Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DITP พลิกวิกฤต เพิ่มโอกาสติดปีกสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ กับแพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลก

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ติดปีกสินค้าให้ผู้ประกอบการไทย สู้ภัยโควิด-19 ด้วยกิจกรรม Live Conference ที่ให้รายละเอียดเชิงลึกในการทำธุรกิจกับแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้น นำทั่วโลก และกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจที่เพิ่มประสบการณ์และขยายขีดความสามารถของผู้ประกอบ การไทยสู่ตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ ผ่านรายการ “จับคู่ธุรกิจ ติดปีกการค้าออนไลน์” ในโครงการ Cross-Border e-Commerce Solutions & Business Matching Online

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เผย ว่า ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้เตรียมแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยการตั้งรับ ปรับตัว หาโอกาส เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ผู้ส่งออกหรือผู้ประกอบการ ไทยมีข้อจำกัดต่าง ๆ ในการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ จึงทำให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ทำการรวบรวมปัญหาต่าง ๆ และวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยได้ปรับ และเตรียมตัวตั้งรับในการส่งออกสินค้าไทยไปต่างประเทศในรูปแบบใหม่ที่จะเกิดขึ้น สำหรับโครงการ Cross-Border e-Commerce Solutions & Business Matching Online ซึ่งได้ปรับรูปแบบการจัด กิจกรรม จากการลงพื้นที่จัดกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้และการร่วม Business Matching ระหว่างผู้ ประกอบการไทยและผู้แทนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ แต่เนื่องด้วยเกิด สถานการณ์วิกฤตในปัจจุบันทำให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศได้ปรับกลยุทธ์และรูปแบบการจัด กิจกรรมให้ออกมาในรูปแบบ Online เพื่อตอบโจทย์ ยุค New Normal พร้อมจัดให้มีกิจกรรม Live Conference การพูดคุย แชร์เทคนิค รวมถึงการให้คำปรึกษาจาก ผู้แทนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ ทั่วโลก ผ่านรายการ “จับคู่ธุรกิจ ติดปีกการค้าออนไลน์ ในทุกวันอังคาร เวลา 13.00น. ผ่าน Facebook page: Thaitrade.com และกิจกรรมจับคู่เจรจาธุรกิจออนไลน์ Online Business Matching โดยผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอสินค้าและรับคำปรึกษาจากผู้แทนแพลตฟอร์มตัวต่อตัว ผ่านช่องทางออนไลน์ (Zoom Application)

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยความร่วมมือจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ จากหลากหลายประเทศทั่วโลกอาทิ Klangthai.com (ตลาดกัมพูชา), Thailand Food Country Tmall Store Operator (ตลาดจีน),Amazon.com (ตลาดอเมริกา), Bigbasket.com (ตลาดอินเดีย), Lazada Singapore และ OctoRocket Asia (ตลาดสิงคโปร์), CloudCommerce, The Hub Thailand, JatujakMall (ตลาดไทย) และ Amazon.in (ตลาดอินเดีย) ในการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการไทยในการเข้าร่วมชมรายการ รวมถึงกิจกรรม Online Business Matching ที่ทั้งสะดวกและตอบโจทย์ยุค New Normal เกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 200 คู่ โดยมีมูลค่าคาดการณ์การซื้อขายถึง 4,300,000 ดอลล่าร์สหรัฐ/ปี หรือกว่า 134,246,000 ล้านบาท จากสินค้า อาหารสดและอาหารแปรรูป อาทิ ขนมข้าวกล้องไทยอบกรอบ, ขนมไข่เค็ม, สาหร่ายปรุงรส, ซอสชนิดต่าง ๆ ,เครื่องแกง, ชุดเส้นทำอาหาร เป็นต้น ผลไม้สดและผลไม้แปรรูป อาทิ ผลไม้อบแห้งด้วย วิธีสุญญากาศ , มะขามแปรรูป , ข้าวเหนียวมะม่วงฟรีซดราย , ผลไม้สด (ทุเรียน ลำไย มังคุด) , เมล่อน อบกรอบ, ผลิตภัณฑ์ป้องกันเชื้อโรค อาทิ เจลล้างมือแอลกอฮอล์, น้ำยาทำความสะอาด, แมสผ้า/Face shield , สินค้าความสวยความงาม อาทิ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว, คอลลาเจน, เครื่องสำอางจากผลิตภัณฑ์ออ แกนิก เป็นต้น ทำให้เห็นได้ว่าผู้ประกอบการไทยมีความพร้อมทั้งในด้านสินค้าที่มีคุณภาพ กำลังส่งออก สินค้าสู่ตลาดต่างประเทศได้ รวมถึงความพร้อมที่จะพัฒนาศักยภาพของการทำธุรกิจในเจริญเติบโตและ มีประสิทธิภาพต่อไป

