Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

พรีไซซ” คว้างานการไฟฟ้านครหลวง MEA จ่อรับ 220ลบ. มั่นใจส่งมอบ Smart Load Break Switch ได้ครบเร็วกว่าสัญญาภายในสิ้นปี 63

บริษัท พรีไซซ อีเลคโทร-แมคคานิเคิล เวอร์คส์ จำกัด หรือ PMW ภายใต้สายธุรกิจ Power Distribution & Energy Management ในเครือบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRECISE ผู้นำด้านการพัฒนาไฟฟ้าและพลังงานอย่างครบวงจร ภายใต้ธรรมภิบาลและความเป็นมืออาชีพ โชว์ผลงานส่งมอบ Smart Load Break Switchให้กับการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ได้ครบเร็วกว่าสัญญาภายในสิ้นปี 63 แน่นอน โดยได้รับสัญญาซื้อขาย 24 KV 600 A Pole-mounted Load Break Switch 3 phase without voltage transformer และ Telecontrol Device จำนวน 1,440 ชุด จากการเข้าร่วมประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding)

นายวิทูร เจียมจิตต์ตรง ประธานกรรมการ บริษัท พรีไซซ อีเลคโทร-แมคคานิเคิล เวอร์คส์ จำกัด (PMW) เปิดเผยว่า “พรีไซซเองมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานมากว่า 37 ปี ทั้งนี้สินค้าและบริการของพรีไซซนั้นยังมีความหลากหลายและตอบโจทย์ตามความต้องการอีกหลายด้านที่ครอบคลุม ทั้งหม้อแปลงพรีไซซ ตู้MDB ฟิวส์ สวิตซ์ อุปกรณ์ตัดตอนไฟฟ้า ฯลฯ และรวมไปถึงกลุ่มพลังงาน ที่มีการนำระบบที่ช่วยการประหยัดพลังงาน เช่น ระบบ PEMS โซลาร์รูฟท็อป และระบบ Total Customer Solution ที่สามารถช่วยลดและประหยัดพลังงานได้จริงและครบจบในกระบวนการเดียวที่พรีไซซ เรายังเป็นบริษัทฯเอกชนรายแรกๆที่ภาครัฐให้ความไว้วางใจในการเลือกใช้สินค้าและความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานนี้เองทำให้มีผลงานกับทางภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศมากมาย โดยโครงการ Smart Load Break Switch จำนวน 1,440 ชุดนี้พรีไซซส่งมอบให้กับการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA โดยมีจุดประสงค์ติดตั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล ที่ได้มีการส่งมอบไปแล้วจำนวน 750 ชุด และเริ่มติดตั้งใช้งานแล้วในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ในรายละเอียดสัญญามีการแบ่งออกเป็น 10 งวดในการส่งมอบ ซึ่งตามสัญญากำหนดส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี2564 แต่ด้วยกำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถผลิต LBS ได้ 300 ชุดต่อเดือน ทำให้ PMW จะสามารถส่งมอบ Smart Load Break Switch ได้ครบก่อนสัญญาภายในสิ้นปี 63 นี้ โดยปัจจุบันทางพรีไซซได้ส่งมอบผลงานไปแล้ว 5 งวด และกำลังทยอยส่งมอบต่อไปจนครบสัญญา เมื่อส่งมอบและติดตั้งครบแล้วจะได้รับรายได้ตามมูลค่าสัญญเป็นมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท”

