Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

คณะครุศาสตร์ฯ มจพ. ต้อนรับคณะอนุกรรมการประเมิน เพื่อการรับรองปริญญาตรีทางการศึกษา (หลักสูตร 5 ปี)

รศ.ดร.เสาวณิต สุขภารังษี รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และ รศ.ดร.สันชัย อินทพิชัย รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากิจการมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) พร้อมด้วย รศ.ดร.ไพโรจน์ สถิรยากร คณบดีคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและผู้บริหารคณะ ให้การต้อนรับคณะอนุกรรมการประเมินเพื่อการรับรองปริญญาตรีทางการศึกษา (หลักสูตร 5 ปี) เข้าประเมินมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานบัณฑิตตามสภาพจริงของคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มจพ. จำนวน 2 หลักสูตร ซึ่งประกอบด้วยหลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและการศึกษา (หลักสูตร 5 ปี) (หลักสูตรใหม่ พ.ศ.2561) และหลักสูตรปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธาและการศึกษา (หลักสูตร 5 ปี) (หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ.2563) ณ ห้องประชุม 208 คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มจพ. เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา อนุกรรมการในการตรวจประเมิน ดังนี้รายชื่อ 1. รศ.ดร.สมบัติ คชสิทธิ์ ประธานอนุกรรมการ 2. รศ.กณิดา มาประเสริฐ อนุกรรมการ 3. รศ.ดร.สิทธิชัย แก้วเกื้อกูล อนุกรรมการ 4. รศ.ดร.ไพโรจน์ กลิ่นกุหลาบ อนุกรรมการ 5. นางสาวอรนุช หงวนไธสง ผู้อำนวยการกลุ่มรับรองปริญญาและประกาศนียบัตร และ 6. นายปิยะ ประเสริฐสังข์
นักวิชาการ

ในการประเมินมาตรฐานการผลิตและมาตรฐานบัณฑิตตามสภาพจริงในครั้งนี้ นอกจากการพิจารณามาตรฐานหลักสูตรบัณฑิต มาตรฐานการผลิต มาตรฐานบัณฑิตจากข้อมูลของสถาบันตามแบบประเมินมาตรฐานการผลิตฯ การซักถามข้อมูลเพิ่มเติมประกอบพิจารณาพร้อมข้อเสนอแนะแล้ว คณะอนุกรรมการฯ ได้ขอสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง โดยแบ่งกลุ่มสัมภาษณ์ แบ่ง 3 กลุ่ม เพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้ 1. ผู้แทนนักศึกษา คละชั้นปี รวมจำนวน 20 คน 2. ครูพี่เลี้ยง และผู้บริหารสถานศึกษาที่เป็นเครือข่ายปฏิบัติการสอน รวมจำนวน 6-10 คน และ 3. อาจารย์ประจำหลักสูตร อาจารย์ผู้สอนรายวิชาชีพครูและอาจารย์นิเทศก์ รวมจำนวน 10 คน

คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มจพ. ขอขอบพระคุณคณะอนุกรรมการประเมินเพื่อการรับรองปริญญาตรีทางการศึกษา (หลักสูตร 5 ปี) จากคุรุสภา ที่ให้คำแนะนำที่มีประโยชน์อย่างยิ่งแก่คณะและมหาวิทยาลัย

ประจักษ์เวช ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วิทยาลัยนานาชาติ มจพ. จัดสัมมนาทางวิชาการและศึกษาดูงานนักศึกษา ป.ตรี ณ ต่างประเทศ ปี’63

วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ได้จัดการศึกษาในหลักสูตรบริหารธุรกิจสาขาวิชาการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ (หลักสูตรนานาชาติ) ด้วยปรัชญาการศึกษาของวิทยาลัยคือ “ปัญญาสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด วิสัยทัศน์สู่สากล” ในการผลิตบุคลากรคุณภาพที่จะเป็นกำลังสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติและนานาชาติ

รศ.ดร.พิเชษฐ์ ศรียรรยงค์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มจพ. เปิดเผยว่า วิทยาลัยนานาชาติเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเปิดโลกทัศน์ ของนักศึกษาในสาขาวิชาการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ให้กว้างไกล รวมถึงได้สัมผัสสถานการณ์และวัฒนธรรมแปลกใหม่และมีประสบการณ์การเรียนรู้ในต่างประเทศ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนานักศึกษาสู่การเป็นมืออาชีพในด้านธุรกิจระหว่างประเทศ และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยในทุกๆ ปีการศึกษา ภาคการศึกษาที่ 2 ของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เป็นภาคการศึกษามีการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งมิอาจจำกัดเพียงการเรียนรู้ในห้องเรียนและในประเทศ ได้แก่ รายวิชาการจัดการทรัพยากรมนุษย์ต่างวัฒนธรรม (Managing People Across Cultures) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ข้ามวัฒนธรรม และการบริหารจัดการองค์กรในระดับนานาชาติ ประกอบด้วยบุคลากรจากหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม นักศึกษาจะต้องเรียนรู้ทั้งหลักการทำความเข้าใจ ปรับตัว ทัศนคติ และเจตคติอันเหมาะสม พร้อมต่อการทำงานในระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ รายวิชาการตลาดระดับโลก (Global Marketing) ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมการตลาดระหว่างประเทศและระดับโลก ตลอดจนรายวิชาการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบและธุรกิจรับจัดการขนส่งระหว่างประเทศ (Multimodal Transportation and Freight Forward Business) ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการขนส่งต่อเนื่อง บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของธุรกิจ รับจัดการขนส่งที่มีต่อการค้าและการขนส่งระหว่างประเทศ ขั้นตอนการดำเนินงานเกี่ยวกับสินค้า การจัดการรับขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เงื่อนไขทางการค้าและเอกสารที่เกี่ยวกับการขนส่ง