สำหรับผู้ที่พลาดโอกาสในการเข้าร่วมโครงการฯ สามารถรับชมข้อมูลการทำธุรกิจออนไลน์ย้อน หลังได้ที่ Facebook : ThaiTrade.com ขณะเดียวกันสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและติดตาม ข้อมูลข่าวสาร รวมถึงเนื้อหาที่จะช่วยให้ท่านไม่พลาดโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจของท่านให้ไกลสู่ ตลาดโลกโครงการ ที่เว็บไซต์ Thaitrade.com หรือ Facebook : ThaiTrade.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท ลดแรง! สะเทือนทุน! จัดแคมเปญ FANTASTIC 9.9 ตลอดเดือนกันยายน

ออฟฟิศเมท ลดแรง! สะเทือนทุน!! จัดแคมเปญ FANTASTIC 9.9 มอบความแฮปปี้ อัพดีกรีความประหยัดสุดคุ้มให้ทุกธุรกิจ #สู้เศรษฐกิจไปด้วยกัน จัดเต็มส่วนลดสุดพิเศษในทุกกลุ่มสินค้าที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ ทั้งอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล สินค้าโรงงาน และบรรจุภัณฑ์อาหาร งานนี้การันตีว่า #ถูกทุกวันประหยัดทุกวีค ตลอดเดือนกันยายน 2563

ออฟฟิศเมทการันตี ถูกชัวร์ ประหยัดทั้งปี

1 ก.ย. 63 – 31 ธ.ค.63 นี้ ออฟฟิศเมทให้คุณช้อป “สินค้าจำเป็น” ที่ทุกธุรกิจใช้เป็นประจำ ในราคาถูกยาวยันสิ้นปี ทั้งกระดาษถ่ายเอกสาร กระดาษโน้ตPost-it ซองเอกสาร เทปโอพีพี เทปใส แฟ้มสันกว้าง รางปลั๊กไฟ เมาส์ และสินค้าอื่นๆ อีกกว่า 300 รายการ เพียงสังเกตสัญลักษณ์ #ออฟฟิศเมทการันตี ก็ช้อปได้มั่นใจกับไอเท็มตัวท็อปเรื่องความประหยัด!

สินค้าราคาถูกทุกวัน ประหยัดทุกวีค!!

ลดสะเทือนทุน ให้คุณช้อปถูกทุกวัน! 1 ก.ย. 63 – 30 ก.ย.63 นี้ ช้อปสินค้าอุปกรณ์สำนักงานสุดฮอตในราคา 59 บาท 99 บาท 399 บาท, กระดานฟลิปชาร์ทแบรนด์ one 999 บาท, และเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Furradec โต๊ะทำงาน ชั้นวางของ ราคาไม่เกิน 1,999 บาท

นอกจากนี้ ยังมีโปรโมชั่นเด็ดเอาใจลูกค้าองค์กร กับสินค้าที่ “ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งลดเยอะ ยิ่งประหยัด” (Buy More, Save More) ทั้งปากกาลูกลื่น ถ่านอัลคาไลน์ ผงหมึกHP เทปติดกล่อง น้ำยาทำความสะอาด และรองเท้านิรภัย ที่ให้คุณรับส่วนลดหรือสินค้าแถมเพิ่ม เมื่อช้อปครบตามจำนวนที่กำหนด!

