังโรงพยาบาลเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีนั้น บ่อยครั้งที่แพทย์ไม่อาจทราบถึงรายละเอียดสภาพปัญหา รวมไปถึงสัญญาณชีพของผู้ป่วยและระยะเวลาในการเดินทางมาถึงโรงพยาบาลได้ ในบางครั้งจึงไม่สามารถเตรียมการช่วยเหลือคนไข้ได้อย่างทันท่วงที เพื่อลดการเกิดปัญหาดังกล่าว จึงเกิดโครงการระบบติดตามสถานะของผู้ป่วยและตำแหน่งของรถพยาบาล โดยความร่วมมือของ  วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) กับ บริษัท Tely 360 จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบทางการแพทย์แบบครบวงจร

ผศ.ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ วิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU กล่าวว่า โครงการดังกล่าวเป็นการพัฒนาระบบติดตามตำแหน่งรถพยาบาลพร้อมสัญญาณชีพของผู้ป่วย เพื่อให้แพทย์ได้ทราบรายละเอียดโดยรวมของผู้ป่วยแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินสถานการณ์และเตรียมการรักษาได้อย่างเหมาะสมและทันการณ์ โดยปัจจุบันระบบนี้ได้ติดตั้งบนรถพยาบาลไปแล้วกว่า 200 คัน ทั่วประเทศ อาทิ จังหวัดขอนแก่น อยุธยา เชียงราย ภูเก็ต ยะลา กรุงเทพฯ เป็นต้น

ทั้งนี้ ระบบจะแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วนหลัก โดยส่วนแรกจะเป็นอุปกรณ์ติดกับตัวรถ ซึ่งจะเป็นส่วนที่ทำให้แพทย์ได้มองเห็นสภาพโดยรอบภายในรถรวมถึงสภาพของผู้ป่วยผ่านกล้อง ทราบถึงอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตของผู้ป่วย ฯลฯ   ส่วนที่ 2 จะเป็นส่วนคลาวด์เซิฟต์เวอร์สำหรับเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ป่วย และส่วนที่ 3  เป็นแอพพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ซึ่งจะปรากฏข้อมูลของคนไข้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้แพทย์สามารถประเมินสถานการณ์ของคนไข้จากข้อมูลที่ปรากฏนี้ได้

“ระบบนี้เป็นแบบเรียลไทม์ จะทำให้ทราบระยะเวลาว่าอีกกี่นาทีที่รถจะถึงโรงพยาบาล มองเห็นสภาพโดยรวมของคนไข้ ความดัน อัตราการเต้นของหัวใจ อาการหนักมากน้อยแค่ไหน  แพทย์จะได้ประเมินและเตรียมการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที” ผศ.ดร.ณรงค์เดชกล่าว

ผศ.ดร.ณรงค์เดช กล่าวในตอนท้ายว่า การพัฒนาระบบขั้นต่อไปในอนาคตมีแนวคิดจะพัฒนาให้ระบบสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือเครื่องมือเฉพาะทางการแพทย์ภายในรถพยาบาลให้ได้หลากหลายมากขึ้น อาทิ เครื่องปั๊มหัวใจ เครื่องวัดปริมาณเลือด/น้ำเกลือ ฯลฯ  ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทีมแพทย์พยาบาลในการเตรียมการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Bed อยู่ใน Box” นวัตกรรมที่นอนสำเร็จรูปบรรจุกล่อง

เมื่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแบบไม่หยุดนิ่ง อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จึงไม่หยุดพัฒนาสินค้าเพื่อให้ตอบรับทุกความต้องการ ล่าสุดได้คิดค้นนวัตกรรมสินค้าประเภทที่นอน แบรนด์ THERAFLEX กับ ซีรีย์ชุด “ERGOPEDIC” (เออโกพีดิค) “Bed In Box” (เบด อิน บ็อก) ที่นอนสำเร็จรูปในกล่องพร้อมนอน ที่ผสานนวัตกรรมการผลิตด้วยระบบโครงสร้างเพื่อการ Support สรีระ ด้วยวัสดุคุณสมบัติพิเศษถึง 5 ชั้น พร้อมเทคโนโลยีคูลเจลช่วยกระจายความเย็นทุกจุดสัมผัส อีกทั้งยังระบายอากาศ ปรับสมดุลอุณหภูมิร่างกาย ทำให้นอนหลับสบายอย่างต่อเนื่อง โดดเด่นด้วยดีไซน์บรรจุในกล่องช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิม ขนย้ายง่าย สะดวก เข้าถึงได้ทุกพื้นที่ ตอบรับไลฟ์ไตล์ผู้บริโภคยุค NEW NORMAL

กฤษชนก (เจินนี่) ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้าน ของตกแต่งบ้านครบวงจร กล่าวว่า “ต้องยอมรับว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตลอด ชีวิตที่เร่งรีบบวกกับกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันมีมากขึ้น หลายคนหันมาดูแลใส่ใจเรื่องของสุขภาพทั้งด้านอาหาร การออกกำลังกาย รวมถึงการนอน ทั้งนี้เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการนอนที่เต็มประสิทธิภาพ นอกจากจะช่วยคลายความเหนื่อยล้าควบคู่กับการฟื้นฟูร่างกายเพื่อพร้อมรับวันใหม่ที่สดชื่น ด้วยปัจจัยดังกล่าวนี้ทำให้ทุกคนต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง โดยเน้นคุณสมบัติและความคุ้มค่าเป็นหลัก ทั้งยังตอบโจทย์นวัตกรรมและคุณสมบัติพิเศษ เพื่อให้เหมาะกับวิถีชีวิตยุค New Normal ในปัจจุบัน

