Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท ชวนช้อปสินค้าเพื่อโฮมออฟฟิศในงานบ้าน แอนด์ บียอนด์ เอ็กซ์โป ไบเทคบางนา

ออฟฟิศเมท ชวน SMEs เติมเต็มพื้นที่ทำงานยุค #NewNormal รังสรรค์โฮมออฟฟิศหรือมุมทำงานส่วนตัวรูปแบบใหม่ กับสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ไอที อุปกรณ์สำนักงาน หลากหลายแบรนด์ดัง ที่ขนขบวนมาลดจุกคุ้มจัด กับโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึง 70% ให้คุณช้อปครบทุกความต้องการของโฮมออฟฟิศ จบในที่เดียว!! ในงาน “บ้าน แอนด์ บียอนด์ เอ็กซ์โป 2020” ไบเทค บางนา วันนี้ – 11 ตุลาคม 2563

นางสาววรพรรณ ชุณหศรีวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด ออฟฟิศเมท ชวน SME และคนทำงาน เปลี่ยนบ้านให้เป็นโฮมออฟฟิศหรือสร้างมุมทำงานส่วนตัวรูปแบบใหม่ เพื่อเติมเต็มวิถีการทำงานในยุค New Normal อย่างมีสไตล์ ด้วยสินค้าเฟอร์นิเจอร์หลากประเภทหลายดีไซน์และฟังก์ชั่น อุปกรณ์ไอที อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และอุปกรณ์สำนักงาน ที่จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ ลดราคาสูงสุดถึง 70% ให้ลูกค้าช้อปสนุก ประหยัดต้นทุน คุมค่าใช้จ่ายได้ทุกชิ้นเมื่อช้อปที่บูธออฟฟิศเมท

• เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Furradec เฟอร์นิเจอร์คุณภาพที่ออกแบบมาให้สามารถ Mix & Match เข้ากับพื้นที่ภายในบ้านและออฟฟิศได้อย่างลงตัว มีให้เลือกสรรครบครันทั้งโต๊ะทำงาน เก้าอี้ผู้บริหาร เก้าอี้สุขภาพ เก้าอี้ทำงาน เก้าอี้อเนกประสงค์ และชั้นวางของ ให้คุณได้เลือกได้ลองสินค้าจริงรวมกว่า 150 แบบ ซึ่งลดราคาสูงสุด 70% พร้อมรับส่วนลด 100 บาท เมื่อช้อปสินค้าเฟอร์นิเจอร์ครบ 3,000 บาทขึ้นไป/ใบเสร็จ*

• สินค้าอุปกรณ์สำนักงาน (Office Supplies) ตัวช่วยให้การทำงานสะดวกคล่องตัว เช่น ปากกา, กรรไกร และเทปOPP พร้อมโปรโมชั่นอุปกรณ์สำนักงานแบรนด์ One ซื้อ 1 แถม 1 และลดราคาจัดเต็มอีกหลายรายการ

• สินค้าไอที (IT & Gadget) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและอรรถรสในการทำงาน เช่น ชุดคีบอร์ดและเมาส์ไร้สาย, ปลั๊กไฟ, เครื่องคิดเลข, หูฟัง, ถ่านอัลคาไลน์ และแก็ดเจ็ตต่างๆ

• เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (Small Appliance) ที่ช่วยเติมเต็มความสุขในบ้านและครัวของออฟฟิศ เช่น หม้อทอด, กาต้มน้ำสแตนเลส, หม้อหุงข้าว, เครื่องปิ้งขนมปัง, เครื่องปั่นแบบพกพา และอื่นๆ มากมาย

ออฟฟิศเมท ให้คุณช้อปคุ้มกว่าใคร…พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษภายในงาน ทั้งลดทั้งแถม ให้ช้อปสบายกระเป๋า และมอบสิทธิพิเศษผ่อน 0%* นานสูงสุด 3 เดือน ผ่านบัตรเครดิต KBank, SCB และ Central The1 หรือใช้คะแนน The1 เท่ายอดซื้อแลกรับส่วนเพิ่มสูงสุด 18%* หรือเลือกรับเครดิตเงินคืน 5% กับบัตรเครดิต Central The1 พร้อมรับของสมนาคุณ เมื่อช้อปครบ 5,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับกระเป๋าจัดเซ็ท Me.Style จำนวน 1 ใบ และ เมื่อช้อปครบ 20,000 บาท ขึ้นไป/ใบเสร็จ รับกระเป๋าเดินทาง OfficeMate จำนวน 1 ใบ (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ส.ธุรกิจรับสร้างบ้าน พร้อมลุยจัดงานกระตุ้นเศรษฐกิจ งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020 1-4 ตุลาคม นี้ อาคาร 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ลุยจัดงานหวังกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดรับสร้างบ้านให้คึกคัก กับงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020” เป็นงานที่รวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านคุณภาพ ชั้นนำ และพบมืออาชีพของการสร้างบ้าน มากกว่า 30 บริษัท พร้อมกลุ่มพันธมิตรวัสดุก่อสร้างที่มาร่วมแสดงงาน จัดโปรโมชั่นเพียบ ให้ผู้ที่สนใจปลูกสร้างบ้านได้เลือกสรร 1-4 ตุลาคมนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคาร 8

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เป็นประธานเปิดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020” จัดโดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ซึ่งงานมีระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคาร 8

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่าการจัดงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020 นั้น มาในแนวคิดที่ว่า พบมืออาชีพของการสร้างบ้าน เพราะในงานเราได้รวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ ที่เป็นมืออาชีพ มีประสบการณ์การสร้างบ้านมาหลากหลายรูปแบบ คุณภาพดีเยี่ยม เป็นที่รู้จักและไว้วางใจได้กว่า 30 บริษัท เพื่อให้ผู้บริโภคได้วางใจในการปลูกสร้างบ้านกับบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ นอกจากนั้น เรายังได้ความร่วมมือจากกลุ่มพันธมิตรวัสดุก่อสร้าง ที่มาร่วมแสดงงานเพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกสรรวัสดุที่เหมาะสม ราคาดี มีคุณภาพ ภายในงานนี้อีกด้วย