ประหยัดทุกวีค ตลอดทั้งเดือน พบกับสินค้าดี ราคาโดน (Best Deal) อุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ทำความสะอาด ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาให้คุณช้อปประหยัดทุกสัปดาห์ กับส่วนลดสูงสุด 90% และสินค้าซื้อ 1 แถม 1 สุดคุ้ม

ช้อปแบรนด์ดัง ลดแรง แถมสะเทือน ตลอดเดือนกันยายน 2563

1 ก.ย. 63 – 30 ก.ย. 63 ช้อปสินค้าเฟอร์นิเจอร์เพื่อบ้านและสำนักงานจากแบรนด์ดัง ลดสูงสุด 70% มีให้เลือกทั้งเก้าอี้ผู้บริหาร เก้าอี้เพื่อสุขภาพ เก้าอี้สำนักงาน เก้าอี้อเนกประสงค์ เก้าอี้ Gaming โต๊ะทำงาน ชั้นวาง ตู้เอกสาร และตู้เซฟ…..พิเศษ! ให้คุณรับของแถมอีกเพียบเมื่อช้อปสินค้าที่ร่วมรายการตามยอดซื้อที่กำหนด

7 ก.ย. 63 – 13 ก.ย. 63 ช้อปสินค้าแบรนด์ 3M, Post-it, Scotch ครบ 800 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลด 99 บาท* และเมื่อช้อป 2,900 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลด 999 บาท*

14 ก.ย. 63 – 20 ก.ย. 63 ช้อปสินค้าแบรนด์ Max, Horse, Arrow, cello, Nanmee ครบ 500 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลด 60 บาท* และเมื่อช้อป 1,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ รับส่วนลด 200 บาท* (*ตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด)

Save เงินสด #สู้เศรษฐกิจ

ออฟฟิศเมทให้คุณช้อปสบายกระเป๋า ผ่อนสบายใจ ใช้คะแนนเท่ายอดซื้อแลกรับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 18%* พร้อมเลือกผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน* และรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 35,000 บาท* กับบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ อาทิ บัตรเครดิต Central The1, SCB, KBank, KTC และ Krungsri (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)…สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าองค์กร! สามารถขอรับเครดิตเทอมสูงสุด 30 วัน ได้แล้ววันนี้

ช้อปสะดวกตามสไตล์ธุรกิจคุณได้ทุกช่องทาง ทั้งที่ร้านออฟฟิศเมทและออฟฟิศเมท พลัส ทั่วไทย ช่องทางออนไลน์ที่ officemate.co.th, Mobile App, Chat & Shop ที่Line: @OfficeMate และ Contact Center 1281 ออฟฟิศเมทบริการจัดส่งฟรีถึงออฟฟิศ/บ้าน* เพียงช้อปครบ 499 บาท (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) ดูโปรโมชั่นสุดคุ้มเพิ่มเติม คลิก!… https://bit.ly/335wTBV


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์ สิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์ในประเทศ

วิศวะ พีไอเอ็ม ผุดไอเดีย “HAND ON” แอปพลิเคชันสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน คว้ารางวัล INNO for Change 2020 by NIDA

เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ซึ่งนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือสังคมก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งได้ถูกพัฒนาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งานทุกกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้พิการ ปัจจุบันผู้พิการทางการได้ยินพบมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ตามประเภทความพิการ ซึ่งมีผู้พิการประเภทการได้ยินหรือสื่อความหมายจำนวน 372,189 คน จากจำนวนทั้งหมด 1,995,767 คน จากข้อมูลดังกล่าวนักศึกษาชั้นปีที่3 สาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) มีความมุ่งหวังที่จะใช้ศักยภาพ ความรู้ เพื่อต้องการเป็นส่วนหนึ่งช่วยเหลือสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้พิการทางการได้ยินให้มีชีวิตที่ดีขึ้น จึงระดมสมองเกิดเป็นแนวคิดนวัตกรรมสร้างสรรค์สังคม “HAND ON” แอปพลิเคชันสำหรับผู้พิการทางการได้ยินที่เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เพียงใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน ส่งแข่งขันพร้อมรับรางวัลชนะเลิศจากงาน INNO for Change 2020 by NIDA โครงการประกวดแนวคิดนวัตกรรมของเยาวชนคนรุ่นใหม่เพื่อสร้างสรรค์สังคม ภายใต้คอนเซปต์ “Innovation for Change” นำเสนอผลงานผ่านวิดีโอความยาว 10-15 นาที โดยการทำงานของแอปพลิเคชันแบ่งออกเป็น 5 ส่วนได้แก่

