Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ ร่วมกับ Dell EMC และ เอสไอเอสฯ จัดงานสัมมนา The Power Technologies for your Business

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกลุ่มธุรกิจ “Digital Solutions Group” ร่วมกับ บริษัท เดลล์ อีเอ็มซี (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้เรียนเชิญกลุ่มลูกค้าหลายหลายแวดวงธุรกิจ เข้าร่วมงานสัมมนา The “Power” Technologies for your Business ณ “โรงแรม JW Marriott” สุขุมวิท เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563

นายชัยวัฒน์ วชิรโรจน์ไพศาล (ขวา) ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจดิจิตอลโซลูชั่น (DSG) ได้รับเกียรติในการกล่าวเปิดงานในครั้งนี้ โดยมีนายศิริวัฒน์ ใต้ฟ้ายงวิจิตร (ซ้าย) ตำแหน่ง Data Center Partner Account Manager Dell EMC ประเทศไทย มาร่วมดูแลและพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง

ภายในงานได้มีการเปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Enterprise Storage ตัวใหม่ในชื่อ PowerStore ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย พร้อมรองรับข้อมูลจำนวนมหาศาลที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แต่ยังคงความเรียบง่ายและมีความคล่องตัวในการใช้งานได้ดี มีการทำงานแบบระบบอัตโนมัติทำให้ ทีมไอที ขององค์กรต่าง ๆ ลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งทำให้สามารถใช้งานร่วมกับผู้ให้บริการ อย่าง VMware, Kubernetes หรือ Ansible ได้ง่ายดาย

PowerProtect นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ Data Replication และ Data Protection ที่จะช่วยองค์กรในการป้องกันข้อมูลจากเหตุไม่คาดคิด เช่น ภัยพิบัติ หรือการโจมตีโดยแฮคเกอร์ จัดการ Replicate และกู้คืนข้อมูล ด้วยขั้นตอนง่ายๆผ่านหน้า UI แบบ Self-service โดยซอฟต์แวร์นี้สามารถใช้งานได้ทั้ง On-premise, บน Virtualization, หรือบน Public Cloud รองรับ Workload ของ Oracle, Microsoft SQL, VMware, Windows Filesystems, และ Linux Filesystems

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ กลุ่ม Digital Solutions Group “DSG”, บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อีเมล์ : dsgmkt@metrosystems.co.th


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

การ์ทเนอร์เผยผลสำรวจมีผู้บริหารความปลอดภัยสารสนเทศ (CISOs) เพียง 12% ที่มี ”ศักยภาพระดับสูง”

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 22 กันยายน 2563 – ผลสำรวจของการ์ทเนอร์ อิงค์ พบว่ามีผู้บริหารความปลอดภัยด้านสารสนเทศ (CISOs) เพียง 12 % เท่านั้นที่มีความสามารถผ่านเกณฑ์ด้วยการประเมินจากดรรชนีชี้วัดประสิทธิภาพทั้งสี่หมวดของการ์ทเนอร์

นักวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์เผยผลสำรวจและหารือถึงคุณลักษณะของ CISOs ที่มีศักยภาพอยู่ในระดับสูงสุดระหว่างการประชุมสุดยอดด้านความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงของการ์ทเนอร์ประจำปี 2563 ที่จัดขึ้นแบบเสมือนจริงในอเมริกา ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา

นายแซม โอลแญ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “วันนี้ผู้บริหาร CISOs ต้องแสดงออกถึงประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นไปอีกระดับจากเดิมในขณะที่ดิจิทัลมีบทบาทสำคัญรอบด้าน ผู้บริหารฯ มีหน้าที่สนับสนุนการตัดสินใจจัดการกับชุดข้อมูลความเสี่ยงที่พัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันต้องเผชิญกับข้อจำกัดจากหน่วยงานกำกับดูแล ทีมผู้บริหารและคณะกรรมการ ซึ่งความท้าทายเหล่านี้เป็นองค์ประกอบของแรงกดดันเพิ่มเติมจากโควิด-19 เพื่อทำให้ฟังก์ชันการรักษาความปลอดภัยข้อมูลมีความคล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น”