“Smart Load Break Switch ของพรีไซซในสัญญานี้ เป็นสวิตช์สำหรับตัดต่อระบบไฟฟ้าแรงสูง 24kV มีความสามารถเปิดวงจรในระบบจำหน่ายไฟฟ้าขณะที่มีกระแสโหลดได้สูงสุดถึง 630A และรองรับการสั่งงานผ่านระบบรีโมทระยะไกลจากศูนย์สั่งการ โดยผ่านตัวกลางเป็นสายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีเสถียรภาพสูง โดยสินค้ารุ่นนี้ได้รับพัฒนา ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิม มีการใช้งานที่ง่ายขึ้น ออกแบบให้มีส่วนประกอบชุดกลไกขับเคลื่อนลดลงถึง 70% ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ยังมีน้ำหนักลดลงจากรุ่นเดิมถึง 40% มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม 20% ทำให้การติดตั้งใช้งานสะดวกและรวดเร็ว โดยมีการออกแบบภายใต้มาตรฐานสากล IEC 62271-103 และผ่านการทดสอบ Type Test จากห้องทดสอบ Korea Electrotechnology Research Institute (KERI) จากประเทศเกาหลีใต้ ปีนี้เรายังมั่นใจว่า พรีไซซเดินหน้าเตรียมยื่นประมูลงานด้านไฟฟ้าและพลังงานอย่างต่อเนื่อง ที่เริ่มจะเปิดประมูลแข่งขันในช่วงหลังของปีนี้ หลังจากเจอพิษของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้มีการหยุดชะงักไปในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯมองว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จะกลับเข้าสู่ภาวะการแข่งขันของธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดที่มีสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศไทย คาดว่างานประมูลในช่วงหลังจากนี้ ทั้งของ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน จะเริ่มทยอยประกาศออกมาเพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันในตลาดส่งออกต่างประเทศก็ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทางพรีไซซก็ดำเนินงานอยู่ในการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และฟิลิปปินส์ เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงมีความต้องการสินค้าที่เกี่ยวเนื่องไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางของพรีไซซในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตได้ดี และในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้รับกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดมากนัก เนื่องจากมีการปรับแผนต่างๆตามสถานการณ์ตลอดช่วง ส่งผลให้พรีไซซในครึ่งปีหลังนี้มีผลงานเติบโตอย่างโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญ” นายวิทูรกล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการลดพลังงานอัจฉริยะ หรือดูรายละเอียดได้ที่ https://preciseproducts.in.th/ และ Line Official ID : @preciseproducts หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. (+66) 02-584-2367 และ (+66)63 -227-2871


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

แอคเซสพอยต์อัจฉริยะตัว Top จากหัวเว่ย ผสานเทคโนโลยี 5G เชื่อมต่อไร้สายเต็มสปีด

สัมผัสความเร็วไร้สายในระดับ 10.75 Gbps เสมือนใช้สายไฟเบอร์ ด้วยผลิตภัณฑ์แอคเซสพอยต์รุ่นแฟล็กชิป Huawei AirEngine 8760-X1 Pro มาตรฐานล่าสุด IEEE 802.11ax รองรับงานทราฟฟิกหนักๆ ได้อย่างมั่นใจ โดดเด่นกว่าใครด้วยการผสานอัลกอริธึ่มการทำงานแบบอัจฉริยะจากนวัตกรรม 5G พร้อมให้บริการเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่าเคย ตอบโจทย์การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายได้อย่างราบรื่นเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล รวมถึงพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

คุณสมบัติเด่น:

  • 16 Spatial Streams: เสาอากาศอัจฉริยะ 16 Spatial Streams รับประกันการรับส่งข้อมูลพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยเพิ่มอัตราขยายสัญญาณอย่างมีประสิทธิภาพ
  • IoT Slot แบบ Built-in: เชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ต่างๆ ได้ทันที เช่น BLE 5.0, ZigBee, RFID และ Thread
  • รองรับ GPON ได้อย่างสะดวกง่ายดายด้วยพอร์ต SPF+ ที่ติดตั้งมาในตัว แอคเซสพอยต์
  • ความเร็วสูง: มอบความเร็วที่เสถียรในระดับ 10.75 Gbps เปิดประสบการณ์ไร้สายสำหรับการใช้งานหนักๆ หลากหลายรูปแบบ ทั้ง AR, VR, Video Conference รวมถึง Application IoT

ข้อมูลเพิ่มเติม: e.huawei.com/th, ช่องทางติดต่อ: Facebook.com/HuaweiEnterpriseThailand


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท พลัส (OfficeMate Plus+) รุกหนักธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้ออุปกรณ์สำนักงานเพื่อธุรกิจ มั่นใจอีก 5 ปี จะขยายได้ถึง 150 สาขา

นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท พลัส ขอเชิญชวนผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไทย ร่วมพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ปลดล็อคขีดความสามารถในการขายและการสร้างรายได้ ไปกับ “แฟรนไชส์ ออฟฟิศเมท พลัส (OfficeMate Plus+)” ร้านแฟรนไชส์อุปกรณ์สำนักงานเพื่อธุรกิจหนึ่งเดียวในไทย ที่ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าภาคธุรกิจ (B2B) และลูกค้าทั่วไป (B2C) ด้วยโมเดลธุรกิจ Disruptive B2B OMNIchannel Franchise Model