ล่าสุด บริษัทฯ เปิดตัวที่นอนสำเร็จรูปพร้อมนอน ซีรีย์ชุด ERGOPEDIC (เออโกพีดิค) “Bed In Box” (เบด อิน บ็อก) ที่นอนคุณภาพที่ช่วยชาร์จพลังฟื้นฟูร่างกายขณะหลับ ซึ่งหลายคนอาจสงสัย Bed อยู่ใน Box ได้ไง?… เป็นที่มาของการต่อยอดให้เกิดการพัฒนาและออกแบบภายใต้ แบรนด์ “THERAFLEX” (เธอร์ราเฟล็กซ์) ที่นอนนวัตกรรมคุณภาพ ที่รวบรวมคุณสมบัติพิเศษและที่สุดของศาสตร์แห่งการนอน เพื่อให้ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์สำหรับผู้บริโภคยุคปัจจุบัน ที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น หมดปัญหาเรื่องการขนย้ายที่นอนในแบบเดิมๆ โดยเฉพาะสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัด ดีไซน์โมเดิร์น บรรจุในกล่องให้ง่ายต่อการขนย้าย ประหยัดเวลา สามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ด้วยขนาด W36xD36xH162 ซ.ม. สำหรับที่นอน 5 ฟุต และ ขนาด W36xD36xH193 ซ.ม. สำหรับ ที่นอน 6 ฟุต ที่พร้อมใช้งานด้วย 3 ขั้นตอนง่ายๆ คือ เปิดกล่อง, ตัดออก และ (กางออก) พร้อมนอน

ERGOPEDIC (เออโกพีดิค) “Bed In Box” (เบด อิน บ็อก) เป็นที่นอนที่ผลิตมาให้มีโครงสร้าง Support เสมือนกล้ามเนื้อของร่างกาย กับ 2 รุ่นคือ LUMINOS (ลูมินอส) และ รุ่น LAMAINA (ลาไมนา) ที่ช่วยยกระดับการนอนให้มีประสิทธิภาพพร้อมกับการชาร์จพลัง ENERGY ENHANCE+ผสมผสานด้วยวัสดุพิเศษ 5 ชั้น ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โอบรับสรีระฟื้นฟูร่างกายและสัมผัสถึงความผ่อนคลาย ของเทคโนโลยี ALL COOL! ด้วย Cooling fabric : ที่ช่วยให้รู้สึกสดชื่นทุกเช้าตื่นนอน, Ever feel Cool pad : กระจายความเย็นสบายทุกจุดสัมผัส, memory foam : สามารถจดจำสรีระการนอน ทำให้รู้สึกโอบรับร่างกายได้เป็นอย่างดี, Natural Latex : ช่วยลดอาการปวดเมื่อยรองรับน้ำหนักได้ดีด้วยวัสดุยางพาราธรรมชาติ, Physical active foam : เพิ่มความยืดหยุ่นขณะพลิกตัว ช่วยลดแรงเสียดทานขณะลงน้ำหนักตัวและทำให้การไหลเวียนเลือดในร่างกายแบบไม่สะดุด ซึ่งเหมาะกับทุกวัย รวมถึงผู้สูงอายุ, Egg crate foam ชั้นโฟมพิเศษ ที่ออกแบบด้วยรูปทรงเหมือนแผงไข่เพิ่มความยืดหยุ่นในการลงน้ำหนักหรือขณะพลิกตัว และ Base Foam ฐานโฟมชั้น Support ที่ช่วยให้ที่นอนคงตัวนาน สามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าคุณสมบัติของ ULTRA LAYER! ใน ERGOPEDIC ที่คิดและออกแบบมาการันตีว่า “Bed in Box” Best ที่สุดของที่นอนสำเร็จรูปที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัส เพื่อให้ประสิทธิภาพการนอนของคุณสมบูรณ์แบบ โดยมีให้เลือก 2 ขนาด ทั้ง 5 ฟุต เริ่มต้นที่ราคา 28,900.- และขนาด 6 ฟุต เริ่มต้นราคา 29,900.-

พบกับที่นอนนวัตกรรม ERGOPEDIC (เออโกพีดิค) “Bed In Box” (เบด อิน บ็อก) ที่นอนสำเร็จรูปแค่ “เปิดกล่อง ตัดออก พร้อมนอน” มาทดลองนอนได้ที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช้อปออนไลน์ที่ www.indexlivingmall.com/ergopedic สอบถามเพิ่มเติม โทร.1379


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ทรูมันนี่และแอสเซนด์ นาโน เปิดตัวนวัตกรรมการเงิน “Micro Credit บริการยืมก่อน คืนทีหลัง” ครั้งแรกในไทย!