“ในปีนี้เราได้ยกเลิกการจัดงาน รับสร้างบ้าน Focus 2020 ไปเมื่อต้นปี เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สมาคมฯ จึงได้มีการปรับช่องทางการแสดงงานสินค้าในรูปแบบ Online Exhibition ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และเพื่อให้เป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศก่อนสิ้นปี พ.ศ. 2563 ทางสมาคมฯ เองก็ได้มีการลงความเห็นที่จะจัดงานรับสร้างบ้านในรูปแบบเดิม เนื่องด้วยรูปแบบของธุรกิจรับสร้างบ้านของเรา ที่ต้องการให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในธุรกิจ คุณภาพงาน การก่อสร้าง การไม่ทิ้งงาน และส่งมอบบ้านได้อย่างดีเยี่ยมนั้น เราควรจะมารวมตัวกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มโอกาสให้กับผู้บริโภคได้เลือกสรรบริษัทชั้นนำ ผ่านงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020 โดยสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน” นายวรวุฒิ กล่าว

นายวรวุฒิ ยังกล่าวต่ออีกว่า ถึงแม้ว่าภาพรวมของธุรกิจจะมีแนวโน้มลดลงตามภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศ และแน่นอนว่ายอดขายภายในงานสำหรับปีนี้ทางสมาคมฯ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเท่ากับปีที่ผ่านมา ซึ่งการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการวัดผลตอบรับ หรือความต้องการของผู้ที่มีความสามารถที่จะปลูกสร้างบ้านในขณะนี้มีอยู่เพียงไร เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการประเมินสถานการณ์ และหาแนวทางในการพัฒนาธุรกิจรับสร้างบ้านต่อไปในอนาคต

การจัดงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 10:00 – 20:00 น. ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคาร 8 โดยผู้ที่ลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าผ่าน www.hba-th.org จะได้รับส่วนลดพิเศษเมื่อปลูกจองสร้างบ้านในงาน และส่วนลดหนังสือแบบบ้าน นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษ ลุ้นทองคำหนัก 1 บาท จำนวน 4 รางวัล อีกด้วย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CAT เพาะพันธุ์ดี เปิดตัวนวัตกรรมต้นแบบโซลูชัน CAT Digital Farm ครบวงจร สนับสนุนวิสาหกิจชุมชนปลูกผักปลอดสาร จ.ขอนแก่น

CAT เดินหน้าโครงการ “CAT เพาะพันธุ์ดี” สนับสนุนนวัตกรรมเกษตรครบวงจร CAT Digital Farm ให้กับวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกผักปลอดสาร บ้านหนองหญ้าข้าวนก ณ บ้านหนองหญ้าข้าวนก ตำบลหนองแวง อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563

พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า CAT มุ่งมั่นนำศักยภาพองค์กรด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลขับเคลื่อนสนับสนุนเกษตรกรก้าวไปสู่การเป็น Smart Farmer อย่างเข้มแข็งและยั่งยืนผ่าน “โครงการ CAT เพาะพันธุ์ดี” โดยล่าสุดโครงการฯ ได้เปิดตัวผลงานนวัตกรรมเกษตรครบวงจรในรูปแบบโซลูชัน “CAT Digital Farm” ด้วยแนวคิดเชื่อมโยงเกษตรดิจิทัล 3 มิติ ทั้งในด้านการผลิต การบริหารจัดการ และด้านการตลาด
ความครบถ้วนของโซลูชันทั้ง 3 ระบบของ CAT Digital Farm ประกอบด้วย 1. ระบบแปลงเกษตรอัจฉริยะ (IoT Smart Farm) เซ็นเซอร์ควบคุมน้ำและความชื้นช่วยลดต้นทุนการผลิตในแปลงเกษตรโดยประหยัดเวลาและแรงงาน 2.ระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการวิสาหกิจ (Farm Management) ยกระดับด้านการบริหารจัดการเครือข่ายของวิสาหกิจชุมชน ช่วยให้ผู้นำกลุ่มวิสาหกิจชุมชนสามารถบริหารจัดการข้อมูลสมาชิก ควบคุมปริมาณและประเภท ผลผลิตของสมาชิกให้ตรงความต้องการของตลาด ช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองกับตลาดให้ผลผลิตได้ราคาดี และบริหารคลังสินค้า (Inventory) ได้รวดเร็วแม่นยำ และ 3. ระบบการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) โดยเชื่อมโยงวิสาหกิจชุมชนเข้ากับตลาดออนไลน์ ได้แก่ iGet Mart, Thailand Post Mart รวมถึงเฟซบุ๊กเพจ “กลุ่มปลูกผักปลอดสารบ้านหนองหญ้าข้าวนก” ซึ่งจะเป็นการต่อยอดดิจิทัลมาร์เก็ตติ้งขยายความสามารถในการจำหน่ายสินค้าของวิสาหกิจฯ นอกเหนือจากตลาดหลักคือห้างสรรพสินค้า ตลาดชุมชนต่าง ๆ

นอกจากนี้ ระบบ CAT Digital Farm ได้เชื่อมกับระบบ QR Trace มาตรฐานอาหารปลอดภัยของมกอช.เพื่อแสดงต้นกำเนิดสินค้าและรับรองว่าเป็นสินค้าปลอดภัยได้ซึ่งช่วยให้สินค้าของชุมชนเพิ่มความสามารถแข่งขันทางการค้า และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ปัจจุบันให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารเป็นอย่างมาก

CAT Digital Farm ต้นแบบโซลูชันเกษตรดิจิทัลครบวงจร สำหรับโครงการ “CAT เพาะพันธุ์ดี” นำมาทดลองใช้งานเป็นแห่งแรก ณ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกผักปลอดสารบ้านหนองหญ้าข้าวนก จ.ขอนแก่น ออกแบบและพัฒนาโดยทีมงานของ CAT ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นนวัตกรรมแพลตฟอร์มสำหรับวิสาหกิจชุมชนโดยเฉพาะ ตอบโจทย์ของเกษตรชุมชนได้อย่างครบถ้วนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากการผลิตที่มี