ผลการสำรวจศักยภาพ CISOs ของการ์ทเนอร์ในปี 2563 ดำเนินการโดยหัวหน้าฝ่ายความเสี่ยงด้านข้อมูล 129 คนจากทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกเมื่อเดือนมกราคม 2563 การวัดศักยภาพ CISO ของการ์ทเนอร์พิจารณาจากความสามารถผ่านการวิเคราะห์และดำเนินการกับผลลัพท์ใน 4 หมวด ได้แก่ ความเป็นผู้นำในหน้าที่รับผิดชอบ (Functional Leadership), การให้บริการด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Information Security Service Delivery), ระดับการกำกับดูแล (Scaled Governance) และการตอบสนองระดับองค์กร (Enterprise Responsiveness) โดยคะแนนของผู้ตอบคำถามแต่ละคนในแต่ละหมวดหมู่จะถูกรวมเข้าด้วยกันและคำนวณออกมาเป็นคะแนนรวม การ์ทเนอร์ให้คำนิยามของ “ผู้บริหารความปลอดภัยสารสนเทศที่มีศักยภาพ” ว่าคือผู้บริหารฯ ที่ได้คะแนนสูงสุด 1 ใน 3 ของการวัดผลนี้

5 พฤติกรรมหลักที่ CISOs ระดับท็อปแสดงออก

จากปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อศักยภาพของผู้บริหาร CISO การ์ทเนอร์เผยพฤติกรรม 5 แบบที่ทำให้ผู้บริหารความปลอดภัยสารสนเทศในระดับท็อปแตกต่างจากผู้บริหารฯ ในกลุ่มที่ด้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉลี่ยแล้วพฤติกรรมเหล่านี้จะปรากฏในผู้บริหารที่มีศักยภาพสูงสุดมากกว่าผู้บริหารที่มีศักยภาพระดับต่ำกว่าถึงสองเท่า (ดูรูปที่1)

รูปที่ 1: พฤติกรรมของ CISOs ตามผลการดำเนินงาน

ที่มา: การ์ทเนอร์ (กันยายน 2563)

“แนวโน้มที่ชัดเจนของ CISOs ที่มีความสามารถสูงแสดงให้เห็นพฤติกรรมเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการติดตามความเปลี่ยนแปลงของภัยคุกคาม การสื่อสารความเสี่ยงใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นต่อผู้ถือหุ้นหรือมีแผนเตรียมรับมืออย่างเป็นทางการ“ กล่าวโดย นาย โอลแญ “ผู้บริหารฯ ควรให้ความสำคัญกับการกระทำเชิงรุกเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน”

การสำรวจยังพบว่า CISOs ที่มีศักยภาพระดับท็อปมักประชุมหารือกับผู้ถือหุ้นที่ไม่ใช่ไอทีมากกว่าผู้ถือหุ้นด้านไอทีถึงสามเท่า โดยสองในสามของเหล่า CISOs ที่มีศักยภาพสูงมักประชุมกับผู้นำกลุ่มธุรกิจอย่างน้อยเดือนละครั้ง ขณะที่ 43% ประชุมกับซีอีโอ 45% ประชุมกับหัวหน้าฝ่ายการตลาดและ 30% ประชุมหารือกับหัวหน้าฝ่ายขาย

“ที่ผ่านมา CISOs มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้บริหารไอที แต่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลทำให้การตัดสินใจด้านความปลอดภัยของข้อมูลมีความเสมอภาคมากขึ้น” นางสาวดาเรีย คริเลนโก ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอาวุโสของการ์ทเนอร์กล่าวเพิ่มเติม “CISOs ที่มีศักยภาพเฝ้าจับตาดูความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กรและพัฒนาเป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับเจ้าของความเสี่ยงนั้น โดยเฉพาะกับผู้นำธุรกิจอาวุโสที่ไม่ใช่ด้านไอที”

CISOs ที่มีศักยภาพจะสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีกว่า

ผลการสำรวจยังพบว่า CISOs ที่มีศักยภาพสูงสามารถจัดการกับความเครียดในที่ทำงานได้ดี มีเพียง 27% รู้สึกว่าการแจ้งเตือนเรื่องปลอดภัยมีมากเกินกำลังที่จะทำได้ เปรียบเทียบกับ 62% ของ CISOs ที่มีศักยภาพด้อยกว่า นอกจากนี้ CISOs น้อยกว่าหนึ่งในสามรู้สึกว่าพวกเขาเผชิญกับความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผลจากผู้ถือหุ้น เทียบกับจำนวนครึ่งหนึ่งของ CISOs ที่มีประสิทธิภาพด้อยกว่า