ปรากฏการณ์ใหม่เพิ่มสุขลูกค้าทรู…ทรูมันนี่ และ แอสเซนด์ นาโน เปิดตัวนวัตกรรมการเงิน “Micro Credit บริการยืมก่อน คืนทีหลัง” ครั้งแรกในไทย! เพิ่มสภาพคล่องให้ลูกค้าทรูมูฟ เอชรายเดือน และผู้ถือบัตรทรูการ์ด ใช้จ่ายไม่สะดุด ผ่านอีวอลเล็ท

มีเพียงบัตรประชาชนใบเดียวสมัครได้เลยวันนี้ที่ทรู ช็อปทั่วประเทศ รู้ผลอนุมัติทันทีพร้อมรับวงเงินสูงสุดถึง 4 เท่า* ของยอดบิลรายเดือนและโปรโมชั่นพิเศษดอกเบี้ย 0% ในเดือนแรก*

กรุงเทพฯ, 24 สิงหาคม 2563 – ทรูมันนี่ และแอสเซนด์นาโน ผนึกกำลังกลุ่มทรู เผยโฉมนวัตกรรมการเงินล่าสุด “Micro Credit” บริการยืมก่อน คืนทีหลัง ร่วมสร้างปรากฏการณ์ใหม่เพิ่มสุขลูกค้าทรู กับข้อเสนอวงเงินเพิ่มสภาพคล่องเพื่อใช้จ่ายชีวิตประจำวันแบบ New Normal ให้แก่ผู้ถือบัตรทรูการ์ด ทั้ง 5 กลุ่ม ได้แก่ ทรูแบล็ค ทรูเรด ทรูบลู ทรูกรีน และทรูไวท์ ที่เป็นลูกค้าทรูมูฟเอชแบบรายเดือน และมีประวัติการชำระค่าบริการดี ไม่มียอดคงค้าง โดยลูกค้าจะได้สิทธิพิเศษเป็นวงเงินให้ยืมก่อน คืนทีหลัง โดยสามารถนำเงินที่ได้รับการอนุมัติไปใช้จ่ายผ่านแอปฯ ทรูมันนี่วอลเล็ท วงเงินสูงสุดถึง 4 เท่าของยอดบิลรายเดือน (ไม่เกิน 10,000 บาท) และเลือกผ่อนชำระได้นานสูงสุด 3 เดือน สมัครง่ายเพียงใช้บัตรประชาชนติดต่อที่ทรู ช็อป ทุกสาขาทั่วประเทศ รู้ผลอนุมัติทันที และพิเศษ! โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% ในเดือนแรก* ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ด้วยพันธกิจของ ทรูมันนี่ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet และ แอสเซนด์ นาโน ที่มุ่งช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางการเงินที่ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์ชีวิตยุคดิจิทัลให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น โดยลดขั้นตอนและเงื่อนไขการให้บริการ ล่าสุด ได้ร่วมมือกับกลุ่มทรูนำเสนอนวัตกรรมการเงิน “Micro Credit บริการยืมก่อนคืนทีหลัง”

โดย บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด พร้อมมอบสิทธิประโยชน์ด้านการเงินให้แก่ลูกค้าทรูมูฟ เอช แบบรายเดือน สามารถใช้วงเงินผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ซึ่งจากการทดลองเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากจุดเด่นของขั้นตอนการสมัครที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องใช้เอกสาร ลูกค้าที่สนใจเพียงนำบัตรประชาชนติดต่อที่ทรู ช็อป และจะได้รับแจ้งผลการอนุมัติทันทีผ่านโทรศัพท์มือถือ แตกต่างกับการขอสินเชื่อส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ลูกค้าต้องเดินทางไปยื่นเอกสารหลายรายการและรอผลอนุมัติข้ามวันถึงเป็นสัปดาห์ ซึ่งนับเป็นการปฎิวัติวงการสินเชื่อรูปแบบใหม่ครั้งแรกในไทย โดยพร้อมแล้ววันนี้ ที่จะอำนวยความสะดวกสบายในการใช้จ่ายให้กับลูกค้าทรูมูฟ เอช รายเดือนกว่า 8.6 ล้านรายที่ทรู ช็อปทุกสาขาทั่วประเทศ”

นายฐานพล มานะวุฒิเวช ผู้จัดการทั่วไป ด้านการผสานสิทธิประโยชน์ลูกค้า บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “กลุ่มทรูเดินหน้ามอบความสุขให้ลูกค้าคนสำคัญ มุ่งคัดสรรสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่าในหลากหลายรูปแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้ากลุ่มทรู และครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของกลุ่มทรูที่จะนำเสนอสิทธิพิเศษที่แตกต่าง สร้างปรากฎการณ์ความสุขรูปแบบใหม่ให้ลูกค้าทรูเป็นครั้งแรกในไทย โดยได้ร่วมกับทรูมันนี่ และ แอสเซนด์ นาโน นำเสนอนวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบ Micro Credit โดยลูกค้าจะได้สิทธิพิเศษเป็นวงเงินให้ยืมก่อน คืนทีหลัง เพิ่มสภาพคล่องในการใช้จ่ายให้ลูกค้ากลุ่มทรูทั้ง 5 กลุ่ม ได้แก่ ลูกค้าทรูแบล็ค ทรูเรด ทรูบลู ทรูกรีน และทรูไวท์ ที่เป็นลูกค้า ทรูมูฟเอชแบบรายเดือน มีประวัติการชำระค่าบริการดี ไม่มียอดคงค้าง เพียงแสดงบัตรประชาชนและแจ้งเบอร์ทรูมูฟ เอช แบบรายเดือนก็สามารถสมัครบริการได้ที่ทรู ช็อป เพื่อรับสิทธิพิเศษเป็นวงเงินไว้ใช้จ่ายได้ทันที ณ ร้านค้าที่รับชำระด้วย TrueMoney Wallet นอกเหนือจากสิทธิพิเศษในส่วนของวงเงินให้ยืมก่อน คืนทีหลังแล้ว ลูกค้าทรูยังสามารถเชื่อมบัญชี TrueMoney Wallet กับบัตรทรูการ์ด เพื่อรับสิทธิการได้รับทรูพอยท์คืน สูงสุดถึง 3 เท่า สำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ผูกกับบัญชี TrueMoney Wallet ทุก 25 บาท ทั้งนี้ เพื่อไว้แลกเป็นความสุขพิเศษอื่นๆ อีกมากมายทั่วประเทศ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า บริการ Micro Credit และสิทธิพิเศษต่างๆ นี้ จะสามารถเติมเต็มไลฟ์สไตล์ในยุคดิจิทัล โดยทรูไว้วางใจมอบวงเงินให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การใช้จ่ายที่มีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น”