ประสิทธิภาพไปจนถึงในการนำสินค้าสู่ผู้บริโภคในทุกตลาดอันจะสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชุมชนและแก้ปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืน โดยในอนาคตโครงการ “CAT เพาะพันธุ์ดี” มีแผนพัฒนาโมเดลต้นแบบนี้ให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ และส่งมอบระบบ CAT Digital Farm ให้กับชุมชนอื่น ๆ ได้แก่ โรงเรียนเทศบาล 2 จ.พิจิตร วิสาหกิจชุมชนหนองสาหร่าย จ.กาญจนบุรี และวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงราย จ.เชียงราย
การส่งมอบระบบดิจิทัลฟาร์มให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นกิจกรรมหลักที่โครงการ CAT เพาะพันธุ์ดี มุ่งมั่นดำเนินการมาตลอด เพื่อนำศักยภาพในด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสื่อสารดิจิทัลซึ่งเป็นจุดแข็งของ CAT มาสนับสนุนเกษตรกรกลุ่มต่างๆ ให้ก้าวไปสู่การเป็น Smart Farmer และอีกหนึ่งความตั้งใจคือการช่วยแก้ไขปัญหาขจัดความยากจนให้กับเกษตรกร ซึ่งเป็นกลุ่มอาชีพหลักของประเทศ ให้มีเครื่องมือในการพัฒนาวิชาชีพเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีทำให้สามารถพัฒนาผลผลิตได้ทั้งคุณภาพและปริมาณ รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าเกษตรบนแพลตฟอร์มออนไลน์บน e-Market place เพื่อโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้นเนื่องจาก CAT เล็งเห็นความสำคัญของการใช้เทคโนโลยีพัฒนาเกษตรกรรมซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชากรไทย และพร้อมนำจุดแข็งของหน่วยงานพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมรูปแบบดิจิทัลฟาร์มเพื่อสนับสนุนเกษตรกรรมซึ่งเป็นอาชีพหลักของประชากรไทย

นับเป็นผลงานจากการสานต่อและผนึกกำลังความร่วมมืออย่างจริงจังของหน่วยงานภาครัฐ (จังหวัดขอนแก่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษตรจังหวัดขอนแก่น อบต.หนองแวง) พร้อมทั้งคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ศูนย์วิจัยและพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรที่ดินและน้ำแบบบูรณาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลนิธิโคคา โคล่า ศูนย์มีชัยบ้านไผ่ ชุมชนท้องถิ่น เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ (ศพก., กลุ่ม Young Smart Farmer ) โดยทุกฝ่ายมุ่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเกษตรแปลงใหญ่ในจังหวัดขอนแก่น และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสมาร์ตซิตี้ขอนแก่น ซึ่งนับเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ตื่นตัวก้าวหน้าด้านเมืองอัจฉริยะระดับต้น ๆ ของประเทศ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DATA ร่วมเป็นวิทยากรกับ Bartercard พร้อมขึ้นปกนิตยสาร Barter Mag

คุณอภิสฤษฎิ์ นิรุชทรัพย์รดา กรรมการผู้จัดการ (ที่ 2 จากซ้าย) บริษัท ดาต้า เพาเวอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลั๊กไฟมากว่า 35 ปี ภายใต้แบรนด์ ดาต้า ( DATA ) “เชื่อในสิ่งที่ดีที่สุด” หนึ่งในกลุ่มผู้นำการทำตลาดปลั๊กไฟในประเทศไทยที่มีการลงทุนด้านสินค้า นวัตกรรม การออกแบบ และทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุด ได้รับเกียรติขึ้นปกนิตยสาร บาร์เทอร์แม็ก (Barter Mag) ฉบับที่ 25 และร่วมเป็นวิทยากรกับ บาร์เทอร์คาร์ด ในงาน Net Working Mindset Beyond Crisis Workshop ทัศนคติฝ่าวิกฤตและโอกาสในโลกหลังยุคโควิดที่รออยู่ ภายใต้หัวข้อ “ธุรกิจก้าวกระโดด ด้วยบาร์เทอร์คาร์ด บริการแลกเปลี่ยนสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยภายในงานได้มีการถ่ายทอดประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ และฝ่าวิกฤตในช่วงโควิดที่ผ่านมา พร้อมแนะแนวทางในการต่อสู้กับวิกฤตเพื่อนำพาธุรกิจให้อยู่รอดในช่วงวิกฤตินี้ รวมถึงการสร้างโอกาส ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในโลกหลังยุคโควิด รวมถึงขยายพันธมิตรทางธุรกิจ ณ ห้องเบญจศิริ แกรนด์ บอลลูน โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ออฟฟิศเมท” คว้ารางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่น 4 ปีซ้อน จากกระทรวงแรงงาน

ออฟฟิศเมท คว้า 3 รางวัล สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน จากงาน “Thailand Labour Management Excellence Award 2020” โดยในปีนี้ได้รางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 จากความมุ่งมั่นในการสร้างองค์กรแห่งความสุข (Happy Workplace) ออฟฟิศเมทให้ความสำคัญ กับการพัฒนาระบบบริหารจัดการด้านแรงงานที่มีมาตรฐานสากลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการสร้าง บรรยากาศการทำงานที่ดี และการดูแลสวัสดิการแรงงาน เพื่อส่งเสริมการดำรงชีวิตที่มั่นคงและพัฒนา คุณภาพชีวิตที่ดีแก่พนักงานทุกระดับ

ในปีนี้ออฟฟิศเมทได้รับรางวัลจาก 3 สถานประกอบการ ได้แก่ ออฟฟิศเมท สำนักงานใหญ่, Contact Centerสำนักงานหัวหมากเซ็นเตอร์ และสำนักงานอาคารอุ่นใจ โดยมีนายอนันต์ บวรเนาวรักษ์ รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นผู้มอบรางวัล ณ กระทรวงแรงงาน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ย ประเทศไทย ประกาศสร้างงานและลงทุนด้านการพัฒนาไอซีที เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงาน

ในงาน Job Expo Thailand 2020 บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ตอกย้ำพันธกิจในการช่วยประเทศไทยรับมือปัญหาการว่างงาน ผลพวงจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา

กรุงเทพฯ/ 28 กันยายน 2563 – บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำ ประกาศพร้อมสนับสนุนภารกิจของประเทศไทยในการสร้างงานให้แก่นักศึกษาจบใหม่ และผู้ถูกเลิกจ้างงานในภาคส่วนต่าง ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อช่วยขับเคลื่อนนโยบายการสร้างงานในระยะยาวของกระทรวงแรงงาน หัวเว่ยได้เข้าร่วมงาน Job Expo Thailand 2020 มหกรรมการจัดหางานครั้งยิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2563 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา นำเสนอโอกาสในการทำงานและสร้างอาชีพที่มั่นคงแก่ผู้ที่กำลังหางาน ผ่านขั้นตอนการสมัครที่สะดวกและรวดเร็ว

นายเอเบล เติ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย ประเทศไทย

ที่บูธขนาด 60 ตารางเมตรของหัวเว่ย นายอาเบล เติ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย ประเทศไทย ได้มีโอกาสต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในระหว่างการเยี่ยมชมบูธต่างๆ

โดยในงานมหกรรมดังกล่าวที่จัดขึ้นโดยกระทรวงแรงงาน หัวเว่ยประกาศเปิดรับสมัครตำแหน่งงานจำนวนมากทั้งพนักงานแบบฟูลไทม์ และนักศึกษาฝึกงานที่แบบมีค่าตอบแทน ครอบคลุมสายงานในหลายส่วน อาทิ วิศวกรไอที/คลาวด์ การบริหารจัดการอีโคซิสเต็ม 5G การตลาด การขาย ทรัพยากรบุคคล การเงิน และประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้หัวเว่ยประกาศว่าในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารับสมัครนิสิตนักศึกษาจบใหม่เป็นจำนวนมากเพื่อมอบโอกาสการทำงานในช่วงเวลาที่ท้าทายสำหรับนักศึกษาจบใหม่

ในงาน Job Expo ที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ณ ไบเทคบางนา มีตำแหน่งงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน จำนวนกว่า 1,000,000 อัตรา สำหรับผู้ที่พลาดงานดังกล่าว ยังสามารถค้นหาตำแหน่งงานของบริษัท หัวเว่ย ประเทศไทย ที่ยังเปิดรับอยู่ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์: ไทยมีงานทำ.com

แม้ประเทศไทยจะต้องเผชิญกับปัญหาความท้าทายต่าง ๆ จากโรคโควิด-19 หัวเว่ยยังย้ำว่า อุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก “ทีมในประเทศไทยของเราเติบโตขึ้นทุก ๆ ปี โดยจากข้อมูล ณ เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บริษัทของเรามีการรับพนักงานจบใหม่เพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับปีก่อน” นายเอเบล เติ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของหัวเว่ย ประเทศไทย เผย “เรามุ่งหวังที่จะช่วยรัฐสร้างงานสร้างอาชีพให้มากขึ้นจากการเปิดบูธที่งาน Job Expo ในปีนี้ การสมัครงานผ่านขั้นตอนที่สะดวกรวดเร็วจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้นหลังสถานการณ์โรคระบาดเริ่มคลี่คลาย เราพร้อมต้อนรับทั้งคนที่เพิ่งจบการศึกษาและผู้ที่มีประสบการณ์ มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของทีม สานต่อพันธกิจระยะยาวในการช่วยคนไทยขับเคลื่อนการทรานสฟอร์มด้านดิจิทัลของประเทศ” เขากล่าวเสริม

ปี 2562 ที่ผ่านมา หัวเว่ย ประเทศไทย ได้ฉลองครบรอบ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศ บริษัทเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยี 5G ที่มอบความเร็วในการเชื่อมต่อในระดับอัลตร้า เป็นตัวเร่งการใช้งานระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ ด้านการดูแลรักษาสุขภาพ อุตสาหกรรมการผลิต โทรคมนาคม และอีกมากมาย นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้ร่วมกับกระทรวงแรงงานสนับสนุนการสร้างทักษะใหม่ (ReSkill) และพัฒนายกระดับทักษะเดิมของแรงงานให้ดีขึ้น (UpSkill) รวมถึงได้มีการทุ่มทุนจำนวนมหาศาลในโครงการพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีเพื่อช่วยประเทศไทยสร้างบุคลากรที่มีทักษะสูงป้อนเข้าสู่ตลาด นอกจากนี้ โครงการ หัวเว่ย อะแคเดมี่ ประเทศไทย ซึ่งได้จับมือร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำต่าง ๆ ที่เตรียมจะเปิดตัวในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะช่วยบ่มเพาะบุคลากรด้านไอซีทีผ่านโครงการฝึกอบรมและการรับรองมาตรฐานวิชาชีพด้านไอซีที ประกาศนียบัตรชั้นนำในอุตสาหกรรมนี้จะเป็นใบเบิกทางด้านอาชีพในอนาคตให้แก่นักศึกษา เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ มองหาผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถที่นำมาปรับใช้ได้จริง

“ในช่วงที่ยากลำบาก ทุกภาคส่วนต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางออกที่ยั่งยืนต่อปัญหาที่เกิดขึ้น เราหวังว่าธุรกิจทุกภาคส่วนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วระหว่างที่วิกฤตเศรษฐกิจกำลังค่อยๆ คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ในระหว่างนี้ หัวเว่ย ตระหนักดีถึงหน้าที่รับผิดชอบต่อสังคมในการช่วยพัฒนาบุคลากร เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มดิจิทัลที่สมบูรณ์ ผ่านการผนึกกำลังกับรัฐบาลไทย ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม และมหาวิทยาลัยมากมาย” ซีอีโอหัวเว่ย กล่าวทิ้งท้าย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ออโต้อินโฟ” พัฒนานวัตกรรมต้นแบบห้องคัดกรองเชื้อโควิดแบบเคลื่อนที่ฝีมือคนไทย

“ออโต้อินโฟ” พัฒนานวัตกรรมต้นแบบห้องคัดกรองเชื้อโควิดแบบเคลื่อนที่ฝีมือคนไทย ใช้เทคโนโลยี “ซีเมนส์” Climatix IC ควบคุมด้วยระบบอัจฉริยะมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ตั้งเป้าหน่วยงานการแพทย์ใช้คัดกรองสกัดโควิดเคลื่อนย้ายสะดวกทุกที่ พร้อมห้องแลป Rapid Test ตรวจรู้ผลไว ตรวจในระบบปิดมาตรฐานโรงพยาบาล อุ่นใจทั้งผู้รับและแพทย์ผู้ให้บริการ