รศ.ดร.พิเชษฐ์ เสริมว่า การเปิดประสบการณ์การเรียนรู้ในต่างประเทศนั้น เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์นอกห้องเรียนจากการจัดทัศนศึกษาภายนอกราชอาณาจักร ณ เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศญี่ปุ่นจึงเป็นที่มาในการจัดโครงการสัมมนาทางวิชาการและศึกษาดูงานนักศึกษาระดับปริญญาตรี ณ เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประเทศญี่ปุ่น ประจำปี พ.ศ. 2563 ในระหว่างวันที่ 5 – 11 มกราคม พ.ศ. 2563 ซึ่งมีนักศึกษาของวิทยาลัยนานาชาติจำนวน 61 คน เข้าร่วมโครงการและมีคณาจารย์ของวิทยาลัยนานาชาติจำนวน 4 คน ดำเนินการจัดทำโครงการ ประสานงาน ตลอดจนควบคุมดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด โดยประกอบด้วย (1) รศ.ดร. พิเชษฐ์ ศรียรรยงค์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ (2) ผศ.ดร อัจฉรียา รอบกิจ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและกิจการนักศึกษา (3) อาจารย์ณัฐธิดา พลซื่อ อาจารย์ประจำ และ (4) ผศ.ดร. อังกูร ลาภธเนศ อาจารย์พิเศษและผู้เชี่ยวชาญในสาขาโลจิสติกส์ โดยนักศึกษาจะได้ประสบการณ์จากการทัศนศึกษา ศึกษาดูงาน และการเข้าร่วมการสัมมนาพิเศษทางวิชาการ อีกทั้งผู้เข้าร่วมโครงการทุกคนจะได้รับประกาศนียบัตรในการเข้าร่วมโครงการ (Certificate of Attendance) รายละเอียดดังนี้

1) การสัมมนาพิเศษทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยมาเก๊า (University of Macau) ในหัวข้อ “International Management: Rising to the Challenge” โดย Asst. Prof. Dr. Javier Calero Cuervo, Department of Management and Marketing, Faculty of Business Administration, University of Macau

2) การสัมมนาพิเศษทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo) ในหัวข้อ “Global Business for Competitive Advantage” โดย Prof. Dr. Shigeru Matsumoto, Cross Border Mergers & Acquisitions Endowed Professor, Graduate School of Management, Kyoto University

3) ศึกษาดูงานที่โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์โทมาริ (Tomari Nuclear Power Plant) Tomari Nuclear Power Plant, Hokkaido Electric Power Co. Inc., Shiribeshi, Hokkaido, Japan

4) ศึกษาดูงานที่ท่าเรือโทมาโคไม (Port of Tomakomai) Tomakomai Port Authority, Iburi, Hokkaido, Japan
สอบถามรายละเอียดได้ที่ วิทยาลัยนานาชาติ มจพ. (International College) โทร. 094-0567931, 02- 5552000 ต่อ 2811, 2812 หรือ Line ID: ickmutnb และที่ Facebook: International College KMUTNB

ขวัญฤทัย ข่าว –ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ รับรางวัล SHINING STAR AWARD 2020 จากหัวเว่ย ในงาน Huawei Thailand Partner Summit 2020

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้นำเสนอสินค้าโซลูชั่นระดับเอ็นเตอร์ไพรส์ รับรางวัล “SHINING STAR AWARD 2020” ประจำปี 2563 ในงาน Huawei Thailand Partner Summit 2020 โดยมี คุณจิระศักดิ์ ตรังคิณีนาถ (ทางขวา) รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจดิจิตอลโซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัลจาก คุณเจสัน เผิง (ทางซ้าย) Vice President Thailand Enterprise Channel Business Department บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ณ โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ วันที่ 11 กันยายน 2563

นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งกับความสำเร็จในปีนี้ของทางเมโทรซิสเต็มส์ฯ ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจทางด้านเอ็นเตอร์ไพรส์โซลูชั่นมายาวนาน มีความเข้าใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี พร้อมให้บริการหลังการขายแบบครบวงจร

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ กลุ่มธุรกิจดิจิตอลโซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โทร.02-089-4994 อีเมล์ : dsgmkt@metrosystems.co.th Website : https://www.metrosystems.co.th/ Facebook : https://www.facebook.com/metrosystemscorp/


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CIBA DPU จับมือม.ดังอังกฤษเปิด Double Degree เรียนรู้ธุรกิจทั่วโลก