Micro Credit บริการยืมก่อนคืนทีหลัง เป็นนวัตกรรมทางการเงินล่าสุดจากบริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด โดยใช้ Alternative Data อาทิ ข้อมูลการชำระค่าบริการของลูกค้า มาประกอบกับข้อมูลด้านอื่นในการพิจารณาให้วงเงิน แทนการใช้เอกสารรายได้เหมือนสถาบันการเงินทั่วไป ในขั้นตอนการสมัครไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารใดๆ นอกจากบัตรประชาชนในการยืนยันตัวตน อีกทั้งกระบวนการตั้งแต่เริ่มต้นสมัคร การอนุมัติยอดเงิน จนถึงสามารถใช้เงินได้ เฉลี่ยอยู่เพียง 5 นาทีเท่านั้น โดยในช่วงแรกจะให้บริการแก่ลูกค้าทรูมูฟ เอชแบบรายเดือน จากนั้นจึงจะขยายไปยังลูกค้าทรูกลุ่มอื่นๆ รวมถึงลูกค้าทั่วไปในอนาคต

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถคลิกอ่านขั้นตอนการสมัคร คุณสมบัติผู้สมัคร รวมถึงเงื่อนไขและรายละเอียดต่างๆ ได้ที่ https://www.truemoney.com/loans-microcredit หรือโทรติดต่อที่ศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าของบริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด โทร.1240 กด 3 (จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 20.00 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น.)

*หมายเหตุ
1. ให้บริการสินเชื่อ Micro Credit โดย บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด (“บริษัทฯ”)
2. บริการสินเชื่อสำหรับลูกค้าที่ตรงตามคุณสมบัติที่บริษัทฯ กำหนดเท่านั้น
3. วงเงินสูงสุดตามประเภททรูการ์ด สูงสุดคือ 4 เท่าของรอบบิลทรูรายเดือน แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
4. ระยะเวลาแบ่งจ่าย ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทฯ (สูงสุด 3 เดือน)
5. ดอกเบี้ยโปรโมชั่น 0% เฉพาะเดือนแรก ของทุกการเบิกใช้สินเชื่อภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยปกติของบริษัทฯ อยู่ที่ 24% ต่อปี
6. การเบิกใช้สินเชื่อ เงินจะโอนเข้าบัญชีทรูมันนี่ วอลเล็ทซึ่งผูกกับเบอร์โทรศัพท์ตามที่ลูกค้าระบุในคำขอ
7. เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ มอบเครื่องพริ้นพร้อมถ่ายเอกสารให้แก่โรงเรียนบ้านเขาพรุเสม็ด

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC ได้มอบเครื่องพิมพ์พร้อมถ่ายเอกสาร ให้แก่ โรงเรียนบ้านเขาพรุเสม็ด ตำบลวังคีรี อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ตรัง เขต 2 ซึ่งเปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงระดับชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวนนักเรียนทั้งหมด 68 คน เพื่อสนับสนุนด้านการศึกษา และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2563


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดกิจกรรมเอาใจคู่ค้า แจกจริง! “รักร้าน ลุ้นล้าน” ของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

สิ้นสุดไปอย่างสวยงาม เมื่อเร็วๆ นี้กับ กิจกรรมสุดอลังฯ เอาใจร้านไฟฟ้า “รักร้าน ลุ้นล้าน” มอบความรัก 2 ต่อ จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท

ต่อแรกจัดหนักไม่ต้องลุ้น เพียงซื้อผลิตภัณฑ์กลุ่มสวิตช์-เต้ารับ ผลิตภัณฑ์กลุ่มสแควร์ดี ผลิตภัณฑ์กลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไป และมียอดซื้อสะสมตรงตามเงื่อนไข รับทันที เครื่องฟอกอากาศ เสี่ยวหมี่ หรือ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซี-ไลค์  (ของสมนาคุณตามกติกายอดการสั่งซื้อ)

ต่อที่สองลุ้นรางวัลใหญ่ จัดทัพมาทั้งรถกระบะ โตโยต้า รีโว 1 รางวัล  รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ 10 รางวัล  ทองคำหนัก 1 บาท อีก 15 รางวัล มูลค่ากว่า 1,500,000 บาท

งานนี้นำทีมนำโชคโดย นายธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย ประธานบริษัท ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาวและเมียนมาร์ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค โดยได้มีการมอบของรางวัลและของสมนาคุณไปเมื่อเร็วๆ นี้ โดยแคมเปญนี้เป็นหนึ่งในเจตนารมณ์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่จะเติบโตไปด้วยกันกับร้านไฟฟ้า ในการฟันฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน และเพื่อเป็นการขอบคุณร้านไฟฟ้าที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์มาตรฐานระดับโลกจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค อีกด้วย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“พรีไซซ” เปิดบ้านต้อนรับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค PEA เยี่ยมชมขั้นตอนการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้า

เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 สายธุรกิจ Power Distribution and Energy Management ในเครือบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRECISE ผู้นำด้านการพัฒนาไฟฟ้าและพลังงานอย่างครบวงจรภายใต้คุณธรรมและความเป็นมืออาชีพ จากประสบการณ์การขายหม้อแปลงไฟฟ้าให้แก่หน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนและการส่งออกไปยังต่างประเทศมานานนับกว่า 37 ปี

พรีไซซให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและพนักงาน กองหม้อแปลงการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA เข้าเยี่ยมชมศึกษาดูงานขั้นตอนการผลิตและการบำรุงรักษาหม้อแปลงไฟฟ้าของพรีไซซ ณ บริษัท พรีไซซ อีเลคตริค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (PEM) ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านวิชาการและเพิ่มทักษะในการบำรุงรักษาให้มีความสอดคล้องกันระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับผู้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ
สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการลดพลังงานอัจฉริยะ หรือดูรายละเอียดได้ที่
https://preciseproducts.in.th/ และ Line Official ID : @preciseproducts หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร.
(+66) 02-584-2367 และ (+66)63 -227-2871


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

กฟผ. ขอเชิญนิสิต นักศึกษา ส่งผลงานร่วมประกวด “นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท

กฟผ. ขอเชิญนิสิต นักศึกษา ส่งผลงานร่วมประกวด “นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ” ชิงเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 100,000 บาท

การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขอเชิญชวนน้องๆ ในระดับอุดมศึกษา และอาชีวศึกษา ร่วมประกวดนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ด้านพลังงานไฟฟ้า ในโครงการ “Digiwar นักประดิษฐ์ พิชิตโควิดเพื่อชุมชน ปี 2”

โดยมีจุดประสงค์เพื่อพัฒนาโครงงาน ผลิตภัณฑ์ กระบวนการที่จะช่วยสร้างมูลค่าให้สินค้า เพื่อฟื้นฟูพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน หลังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และเป็นการฝึกทักษะนักประดิษฐ์ การค้นคว้า วิจัย รวมถึงความคิดสร้างสรรค์ แก่เยาวชนในระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา เป็นไปตามแนวคิดของ กฟผ. ในการส่งเสริมเยาวชนให้มีความคิดสร้างสรรค์ และสร้างพลังคิดเพื่อขับเคลื่อนสังคมต่อไปในอนาคต

วิธีการสมัคร
• ข้อมูลรายละเอียดโครงการ : bit.ly/2DWLNBt
• ดาวน์โหลดแบบฟอร์มเอกสารการสมัคร : bit.ly/2PJ17Es

กำหนดการรับสมัคร
• ส่งผลงานและใบสมัครทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2563 (ถือตราประทับไปรษณีย์เป็นสำคัญ)
• ประกาศผลผู้ผ่านเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้าย วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2563
• สิ้นสุดการประกวดรางวัง Popular Vote ในเพจโครงการฯ วันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน 2563 * รางวัล Popular Vote ตัดสินจากยอดไลค์ของแต่ละทีมในเพจโครงการฯ
• รอบชิงชนะ จัดขึ้นผ่านระบบ Fcaebook Live ในวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2563

รางวัลสำหรับการประกวด
• รางวัลชนะเลิศ 50,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 30,000 บาท
• รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 15,000 บาท
• รางวัลชมเชย 5,000 บาท
• พิเศษสุดๆ ! รางวัล Popular Vote 5,000 บาท ตัดสินจากจํานวนยอด Like ในเพจโครงการเท่านั้น !!

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อทีมงานผ่าน Inbox เพจ Digiwar นักประดิษฐ์ พิชิตโควิด เพื่อชุมชน ปี 2 www.facebook.com/egatdigiwar


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Street art workshop

Street art workshop
วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม 2563, 13.00-17.00
วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน 2563, 13.00-17.00

สตรีทอาร์ทเวิร์คช็อป โดย ASIN (https://www.instagram.com/asinacids) ศิลปินที่มีคาแลคเตอร์เป็นเอกลักษณ์ ประสบการณ์มากกว่า 10 ปี เวิร์คช็อปครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้การสร้างคาแลคเตอร์ของตัวเอง ออกแบบและร่างแบบสำหรับงานพ่นจริง เรียนรู้เทคนิคการใช้สีและหัวสเปรย์ รับจำนวนจำกัด ครั้งละ 5 คนเท่านั้น

ค่าใช้จ่ายรวมอุปกรณ์สำหรับคลาสแล้ว (อุปกรณ์วาดเขียน สีสเปรย์ หน้ากากกันฝุ่นละออง)
– คนละ 1,500 บาท
– มาเป็นคู่ 2,800 บาท

*หากผู้เข้าร่วมมีสีสเปรย์ หัวสเปรย์ หรือมีข้อสงสัยสามารถมาแลกเปลี่ยนความรู้กับศิลปินได้เลยค่ะ

สมัครได้ทาง LINE ID : midnicegallery / หรือ Email : midnicegallery@gmail.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้นำธุรกิจการจัดแสดงสินค้าระดับนานาชาติ จับมือบริษัทชั้นนำด้านเครื่องจักรจัดทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำ ในงานอินเตอร์แมค 2020