กรุงเทพฯ 28 กันยายน 2563 – บริษัท ออโต้อินโฟ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญโซลูชั่นและระบบควบคุมอัตโนมัติในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ (Life Science) ร่วมมือกับซีเมนส์ ประเทศไทย เปิดตัวนวัตกรรมห้องตรวจโรคและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เคลื่อนที่เพื่อรับมือโรคอุบัติใหม่ (Modular Covid-19 Examination Unit) ที่พัฒนาและผลิตโดยฝีมือคนไทย ตามมาตรฐานความปลอดภัยในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์ชีวภาพ ชูจุดเด่นเน้นความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและวางระบบ เพื่อป้องกันการติดเชื้อทั้งระหว่างคนไข้และแพทย์หรือระหว่างคนไข้ด้วยกันเอง พร้อมควบคุมระบบการไหลเวียนอากาศด้วยเทคโนโลยี Climatix IC จากซีเมนส์ ป้องกันการปนเปื้อนขั้นสูง โครงสร้างผลิตจากวัสดุแข็งแรงคงทนได้มาตรฐานในอุตสาหกรรมสาธารณสุข เคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่ด้วยขนาดเพียง 3x6x3 เมตร ติดตั้งและใช้งานได้ทันทีเพียงมีแหล่งจ่ายไฟบ้านทั่วไปรองรับ และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการนำตัวต้นแบบนี้บริจาคให้แก่องค์กรที่เหมาะสมในการดำเนินการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิดในพื้นที่เสี่ยงหรือจุดผ่านแดน อาทิ สนามบิน หน้าด่านหรือจุดผ่านแดนทั่วประเทศ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ภายในประเทศไทยนับว่าอยู่ในการควบคุมที่ดี ด้วยมาตรการป้องกันและวินัยการดูแลตัวเองที่เข้มงวด แต่ทุกฝ่ายยังไม่อาจวางใจได้เนื่องจากยังมีการแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก ซึ่งจุดคัดกรองผู้ป่วย อาทิ ด่านตรวจคนเข้าเมือง สนามบิน โรงพยาบาล โรงแรมที่พักสำหรับกักตัว หรือจุดผ่านแดนของประเทศถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญต่อการรับมือและป้องกันการกลับมาระบาดรอบสอง ดังนั้นมาตรการป้องกันที่ดีที่สุด ณ ขณะนี้ คือ การสร้างจุดคัดกรองที่มีประสิทธิภาพสูง ยืดหยุ่น และได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย จึงเป็นที่มาของการพัฒนานวัตกรรมห้องตรวจโรคและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ล้ำสมัยที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากพบว่าตู้ตรวจโควิดที่มีอยู่หลากหลายแบบในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดในด้านความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งานต่าง ๆ อาทิ การเคลื่อนย้ายทำได้ลำบาก, มีอุปกรณ์แยกย่อยหลายส่วน, มีความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อระหว่างผู้มาตรวจด้วยกันเอง, ไม่มีห้องผู้ป่วย, วัสดุที่ใช้เก็บเชื้อทำความสะอาดยาก, ไม่มีห้องแลปเพื่อตรวจหาผลอย่างรวดเร็วในตัว, ออกแบบด้วยเครื่องปรับอากาศธรรมดาทำให้เชื้อโรคสะสม และไม่คงทนแข็งแรงพอ

นายวิสิทธิ์ พชรธนสาร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออโต้อินโฟ จำกัด กล่าวว่า “แรกเริ่มเลยเกิดจากเราต้องการทำอะไรเพื่อตอบแทนสังคมและช่วยเหลือประเทศชาติและคนไทยในยามวิกฤติ ตั้งแต่เกิดโควิดระบาดใหม่ ๆ จนถึงวันนี้ ผมและเพื่อน ๆ เห็นความท้าทายของกระบวนการคัดกรองและความเสี่ยงของบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่ไปจนถึงผู้ป่วย เราพัฒนาต่อยอดไอเดียเพื่อหาทางออกแบบและผลิตห้องตรวจโรคที่มีความปลอดภัยระดับสากลสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ มีฟังก์ชั่นและอุปกรณ์ที่ดีที่สุดและใช้งานได้จริง ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 20 ปี ในอุตสาหกรรม Pharmaceutical และ Biotechnology บวกกับความพร้อมด้านเทคโนโลยีสมองกลที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ง่ายดายเหมือนเราสวมเสื้อและจัดให้เข้ารูป ทำให้การพัฒนาห้องตรวจนี้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ตามหลักการออกแบบของ CDC สหรัฐอเมริกา (Centers of Disease Control and Prevention) โดยใช้การทดสอบตามมาตรฐาน ISO 14644-3 ในระดับสากล”

“การควบคุมการไหลเวียนอากาศคือหนึ่งในความท้าทายสำคัญในขั้นตอนการผลิตและวางระบบ เพราะไม่ใช่เพียงการควบคุมความดันบวกและลบเพื่อป้องการแพร่กระจายของเชื้อจากห้องหนึ่งไปอีกห้องหนึ่งเท่านั้น หากแต่ยังต้องคำนึงถึงค่าความชื้นสัมพัทธ์ ความดัน อุณหภูมิ และอากาศที่ปลอดเชื้อที่ทั้งหมดต้องถูกควบคุมได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเทคโนโลยี Climatix IC ของซีเมนส์ตอบโจทย์ตรงนี้โดยใช้อุปกรณ์คุณภาพสูงและโปรแกรมที่ถูกออกแบบสำหรับงานเฉพาะทางเพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้เรายังติดตั้งระบบกรองอากาศเข้าและออกถึง 3 ชั้น เพื่อให้มั่นใจว่าไวรัสไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ แนวคิดการพัฒนาระบบ Modular ทำให้สามารถจัดสรรพื้นที่ ขั้นตอนการใช้งานและการควบคุมดูแลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราสามารถผลิตเพิ่มเติมเพื่อส่งมอบให้กับหน่วยงานทั้งภาคสาธารณสุข ภาคอุตสาหกรรม โดยใช้เวลาในการผลิตเพียง 1 เดือนเท่านั้น ซึ่งนับว่าเร็วกว่าระบบอื่น ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน” นายวิสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติม

มร.รอส คอลลอน รองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีอาคาร ธุรกิจสมาร์ทอินฟราสตรัคเจอร์ ซีเมนส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ออโต้อินโฟ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์กับซีเมนส์มาอย่า
ยาวนาน สามารถพัฒนานวัตกรรมห้องตรวจโรคและห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เคลื่อนที่จนเป็นผลสำเร็จ ด้วยแพลตฟอร์ม Climatix ของซีเมนส์ ซึ่งจะช่วยให้การตรวจสอบและควบคุมการไหลเวียนของสภาวะอากาศภายในตู้เป็นไปได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้มีความยืดหยุ่นสูง รองรับการใช้งานได้หลากหลาย และได้รับการพัฒนาขึ้นให้เหมาะกับธุรกิจ OEMs รวมถึงการทำงานที่สอดคล้องกันอย่างสมบูรณ์ระหว่างเซ็นเซอร์และอุปกรณ์ภาคสนาม Climatix จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่มองเห็นภาพรวมและสามารถควบคุมการตั้งค่าต่าง ๆ ตลอดจนบันทึกข้อมูลในอดีตในการใช้งานได้อย่างแม่นยำ ที่สำคัญคือระบบนี้สามารถเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์ได้ จึงสามารถใช้แพลตฟอร์ม Climatix IC เพื่อการแสดงผลและการควบคุมแบบรีโมทได้”

เกี่ยวกับออโต้อินโฟ
บริษัท ออโต้อินโฟ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2540 เป็นบริษัทด้านวิศวกรรมและการค้าที่ให้บริการโซลูชั่นและระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร

ออโต้อินโฟดำเนินธุรกิจด้านการจัดหาโซลูชันและระบบอัตโนมัติแบบบูรณาการครอบคลุมด้านระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Automation), ระบบควบคุมอาคารอัตโนมัติ (Building Automation), ระบบอัตโนมัติในคลังน้ำมันและก๊าซ (Terminal Automation), ระบบ SCADA และโซลูชันเครือข่ายไอที รวมถึงบริการด้านการออกแบบระบบ จัดทำโครงการ ดำเนินโครงการ โปรแกรมการฝึกอบรม บริการด้านสัญญาและการบำรุงรักษา

พันธกิจหลักของบริษัทคือ “การมุ่งมั่นให้บริการระบบควบคุมอัตโนมัติแบบครบวงจรที่มีคุณภาพมาตรฐาน ด้วยความเชี่ยวชาญที่เป็นเลิศ ให้เกินความคาดหวังของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง”

เกี่ยวกับซีเมนส์
ซีเมนส์ (เบอร์ลินและมิวนิค) เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านไฟฟ้าระดับโลกที่มีชื่อเสียงมายาวนาน ด้านวิศวกรรมอันยอดเยี่ยม ด้านนวัตกรรม คุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และความเป็นสากลมากว่า 170 ปี บริษัทมีสาขาอยู่ทั่วโลก เน้นธุรกิจด้านการสร้างและการกระจายกระแสไฟฟ้า ระบบอัจฉริยะสำหรับอาคาร และการจ่ายพลังงาน และระบบออโตเมชั่นและดิจิทัลไลเซชั่นสำหรับภาคการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีซีเมนส์ โมบิลิตี้ ผู้นำโซลูชั่นด้านการขนส่งสำหรับรถไฟและรถยนต์ ด้านบริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้า และด้วยซีเมนส์เป็นผู้ถือหุ้นหลักในซีเมนส์กาเมซ่า รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์ยี และซีเมนส์ เฮลธ์แคร์ ซีเมนส์จึงเป็นผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการแพทย์ และโซลูชั่นการผลิตกระแสไฟฟ้าแบบลมทั้งแบบบนฝั่งและนอกฝั่ง ในปี 2562 ซึ่งจบไปเมื่อเดือนกันยนยน 2562 ซีเมนส์สร้างรายได้ 86 พันล้านยูโร และมีผลกำไร 5.6 พันล้านยูโร มีพนักงาน 385,000 คนทั่วโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.siemens.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“มิว สเปซ เปิดแผนสร้างเทคโนโลยี ดันไทยสู่อุตสาหกรรมอวกาศ”

มิว สเปซ เผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ หลังจากทำการส่งวัตถุและอุปกรณ์การทดลอง (payload) ขึ้นไปยังอวกาศเป็นครั้ง ที่ 4 ร่วมกับ Blue Origin บนจรวด New Shepard (NS-13)

นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง วิศวกรไทยและประธานกรรมการบริหาร บริษัทด้านอุตสาหกรรมดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศ เปิดเผยว่า “ส่วนประกอบต่าง ๆ ของดาวเทียม HTS (high throughput satellite) กว่า 40% ผลิตโดย มิว สเปซ และ ผู้ผลิตภายในประเทศ ด้วยเทคโนโลยีของคนไทยที่ได้มาตรฐานสากล โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยดาวเทียมสู่วงโคจรภายในปี 2024 เพื่อให้ มิว สเปซ เป็นผู้ให้บริการดาวเทียมต่างชาติแห่งแรกของไทย เมื่อมีการเปิดเสรีดาวเทียม ดาวเทียมวงโคจรต่ำ หรือ LEO Satellite จะเป็นประโยชน์และมีความสำคัญอย่างมากต่อระบบการสื่อสารในอนาคต อีกทั้ง ยังเป็นการยกระดับเทคโนโลยีทางด้านการสื่อสารของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาชาติ รวมไปถึงการรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ 5G, Cloud storage, Online Transaction และความปลอดภัยในการทำธุรกิจต่าง ๆ ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มั่นใจว่า มิว สเปซ คือทางเลือกใหม่ของคนไทย ที่จะสามารถพัฒนารูปแบบการให้บริการในทิศทางใหม่ๆ ได้อย่างตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าอย่างทั่วถึง พร้อมช่วยทำให้การรับส่งสัญญาณมีประสิทธิภาพและเข้าถึงพื้นที่ต่าง ๆ ได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