“ในขณะที่บทบาทของ CISOs เป็นที่ต้องการเพิ่มมากขึ้น ผู้นำด้านความปลอดภัยที่มีศักยภาพสูงสุดคือผู้ที่สามารถจัดการกับความเครียดที่เผชิญอยู่ในทุก ๆ วัน” กล่าวโดย นาย โอลแญ “การดำเนินการต่าง ๆ เช่น สร้างความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างงานที่ทำและงานที่ไม่ได้ทำ ตั้งความคาดหวังที่ชัดเจนกับผู้ถือหุ้น และการมอบหมายงานหรือการทำงานอัตโนมัติเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารความปลอดภัยสารสนเทศปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง”

ลูกค้าการ์ทเนอร์สามารถอ่านเพิ่มเติมใน “CISO Effectiveness: A Report on the Behaviors and Mindsets That Impact CISO Effectiveness.”

เกี่ยวกับการประชุมสุดยอดด้านความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงของการ์ทเนอร์

การประชุมสุดยอดด้านความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงของการ์ทเนอร์ประจำปี 2563 เป็นการประชุมที่รวมเรื่อง ความปลอดภัย ความเสี่ยง และการบริหารจัดการตัวตนและการเข้าถึง ผู้มีอำนาจการตัดสินใจที่ต้องการการปรับตัวและพัฒนาองค์กรให้ผ่านพ้นการหยุดชะงักและความไม่แน่นอน ชี้ทางด้านความเสี่ยงและจัดลำดับความสำคัญของการลงทุน ติดตามข่าวสารจากงานการประชุมสุดยอดด้านความปลอดภัยและการจัดการความเสี่ยงของการ์ทเนอร์ได้ทาง Gartner Newsroom, Smarter With Gartner, บน Twitter #GartnerSEC, Instagram และ LinkedIn.

เกี่ยวกับการ์ทเนอร์

บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก และมีรายชื่ออยู่ในดัชนี S&P 500 บริษัทฯ ให้ข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และเครื่องมือต่าง ๆ แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จในอนาคต

การ์ทเนอร์นำเสนองานวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญ และใช้แหล่งข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานจริง เพื่อชี้นำลูกค้าสำหรับการตัดสินใจที่ถูกต้องเหมาะสมในเรื่องที่สำคัญที่สุด การ์ทเนอร์ทำหน้าที่เป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางและเป็นที่ปรึกษาที่ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรต่าง ๆ กว่า 15,000 แห่งในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทุกส่วนงานสำคัญ ๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมและองค์กรทุกขนาด

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของการ์ทเนอร์ในการช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจได้ที่ gartner.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สร้างเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ยั่งยืน

สร้างเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่ยั่งยืน

โดยปานกาจ ชาร์มา รองประธานบริหาร ธุรกิจ Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เราผ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของโลกเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเมื่อเราพยายามหาแนวทางเพื่อทำงานให้ได้ภายใต้สถานการณ์นี้ รวมถึงกำหนดรูปแบบการทำงานภายใต้ความปกติแบบใหม่ หรือ new normal ผมรู้สึกทึ่งกับผลลัพธ์บางอย่างที่ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจจากการระบาดในครั้งนี้ อย่างแรกคือ สภาพแวดล้อมใหม่ที่ทำทุกอย่างได้จากที่บ้าน หรือ “everything-from-home” ที่ช่วยสนับสนุนความจำเป็น และในหลายๆ กรณีเป็นการช่วยเร่งการปฏิรูปสู่ดิจิทัลที่เราพูดกันที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาเป็นเวลา 2-3 ปีมาแล้ว อย่างที่สองก็คือ ในหลายประเทศที่อยู่ในช่วงล็อกดาวน์ในระดับที่แตกต่างกันไป เราได้เห็นถึงการลดลงของมลพิษทั่วโลก ทั้งนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญต่างเห็นพ้องต้องกันว่ามลพิษที่น้อยลงนั้นจะเป็นแค่ระยะสั้น เรายังไม่พบทางแก้ไขที่ตอบโจทย์ด้านวิกฤติพลังงาน เหมือนกับที่เราเห็นว่าทุกภาคส่วนกำลังผนึกกำลังเพื่อก้าวข้ามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเราจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในลักษณะเดียวกัน เพื่อแก้วิกฤติด้านพลังงาน ซึ่งผมเชื่อว่าอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์สามารถเป็นผู้นำในเรื่องนี้โดยการปฏิบัติเป็นตัวอย่างได้

อุตสาหกรรมต้องมีความรู้อย่างลึกซื้งในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความยั่งยืน

อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ดูเหมือนจะมีความสำเร็จอย่างท่วมท้น ในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างความยั่งยืนในสภาพแวดล้อมดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนกลางและในภูมิภาค ในเวลาเพียง 10-15 ปีที่ผ่านมา ดาต้าเซ็นเตอร์มาตรฐานมีค่า PUE ที่ขาดประสิทธิภาพอย่างยิ่ง อยู่ที่ประมาณ 1.8 ทั้งนี้นวัตกรรมอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งอย่างการปรับปรุงเรื่องการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบทำความเย็น การบริหารจัดการดาต้าเซ็นเตอร์ และระบบจ่ายไฟสำรอง นำไปสู่การลดพลังงานที่สูญหายได้ถึง 80% ส่งผลให้ดาต้าเซ็นเตอร์ในปัจจุบันสามารถบรรลุอัตราค่า PUE อยู่ที่ 1.17 ได้

ในความเป็นอุตสาหกรรม เรามีความภาคภูมิใจอย่างมากที่เรายังคงมุ่งมั่นพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างนวัตกรรมที่มุ่งเน้นไปที่ความยั่งยืน เพื่อเสนอให้กับห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างสมบูรณ์ เราเห็นนวัตกรรมใหม่ที่เข้าสู่ตลาดในวันนี้ เช่น สวิตช์เกียร์แรงสูง (SF6-free switch gear) และเทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบล้ำหน้า ซึ่งโอกาสด้านนวัตกรรมยังมีให้เห็นที่ปลายขอบฟ้าเช่นกัน ให้คิดถึงระบบความร้อนแบบ liquid cooling และ ดาต้าเซ็นเตอร์ ที่เป็นระบบ grid interaction ซึ่งเมื่อความล้ำหน้าที่น่าตื่นเต้นล้ำหน้าเราไป สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่มองข้ามความท้าทายที่มีมากขึ้น นั่นก็คือการสร้างความยั่งยืนให้กับเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของอุปกรณ์เชื่อมต่อ IoT พร้อมกับการปฏิรูปสู่ดิจิทัลของเศรษฐกิจระดับโลก กำลังก่อให้เกิดข้อมูลปริมาณมหาศาล ซึ่งจำเป็นต้องมีการประมวลผลที่เร็วขึ้น และใกล้กับจุดที่สร้างข้อมูล หรือมีการใช้งานข้อมูลมากขึ้น ทำให้เกิดการประมวลผลที่ปลายทางของเครือข่ายหรือเอดจ์มากขึ้นด้วย จึงต้องอาศัยการใช้เอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่ หรือ local edge data centers ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้กำหนดนิยามว่าเป็น ระบบโครงสร้างไอทีในส่วนของ enclosures/ spaces/ facilities ที่ทำงานกระจายศูนย์อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับเอ็นด์พอยต์ของเครือข่าย เราเห็นว่ากำลังมีการปรับใช้ local edge data centers ครอบคลุมการใช้งานส่วนต่างๆ ของ 3 ภาคธุรกิจหลักได้แก่

คอมเมอร์เชียล ได้แก่ ค้าปลีก เฮลธ์แคร์ ไฟแนนซ์ และการศึกษา

อุตสาหกรรม ได้แก่ น้ำมันและก๊าซ เหมือง ยานยนต์ และโรงงานผลิต

โทรคมนาคม ได้แก่ สำนักงานส่วนกลาง เสารับสัญญาณ สถานีฐาน ชั้นบนสุดของอาคาร

ดาต้าเซ็นเตอร์ทั้งหมดไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อให้ประสิทธิภาพทัดเทียมกัน…แต่ก็สามารถไปถึงจุดนั้นได้

ง่ายมากถ้าเราจะมองข้ามความท้าทายด้านพลังงานของเอดจ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า หากเรามองผ่านมุมมองด้านการติดตั้งเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่กันอย่างล้นหลามเพียงมุมเดียว หรือหากเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมที่บริหารจากส่วนกลางหรือในภูมิภาค นั่นคือการออกแบบและสร้างเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพด้านพลังงานสูงสุด ลองจินตนาการถึงผลกระทบในกรณีการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่ ถูกมองในภาพการทำงานที่ขยายใหญ่ขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นภาพความจำเป็นเร่งด่วนที่มีมากขึ้น ตามที่ได้คาดการณ์กันภายในองค์กร โดยคาดกันว่าเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ จะใช้พลังงานเกิน 3,000 เทราวัตต์ชั่วโมง ภายในอีก 20 ปีข้างหน้า นั่นคือการใช้พลังงานเทียบเท่าการใช้ถึง 275 ล้านครัวเรือน