ภาคอุตสาหกรรมการผลิตไทย ยกเครื่องกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม สู่ยุคโรบอทดิจิทัล มั่นใจตลาดฟื้นหลังสิ้นสุดวิกฤติโควิด-19 อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ผู้นำธุรกิจการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับเจรจาธุรกิจ ระดับนานาชาติ จับมือบริษัทชั้นนำด้านเครื่องจักรจัดทัพเทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำ ในงานอินเตอร์แมค 2020 ระหว่างวันที่ 23-26 กันยายนนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

นายกัมปนาท ตันพิทักษ์สิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรบอท ซิสเต็ม จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมของไทยมีการตื่นตัวในการพัฒนาและปรับตัวสู่การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยเฉพาะหุ่นยนต์ หรือ โรโบติกส์ และInternet of Things (IOTs) มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการผลิตแบบเดิม ๆ ในยุคดิจิทัล(Disruption’ Digital) เพื่อทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และยิ่งไปกว่านั้นกับการเกิดวิกฤติของโรคอุบัติใหม่ โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบกับทุกประเทศทั่วโลก จึงเป็นตัวเร่งทำให้ผู้ประกอบการไทย ปรับทัศนคติในการพัฒนากระบวนการผลิตในแบบเร่งด่วนเพื่อฝ่าฟันธุรกิจให้อยู่รอดและเดินหน้าไปได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพื่อแก้ปัญหาใหญ่ที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หากการผลิตในวันนี้ ยังคงพึ่งพาแรงงานมนุษย์

“ผลกระทบจากวิกฤติโควิด ครั้งนี้พบกว่า กลุ่มบริษัทที่ยังไม่เคยคิดตัดสินใจ หรือ อยู่ในระดับให้ความสนใจ พบว่าทั้งสองกลุ่มนี้มีความตื่นตัวมากขึ้น เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อลดการพึ่งพาแรงงานมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและยา เครื่องดื่ม อุตสาหกรรมการเกษตร โลจิสติกส์ เป็นต้น เป็นกลุ่มที่มีความตื่นตัวมากที่สุด ซึ่งช่วงเวลานี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการปรับกระบวนการผลิตไปสู่การใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม อาทิ หุ่นยนต์ IOTs และนวัตกรรมอื่น ๆ เพื่อการอยู่รอดของธุรกิจ โดยขณะนี้ไม่เพียงแต่บริษัทใหญ่ ๆ ที่หันมาสนใจในเทคโนโลยี โรโบติกส์ และการใช้หุ่นยนต์ทดแทนในสายการผลิตต่าง ๆ บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมก็เกิดการตื่นตัวในการใช้หุ่นยนต์ AI เพื่อทดแทนแรงงานมนุษย์ที่มีข้อจำกัดและกำลังขาดแคลนในขณะนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้แม้คำสั่งซื้อหุ่นยนต์ได้ชะลอตัวไปช่วงหนึ่งจากผลกระทบของการระบาดของโรคโควิด แต่ขณะนี้ได้มีคำถามและความสนใจจากผู้ประกอบการจำนวนมากมายังบริษัทแสดงความสนใจและให้ความสำคัญที่จะศึกษาการปรับกระบวนการผลิตมาใช้หุ่นยนต์ แม้กระทั่งผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรายเล็ก ก็เริ่มพร้อมที่จะปรับตัวเพราะปัจจุบันราคาของหุ่นยนต์ก็ลดลงและสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ผู้ประกอบจึงได้เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าปรับการผลิตสู่การใช้เทคโนโลยีและหุ่นยนต์ เพื่อให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้หากเกิดวิกฤตโรคระบาดหรือวิกฤตอื่น ๆ ในอนาคตที่ยากต่อการคาดเดา” นายกัมปนาทกล่าว

โดยในระหว่างที่รอการผลิตวัคซีนป้องกันโควิดหรือการเฝ้าระวังรอบใหม่ ผู้ประกอบการไทยได้เริ่มศึกษาการใช้หุ่นยนต์ในโรงงานอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการลดการสัมผัสของมนุษย์ ปัจจุบันพบว่ากลุ่มผู้ผลิตเหล่านี้จะใช้เวลาช่วง 4-5 เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 2563 ในการศึกษาหาข้อมูลที่เหมาะสม ซึ่งอาจเกิดการลงทุนด้านเครื่องจักรที่รองรับการผลิตรูปแบบดิจิทัล ในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและสถานะการเงินของธุรกิจ ซึ่งรายใดสามารถลงทุนได้ก่อนก็จะได้เปรียบในการปรับตัวสู่อนาคตที่จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานมนุษย์ให้น้อยลง จากการลดจำนวนของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ความต้องการความแม่นยำที่ผ่านการทำงานซ้ำๆ โดยมนุษย์ การลดการสัมผัสและการสูญเสียของวัตถุดิบ และลดเวลาการทำงานของแรงงาน และทดแทนแรงงานคนที่จำเป็นต้องมีการ reskill ไปทำงานด้านอื่นที่เหมาะสมและคุ้มค่ากว่าการใช้หุ่นยนต์ ซึ่งหากโรงงานได้มีการปรับกระบวนการผลิตก็ไม่ต้องกังวลกับวิกฤตอื่น ๆ ที่จะเกิดในอนาคต ฉะนั้นในช่วงนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการศึกษาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่จะช่วยนำพาอุตสาหกรรมไปสู่อนาคตได้อย่างแท้จริง