เหตุผลที่ต้องเลือกแฟรนไชส์ “ออฟฟิศเมท พลัส”  เรามีคำตอบให้พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับ  แฟรนไชส์ซี ดังนี้
• ร้านออฟฟิศเมท พลัส เป็นร้านแฟรนไชส์ที่สามารถขายสินค้าและให้บริการแก่ลูกค้า B2B ได้ในมาตรฐานเดียวกันกับออฟฟิศเมท ซึ่งเรามีประสบการณ์จริงมากกว่า 25 ปี และยังเป็นบริษัทฯ ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล ค้าปลีกชั้นนำของประเทศ ที่มีความน่าเชื่อถือ
• แฟรนไชส์ซีสามารถจำหน่ายสินค้าครอบคลุมทุกความต้องการของธุรกิจ ครบครันกว่า 60,000 รายการ ทั้งเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ สินค้าโรงงานและอุตสาหกรรม (Factory & Industrial), อุปกรณ์เครื่องใช้ในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร บริการจัดเลี้ยง (HORECA) และอุปกรณ์ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ และดูแลสุขภาพ (Hygiene & Wellness)  โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดเก็บสต๊อกสินค้าเอง เพราะเรามีระบบการบริหารสต๊อกสินค้าภายในร้านและมีคลังสินค้าที่พร้อมรองรับคำสั่งซื้อที่นอกเหนือจากสินค้าที่วางขายในร้าน ให้แฟรนไชส์ซีขายได้ไม่จำกัดและได้รับความสะดวกในเรื่องการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าของท่าน ด้วยมาตรฐานการให้บริการจัดส่งฟรี* แก่ลูกค้าในพื้นที่

• ออฟฟิศเมท พลัส เป็นโมเดลธุรกิจเชิงรุก ที่เราได้พัฒนาระบบการจัดการร้านแฟรนไชส์ให้ได้มาตรฐานเหมือนกับออฟฟิศเมท โดยใช้โมเดล  Disruptive B2B OmniChannel Franchise Model  อันได้แก่ ความสามารถในการขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่สะดุดแม้จะเกิดสถานการณ์อันไม่คาดคิด อาทิ covid-19 เป็นต้น  ช่องทางการขายแบบ OmniChannel นี้คือ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขายผ่านออนไลน์ Chat & Shop ผ่าน Facebook Page และ Line Official Account ของแฟรนไชส์ซีเอง  การมีพนักงานขายแบบ B2B Direct Sales  ซึ่งเราจะมีการให้คำแนะนำและฝึกอบรมพนักงานของแฟรนไชส์ซีอย่างต่อเนื่อง ให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการขายผ่านทุกช่องทาง  และแฟรนไชส์ซีสามารถมั่นใจกับระบบการขายผ่านทุกช่องทางแบบไม่สะดุด
• แฟรนไชส์ซีสามารถสร้างรายได้ปีแรกเฉลี่ย 500,000 – 1,000,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การขาย ทั้งนี้หากมีทีมขาย (Direct Sales) ที่เชี่ยวชาญ จะสามารถสร้างรายได้ให้สูงขึ้นได้อีก โดย  แฟรนไชส์ซีจะได้รับผลตอบแทนกำไรจากการขายสูงสุด 30%
• หากคุณเป็นคนที่กำลังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจ  แฟรนไชส์ ออฟฟิศเมท พลัส ถือเป็นหนึ่งในโอกาสการเพิ่มยอดขายในกลุ่มลูกค้า B2B ที่แฟรนไชส์ซีมีอยู่แล้ว ให้ต่อยอดได้มากยิ่งขึ้น
• แฟรนไชส์ซีที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติที่ครบถ้วนแล้ว สามารถเปิดร้านเริ่มกิจการได้ไวภายใน 3 เดือน  ด้วยระบบการบริหารจัดการสำเร็จรูป อาทิ การก่อสร้างร้านและการจัดร้านตามแบบมาตรฐาน  ระบบเนทเวิร์คการจัดการร้านและการรับออเดอร์หลังร้าน โปรโมชั่นพร้อมสื่อการตลาดช่วยผลักดันการขายประจำเดือน   ทั้งนี้จะได้รับการดูแลจากที่ปรึกษาทางธุรกิจที่คอยช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ติดต่อที่ปรึกษาแฟรนไชส์ โทร 1281 กด 6 หรือ 065-998-2988 หรือพูดคุยทาง Line: @OFM_Plus


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ รับรางวัล Top DCG Partner for Services Lenovo Accelerate’20

คุณเมธา ดีมีชัย Indochina Business Lead Data Center Group จาก Lenovo (Thailand) มอบรางวัล “Top DCG Partner for Services” จากงาน Lenovo Accelerate’20 ซึ่งเป็นรางวัลที่แสดงถึงศักยภาพ และความสามารถในการเป็นผู้นำด้านการขายบริการที่ทำผลงานได้โดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ให้กับ คุณชัยวัฒน์ วชิรโรจน์ไพศาล General Manager of Digital Solutions Group บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ณ บริษัท เลอโนโว (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2563