CIBA DPU จับมือ The University of Northampton ประเทศอังกฤษ เปิดหลักสูตร Double Degree สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ และ MBA หวังเพิ่มโอกาสแก่นักศึกษาไทย เรียนรู้ธุรกิจฝั่งตะวันตกและตะวันออก เพิ่มช่องทาง เครือข่ายในการทำธุรกิจ พร้อมลดความเสี่ยงจากโรคโควิด-19

ผศ.ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี(CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) หรือ DPU เปิดเผยว่า ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้แต่ละมหาวิทยาลัยต้องมีการปรับตัวทั้งในเรื่องของการเรียนการสอน หลักสูตร เพื่อให้นักศึกษาได้เข้าถึงองค์ความรู้ และโอกาสทางการศึกษาให้มากที่สุด วิทยาลัยCIBA ซึ่งมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ จึงได้ร่วมมือกับ The University of Northampton ประเทศอังกฤษ ในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตร 2 ปริญญา หรือDouble Degree ในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ใน 2 หลักสูตร คือ หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาธุรกิจระหว่างประเทศ และหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต (MBA) ซึ่งทั้ง 2 หลักสูตรนี้ นักศึกษาสามารถไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ หรือจะเรียนในประเทศไทยซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาจะได้รับปริญญา 2 ใบจาก DPU และ The University of Northampton ประเทศอังกฤษ

“ความร่วมมือดังกล่าว เป็นการขยายโอกาสใหันักศึกษาไทยที่ไม่สะดวกจะเดินทางไปต่างประเทศ สามารถเรียนในเมืองไทยได้ ซึ่งทาง The University of Northampton เป็นมหาวิทยาลัยดังในประเทศอังกฤษ ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างผู้ประกอบการ หรือธุรกิจ CIBA DPU ก็มีนโยบายที่สอดคล้องกันในเรื่องการสนับสนุนความสามารถของนักศึกษาในการสร้างธุรกิจ ยิ่งไปกว่านั้น ทางมหาวิทยาลัยมีที่ปรึกษาเฉพาะทางที่พร้อมช่วยผลักดันให้ธุรกิจเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จากความลงตัวดังกล่าวทำให้นักศึกษาที่จะเรียนในหลักสูตรได้เห็นมุมมองทางด้านธุรกิจในประเทศตะวันตก และตะวันออก ขณะเดียวกันจะเป็นการเปิดเครือข่ายในการทำธุรกิจ เพราะรูปแบบการเรียนการสอนจะเน้นจากสถานการณ์จริง กรณีศึกษาจริงที่เกิดขึ้นจากในประเทศฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก นักศึกษาจะมีโอกาสในการทำธุรกิจและเรียนรู้ธุรกิจในโลกสมัยใหม่ได้มากขึ้น” คณบดีวิทยาลัย CIBA กล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบัน วิทยาลัย CIBA มีการเปิดรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนกว่า 20 ประเทศ ดังนั้น ในหลักสูตร 2 ปริญญาดังกล่าว จะมีนักศึกษาที่เข้าเรียนจากหลากหลายประเทศ ซึ่งจะได้แนวทางด้านธุรกิจที่มาจากบุคลากร คณาจารย์ วิทยาลัย CIBA และ The University of Northampton รวมถึงผู้เชี่ยวชาญมากมาย โดยทั้ง 2 หลักสูตรจะเปิดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2564 ซึ่งจะรับคลาสละ 30 คน สำหรับผู้สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ https://ciba.dpu.ac.th/ หรือเพจ CIBAวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สัมภาษณ์ exclusive อ.ดร.พนิดา เรณูมาลย์ บทบาทและการทำงานศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตร มจพ.ปราจีนบุรี

ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี บทบาทและการทำงานจะเน้นให้บริการด้านการวิจัย และบริการวิชาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตร และการบริการวิชาการเชิงบูรณาการกับการเรียนการสอนด้านอุตสาหกรรมเกษตรเพื่อตอบสนองต่อพันธกิจของคณะและมหาวิทยาลัย ฉบับนี้พามาเจาะลึกสัมภาษณ์แบบ exclusive กับอาจารย์ ดร.พนิดา เรณูมาลย์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตร มจพ. ปราจีนบุรี เกี่ยวกับทิศทางของศูนย์วิจัยฯ ทั้งเรื่องการจัดหลักสูตรอบรม การให้บริการวิชาการความรู้ด้านอุตสาหกรรมเกษตรแก่วิสาหกิจชุมชน รวมถึงงานวิจัยแบบมีส่วนร่วมให้กับชุมชนในการแก้ปัญหาด้านอุตสาหกรรมเกษตร ว่าในปีนี้จะเป็นอย่างไรเพื่อตอบสนองต่อพันธกิจของคณะและมหาวิทยาลัย