สอดคล้องกับในช่วงวันที่ 23-26 กันยายนนี้ จะมีการจัดงานอินเตอร์แมค ที่เลื่อนจากกำหนดการเดิมคือ เดือนพฤษภาคม ก็จะมาเป็นช่วงเวลาดังกล่าวที่กำลังจะมาถึงนี้ นับได้ว่า เป็นจังหวะที่ดี ที่ผู้ผลิตจะได้มาชมความก้าวหน้าของเครื่องจักรและหุ่นยนต์ในรูปแบบต่างๆอย่างครบถ้วนที่สุด ภายในงาน จะมีการจัดแสดงหุ่นยนต์ที่มีการพัฒนาจนสามารถมีลูกตาอัจฉริยะเพื่อการมองเห็น ทั้งยังมีหุ่นยนต์ที่เพิ่มประสาทสัมผัสที่สามารถแยกแยะพื้นผิว ต่อยอดในการทำความสะอาดพื้นที่สแตนเลสหรือเงามัน หุ่นยนต์ 3D Printing gripper และ การแสดง VR simulator หรือห้องจำลองภาพเสมือนจริงให้ผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างหุ่นยนต์เพื่อใช้ในสายการผลิตของตนได้เห็นถึงการทำงานอย่างจำลอง ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนสภาพงานแบบ Interactive ให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนได้เองตามรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งงานอินเตอร์แมค ครั้งนี้จะช่วยตอบโจทย์กับผู้ประกอบไทยที่ต้องการเรียนรู้และอัพเดทความก้าวหน้าของนวัตกรรมระดับโลกได้ โดยเฉพาะในปีนี้ที่มีการจัดแสดงทางอุตสาหกรรมน้อย แต่เทคโนโลยีไม่ได้หยุดนิ่ง มีการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ มาตลอด หากผู้ประกอบการไม่มาเรียนรู้ก็จะไม่ได้ไอเดียไปพัฒนาธุรกิจ หากจะมัวแต่จะรอให้โควิดหมดไปก็จะไม่ทันคนอื่น ซึ่งผู้ประกอบการรู้ดีว่าใครลงมือก่อน ก็ย่อมคว้าโอกาสได้ก่อนเสมอ นายกัมปนาท กล่าวเสริม

ด้าน นายสมหวัง บุญรักษ์เจริญ ผู้อำนวยการ สถาบันไทย-เยอรมัน (TGI) กล่าวว่า จากที่อุตสาหกรรมของไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากยุค 2.0 และ 3.0 ไปสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 และการเป็นสมาร์ท แฟคทอรี่ (Smart Factory) ภายหลังสถานการณ์โควิด19 ได้เป็นตัวเร่งให้หลายอุตสาหกรรมของไทยเดินหน้าสู่การปรับทัพเป็น Smart Factory อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น มีการหันไปใช้เทคโนโลยี หุ่นยนต์ IOTs ระบบออโตเมชั่นสำหรับการปฏิบัติการ และ Big Data เข้าเสริมเพื่อการอยู่รอด โดยทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม และสถาบันไทยเยอรมัน ได้มีการโครงการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Center for Robotic Excellence: CoRE) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในประเทศ และเป็นเครือข่ายความร่วมมือของหน่วยงานชั้นนำของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมี 17 หน่วยงาน เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจากภาคการศึกษาไปสู่การผลิตหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์ และยกระดับไปสู่การผลิตหุ่นยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนใน โดยมีหน่วยงาน Center of Robotic Excellence ช่วยขับเคลื่อนให้มาตรการการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของประเทศ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ นายสมหวัง ได้กล่าวเสริมว่า ต่อจากนี้จะมีการเห็นการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมไทยใน 3 ด้านหลัก คือ ด้านผลิตภัณฑ์ (products) ด้านกระบวนการผลิต (process) ด้านการใช้แรงงานมนุษย์ (people) ซึ่งจะปรับไปสู่การใช้หุ่นยนต์ ระบบ IOTs เพื่อการดำเนินงานของทั้งสามด้านมากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรม S Curve ทั้ง 10 ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อการพัฒนาของไทย แต่อาจมีการชะลอไปบ้างในบางอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดโดยตรง อาทิ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดี และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Affluent, Medical and Wellness Tourism) แต่ อุตสาหกรรมอื่น ๆ อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ (Smart Electronics) หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม (Robotics), และ อุตสาหกรรมการแพยท์ครบวงจร (Medical Hub) จะมีการพัฒนาและเติบโตไปอย่างมากในปีนี้และอนาคต

นางสุกัญญา อมรนุรัตน์กุล ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจการจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมสำหรับเจรจาธุรกิจ ระดับนานาชาติ และพันธมิตรชั้นนำทั้งภาครัฐและเอกชน เราจะยืนหยัดที่จะจัดงานอินเตอร์แมค (INTERMACH) งานแสดงสินค้าภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจรครั้งยิ่งใหญ่แห่งปี ที่รวบรวมความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตที่ครบวงจร จัดขึ้นภายใต้ธีมงาน “ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ” พร้อมแบรนด์ชั้นนำจาก 25 ประเทศตอบรับเข้าร่วมโดยผ่านการนำแสดงจากผู้ประกอบการและตัวแทนจำหน่ายในประเทศ นำเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิต อาทิเช่น ระบบโรงงานอัตโนมัติและหุ่นยนต์ เครื่องมือสำหรับงานอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปโลหะ รวมเทคโนโลยีเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรมแปรรูปงานโลหะแผ่น เครื่องมือวัดอุตสาหกรรม เครื่องจักรสำหรับแม่พิมพ์อุตสาหกรรมและการผลิตอื่น ๆ และ รวมถึงเทคโนโลยีชั้นนำสู่ยุคเครื่องจักรอัตโนมัติ รวมถึงงานสัมมนาให้ความรู้ด้านอุตสาหกรรม โดยปีนี้จัดงานแบบไฮบริด เอ็กซ์ซิบิชั่น (Hybrid Exhibition) ครบองค์ประกอบกับการจัดการแสดงแบบองค์รวมโดยการใช้เทคโนโลยีออนไลน์ดิจิตอลผสมผสานกับการจัดงานแสดงสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้จัดงานและผู้ร่วมงานจากทั่วทุกมุมโลก ตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคนิว นอร์มัล เน้นความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานและผู้ร่วมจัดงานตามมาตรฐานระดับโลกอย่าง อินฟอร์มา ออลซีเคียว (Informa AllSecure)