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

IAESTE Thailand รับสมัครนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติ

IAESTE Thailand (ไอเอสเต้) รับสมัครนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติไปฝึกงาน ณ ต่างประเทศ โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติเพื่อการฝึกงานด้านเทคนิค (The International Association for the Exchange of Students for Technical Experience A.s.b.l.: IAESTE Thailand) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดรับสมัครสอบคัดเลือกนักศึกษาระดับปริญญาตรีปีที่ 3 – 4 และปริญญาโท-เอก อายุไม่เกิน 30 ปี เพื่อรับทุนฝึกงานด้านเทคนิคในต่างประเทศของโครงการ IAESTE Thailand ประจำปี 2564 ดังนี้

– รับสมัครระหว่างวันอังคารที่ 1 กันยายน – 30 ตุลาคม 2563 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 18.00 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00 – 16.00 น.
– ประกาศสถานที่สอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18.00 น.
– สอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2563 เวลา 9.00 – 12.00 น.
– ประกาศผลสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18.00 น.
– สอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษและวิชาชีพเฉพาะทาง วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 12 – 13 ธันวาคม 2563 วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 19 – 20 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมเบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี
การเรียกนักศึกษาสอบสัมภาษณ์จะเรียกตามลำดับการรายงานตัว
– ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับทุนฝึกงาน วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 (เรียงตามลำดับคะแนน ) เวลา 18.00 น.
– ประชุมผู้ปกครอง-นักศึกษาเพื่อรายงานตัว และการพิจารณาเลือกทุนฝึกงาน วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 – 16.00 น. ณ หอประชุมเบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี
– ชำระเงิน และรับทุนฝึกงาน วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ หอประชุม เบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี

นักศึกษาที่สนใจสมัครสอบคัดเลือกเพื่อขอรับทุน สามารถสอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ สำนักงาน IAESTE Thailand ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) โทรศัพท์ 02-555-2177, 02-555-2000 ต่อ 1025, 1193, 1194 หรือ Download ใบสมัครได้ที่ www.iaeste-thailand.org

ขวัญฤทัย ข่าว –ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

จีอีร่วมเพิ่มเสถียรภาพและความมั่นคงของพลังงานที่ใช้ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

• จีอีลงนามสัญญาบริการซ่อมบำรุงกับบริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (DCAP) โรงไฟฟ้าประเภทผลิตไฟฟ้าร่วมกับความเย็นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นเวลา 5 ปี
• บริการซ่อมบำรุงของจีอี จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของ DCAP เพื่อเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและระบบทำความเย็นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำที่สุด

กรุงเทพ – 25 สิงหาคม 2563 – เจเนอรัล อิเลคทริค หรือ จีอี (NYSE: GE) ลงนามสัญญาครั้งใหม่กับ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด (DCAP) โรงไฟฟ้าประเภทผลิตไฟฟ้าร่วมกับความเย็นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในการบำรุงรักษากังหันก๊าซ aeroderivative รุ่น LM6000 PD จำนวน 2 เครื่อง ที่ใช้ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็นให้แก่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ การร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยให้ DCAP เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้าขนาด 110 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและระบบทำความเย็นของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมทั้งช่วยลดต้นทุนให้กับ DCAP ทั้งนี้ในฐานะผู้ผลิตกังหันก๊าซ จีอีมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของโรงไฟฟ้า ร่วมกับการซ่อมบำรุงตลอดระยะเวลา 5 ปีตามสัญญาความร่วมมือ

ผู้บริหารของ DCAP ที่ร่วมลงนามในครั้งนี้ได้แก่นายสุเทพ เรืองพรวิสุทธิ์ กรรมการ รักษาการผู้จัดการใหญ่ และนายสันติ วงศ์รุ่งโรจน์กิจ ผู้จัดการฝ่ายจัดการธุรกิจ และในส่วนของจีอี นายรชต ศังขวณิช ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และ นายภานุพงษ์ ปิยะวงศ์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่าย Multi-year Services Agreement เป็นผู้ลงนามสัญญา