อาจารย์ ดร.พนิดา เล่าถึงการจัดตั้งศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตรว่า คณะอุตสาหกรรมเกษตร มียุทธศาสตร์การวิจัยที่สอดคล้องกับมหาวิทยาลัยในการมุ่งสู่การเป็นมหาวิทยาลัยวิจัย จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตรขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 เพื่อเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดงานวิจัยและบริการวิชาการด้านอุตสาหกรรมเกษตรที่มีคุณภาพให้แก่สังคม โดยหน้าที่ของศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตรด้านงานวิจัยที่มีบทบาทต่อบุคลากรและนักวิจัยภายในคณะเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างผลงานวิชาการทางด้านอุตสาหกรรมเกษตร และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปแบบงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ รวมถึงการนำเสนอผลงานวิจัยทั้งในเวทีระดับชาติและระดับนานาชาติ ส่วนกิจกรรมด้านงานบริการวิชาการมีนโยบายการให้บริการวิชาการความรู้ด้านอุตสาหกรรมเกษตรแก่วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และสังคม อย่างน้อยปีละ 2 เรื่อง เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานของคณะฯ ให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะงานด้านบริการวิชาการ “จะมุ่งเน้นการจัดบริการวิชาการที่บูรณาการกับการจัดการเรียนการสอน การวิจัยด้านอุตสาหกรรมเกษตร การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริหารจัดการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านอุตสาหกรรมเกษตร”

กลุ่มเป้าหมายศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตร เน้นการให้บริการวิชาการให้แก่ชุมชน วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ ผู้สนใจทั่วไป และหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่เข้มแข็ง อีกทั้งศูนย์วิจัยฯ ยังเป็นสื่อกลางในการจัดหลักสูตรอบรมระยะสั้นทางด้านอุตสาหกรรมเกษตร นอกจากนี้ อาจารย์ ดร.พนิดา ยังให้ความสำคัญใน “การดำเนินงานทั้งเชิงรับและเชิงรุกในการเข้าถึงปัญหาและความต้องการของผู้ขอรับบริการ โดยเน้นงานวิจัยแบบมีส่วนร่วมให้กับชุมชนในการแก้ปัญหาด้านอุตสาหกรรมเกษตร และการเพิ่มมูลค่าวัตถุดิบภายในท้องถิ่น” อาศัยกระบวนการพัฒนาทักษะด้านงานวิจัยและเพิ่มพูนความรู้ของนักวิจัยได้เต็มศักยภาพ จึงทำให้ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาได้ตรงกับความต้องการของผู้ขอรับบริการได้อย่างแท้จริง

ทิศทางในการบริหารจัดการศูนย์ฯ เน้นหนักไปที่กลยุทธ์ที่เป็นเชิงรุกคือ การไปรับโจทย์วิจัยจากหน่วยงานรัฐบาล อาทิ สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด สำนักงานเกษตรจังหวัด และสำนักงานสหกรณ์จังหวัด เป็นต้น ยิ่งในปัจจุบันการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ เป็นอีกหนึ่งที่ใช้เป็นการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร กิจกรรมให้เป็นที่รู้จัก เช่น เว็บไซต์ศูนย์วิจัยฯ Facebook ,YouTube และการจัดทำข้อมูลใน QR code เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายที่สนใจเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างกว้างขวางและให้เป็นรู้จักได้ ศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมเกษตร มจพ.ปราจีนบุรี สามารถตอบโจทย์ให้กับชุมชน ทั้งหลักสูตรการฝึกอบรม ให้บริการวิจัย และบริการวิชาการ ด้านอุตสาหกรรมเกษตรที่สามารถนำไปใช้ต่อยอดพัฒนาได้ตรงกับความต้องการของผู้ขอรับบริการซึ่งในปีที่แล้วศูนย์วิจัยฯ ถือว่าประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ควบคู่ไปกับการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง อาจารย์ ดร.พนิดา กล่าวท้ายที่สุด บุคคลทั่วไปสนใจในหลักสูตรสามารถสอบถามได้ที่ โทรศัพท์ 037-217300 ต่อ 7938, 7932, 7933, 7934

ขวัญฤทัย ข่าว -ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ศูนย์สะเต็มศึกษา มจพ. จัดการแข่งขัน “KM STEM Robotics Competition ครั้งที่ 2

ทีมหุ่นยนต์ PKK จากโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน มจพ. คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขัน KM STEM Robotics Competition ครั้งที่ 2 มีอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์คฑาวุฒิ อุชชิน สมาชิกทีมหุ่นยนต์ PKK ประกอบด้วย นายภูรี พลับจุ้ย นายพีรณัฐท์ โพธิ์เงิน จัดโดยศูนย์สะเต็มศึกษา มจพ.

มีเป้าหมายเน้นที่นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์สื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาการ STEM มีความคิดริ่มเริ่มสร้างสรรค์นำไปต่อยอดเป็นนักประดิษฐ์ และสร้างนวัตกรรมต่อไป และขอบคุณทีมงานทุกท่าน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้สนับสนุนเงินรางวัลในการแข่งขัน ได้แก่บริษัท AppliCAD (สุดยอดเทคโนโลยี 3D ต้อง AppliCAD) Prapas Applicad รวมถึงคณะกรรมการสะเต็มศึกษา มจพ. เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ณ โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน มจพ.