เป้าหมายหลักของ มิว เปซ คือการพัฒนาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อนำประเทศไทยมุ่งสู่ธุรกิจทางด้านอุตสาหกรรมอวกาศ อย่างเช่น โครงการวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ (Autonomous Robot) เพื่อใช้ในภารกิจทางด้านอวกาศในอนาคตอันใกล้ มิว สเปซ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะสามารถสนับสนุนการค้นหาทรัพยากร ประกอบกับการนำไปพัฒนาต่อยอดด้านการสื่อสารดาวเทียม ให้มีคุณภาพสูงแต่มีค่าใช้จ่ายต่ำ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทุกรูปแบบและสอดคล้องกับความต้องการในตลาดอย่างลงตัว รวมทั้งเป็นการ สร้างงาน สร้างโอกาส ขยายตลาดแรงงานทักษะสูง ตลอดจนถึงบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถ ในการยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศของไทยสู่นานาชาติ สำหรับไฮไลท์ในการเปิดตัวนี้ คือแผนการสร้าง Spaceship หรือพาหนะทางอวกาศขนาดเล็กลำแรกของไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลัก คือ

สร้าง Data Center นอกชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งสามารถลดปัญหาสำคัญของการสร้างศูนย์เก็บข้อมูล เช่น การควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อการปฏิบัติการของระบบภายใต้สภาวะอุณหภูมิต่ำ ซึ่งใช้ปริมาณมากถึง 40% ของพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด การนำ Data Center ออกไปยังสภาวะอวกาศที่เย็นกว่า -270°C ทำให้สามารถกำจัดเรื่องของอุณหภูมิไปได้อย่างมาก

ใช้พลังงานบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ไม่พึ่งพาพลังงานจากโลก โดย Spaceship จะโคจรค้างฟ้า และรับพลังงานจากแสงอาทิตย์บริเวณใต้ท้องตลอดเวลา จึงสามารถปฏิบัติงานด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพลังงานจากโลก

ความปลอดภัย โดยทำให้ spaceship ที่ลอยค้างฟ้าและเชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย constellation มีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นบนโลก เช่น ไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม ยิ่งไปกว่านั้น การเชื่อมต่อกันเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ครอบคลุมทั้งโลก จะทำให้การเชื่อมต่อมีความลื่นไหลเข้าถึงได้ทุกมุมโลก

ในเดือนสิงหาคมที่ผ่าน มิว สเปซ ได้มีการทดสอบวัสดุที่เหมาะสมต่อการนำมาสร้าง โดยทดสอบความแข็งแรงของวัสดุ จากการจำลองกระสุนปืนชนิดพิเศษ ที่มีความเร็วเทียบเท่ากับความเร็วของเศษขยะอวกาศ อยู่ที่ความเร็วมากกว่า 1,100 m/s ทั้งนี้ ผลทดสอบพบว่า ผ่านมาตราฐานการป้องกันกระสุนในระดับ 3 และมิว สเปซ ได้เตรียมสร้างโรงงานขนาดกลาง ภายในปลายปีนี้ เพื่อให้สามารถเริ่มผลิต Spaceship อย่างเต็มรูปแบบในปี 2021

มิว สเปซ มีจุดเริ่มต้นมาจาก นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิว สเปซ แอนแอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด โดยปัจจุบัน เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านอุตสาหกรรมการบินและอากาศยาน จบการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมการบินและอากาศยาน และปริญญาโทสาขาวิศวกรรมเครื่องกล จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) เคยทำงานในตำแหน่งวิศวกรระบบดาวเทียมในโครงการของ นอร์ทธรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) บริษัทด้านอวกาศและเทคโนโลยีการป้องกัน จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมโครงการระบบพาหนะไร้คนขับ ในขณะที่กำลังรุ่งโรจน์ในหน้าที่ในอุตสาหกรรมการบินระดับท็อปของโลก ได้ตัดสินใจเดินทางกลับสู่ประเทศไทย โดยมีความตั้งใจที่จะนำความรู้ความสามารถกลับมาพัฒนาประเทศ อีกทั้ง ยังมุ่งมั่นที่พัฒนาธุรกิจด้านดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศของไทยอีกด้วย

นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง ยังมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการก้าวสู่ธุรกิจด้านดาวเทียม โดยมีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ธุรกิจดาวเทียมและอวกาศให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การนำส่ง payload ในครั้งที่ 4 ของมิว สเปซ แสดงให้เห็นว่า นี่คือสัญญานที่ดีในความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรมอวกาศ ที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับคนไทยทุก ๆ คนในอนาคต”

ส่งผลให้ บริษัท มิว สเปซ แอนแอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด กลายเป็นองค์กรผู้ดำเนินกิจการดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศรายเดียวของประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างมีศักยภาพสูง ภายใต้พันธกิจที่จะนำพาธุรกิจและอุตสาหกรรมอวกาศของไทย ให้มีศักยภาพในสามารถในการแข่งขันได้ทัดเทียมกับนานาประเทศนั่นเอง สำหรับผู้สนใจติดตามชม Highlight การ Unveil ผ่านช่อง Youtube ของ muSpacetech สามารถรับชมได้ที่ https://youtu.be/C-5XJY-giqk


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ยเปิดตัวโครงการประกาศนียบัตรด้านไอซีที ระดับเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 เร่งพัฒนาอีโคซิสเต็มด้านบุคลากรไอซีที

กรุงเทพฯ/ 23 กันยายน 2563 – บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ จำกัด ผู้จัดหาเทคโนโลยีไอซีทีชั้นนำของโลกเดินหน้าเปิดตัวโครงการประกาศนียบัตรมาตรฐานวิชาชีพด้านไอซีที ระดับเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 (Huawei Asia Pacific ICT Certification Program 2020) เพื่อฝึกอบรมนิสิตนักศึกษาและบุคลากรด้านไอซีทีทั่วทั้งภูมิภาค แม้ว่าจะมีความท้าทายหลากหลายจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โครงการฝึกอบรมฟรีนี้เปิดรับนักศึกษาและบุคลากรด้านไอซีทีที่ได้เข้าร่วมหรือวางแผนที่จะเข้าร่วมโครงการหัวเว่ย อะแคเดมี่ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้เข้าร่วมที่ผ่านเกณฑ์จะมีโอกาสคว้ารางวัลใหญ่ ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน Huawei P40 และแล็ปท็อป Huawei Matebook Pro