1. ส่วนการแปลภาษามือ สามารถแปลภาษาภาษามือเป็นตัวอักษร และแปลจากตัวอักษรเป็นภาษามือ ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากพจนานุกรมภาษามือไทยอิเล็กทรอนิกส์ โดยสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ใช้หลักการ Machine Learning และ Image Processing ได้แบบเรียลไทม์เพื่อลดช่องว่างการสื่อสารระหว่างผู้พิการทางการได้ยินและคนทั่วไป ทำให้ติดต่อสื่อสารได้รวดเร็ว เช่น การติดต่อราชการ การเข้ารับการรักษาพยาบาล

2. ส่วนของกระดานข่าว เป็นส่วนแสดงวิดีโอภาษามือรูปแบบของข่าวหรือเหตุการณ์ เกร็ดความรู้ต่างๆ เช่น การทำอาหาร การประดิษฐ์ของใช้ และอัดโหลดคลิปวิดีโอตัวเองลงได้เพื่อเป็นการแชร์ข้อมูล หรือขายสินค้าออนไลน์ได้

3. ส่วนของการแจ้งเหตุฉุกเฉิน เป็นส่วนที่คอยแจ้งเหตุฉุกเฉินต่างๆ ผ่านการแปลภาษามือเป็นข้อความและรูปภาพเพื่อส่งไปขอความช่วยแหลือ พร้อมส่งสถานที่ปัจจุบันเพื่อระบุตำแหน่งที่ต้องการความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

4. ส่วนของการประกาศหางานและจัดหางาน คือส่วนที่โพสต์เกี่ยวกับคุณสมบัติของตัวเองสำหรับผู้ว่าจ้างพิจารณา และยังเป็นส่วนที่หน่วยงานต่างๆ สามารถประกาศรับสมัครงานสำหรับคนพิการได้ เพื่อลดจำนวนอัตราการว่างงานของผู้พิการลง

5. ส่วนการแจ้งเตือนด้วยการสั่น สำหรับในกรณีที่อยู่ในที่สาธารณะ หรือเวลาข้ามถนน ส่วนนี้จะทำการสั่นเมื่อได้ยินเสียงดัง เช่น เสียงบีบแตร เสียงระเบิด เสียงปืน เป็นการป้องการเกิดอุบัติเหตุสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน

“HAND ON” เป็นอีกโปรเจกต์หนึ่งที่นำความรู้ด้านวิศวกรรมหลายวิชาจากที่ได้เรียน เช่น การเขียนโปรแกรมและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาผสมผสานกับประสบการณ์ตรงจากการฝึกปฎิบัติงาน ตามแบบฉบับ Work-based Education สร้างสรรค์จนเป็นผลงาน เกิดจากการรวมตัวของนักศึกษาชั้นปีที่3 ทั้ง 3 คน จากสาขาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี พีไอเอ็ม โดยนายศานติ ภูมิกาล 1 ในทีมผู้คิดค้นเล่าที่มาที่ไปว่า “เราเเบ่งงานเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนของการทำเเอปพลิเคชัน โดยเริ่มจากศึกษาข้อมูลและปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้พิการทางการได้ยิน และดีไซน์หน้าตาของแอปฯ ให้เข้าใจง่าย ไม่ยุ่งยาก กดไม่กี่ครั้งต้องเข้าถึงโหมดที่ต้องการได้เลย จากนั้นเขียนข้อมูลลงเว็บแอปพลิเคชั่น Pingendo และทำการแปลภาษามือและตรวจสอบผ่าน AI ที่ Teachable Machine เพื่อส่งข้อมูลไปยัง Cloud และสามารถประมวลผลไปยังแอปฯ ได้ทันที ส่วนการทำวิดีโอนำเสนอผลงาน เริ่มจากทำวางโครงเรื่องให้สะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้พิการทางการได้ยิน เพื่อสร้างความเข้าใจให้คนทั่วไปได้เห็นภาพ การถ่ายทำ การเเสดง หาเสียงประกอบ เเละการตัดตัดต่อ เพื่อจะสื่อสารให้ทุกคนเข้าใจในแบบที่ต้องการ”