ขวัญฤทัย ข่าว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ดาต้าชูดีไซน์ สร้างนวัตกรรมใหม่ฉีกตลาดปลั๊กไฟ

ปัจจุบันการทำตลาดเชิงเดี่ยวที่เน้นตัวสินค้าเพียงอย่างเดียวดูจะขาดความน่าสนใจ การแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบกับความต้องการที่มากขึ้นของผู้บริโภค ส่งผลให้นักการตลาดต้องลงมือทำการบ้านกันอย่างหนัก เพื่อสร้างสรรค์สินค้าธรรมดาในชีวิตประจำวันให้มีสีสรรค์ เพื่อมาแข่งขันครองใจผู้บริโภคในตลาด ซึ่งจากสถิติในรอบ 5-10 ปีที่ผ่านมา แนวโน้มการนำการออกแบบมาประยุกต์และบูรณาการเข้ากับตัวสินค้ามีความจำเป็นมากยิ่งขึ้น และถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อองค์กรและต่อตัวสินค้าเอง การตัดสินใจซื้อยังถูกโยงมาอยู่ในรูปแบบของประโยชน์ใช้สอย ความคุ้มค่า ความคิดสร้างสรรค์ ไอเดีย แรงจูงใจที่ดี ภาพลักษณ์ที่ดี ความสุนทรีและความงาม การเป็นผู้นำเทรนด์และความคิดสร้างสรรค์ จึงคือหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ ที่จะส่งผลให้แบรนด์มีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำตลาดยุคนี้

ดาต้า ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปลั๊กไฟมากว่า 35 ปี ภายใต้แบรนด์ ดาต้า ( DATA ) “เชื่อในสิ่งที่ดีที่สุด” ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำการทำตลาดปลั๊กไฟในประเทศไทยที่มีการลงทุนด้านสินค้า นวัตกรรม การออกแบบ และทำตลาดมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุด จึงได้ให้ความสำคัญกับ ครีเอทีฟมาร์เก็ตติ้ง การตลาดที่สร้างสรรค์ โดยเริ่มต้นหาโอกาสธุรกิจด้วยแนวความคิดที่แตกต่าง และเป็นแนวความคิดที่สามารถทำให้ธุรกิจน่าสนใจแตกต่างด้วยแนวทางดังนี้

1. การพยายามหาแนวทางใหม่ๆ อยู่เสมอ
ดาต้าพร้อมจับมือกับผู้ประกอบการ ในวงการเฟอร์นิเจอร์ และดีไซน์เนอร์ เพื่อสร้างพันธมิตร สร้างงาน สร้างอาชีพ และทำการตลาดออนไลน์ร่วมกัน ภายใต้คอนเซ็บต์ นวัตกรรม สวยงาม ใช้งานได้ โดยจะเน้นให้ผู้ประกอบการเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยน ทำสินค้าใหม่ และโปรโมทขายออนไลน์ และออฟไลน์ทางช่องทางที่ดาต้ามี เพื่อเป็นการส่งเสริม และสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับคนที่มีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการพันธมิตร ความรู้และช่องทางการขายใหม่ๆ ในยุคโควิด-19 นี้ โดยผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดต่อมาได้ที่บริษัทโดยตรง www.facebook.com/datatrustedpower หรือ line official @datatrustedpower

2. การสร้างสรรค์สินค้าที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
ดาต้า ทำงานบนพื้นฐานของความเข้าใจในแบรนด์ โดยคำนึงถึงทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสีย ตั้งแต่ลูกค้า คู่ค้า ซัพพลายเออร์ ลูกน้อง ในการทำงานเราจึงต่อยอดแนวความคิดกับดีไซน์เนอร์ต่างประเทศ สร้างขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์ม สำหรับดีไซน์เนอร์และผู้ผลิต บนเว็บไซต์ Thedomani.com โดยหลักกการคือ นำเอาไอเดียมาเปลี่ยนเป็นสินค้าที่มีความแตกต่าง และขายบนช่องทางที่แตกต่าง เช่น การขายออนไลน์ในลักษณะ พรีออเดอร์ ( Preorder ) โดยร่วมกันออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรม สวยงาม สามารถใช้งานได้ทั้งฟังก์ชั่น และแก้ปัญหาจุดบกพร่องต่างๆ ผ่านมุมมองของผู้ออกแบบ รวมถึงการช่วยทำตลาดในประเทศไทย จึงได้สร้างสรรค์ The Cat Data ขึ้นมาร่วมกับดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การแต่งบ้านแบบมินิมอลเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังห่วงใยเรื่องการเก็บสายไฟให้เรียบร้อยมากขึ้นจากการออกแบบครั้งนี้ โดยมีผู้ที่สนใจเป็นจำนวนมาก ที่มาจากแนวคิดการออกแบบสำหรับวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเดิม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล 4.0 ที่มีมือถือ อุปกรณ์ไอที และ IoT เป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์รุ่นแรกที่ออกแบบมา สามารถประยุกต์เอาปลั๊กไฟไปใช้ได้ทุกที่ในบ้านเรียกได้ว่า สามารถที่จะติดตั้ง หรือ วาง กูเกิ้ล โฮม หรือ อเมซอน อเล็กซ่า บนเฟอรฺ์นิเจอร์ที่ถูกออกแบบมาบน platform thedomani.com โดยจะวางไว้ในตำแหน่งไหนของบ้านก็ได้ เพื่อเป็นการตอบสนองต่อวิถีชีวิตแนวใหม่ที่ทุกคนอยากกำหนดชีวิตเองได้ เช่น การนำปลั๊กไฟไปอยู่กับเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ทุกที่ เพื่อเชื่อมต่อ และใช้งานกับอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างลงตัว ยกตัวอย่างสินค้า The Cat ที่นำเอาอุปกรณ์สำหรับชาร์จไฟแบบยูเอสบี ผสานกับของตกแต่งบ้านอย่างลงตัว เหมาะกับการตกแต่งห้อง และชาร์จอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้แบบไม่รก และจะนำแนวคิดแบบนี้ ไปสร้างผลงานในสินค้ารุ่นอื่นๆต่อไป เป็นการสร้างอาชีพให้กับงานฝีมือในสาขาอาชีพอื่นๆ เพิ่มเติม