เพื่อให้เป็นไปตามพันธกิจระดับโลกของบริษัทในการสนับสนุนการพัฒนาแรงงานด้านไอซีที หัวเว่ยได้เปิดหลักสูตรประกาศนียบัตรมาตรฐานวิชาชีพชั้นนำของอุตสาหกรรมขึ้นมาในชื่อว่า “Huawei Certification” โดยเป็นประกาศนียบัตรมาตรฐานด้านเทคนิคที่ครอบคลุมการสอบรับรองความรู้ถึง 100 หัวข้อ และสาขาเทคนิค 22 สาขา ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองผ่านคอร์สด้านเทคโนโลยีออนไลน์มาตรฐานมากมาย

คอร์สและประกาศนียบัตรต่าง ๆ ของหัวเว่ยครอบคลุมสาขาเทคนิคสำคัญทั้งหมดของอุตสาหกรรมไอซีที อาทิ บิ๊กดาต้า, คลาวด์คอมพิวติ้ง, LTE, 5G, การเงิน เป็นต้น ผู้เข้าร่วมโครงการจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ผ่านการทดสอบในเวลาอันรวดเร็วที่สุดของแต่ละระดับจะมีโอกาสได้รับรางวัลเป็นผลิตภัณฑ์สุดพรีเมียมจากหัวเว่ย

โครงการปีนี้เปิดให้ลงทะเบียนได้ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งขณะนี้มีผู้สมัครเข้าร่วมแล้วถึง 1,885 คนจากทั่วทั้งภูมิภาค และคาดว่าในราวปี 2566 หัวเว่ยจะสามารถป้อนแรงงานที่ผ่านการฝึกอบรมเข้าสู่อุตสาหกรรมไอซีทีได้กว่า 700,000 คนทั่วโลก

ภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการสร้างระบบนิเวศด้านบุคลากรไอซีทีอันยั่งยืน หัวเว่ยมุ่งมั่นพัฒนาโปรแกรมการเรียนการสอนด้านไอซีทีนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการจัดการแข่งขัน Huawei ICT Competition, หัวเว่ย อะเคเดมี่ และโครงการ Learn ON ของหัวเว่ย ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 การแข่งขัน Huawei ICT Competition ประจำปี 2020 มีนักศึกษากว่า 150,000 คน จากสถาบันระดับอุดมศึกษากว่า 2,000 แห่งใน 70 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วมโครงการ โดยการแข่งขันระดับภูมิภาคและรอบชิงชนะเลิศระดับโลกปีนี้จะมีขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม และ 30 ตุลาคม นี้ ตามลำดับ

แม้จะมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หัวเว่ยยังเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าการเรียนรู้ไม่เคยหยุดนิ่ง ปีนี้ โครงการหัวเว่ย อะแคเดมี่ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กร โดยดึงเอาสถาบันการศึกษาและองค์กรชั้นนำในระดับอุตสาหกรรมมาร่วมโครงการ ได้ต้อนรับพันธมิตรใหม่จากสถาบันการศึกษาขั้นสูงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มอีก 78 แห่ง ทำให้ในปัจจุบันมีจำนวนพันธมิตรทั้งสิ้น 134 แห่งแล้ว และเพื่อรับมือกับการปิดโรงเรียนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 บริษัทได้จัดทำแพลตฟอร์มการเรียนการสอนแบบออนไลน์ขึ้นภายใต้ชื่อโปรแกรม Learn ON ทั้งสำหรับผู้สอนและนักศึกษา

โดยแพลตฟอร์มเปิดนี้จะมีทรัพยากรคุณภาพสูงและคลาสเรียนต่างๆ เพื่อให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง รวมถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนร่วมชั้นและผู้ฝึกอบรมได้ผ่านวิดีโอแชทสด

หัวเว่ยจะยังคงทุ่มเทเพื่อพัฒนาแรงงานทักษะสูงอย่างรอบด้านเพื่อสร้างโลกอัจฉริยะที่เชื่อมโยงถึงกันอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับวิธีการเข้าร่วมโครงการประกาศนียบัตรมาตรฐานวิชาชีพด้านไอซีทีของหัวเว่ย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2020 สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://e.huawei.com/en/talent/#/news/details?consultationId=717


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

APC NetShelter™ WX ตู้แร็คแบบติดผนัง พร้อมโปรแรง!!! จัดเซ็ตคู่ APC Easy UPS สุดคุ้ม

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) เปิดตัว ตู้แร็คติดผนัง APC NetShelter WX สำหรับจัดเก็บอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ มาพร้อมฝาหน้าแบบรวงผึ้ง แข็งแกร่งทนทาน โปร่ง ช่วยในการระบายความร้อนได้ดี รูปทรงกะทัดรัด เรียบสวย ยึดติดกับผนังได้ง่าย รองรับอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ อาทิ สวิตช์ ปลั๊ก เร้าเตอร์ยูพีเอส มีให้เลือกหลายขนาด 6U, 9U, 12U ทุกรุ่นรองรับน้ำหนักได้สูงถึง 91 กิโลกรัม เหมาะสำหรับสำนักงานทั่วไป สำนักงานสาขา ที่มีพื้นที่จำกัด
พิเศษซื้อเป็นเซต Edge WallBox  ซึ่งประกอบไปด้วย APC NetShelter WX 6U หรือ 9U พร้อมกับเครื่องสำรองไฟ ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 ธันวาคม 2563 รับโปรโมชั่นพิเศษที่จะช่วยประหยัดงบประมาณได้กว่า 50%
         • APC NetShelter WX 6U กับ APC Easy UPS รุ่น BV 1000VA ราคาพิเศษ 5,200 บาท จาก 11,350 บาท
• APC NetShelter WX 9U กับ APC Easy UPS รุ่น BV 1000VA ราคาพิเศษ 7,000 บาท จาก 13,600 บาท
พร้อมรับสิทธิพิเศษเพิ่มอีก 1 ต่อ สามารถซื้อปลั๊กราง APC Easy PDU รุ่น EPDU1016B ในราคาพิเศษเพียง 1,200 บาท จาก 2,030 บาท หรือ Cisco Network Switch รุ่นที่ร่วมรายการในราคาพิเศษ!!!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Edge WallBox : https://bit.ly/3cfhOC7
Exit mobile version