ทางด้านนางสาวเพ็ญนภา สุขเพ็ง สมาชิกในทีมกล่าวหลังจากที่ได้ทำผลงานชิ้นนี้ว่า “ได้พัฒนาตนเองมากขึ้น ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำ ก้าวข้าม Comfort Zone ของตัวเอง เคยกลัวสิ่งที่ไม่เคยทำ เช่น กลัวการเขียนโค้ดดิ้ง (Coding) เเต่พอได้ลองทำเเล้วมันไม่ยากอย่างที่คิด เพียงเเค่กล้าที่จะเรียนรู้เเละลงมือทำ และที่สำคัญมี ดร.ศรัณย์ ฉัตรธัญญกิจ และอาจารย์ภาคภูมิ ปฐมภาคย์ อาจารย์ประจำสาขาฯ เป็นที่ปรึกษาโครงการ คอยสอนเขียนโปรแกรม เขียนแอปฯ ช่วยในการจัดสรรงาน เเนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง สนับสนุนทุกขั้นตอนในการถ่ายทำวิดีโอ”

ปิดท้ายด้วย นายศิฎฒิภัต ธรรมเกสร กล่าวว่า “ชิ้นงานตอนนี้ยังถือว่าเป็น Prototype ซึ่งในระยะแรกแอปพลิเคชันรองรับเฉพาะระบบแอนดรอยด์ หลังจากนี้วางแผนคิดต่อยอดให้สามารถใช้งานได้จริงสมบูรณ์เเบบ 100% ในขั้นตอนต่อไปอยากจะลงพื้นที่เก็บข้อมูลของผู้พิการเพิ่มว่าเขามีความต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง เราสามารถนำเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกเขาในด้านใดอีก และเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งานภาษามือจากผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำมากขึ้นเเละครอบคลุม”

นับเป็นอีกหนึ่งผลงานของนักศึกษาพีไอเอ็ม ที่นำการศึกษาและเทคโนโลยีมาประยุกต์สร้างสรรค์ขึ้นเป็นนวัตกรรมเพื่อสังคม ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีถือเป็นความหวังของกลุ่มผู้พิการอย่างมาก เพราะจะเข้ามามีบทบาทให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาสะดวกขึ้น สามารถช่วยเหลือตนเอง ดำเนินชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ มีคุณภาพชีวิตที่เท่าเทียม อยู่ในสังคมอย่างไร้อุปสรรค ในขณะเดียวกันโครงการนี้ยังเป็นการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาด้านวิศวกรรมไปอีกขั้น และจุดประกายความคิด ปลุกความเป็นนักสร้างนวัตกรรม ริเริ่มทำสิ่งต่างๆ ด้วยวิธีใหม่ทั้งความคิด การผลิต ทำงานร่วมกัน ไปจนถึงการพัฒนาต่อยอดไปสู่งานในอนาคต ทั้งนี้เทคโนโลยียังมีศักยภาพอีกมหาศาลที่จะนำมาใช้เพื่อสร้างสิ่งดีๆ เป็นประโยชน์ให้แก่สังคม และทำให้ชีวิตเราดีขึ้นได้อีกมาก