คาดว่าการใช้พลังงานของเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของนวัตกรรม (IoT บิ๊กดาต้า และ AI) ซึ่งต้องพึ่งพาการใช้ดาต้าเซ็นเตอร์อย่างหนักในการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลในปริมาณมหาศาล การลดความท้าทายด้านพลังงานของเอดจ์นั้น อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ต้องมุ่งเน้นที่การทำให้มั่นใจได้ว่าเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์นั้นสร้างมาเพื่อให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานในวงกว้าง ทั้งในมุมของการใช้ทรัพยากรและในเรื่องค่าใช้จ่าย จากการคาดการณ์ที่ว่าจะมีการวางระบบไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่นับ 7.5 ล้านแห่งภายในปี 2025 จะทำให้คาร์บอนฟุตพรินท์ทั่วโลกในช่วงที่มีการใช้พลังงานสูงสุด คาดว่าจะสูงถึง 120 กิกะวัตต์ หากเราลองมองเรื่องนี้ให้ไกลออกไปอีกนิด ในประเด็นของ ประสิทธิภาพสูงสุด เทียบกับ ประสิทธิภาพกลางๆ ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานประจำปี จะเทียบเท่า 82 พันล้านยูโร/ 92 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นปริมาณคาร์บอน 450,000 ตันต่อปี เทียบกับ 97 พันล้านยูโร/ 109 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นปริมาณคาร์บอน 600,000 ตันต่อปี ตามลำดับ นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของกรณีธุรกิจที่สอดคล้องกับกรณีของความเป็นกรีน

มั่นใจว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปในโลกที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัลและไปไกลเกินกว่านั้น

ในฝ่าย Secure Power ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราผลักดันจุดมุ่งหมายที่จะสร้างศักยภาพในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลให้กับลูกค้าของเราด้วยการสร้างความมั่นใจในเครือข่ายสำคัญของธุรกิจ ระบบงาน และกระบวนการที่จะต้องมีความยืดหยุ่นและพร้อมใช้งานตลอดเวลา ความยืดหยุ่นดังกล่าวต้องสร้างศักยภาพให้กับการปฏิรูปสู่ดิจิทัล และในความเป็นจริงก็คือ การขับเคลื่อนขุมพลังงานของโลกดิจิทัลทั้งหมดจะต้องดำเนินการได้สำเร็จอย่างยั่งยืน การจะบรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าว ผมเชื่อว่าการจะนำเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์มาใช้ได้ครอบคลุมต้องอาศัยประเด็นต่อไปนี้

• เพิ่มความเป็นมาตรฐานและบูรณาการ หลายๆ สภาพแวดล้อมด้านเอดจ์ มีพนักงานไอทีอยู่อย่างจำกัดหรืออาจจะไม่มีเลย นี่คือเสียงสะท้อนถึงปัญหาจากผู้ใช้ปลายทางเป็นเสียงเดียวกัน จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เครื่องมือในการออกแบบระบบดิจิทัลและการออกแบบจะต้องช่วยในเรื่องการติดตั้งให้ได้อย่างเรียบง่าย ความเป็นมาตรฐานจะช่วยให้การนำมาใช้งานและบำรุงรักษาได้ง่าย ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประโยชน์ให้กับทุกคน รวมถึงคู่ค้า พร้อมกันนี้ระบบที่ผสานการทำงานร่วมกันยังให้ประโยชน์เพิ่มเติมในเรื่องของการใช้งานและการบริหารจัดการได้อย่างเรียบง่าย EcoStruxure Micro Data Center แบบติดผนัง ขนาด 6U ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค นับเป็นตัวอย่างที่ดีของโซลูชันที่ผสมผสานแนวคิดของความเป็นมาตรฐานและบูรณาการได้อย่างลงตัว โดยเป็นโซลูชันแบบออล-อิน-วันที่ติดตั้งใช้งานง่ายพร้อมสำหรับการผสานการทำงานร่วมกัน และสามารถตรวจสอบการทำงานได้จากระยะไกลด้วย EcoStruxure IT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานบนคลาวด์ได้อีกด้วย

• เพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ถ้าหากเรากำลังเห็นความต้องการเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น และมีการคาดการณ์ถึงการเติบโตในการติดตั้งระบบของเรา (7.5 ล้าน ภายในปี 2025) ซึ่งค่อนข้างเป็นเรื่องยากสำหรับพนักงานไอทีที่จะบริหารจัดการในการปรับใช้เอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ด้วยปริมาณมากมายขนาดนี้ เหตุผลที่ชัดเจนในการที่ต้องอาศัยประสิทธิภาพด้านการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น ความสามารถด้านใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่าง มุมมองเชิงลึกด้านข้อมูล การทำ benchmarking และการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ เป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างซึ่งถ้ามีการนำมาใช้ก็จะช่วยในเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น

• ให้ความสามารถด้านการบริการด้วยค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เช่นเดียวกับการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่แทบจะจินตนาการไม่ออก เพราะมีเอดจ์มากมายหลายไซต์ที่มีพนักงานไอทีอยู่จำกัดหรือไม่มีเลย แนวทางการให้บริการเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์จึงจำเป็นจะต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล เมื่อมีบริการใหม่ๆ เกิดขึ้น และช่วยลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการไซต์งานเอดจ์หลายไซต์ได้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ เราได้เปิดตัวบริการ Monitoring & Dispatch Services นำเสนอโดยชไนเดอร์ อิเล็คทริคและเครือข่ายคู่ค้าของเรา ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการเอดจ์หลายไซต์ได้ โดย Monitoring & Dispatch มอบชุดการบริการสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการมอนิเตอร์การทำงานอย่างต่อเนื่อง 24/7 การแก้ปัญหาจากระยะไกล พร้อมให้บริการออนไซต์และเปลี่ยนอะไหล่ให้ในวันทำการถัดไป รวมถึงกำจัดแบตเตอรี่ UPS หรืออะไหล่เก่าๆ อย่างถูกวิธี

• มอนิเตอร์จากระยะไกล พร้อมบริหารจัดการด้วย AI สาระสำคัญของประเด็นหลักเหล่านี้นับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการมอนิเตอร์การทำงานได้จากระยะไกล รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการเพื่อจัดการไซต์งานเอดจ์ในหลายไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ตัวอย่างเช่น EcoStruxure IT ซึ่งเป็นโซลูชันในการมอนิเตอร์และบริหารจัดการผ่านคลาวด์ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นประสิทธิภาพการทำงานของระบบโครงสร้างไอทีและสามารถเสนอแนะได้ในทันทีแบบเรียลไทม์ถึงประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสมพร้อมสร้างความมั่นใจเรื่องอัพไทม์ และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและโมเดลธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้าและคู่ค้า EcoStruxure IT Software & Service suite จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมอนิเตอร์และบริหารจัดการระบบโครงสร้างได้โดยตรง ผ่านคู่ค้าที่ต้องการร่วมงานด้วย หรือให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริคช่วยบริหารจัดการระบบได้โดยตรงด้วยบริการ Service Bureau ของเราตลอดเวลา 24/7

ผมเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ สามารถเป็นแบบอย่างในการดำเนินการได้อย่างเหมาะสมเพื่อบรรลุความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน หากเรายังคงพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้ความสำคัญกับความจำเป็นเร่งด่วน ผมเชื่อว่าเราจะพูดเกี่ยวกับความมีประสิทธิภาพสูงของดาต้าเซ็นเตอร์ที่บริหารจากศูนย์กลางและจากภูมิภาคได้ในอีกไม่ช้า รวมถึงดาต้าเซ็นเตอร์ที่อยู่ที่เอดจ์ของเครือข่ายของเรา


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

MRT พาน้องร่วมฟิตสมองพิชิต TCAS ปี 12

บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ร่วมกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และบริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (BMN) ขอเชิญชวนน้องๆ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเข้าร่วมโครงการ “MRT พาน้องพิชิต TCAS” ปีที่ 12 ติวเข้มกับเนื้อหาสุด Exclusive แบบฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่ง BEM จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 เพื่อส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาของเยาวชนไทย โดยการแนะแนวเทคนิคการเตรียมตัวก่อนสอบ TCAS ให้กับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