3. การนำไอเดียสร้างสรรค์และนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง
ดาต้า สนับสนุนสินค้าประเภท DIY เพื่อตอบรับกระแสการตกแต่งต่อเติมบ้านด้วยการทำเอง หรือแม้แต่การประดิษฐ์เพื่อสร้างงานเชิงพาณิชย์ หรือการนำไอเดียมาสร้างสรรค์ ให้ใช้งานได้จริง ตามความต้องการของแต่ละคนสอดคล้องกับกระแส work from home ต่อให้ปิดเมืองก็ต้องรอด ต้องมีอาชีพเลี้ยงดูครอบครัว คนอยู่บ้านสามารถทำอาหารขายผ่านทางช่องทางออนไลน์ หรือ หากคิดจะเริ่มต้นทำร้านธุรกิจเล็ก ๆ เช่น ร้านชา หรือ ร้านกาแฟ ดาต้า จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนด้วยชุดสินค้าประเภท DIY เริ่มต้นด้วยการเพิ่มช่องเสียบปลั๊ก เพิ่มจุดเชื่อมต่อปลั๊กไฟสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยมีสินค้าให้เลือกมากมาย เช่น ชุดเต้ารับเดี่ยว ชุดเต้ารับคู่ สวิตช์ไฟ สายไฟ และปลั๊กลอย เป็นต้น ในราคาที่ย่อมเยาว์ เริ่มต้นไม่ถึง 50 บาท เป็นต้น


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

โครงการพลังงานสัญจร ประจำปีการศึกษา 2563 พร้อมแล้ว

โครงการฯ ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องในเรื่องพลังงาน ให้กับนักเรียน นักศึกษาและ ประชาชนทั่วไป สำหรับปีการศึกษา 2563 พิเศษกว่าทุกปี เนื่องจากสถาการณ์การระบาดของโรคโควิด -19ปตท.ได้ปรับกิจกรรมการให้มีทั้งรูปแบบออนไลน์ และออนกราวด์ ควบคู่กันไป เพิ่มความสะดวก และความปลอดภัยให้กับทางโรงเรียนยิ่งขึ้น

สำหรับน้องๆ ทั่วประเทศสามารถหาความรู้เรื่องพลังงาน และร่วมสนุกกับกิจกรรมออนไลน์ได้ที่ FACEBOOK : ptt_energyworld


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เผยรายงานการศึกษา ชี้ความสำเร็จในการขนส่งวัคซีนโควิด-19 ต้องมาจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เผยรายงานการศึกษา ชี้ความสำเร็จในการขนส่งวัคซีนโควิด-19 ต้องมาจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

กรุงเทพฯ, 5 ตุลาคม 2563 – ดีเอชแอล ผู้ให้บริการขนส่งระดับโลก ร่วมมือกับแมคคินซีย์แอนด์คอมปะนี พันธมิตรด้านการวิเคราะห์ เผยแพร่รายงานเรื่องการจัดการการขนส่งวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพในระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรับมือวิกฤตด้านภัยสุขภาพในอนาคต โดยจากการคาดการณ์ว่าจะมีการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เป็นครั้งแรกในไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 นับเป็นความท้าทายของผู้ให้บริการลอจิสติกส์ที่ต้องเตรียมจัดตั้งระบบซัพพลายเชนเพื่อสาธารณสุขขึ้นอย่างฉับพลันเพื่อให้สามารถขนส่งวัคซีนที่คาดว่าจะมีจำนวนมากกว่า 1 หมื่นล้านโดสได้ทั่วโลก

ปัจจุบัน ทั่วโลกมีการพัฒนาและทดสอบวัคซีนมากกว่า 250 ชนิด บน 7 แพลตฟอร์มการผลิต ในขณะที่วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว วัคซีนบางประเภทจำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิที่กำหนดอย่างเคร่งครัด (ต่ำกว่า -80 °C) เพื่อคงประสิทธิภาพระหว่างการขนส่งและเก็บรักษาที่คลังสินค้า จากทั่วไปที่ระบบซัพพลายเชนเพื่อการแพทย์สามารถจัดระบบการขนส่งและควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่งวัคซีนที่อุณหภูมิ 2–8 °C โดยประมาณ จึงเป็นความท้าทายใหม่ในวงการลอจิสติกส์ในยุคปัจจุบัน