นายสุเทพ เรืองพรวิสุทธิ์ กรรมการ รักษาการผู้จัดการใหญ่ DCAP กล่าวว่า “DCAP มุ่งมั่นที่จะผลิตไฟฟ้าให้แก่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ท่าอากาศยานแห่งชาตินี้เป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่รองรับผู้โดยสารราว 64 ล้านคน และการขนส่งสินค้าทางอากาศถึง 1.3 ล้านตันต่อปี ในฐานะผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า เราเลือกจีอีให้เป็นผู้บำรุงดูแลโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จากผลงานซึ่งเป็นที่ประจักษ์ทั้งด้านบริการและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เราจึงมั่นใจในความเชี่ยวชาญและความสามารถของทีมงานในภูมิภาคของจีอีทั้งด้านเทคนิคและวิศวกรรม”

นายรชต ศังขวณิช ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ ธุรกิจพลังงานก๊าซ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก บริษัทจีอี กล่าวว่า “การลงนามในสัญญาวันนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการประสานความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานของจีอี และ DCAP ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2547 เมื่อ DCAP เริ่มเดินเครื่องการผลิต โดยใช้กังหันก๊าซ รุ่น Frame 5 ของจีอี ปัจจุบัน DCAP ได้ใช้กังหันก๊าซ Aeroderivative รุ่น LM6000 PD ของจีอี จำนวน 2 เครื่อง ในการผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554 และเดือนมีนาคม 2555 เรามั่นใจว่าด้วยเสถียรภาพที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งทีมงานผู้เชี่ยวชาญในภูมิภาค จะทำให้ความร่วมมือในครั้งนี้ เอื้อประโยชน์แก่ DCAP ได้อย่างน่าพอใจ”

ปัจจุบัน ในประเทศไทย มีการใช้กังหันก๊าซ aeroderivative ของจีอี อยู่ประมาณ 40 เครื่อง ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งนั้น ได้รับการบำรุงรักษาโดยจีอี จึงทำให้จีอีเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยี aeroderivative อันดับหนึ่งในประเทศไทย

เกี่ยวกับ GE Gas Power
GE Gas Power เป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี บริการ และโซลูชั่นบริหารจัดการพลังงานก๊าซธรรมชาติ ด้วยนวัตกรรมที่ไม่หยุดนิ่งและการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เราผลิตพลังงานที่ล้ำหน้า สะอาดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน นอกจากนี้ เรายังสร้างสรรค์เทคโนโลยีพลังงานแห่งอนาคตด้วย ด้วยฐานผู้ใช้งานกังหันก๊าซที่ใหญ่ที่สุดของโลก และชั่วโมงทำงานว่า 200 ล้านชั่วโมงทั่วฐานกำลังของ GE เราส่งมอบเทคโนโลยีล้ำสมัยและประสบการณ์หาที่เปรียบไม่ได้ในอุตสาหกรรมในการสร้าง ดำเนินการ และบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซชั้นนำ
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.ge.com/power/gas หรือติดตามข่าวสารได้ทาง Twitter และ LinkedIn
* เครื่องหมายการค้าของ GE อาจมีการจดรับรองในหลายประเทศ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สทน. พร้อมเดินเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอนแห่งใหม่ คาดเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากสินค้าฉายรังสีถึง 5,000 ล้านบาทต่อปี

เมื่อวันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม 2563 สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ได้ทำ พิธีเปิดอาคารและเดินเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอน ณ ศูนย์ฉายรังสี เทคโนธานี จังหวัดปทุมธานี โดยมี รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมผู้บริหารจาก สทน. ประกอบด้วย ดร. ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ประธานกรรมการบริหาร สทน. และ รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)

รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ประเทศไทยเองได้ออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาหารฉายรังสีมาตั้งแต่ปี 2515 จนกระทั่งไทยได้เริ่มมีการเดินเครื่องฉายรังสีแกมมา และมีการจำหน่ายอาหารฉายรังสีแก่ผู้บริโภคตั้งแต่ปี 2528 ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี ที่ศูนย์ฉายรังสี ได้สร้างมาตรฐานของการฉายรังสีให้เป็นที่ยอมรับจากผู้ประกอบการในประเทศ และองค์กรต่างประเทศให้การ ยอมรับว่ามีมาตรฐานที่จะสามารถฉายรังสีให้กับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อส่งออกไปยังประเทศปลายทางโดยไม่เกิด ปัญหาใด ๆ โดยในปี 2550 โรงงานฉายรังสีของ สทน. แห่งนี้ได้รับการรับรองจากกระทรวงเกษตรฯ สหรัฐ ให้เป็นโรงงานที่สามารถฉายรังสีผลไม้ไทย 6 ชนิด เพื่อส่งออกไปสหรัฐอเมริกาได้ ถือเป็นการช่วยเปิดตลาดผลไม้ไทยให้ส่งออกได้มากขึ้น และเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียก็ให้การรับรองศูนย์รังสีของ สทน. ให้สามารถฉายรังสีส่งออกไปจำหน่ายที่ออสเตรเลียได้ ทำให้ประเทศไทยสามารถส่งออกผลไม้ไทยไปทั้ง 2 ประเทศได้อีกมากกว่า 100 ตันต่อปี ประเทศไทยได้เล็งเห็นประโยชน์จากการฉายรังสีของ สทน. จึงได้อนุมัติงบประมาณให้ สทน. เพื่อสร้างอาคารและเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอนเพิ่มเติม เพื่อสามารถให้บริการแก่เกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีการฉายรังสีที่นับวันจะมีมากขึ้น ซึ่งแนวทางนี้ก็สอดคล้องกับนโยบายด้าน BCG คือการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร อีกทั้งเทคโนโลยีฉายรังสีด้วยอิเล็กตรอนและรังสีเอ็กซ์ ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้การฉายรังสีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผย ว่า ปัจจุบัน สทน. มีเครื่องฉายรังสีที่ให้บริการฉายรังสีแกมมาในเชิงพาณิชย์แก่ผลผลิตทางการเกษตร และ ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป โดยใช้โคบอลต์-60 เป็นต้นกำเนิดรังสี ซึ่งมีความจำเป็นต้องสั่งซื้อเพิ่มเติมทุก ๆ 5 ปี เพื่อ รักษาประสิทธิภาพการให้บริการฉายรังสี แต่ต้นกำเนิดรังสีโคบอลต์-60 จะมีราคาสูงขึ้นทุกปี อีกทั้งเครื่องฉายรังสีที่ใช้อยู่เป็นเครื่องเก่าที่มีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี จึงทำให้มีต้นทุนการให้บริการฉายรังสีที่สูงขึ้น และที่สำคัญ ประสิทธิภาพในการให้บริการฉายรังสีผลไม้ สามารถฉายรังสีได้เต็มที่วันละ 60 ตัน ในขณะที่ความต้องการฉายรังสี ผลไม้ของไทยเพื่อส่งออกไปยังตลาดในสหรัฐอเมริกามีความต้องการฉายรังสีเฉลี่ยวันละ 90 ตัน ดังนั้น ศูนย์ฉาย รังสี สทน. จำเป็นต้องจัดหาเครื่องฉายรังสีเพิ่มเติม เพื่อรองรับการให้บริการในอนาคต จึงได้ริเริ่ม “โครงการเพิ่ม ศักยภาพการฉายรังสีผลิตผลการเกษตรเพื่อการส่งออกด้วยเครื่องเร่งอนุภาค” โดย สทน. ได้รับงบประมาณ 605,300,000 บาท สำหรับจัดหาเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอนพร้อมอาคาร ขนาดของโรงงานฉายรังสีอิเล็กตรอนมี พื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นโรงงานฉายรังสีที่ผลิตรังสีจากพลังงานไฟฟ้าที่สามารถผลิตได้ทั้งลำอิเล็กตรอน (Electron beam) และรังสีเอ็กซ์ (x-ray) ซึ่งจะให้พลังงานอิเล็กตรอนไม่เกิน 10 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ ให้รังสี เอ็กซ์พลังงาน 5 ล้านอิเล็กตรอนโวลต์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการฉายรังสีสินค้าทางการเกษตร ให้ได้เพียงพอต่อความ ต้องการของตลาดต่างประเทศและในประเทศ และได้มาตรฐานเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศเรื่องการนำเข้าผลิตผลการเกษตรฉายรังสี สำหรับประสิทธิภาพของเครื่องฉายรังสี สามารถให้บริการฉายรังสีได้ทั้งเครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลไม้สด ได้ในปริมาณที่มากขึ้นในระยะเวลาที่รวดเร็วขึ้น