ซึ่งการจัดโครงการในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคุณครูผู้ทรงคุณวุฒิในการถ่ายทอดความรู้ ได้แก่ คุณครูสมศรี ธรรมสารโสภณ ในการแนะนำเทคนิคฟิตสมองกับวิชาภาษาอังกฤษ คุณครูวิเศษ กี่สุขพันธ์ (ครูพี่เอ๋) ในการเพิ่มสกิลความรู้ PAT1 คณิตศาสตร์แบบง่ายๆ และคุณครูสุรเชษฐ์ พิชิตพงศ์เผ่า (ครูพี่ยู) ในการแนะนำ GAT เชื่อมโยง ที่จะพาน้องๆเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อมุ่งสู่รั้วมหาวิทยาลัยในฝันอย่างมั่นใจ โดยกิจกรรมจัดขึ้นในวันที่ 3 ตุลาคม 2563 เวลา 08.00 – 17.30 น. ณ ห้อง Auditorium ศูนย์การประชุม ซี อาเซียน (C Asean) ชั้น 10 อาคารไซเบอร์เวิลด์ ถนนรัชดาภิเษก สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ทางออก 1 และในปีนี้เพิ่มความสะดวกให้กับนักเรียนมากยิ่งขึ้น ด้วยการ Live สด การสอนของคุณครูทั้ง 3 ท่าน ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนออนไลน์ได้พร้อมกันทั่วประเทศ

นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมสุดพิเศษ แจกหนังสือ MRT พาน้องพิชิต TCAS ทั้ง 3 รายวิชาฟรี ให้แก่น้องๆที่อยู่ภายในกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยจัดกิจกรรมภายในรถไฟฟ้า MRT สถานีสวนจตุจักร บริเวณชั้นร้านค้า ใกล้ทางออก 2 ระหว่างวันที่ 9-10 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. อีกทั้งยังส่งมอบหนังสือพร้อม VDO สื่อการสอน MRT พาน้องพิชิต TCAS ทั้ง 3 รายวิชาให้แก่โรงเรียนทั่วประเทศไทย รวมกว่า 50 โรงเรียน เพื่อให้น้องๆนักเรียนในต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงการแนะแนวเตรียมตัวก่อนสอบ TCAS ได้มากยิ่งขึ้น สามารถติดตามรายละเอียดและการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fanpage MRT พาน้องพิชิต TCAS

หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลโทร. 0-2624-5200 หรือติดตามทางช่องทางต่างๆ ได้ที่ เฟซบุ๊ก: MRT Bangkok Metro / ทวิตเตอร์: MRT Bangkok Metro / อินสตาแกรม: mrt_bangkok และโมบายแอปพลิเคชัน: Bangkok MRT “เดินทางปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว ด้วยรถไฟฟ้า MRT

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“เครื่องดื่มตราช้าง” สมทบทุนมูลนิธิ “รพ.ศิริราช” ส่งมอบเงิน 900,000 บาท ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 16-17

นายมนัสนันท์ กุลสุทธิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท โฮเรก้า แมเนจเม้นท์ จำกัด ในนาม “เครื่องดื่มตราช้าง” มอบเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายเครื่องดื่มตราช้าง เพื่อสมทบทุนมูลนิธิโรงพยาบาลศิริราชอย่างต่อเนื่อง เป็นครั้งที่ 16-17 รวมเป็นเงินจำนวน 900,000 บาท (เก้าแสนบาท) เพื่อนำไปใช้ด้านสวัสดิการสงเคราะห์ให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล อาทิ ทุนการศึกษาบุตร และเป็นค่ารักษาพยาบาลในยามเจ็บป่วย เป็นต้น โดยมี ศ.นพ.ธวัชชัย อัครวิพุธ รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นตัวแทนรับมอบ ณ โรงพยาบาลศิริราช เมื่อเร็วๆ นี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วิศวกรไทย กับนวัตกรรมพลังงานยุคใหม่ รับมือ Battery Day ของ Tesla