งานนี้ถือว่าเป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมงานแรกและงานเดียวครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีที่ผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรมทั้งรายใหญ่ รายย่อย ไม่ควรพลาดที่จะมาอัพเดทเทรนด์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ไม่ได้หยุดชะงักไปตามการระบาดของโรคโควิด แต่ในทางกลับกันสถานการณ์โรคระบาดและการเปลี่ยนแปลงของโลก กลับเป็นตัวกระตุ้นที่ให้เกิดการพัฒนาต่าง ๆ ซึ่งสมควรเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบการในทุกอุตสาหกรรมควรที่จะมาเรียนรู้ถึงการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งนี้ เพื่อมุ่งสู่การทำธุรกิจในโลกอนาคตอย่างปลอดภัย ไร้กังวล ครบองค์ประกอบกับการจัดการแสดงแบบองค์รวมโดยการใช้เทคโนโลยีออนไลน์ดิจิตอลผสมผสานกับการจัดงานแสดงสินค้าทั่วไป


งานอินเตอร์แมค (INTERMACH) จัดร่วมกับงาน ซับคอน ไทยแลนด์ (SUBCON Thailand) งานแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อการจัดซื้อชิ้นส่วนอุตสาหกรรม และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจชั้นนำของอาเซียน ซึ่งจะจัดพร้อมกับงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2020 (ASE2020) งานแสดงเทคโนโลยีและการประชุมด้านพลังงานที่ครอบคลุมที่สุดในอาเซียน และงาน Boilex Asia and Pumps & Valves Asia & 2020 งานแสดงเทคโนโลยีเฉพาะทางด้านหม้อไอน้ำ ภาชนะรับแรงดัน ปั๊ม วาล์ว และอุปกรณ์เกี่ยวข้อง งานเดียวของประเทศไทย จะจัดขึ้นระหว่างวันพุธที่ 23 ถึงวันเสาร์ที่ 26 กันยายน 2563 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ของงานได้ที่ www.intermachshow.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ROBINSON ONLINE BIRTHDAY PARTY เปย์จัดหนัก ฉลองครบ 4 ปี ลดจริงแจกจริง!

ROBINSON ONLINE ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ฉลองครบรอบ 4 ปี ขอบคุณลูกค้าสายช้อปออนไลน์ กับแคมเปญ ‘ROBINSON ONLINE BIRTHDAY PARTY’ (โรบินสัน ออนไลน์ เบิร์ทเดย์ ปาร์ตี้) เปย์จัดหนัก ฉลองครบ 4 ปี ลดจริงแจกจริง ระหว่างวันที่ 14 – 21 สิงหาคม 2563 ที่ ROBINSON ONLINE คลิกเลย https://www.robinson.co.th/th/campaign/robinson-online-brithday-party พบดีลสุดปังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น…

o สินค้าแบรนด์ชั้นนำ ลดสูงสุด 80%
อาทิ เครื่องสำอาง Estee Lauder, Clinique, Kiehl’s, Lancome, Biotherm, Sulwasoo เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ภายในบ้าน Dyson, Philips, Tefal, Electrolux, KitchenAid, Zebra, Slumberland, Dunlopillo สินค้าเด็ก Huggies, BabyLove, Mamypoko, Pigeon, Lego, Sanrio สินค้าแฟชั่น Playboy, Casio, Converse, Lee, Wrangler, Levi’s, Anello, Rayban และสินค้ากีฬา Adidas, Nike, Fila, Reebok เป็นต้น

o แจกโค้ดรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 1,000 บาท เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท

o แจกของรางวัลพิเศษ 4 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท สำหรับผู้ที่มียอดรวมสั่งซื้อจาก ROBINSON ONLINE สูงสุด 4 ท่าน ได้แก่ รางวัลที่ 1 สร้อยข้อมือเพชร SNOOPY จำนวน 1 ชิ้น มูลค่า 45,000 บาท, รางวัลที่ 2 จี้เพชร จำนวน 1 ชิ้น มูลค่า 23,000 บาท และ รางวัลที่ 3 iPhone 11 สีเขียว จำนวน 2 เครื่อง รวมมูลค่า 53,800 บาท

o สมาชิกเดอะวัน แลกรับส่วนลดพิเศษผ่านแอปพลิเคชั่นเดอะวัน 500 คะแนน แลกรับส่วนลด 100 บาท

o สมาชิกบัตรเครดิต รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 10% และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 5% พร้อมรับคะแนนเดอะวันสูงสุด 10 เท่า เฉพาะบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ

o ช้อปสบาย ผ่อน 0% 6 เดือน เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ

o พร้อม ส่งฟรี! เมื่อช้อปครบ 599 บาทขึ้นไป


 

Exit mobile version