สำหรับผลที่ได้จากโครงการ นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการฉายรังสีสินค้าเกษตรเพื่อการ ส่งออกแล้ว ยังช่วยลดปริมาณการสั่งซื้อต้นกำเนิดรังสีโคบอลต์-60 ในโรงฉายรังสีแกมมาซึ่งมีราคาสูงขึ้นทุกปี ทั้ง ยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรายย่อยที่ดำเนินกิจการค้าขายอาหารและผลิตภัณฑ์ฉายรังสี รวมทั้ง สมุนไพรรักษาโรคพื้นบ้าน ผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ฉายรังสี โรงงานฉายรังสีแห่งใหม่นี้จะเป็นโรงงานต้นแบบ และถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชนทั้งในระดับอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการรายย่อย ขณะนี้อยู่ในช่วงทดลอง การเดินเครื่อง คาดว่าจะเริ่มให้บริการฉายรังสีในเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2564 นี้ เมื่อเดินเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอน อย่างเต็มกำลังแล้ว จะสามารถฉายรังสีผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในระดับพลังงานต่ำสุดได้สูงสุด 230 ตัน/ชั่วโมง และศูนย์ ฉายรังสีของ สทน. จะสามารถฉายรังสีได้ครบทุกประเภทรังสีที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย และคาดว่าจะสร้าง มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศปีละมากกว่า 5,000 ล้านบาท


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เอเซอร์ประกาศเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในศึก PUBG Continental Series 2 APAC

กรุงเทพฯ, 25 สิงหาคม 2563 – เอเซอร์เดินหน้าขับเคลื่อนวงการอีสปอร์ต สนับสนุนศึก PUBG Continental Series 2 (PCS2) APAC ในฐานะผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ สานต่อความสำเร็จจากทัวร์นาเมนต์การกุศล PCS Charity Showdown เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สร้างปรากฏการณ์การร่วมทำบุญออนไลน์ในวงการอีสปอร์ตไว้อย่างสวยงาม กลับมาคราวนี้ เอเซอร์ร่วมกับ PUBG เตรียมปลุกความมันส์ของสนามแข่งออนไลน์ รวมพลคนจริงสู่ทัวร์นาเมนต์ PUBG Continental Series 2 (PCS2) APAC เพื่อเฟ้นหาสุดยอดเซียนเกม PUBG ระดับเอเชียแปซิฟิกประจำปี 2020

สำหรับทัวร์นาเมนต์ PUBG Continental Series 2 (PCS2) APAC นี้ เอเซอร์ในฐานะผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการจัดเต็มด้วยเกมมิ่งฮาร์ดแวร์เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ในระหว่างการแข่งขันนี้ นำทัพด้วย Predator Triton 500 สุดยอดเกมมิ่งโน้ตบุ๊คที่การันตีความแรงด้วยขุมพลังจาก 10th Gen Intel® Core™ และกราฟิกการ์ด NVIDIA® GeForce RTX 2080 SUPER™ หรือ 2070 SUPER GPUs พร้อม Max-Q Design มาพร้อมแบตเตอรี่สุดอึดที่สามารถรองรับการใช้งานต่อเนื่องกว่า 7 ชั่วโมง หน้าจอระดับ Full HD IPS เกรดสูง อัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 300Hz/1ms มอบประสบการณ์การรับชมภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวได้อย่างไหลลื่นและคมชัด นอกจากนี้ยังมีขบวนขุนพล Acer Nitro 5 เกมมิ่งโน้ตบุ๊คยอดนิยมที่อัพเดทดีไซน์และสเปคมาใหม่สำหรับคอเกม และสุดยอดนักล่าอย่างเกมมิ่งเดสก์ทอป Predator Orion มาพร้อมเกมมิ่งมอนิเตอร์ ที่ให้ทุกมุมมองในสนามรบคมชัด สมจริง ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งในเกมมิ่งฮาร์ดแวร์จากเอเซอร์ที่จะพาผู้เล่นไต่ระดับความมันส์ในสมรภูมิรบออนไลน์นี้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

จำนวนทีมที่เข้าร่วมจากแต่ละประเทศ ประกอบด้วย

ตัวแทนจากประเทศเวียดนาม 5 ทีม ได้แก่
Cerberus Esports, GameHome Esports,Divine Esports, DivisionX Gaming, X-Stadium Thu Duc

ตัวแทนจากประเทศไทย 5 ทีม ได้แก่
MSC Theerathon, Buriram United Esports, Daytrade Gaming, Magic Esport, Kaiser Tuna

ตัวแทนจากประเทศอินโดนิเซีย 2 ทีม ได้แก่
Victim Rise, From The Future

ตัวแทนจากประเทศฟิลิปปินส์ 1 ทีม ได้แก่
ArkAngel Predator

ตัวแทนจากประเทศสิงคโปร์และมาเลเซีย 1 ทีม ได้แก่
Battle Arena Elites (Malaysia)

ตัวแทนจากประเทศในแถบโอเชียเนีย 2 ทีม ได้แก่
Fury, Astra

ตารางการแข่งขัน PCS2 APAC

  • สัปดาห์ที่ 1: วันที่ 29 – 30 สิงหาคม
  • สัปดาห์ที่ 2: วันที่ 5  – 6 กันยายน
  • สัปดาห์ที่ 3: วันที่ 12  – 13 กันยายน