ในรายงานการศึกษานี้ ดีเอชแอลได้ประเมินแล้วว่าจะสามารถจัดการการขนส่งวัคซีนหรือผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนไหวด้านอุณหภูมิในระดับสูงให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไรเพื่อร่วมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ขอบเขตการศึกษาอยู่ในวงกว้าง เพราะการจะสร้างซัพพลายเชนที่รองรับการขนส่งเพื่อรับมือกับการควบคุมการแพร่ระบาดนี้ ต้องครอบคลุมความสามารถในการขนส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สำหรับคนทั่วโลก คิดเป็นการจัดส่งชิปเมนต์บนพาเลทกว่า 200,000 พาเลท จัดส่งในกล่องควบคุมความเย็นกว่า 15 ล้านกล่อง และขนส่งผ่านเครื่องบินขนส่งสินค้ากว่า 15,000 เที่ยวบิน

“วิกฤตโควิด-19 เกิดขึ้นและมีผลกระทบในวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง ภาครัฐ ภาคธุรกิจรวมถึงอุตสาหกรรม
ลอจิสติกส์ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วกับความท้าทายใหม่นี้ ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านลอจิสติกส์ เราจึงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ในการปฏิบัติงานท่ามกลางวิกฤตด้านสุขอนามัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เพื่อพัฒนากลยุทธ์สำหรับโลกที่ไร้พรมแดนและเชื่อมต่อกันมากยิ่งกว่าเคย” คัทยา บุสช์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจ ดีเอชแอล กล่าว “เพื่อปกป้องชีวิตให้ปลอดภัยจากโรคระบาด หน่วยงานรัฐบาลจึงได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในด้านซัพพลายเชนเพื่อสาธารณสุข ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดีเอชแอลได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการวางแผนที่ครอบคลุม รวมถึงความร่วมมือด้านซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่ภาครัฐทำหน้าที่จัดสรรอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นในภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอย่างที่ได้เกิดขึ้นนี้”

การจัดการวิกฤตด้านสาธารณสุขในอนาคตต้องเป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

ตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด ความต้องการอุปกรณ์การแพทย์พุ่งสูงขึ้นมาก จากข้อมูลของยูนิเซฟระบุว่า ปีนี้ ยูนิเซฟสรรหาหน้ากากอนามัยและถุงมือสำหรับใช้ในการแพทย์มากกว่าปี 2562 ถึง 100 เท่าและ 2,000 เท่า ตามลำดับ การจัดหาอุปกรณ์การแพทย์จากแหล่งต่างๆ กันมาให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้งานกลายเป็นภารกิจสำคัญในช่วงต้นของการจัดการรับมือโรคระบาดใหญ่สำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) ที่ประสบความท้าทายอย่างหนักในเชิงลอจิสติกส์ขาเข้าเนื่องจากโรงงานผลิตกระจุกตัวอยู่แหล่งเดียว พื้นที่ขนส่งทางอากาศที่จำกัด และความท้าทายเรื่องการตรวจสอบคุณภาพระหว่างการนำเข้าสู่ประเทศ ในอนาคต หากเกิดวิกฤตด้านสาธารณสุขขึ้นอีก การเตรียมกลยุทธ์และโครงสร้างในการจัดการวิกฤตด้านสาธารณสุขที่ครอบคลุมจะช่วยสร้างอุปทานด้านการแพทย์ที่แข็งแกร่งได้ จากรายงานการศึกษาระบุว่ากลยุทธ์และโครงสร้างดังกล่าวจำเป็นต้องตั้งขึ้นมาจากหน่วยงานรัฐบาล โดยภาครัฐและเอกชนต้องให้ความร่วมมือกัน

“ทั่วโลกต่างกำลังเร่งผลิตวัคซีนให้สำเร็จโดยเร็ว และวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวนหนึ่งได้เริ่มเข้าสู่กระบวนการทดลองขั้นสุดท้าย วัคซีนเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องมนุษย์จากโรคระบาดใหญ่อย่างโควิด-19 และที่สำคัญไม่แพ้กัน คือการมีระบบซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพที่สามารถเอื้อให้การขนส่งวัคซีนครอบคลุมทุกพื้นที่ในโลกภายในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ห่างไกลหรือยากจะเข้าถึง โดยที่ต้องคงประสิทธิภาพของวัคซีนอย่างสมบูรณ์ในระหว่างการขนส่ง ในฐานะผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระหว่างประเทศ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสมีความมุ่งมั่นให้บริการเพื่อเชื่อมต่อผู้คนและยกระดับคุณภาพชีวิตโดยการทำหน้าที่ในภาคธุรกิจ พัฒนาระบบการขนส่งให้สามารถจัดส่งวัคซีนและอุปกรณ์ทางการแพทย์ไปยังผู้รับปลายทางที่จำเป็นต้องใช้ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก” เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทยและหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีนกล่าว