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

โรงพยาบาลหัวเฉียว เปิดให้บริการคลินิกนมแม่

แพทย์หญิงมนนภา ขุนณรงค์ (ที่ 4 จากขวา) รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลหัวเฉียว เป็นประธานเปิดคลินิกนมแม่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยแรกเกิด ในนมแม่มีสารอาหารต่างๆ ที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค โดยมี พญ.จรินทรณ์ วงศ์ภากร (กลาง) กุมารแพทย์เฉพาะทางทารกแรกเกิดและปริกำเนิด และประธานคณะกรรมการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมทีมสูตินรีแพทย์ กุมารแพทย์ และพยาบาลผู้ชำนาญการ ร่วมพิธีเปิด เมื่อเร็วๆ นี้ ณ โรงพยาบาลหัวเฉียว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า เปิดรับสมัครงาน 2 ตำแหน่ง

อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่า เปิดรับสมัครงาน 2 ตำแหน่ง
– เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ 1 อัตรา
– เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่าง 1 อัตรา


***สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทร 0-2439-0902 ,0-2437-7799


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CAT จับมือ เอ็ม เอส ไอ จี ลุยประกันภัยไซเบอร์

CAT ผนึกกำลัง เอ็ม เอส ไอ จี ลุยตลาดประกันภัยไซเบอร์ คุ้มครองธุรกิจจากการคุกคามทางไซเบอร์ครอบคลุมทั่วโลก พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านช่วยเหลือตลอด 24 ชม. ชี้ช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อรับมือกับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ โดยตั้งเป้ากวาดเบี้ย 100 ล้านบาท

พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า โครงการ “ประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์” เป็นความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากการมองเห็นแนวโน้มความเสี่ยงภัยทางไซเบอร์ ซึ่งในปัจจุบันมีความรุนแรงและมีมูลค่าความเสียหายเพิ่มสูงขึ้น สามารถส่งผลกระทบได้กับธุรกิจในทุกภาคส่วน ซึ่งการบริหารจัดการกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้น ผู้ประกอบธุรกิจอาจไม่สามารถประเมินและควบคุมได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับเหตุการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น ดังนั้น จึงเกิดความร่วมมือขึ้นระหว่าง 2 หน่วยงาน คือ CAT ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและให้บริการด้าน IT Security ที่มีประสบการณ์กว่า 13 ปี ผนวกกับ เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย มืออาชีพด้านประกันภัย ร่วมกันพัฒนากรมธรรม์ประกันภัย ที่พร้อมจะช่วยดูแลทางด้านความปลอดภัยและดูแลค่าใช้จ่ายให้กับธุรกิจหากเกิดภัยไซเบอร์ขึ้น
“ภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะตกเป็นเหยื่อเมื่อไหร่ และผลกระทบจะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ประกันภัยไซเบอร์จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างอุ่นใจ CAT และ เอ็ม เอส ไอ จี จึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการรับโอนความเสี่ยง ปกป้องธุรกิจจากภัยคุกคามไซเบอร์ และเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จสำหรับภาคธุรกิจ”

นายรัฐพล กิติศักดิ์ไชยกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เอ็ม เอส ไอ จี และกสท โทรคมนาคม ต่างเล็งเห็นความสำคัญของภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น ระบบคอมพิวเตอร์โดนแฮ็กหรือเสียหายโดยโปรแกรมมัลแวร์/ไวรัส และการรั่วไหลหรือเปิดเผยข้อมูลซึ่งเป็นความลับ รวมถึงการโดนก่อกวนจากหลายอุปกรณ์พร้อมๆ กันจนระบบปฏิบัติการออนไลน์ล่ม เราจึงร่วมกันพัฒนากรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์นี้ขึ้นมา กรมธรรม์ประกันภัยไซเบอร์จะเข้ามาบรรเทาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หลังจากผู้เอาประกันภัยโดนคุกคามหรือโจมตี นอกจากนี้ เอ็ม เอส ไอ จียังมีบริการให้คำปรึกษาวิธีรับมือจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้กับผู้เอาประกันภัยตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก”

“กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์ของเอ็ม เอส ไอ จี ถูกออกแบบมาเพื่อธุรกิจทุกขนาด ตั้งแต่ธุรกิจ SME ไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีจุดเด่นคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นหลังจากการโดนคุกคามทางไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายต่อความเสียหายออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกคือความเสียหายต่อผู้เอาประกันภัย เช่น ค่าใช้จ่ายที่ต้องดำเนินการตรวจสอบหรือสอบสวนเหตุการณ์ ค่าใช้จ่ายในการกอบกู้ข้อมูล ค่าใช้จ่ายในการจัดจ้าง PR เพื่อแถลงความเสียหายหรือแจ้งแก่สาธารณะ ค่าใช้จ่ายในการไถ่ถอนระบบคอมพิวเตอร์จากการเรียกค่าไถ่ หรือแม้กระทั่งค่าปรับจากการถูกลงโทษโดยหน่วยงานที่กำกับดูแล และความเสียหายส่วนที่สองคือความเสียหายของผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอก เช่น ค่าใช้จ่ายตามกฎหมายที่ผู้เอาประกันภัยต้องชดใช้ต่อบุคคลภายนอกและค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี” นายรัฐพลกล่าว

กรมธรรม์ประกันภัยเสี่ยงภัยไซเบอร์จะช่วยให้ผู้เอาประกันภัยสามารถกอบกู้และดำเนินธุรกิจต่อได้ ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถเลือกความคุ้มครองได้เองตามประเภทของธุรกิจ และจำนวนวงเงินจำกัดความรับผิดที่ต้องการ สำหรับเป้าหมายของโครงการประกันภัยความเสี่ยงภัยไซเบอร์ที่เอ็ม เอส ไอ จี ร่วมมือกับ CAT นี้ คาดว่าจะมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการทำประกันภัยมากกว่า 2,000 ราย และเบี้ยมีประกันภัย 100 ล้านบาทภายในระยะเวลา 2 ปี

เกี่ยวกับ บมจ.เอ็ม เอส ไอ จี (ประเทศไทย)

บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทประกันวินาศภัยชั้นนำในประเทศไทย ที่ให้บริการรับประกันวินาศภัย เช่น รถยนต์ อุบัติเหตุส่วนบุคคล อัคคีภัยบ้านและทรัพย์สิน ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก ประกันภัยขนส่งทางทะเลและอากาศและอื่น ๆ มากกว่า 120 ปี บริษัทฯ พร้อมให้บริการด้วยบุคคลากรกว่า 800 คน และมีสาขา 19 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

นม 137 ดีกรี รับรางวัลผลิตภัณฑ์นวัตกรรม จากนิตยสาร Business+

นางสาวอริสา กุลปิยะวาจา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนมอัลมอนด์ นมวอลนัท และนมพิสตาชิโอ แบรนด์ 137 ดีกรี รายแรกของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รับมอบรางวัล PRODUCT INNOVATION AWARDS 2020 จาก รศ. ดร. จักษ์ พันธ์ชูเพชร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

โดยได้รับคัดเลือกจากการสำรวจผลความนิยมของผู้บริโภคทางสื่อออนไลน์ ให้เป็นสินค้านวัตกรรมประเภทไลฟ์สไตล์ กลุ่มผลิตภัณฑ์นมทางเลือก โดยนิตยสาร Business+ ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล ณ C ASEAN Ratchada กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

พบกับไทยเฮิร์บ ในงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 17

บริษัท ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย จำกัด บริษัทร่วมทุนขององค์การเภสัชกรรม (ไทยเฮิร์บ) เตรียมขนสินค้าสมุนไพรของบริษัท อาทิ ฟ้าทะลายโจร นฤมิต เครื่องดื่มสมุนไพรจากขิง เห็ดหูหนู พุทราจีน ไทยเฮิร์บเฟรซ ลูกอมสมุนไพรรสชาติต่าง ๆ พร้อมเปิดตัวสินค้าใหม่ เคอร์คูมินโปร และลินชี่โปร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรและโปรไบโอติก ภายในงาน กว่า 60 รายการ เข้าร่วมงาน มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ โดยเตรียมพบกับโปรโมชั่นสินค้าราคาสุดพิเศษ และกิจกรรมต่างๆภายในบูธของไทยเฮิร์บ โดยภายในงานยังพบกับบูธแสดงสินค้าสมุนไพรคุณภาพสุดพรีเมี่ยมจากทั่วฟ้าเมืองไทย จากสมาชิกผู้ประกอบการของกรมการแพทย์แผนไทยฯ อีกมากมาย ในระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน 2563 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี บูท X49-X50 ฮอลล์ 10-12
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaiherbinfo.com/th Facebook : Herbalshopthailand
Line : @Herbalshopthailand