สามารถรับชมได้ใน Official PUBG ทุกช่องทาง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ACCESSTRADE จัดงาน “Performance Growth Summit” สุดยอดสัมมนาออนไลน์สาย Performance Marketing ปี 2020

แอ็กเซสเทรด (ACCESSTRADE) ผู้ให้บริการระบบการตลาดออนไลน์แอฟฟิลิเอตมาร์เก็ตติ้ง ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่แรกในประเทศไทย โดย บริษัท อินเตอร์สเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญผู้สนใจร่วมงาน “Performance Growth Summit” สุดยอดสัมมนาออนไลน์สาย Performance Marketing ปี 2020

โดยในการสัมมนาครั้งนี้ ท่านจะได้พบกับวิทยากรชั้นนำด้าน Performance Marketing ของประเทศไทย นำโดย คุณภัทรวุฒิ กุลจันทร์ ผู้บริหารสูงสุด บริษัท อินเตอร์สเปซ (ประเทศไทย) จำกัด , คุณณัฐกรณ์ รัตนชัยสิทธิ์ CEO & Founder Predictive , คุณพีรพล เจนทรัพย์สิน Managing Director Promotions.co.th , คุณสุวิตา จรัญวงศ์ CEO & Co-Founder Tellscore ที่จะมาร่วมแชร์ประสบการณ์ พร้อมแนะแนวทางการทำการตลาดด้วยวิธีที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน รับชมพร้อมกันผ่านระบบออนไลน์ ในวันที่ 24 กันยายน 2563 เวลา 13.00 น. – 15.30 น.

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนสมัคร ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ https://accesstrade.in.th/performance-growth-summit/ พิเศษ! 60 ท่านแรกที่ลงทะเบียน จะได้รับของขวัญพิเศษจาก แอ็กเซสเทรด (ACCESSTRADE) ประเทศไทย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://accesstrade.in.th/


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

5 ยูนิตใหญ่สุดท้าย! Sky Residence ที่ The Ritz-Carlton Residences Bangkok. 2-BR starting from 49 MB.

เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (The Ritz-Carlton Residences Bangkok) ได้ชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของ “มหานคร” อีกแห่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยมูลค่ามากถึง 18,000 ล้านบาท บนพื้นที่รวม 135,000 ตารางเมตร และอาคารแห่งนี้ก็กลายเป็นแลนด์มาร์ก (Landmark) ด้วยเอกลักษณ์ของรูปทรงตึกที่มีความสูงโดดเด่นถึง 314 เมตร ตึกที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯนับตั้งแต่ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์และเปิดตัวในปี 2559

ด้วยศักยภาพโครงการตั้งอยู่ใจกลางธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ นั่นคือ ติดกับสถานีรถไฟฟ้า (BTS) ช่องนนทรี ซึ่งสามารถเชื่อมโยงระหว่างถนนสีลมและสาทรได้สะดวก และที่นี่ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (The Ritz-Carlton Residences Bangkok) แห่งแรกและแห่งเดียวในกรุงเทพฯในตอนนี้ที่มาพร้อมกับที่พักอาศัยกรรมสิทธิ์ฟรีโฮลด์ จำนวน 209 เรสซิเดนซ์ บนอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้ กับ 5 ยูนิตใหญ่สุดท้าย! ที่ The Ritz-Carlton Residences Bangkok. ขนาด 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (2-Bedrooms, 2-Bathrooms) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 135 – 261 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท ติดต่อตัวแทนการขาย Richmont’s Christie’s International Real Estate เพื่อรับรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ 098-883-6562 rcr@richmonts.com และ https://mahanakhon-residences.richmonts.com/ เพราะ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เรสซิเดนเซส บางกอก (The Ritz-Carlton Residences Bangkok) ตั้งอยู่ ณ ส่วนบนของอาคารมหานคร ที่การันตีถึงความเอ็กซ์คลูซีฟในบรรยากาศการพักผ่อนสไตล์เพนท์เฮ้าส์ในกล่องกระจกใสขนาดใหญ่ หรือ สกายบ็อกซ์ พร้อมด้วยวิวที่สวยงามของสวนลุมพินี แม่น้ำเจ้าพระยา และอ่าวไทย ไม่ว่าจะท่านจะเข้าพักอาศัยเอง ซื้อเพื่อการลงทุน หรือเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มองหาความเป็นอยู่สไตล์ลักชัวรี่ในกรุงเทพฯ


 

Exit mobile version