จากรายงานการศึกษาเรื่องการปรับตัวของลอจิสติกส์ในภาวะโรคระบาดใหญ่ ชี้ให้เห็นถึงความร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปรับตัวของลอจิสติกส์เพื่อการขนส่งทางการแพทย์ท่ามกลางภาวะโรคระบาดใหญ่ ดีเอชแอลนำเสนอกรอบความร่วมมือของบริษัทลอจิสติกส์กับหน่วยงานต่าง ๆ ภาครัฐ องค์กรไม่แสวงผลกำไร รวมถึงอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ กรอบความร่วมมือนี้จะช่วยกำหนดมาตรการเพื่อควบคุมให้ระบบซัพพลายเชนแข็งแกร่งและปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกเหนือจากแผนรับมือภาวะฉุกเฉินแล้ว กรอบความร่วมมือหมายรวมถึงเครือข่ายความร่วมมือ โครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่แข็งแกร่งด้านลอจิสติกส์และความโปร่งใสของซัพพลายเชนผ่านระบบไอที ท้ายที่สุดต้องมีหน่วยงานฉุกเฉินที่มีอำนาจสั่งการเพื่อลงมือทำสิ่งสำคัญภายในระยะเวลาตัดสินใจอันสั้น

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มเรื่องการปรับตัวของลอจิสติกส์ในภาวะโรคระบาดใหญ่ได้ที่นี่ https://www.dhl.com/pandemic-resilience หรือติดตามความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการขนส่งระหว่างประเทศได้ที่เฟซบุ๊ค DHL Express Thailand ขนส่งด่วนระหว่างประเทศ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ เชิญเข้าร่วมงานเปิดตัวซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่แห่งปี กับงาน Innovation Day 2021

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์โซลูชั่น ขอเรียนเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ Innovation Day 2021 : Design Revolution งานเปิดตัว 3DEXPERIENCE Platform และ SOLIDWORKS เวอร์ชั่นล่าสุด ที่จะปฏิวัติการออกแบบอุตสาหกรรม เพิ่มขีดความสามารถการผลิต และสร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีนำสมัย
บริษัท Dassault Systèmes® ผู้พัฒนาโปรแกรม SOLIDWORKS มาอย่างยาวนานต่อเนื่องเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 โดยมีการพัฒนาปรับปรุงจาก Feedback ลูกค้าเสมอ โดยออกเวอร์ชันใหม่ทุกปี และด้วยกระแสของเทคโนโลยีในปัจจุบันทางบริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาในรูปแบบ Cloud ภายใต้แบรนด์ 3DEXPERIENCE

SOLIDWORKS คืออะไร?
SOLIDWORKS คือ โปรแกรมออกแบบสามมิติสำหรับวิศวกร ที่เราสามารถออกแบบและคำนวณความแข็งแรงต่าง ๆ ได้อย่างสมจริง และเป็นโปรแกรมที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
Metro Systems เป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายของประเทศไทยที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ และนอกจากการจำหน่ายซอฟต์แวร์คุณภาพแล้ว ยังมีการให้บริการหลังการขายแบบครบถ้วน ทั้งการดูแล ให้คำปรึกษา และการจัดอบรมการใช้โปรแกรม

ความพิเศษของงานมีอะไรบ้าง?
1. เปิดตัว 3DEXPERIENCE Platform
แพลตฟอร์มใหม่ของ SOLIDWORKS ที่สามารถทำงานได้อย่างครบวงจรตั้งแต่การออกแบบ ไปจนถึงการขาย โดยที่สามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา และร่วมงานได้กับหลาย ๆ ฝ่าย ทำให้งานออกแบบมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย
2. อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ของ SOLIDWORKS 2021 ก่อนใคร
ผู้ที่เข้าร่วมงาน Innovation Day 2021 โดย Metro Systems จะได้รับการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ก่อนใครในประเทศ เพื่อเอาความรู้ที่ได้ไปต่อยอดกับการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
3. ร่วมลุ้นรับของรางวัลมากมาย
ในงาน Innovation Day 2021 มีของรางวัลให้ผู้เข้าร่วมได้ร่วมสนุกและร่วมลุ้นไปด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Notebook จาก DELL EMC, iPad Air, เมาส์ 3D Connexion Space Mouse ที่ช่วยติดปีกให้งานออกแบบไหลลื่นมากยิ่งขึ้น

เปิดตัวซอฟต์แวร์รูปแบบใหม่ สไตล์ New Normal
นอกจากนี้ทาง Metro Systems ยังจัดงานเปิดตัว SOLIDWORKS เวอร์ชันใหม่มาอย่างต่อเนื่องทุกปี ในรูปแบบงานสัมมนา แต่พิเศษสำหรับปีนี้เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการอัปเดตข่าวสาร IT ได้อย่างทั่วถึง และสอดรับกับกระแส New Normal จึงจัดงาน Innovation Day 2021 ในรูปแบบการ Live สด ที่ผู้ชมสามารถดูได้จากมือถือหรือคอมพิวเตอร์จากที่บ้าน โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาที่งาน

แล้วพบกัน 9 ตุลาคมนี้ เวลา 14.00-17.00 น. บนหน้าจอของคุณ
ลงทะเบียนล่วงหน้าได้ทันทีที่ https://metrosystems-des.com/innovationday2021live/
ติดต่อเราได้ที่ : โทร 02-089-4145 หรือ 095-598-6941 (จ-ศ 8.30 – 17.00 น.)


 

Exit mobile version