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สทน. เปิดอาคารและเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอนแห่งใหม่

รศ.นพ. สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดร. ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ประธานกรรมการบริหาร สทน. และ รศ.ดร. ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. ร่วมกันทำพิธีเปิดอาคารและเดินเครื่องฉายรังสีอิเล็กตรอน มูลค่า 605,300,000 บาท บนพื้นที่ 12,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นโรงงานฉายรังสีที่ผลิตรังสีจากพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งลำอิเล็กตรอน (Electron beam) และรังสีเอ็กซ์ (x-ray) สามารถให้บริการฉายรังสีได้ทั้งเครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลไม้สด ได้ในปริมาณที่มากในระยะเวลาที่รวดเร็ว

โดยศูนย์ฉายรังสีของ สทน. แห่งใหม่นี้ สามารถฉายรังสีได้ครบทุกประเภทรังสีที่ได้รับอนุญาตในประเทศไทย และคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศปีละมากกว่า 5,000 ล้านบาท ณ ศูนย์ฉายรังสี เทคโนธานี จังหวัดปทุมธานี เมื่อเร็วๆนี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สดช. ผนึก กสทช. CAT AIS TRUE ปั้น Smart Sign On สำเร็จ ลงทะเบียนครั้งเดียวใช้ไวไฟ @TH Wi-Fi ฟรี

สดช. ดึงความร่วมมือ กสทช. CAT AIS และ TRUE เปิดตัวบริการ Smart Sign Onเพิ่มความสะดวกประชาชน ลงทะเบียนครั้งเดียวกับ @TH Wi-Fi ใช้งาน Free Wi-Fi ได้จากผู้ให้บริการทุกรายที่เข้าร่วม

นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)เป็นประธานในงานเปิดตัวโครงการ Smart Sign On เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการจากภาครัฐ ดังนั้นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจึงมุ่งส่งเสริการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเทอร์เน็ตมาเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ช่วยกระจายโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทย 4.0
“โครงการที่จัดทำขึ้นนี้ นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงแก่ประชาชนแล้ว ยังมีอีกมิติหนึ่งคือการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันและสร้างสิ่งดี ๆ ซึ่งจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติไปสู่อนาคตได้อย่างเข้มแข็ง และก่อให้เกิดความภูมิใจในการสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมร่วมกัน”

นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)ยังกล่าวถึงการริเริ่มจัดทำโครงการ Smart Sign On ว่าเกิดจกความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีระบบตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่เชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง รวมทั้งบูรณาการร่วมกับโครงการบริการอินเทอร์เน็ตชายขอบ ซึ่งผู้ใช้บริการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว แต่จะสามารถใช้บริการ Free WiFI ได้จากผู้ให้บริการทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ เช่น โครงการ Smart City จังหวัดภูเก็ต โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชนรวมทั้งการให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะขอผู้ให้บริการภาคเอกชน โดยประชาชนทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้งานรายเดิมสามารถเข้าใช้งาน Fee WiFi นี้ได้ในชื่อบริการ @TH WiFi ด้วย Username และ Password เดียวกันทั้งในรูปแบบWeb Portal และ Mobile Application

“การจัดทำโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตชั้นนำ โดยเฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมบูรณาการในการพัฒนาการให้บริการระบบตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งาน (Smart Sign On) ได้เป็นผลสำเร็จ โดยในขณะนี้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถใช้งานได้แล้วที่จุดให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรีในที่สาธารณะที่กระจายอยู่ตามสถานที่ชุมชน อาทิ สถานศึกษา สถานบริการภาครัฐ สถานีขนส่ง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ” นางวรรณพร กล่าว


 

Exit mobile version