ทุกวันนี้พลังงานไฟฟ้าได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญหลักของการดำรงชีวิตไปแล้ว โดยเฉพาะยุคดิจิตอลที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้นทุกวันรวมถึงการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการ จึงเห็นได้ว่าเทคโนโลยีพลังงานก็ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน แม้กระทั่ง Tesla บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของสหรัฐอเมริกาที่ให้ความสำคัญกับพลังงานถึงกับให้มีงาน Battery Day เพื่อเปิดตัวเทคโนโลยีด้านนี้โดยเฉพาะ และในวันเดียวกันมีอีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์จากอีกซีกโลกนึงในไทยที่มีความสอดคล้องกันก็คือ “วี แบตเตอรี่” พลังงานเคลื่อนที่สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าออกแบบโดย ธนิก นิธิพันธวงศ์ มีความประสงค์ให้พลังงานไฟฟ้าเข้าถึงทุกพื้นที่ได้แบบไร้ขีดจำกัด “Power Without Boundaries” พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยกระแสไฟ 52 VDC ขนาดความจุ 3400 kWh และแรงดันไฟ 60 Ah กับน้ำหนักที่ไม่เกิน 25 กิโลกรัม ต่อกับอินเวอร์เตอร์ให้ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าเช่น พัดลม โทรทัศน์ ตู้เย็น โคมไฟ แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต เพื่อเป็นการรองรับกระแสไฟฟ้าทั้งแบบสลับ AC ของนิโคลา เทสลา (Tesla) และแบบตรง DC ของโทมัส เอดิสัน (Edison) ผสมผสานกันเพื่อให้เกิดการใช้งานแบบเคลื่อนที่ได้เพราะแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกันไป

ล่าสุดได้มีการทำต้นแบบหรือ prototype ขนาดเล็กแบบ 12VDC ลักษณะคล้ายกันกับแบตเตอรี่ตะกั่วที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไปแต่เป็นลิเทียม เพื่อเป็นการวิจัยและพัฒนาเบื้องต้นหรือ R&D โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริมด้านความรู้และการปฏิบัติในการนำเซลล์ถ่านมารวมกันเป็นกล่องหรือ module ให้มีกำลังไฟ ความจุ และประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นกับการใช้งานที่ยังสามารถดำเนินได้อย่างปลอดภัยด้วยระบบแผงวงจร Battery Management System (BMS) ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์หลายท่าน

ส่วนที่มาของชื่อ “วี แบตเตอรี่” คือตัวอักษรภาษาอังกฤษ W และ E ซึ่งย่อมาจาก Wisaze Energy หรือ วิเศษ เอ็นเนอร์จี เมื่อนำมารวมกันก็จะเป็นคำว่า WE ที่แปลว่า พวกเรา เพราะความมุ่งมั่นที่จะให้วิศวกรรุ่นใหม่ไฟแรงได้มีโอกาสร่วมออกแบบชิ้นงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้กันเพื่อลดการซื้อหรือนำเข้าทั้งหมดนั่นเอง
นับว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นงานที่น่าสนับสนุนในการคิดค้นและทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีการใช้งานจริงเพราะเทคโนโลยีนี้สามารถต่อยอดได้ด้วยการเพิ่มจำนวนหรือการพัฒนายูนิตที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตและยังนำไปใช้กับโดรน (ซึ่งเจ้าตัวกำลังพัฒนาโดรนพาณิชย์ทีมีชื่อว่า มานะ) VTOL flying car มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า e-mobility และในด้านพลังงานทดแทนหรือ alternative energy ได้อีกด้วย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

กลยุทธ์การพัฒนาโรงแรมขนาดเล็ก (Hostel 2019)

เหตุใดโรงแรมขนาดเล็กจึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว ปัจจุบันนักท่องเที่ยว/ นักเดินทาง มีการเลือกโรงแรมที่ตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายมากขึ้น โดยการเพิ่มประสบการณ์ความแปลกใหม่ และได้ออกไปพบปะกับเพื่อนใหม่ ซึ่งโรงแรมขนาดเล็กมีให้เลือกหลากหลาย รูปแบบอิสระไม่ตายตัว มีการออกแบบเพื่อแสดงออกถึงความเป็นตัวตน ทั้งทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม ความนิยมท้องถิ่น บางครั้งเกิดจากการสร้างเรื่องราวให้น่าสนใจ มีความแตกต่าง และน่าจดจำ

เทคนิคการลงทุนในธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก Hostel
เริ่มจากใจรัก ต้องรักงานบริการ หลายคนเริ่มต้นจากความใฝ่ฝันที่จะมีธุรกิจโรงแรม เป็นของตัวเอง เรียกว่าการทำสิ่งที่รักคือจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ ต่อไปก็เริ่มศึกษาธุรกิจ เรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง เช่น การเลือกทำเลที่เหมาะสม กฎหมายที่เกี่ยวข้อง การออกแบบ การก่อสร้าง การเงิน การลงทุน การตลาด การบริหาร และการเรียนรู้เกี่ยวกับปัญหา/อุปสรรคที่มืออาชีพได้ประสพพบเจอมาก่อนจะประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถหาความรู้เพิ่มเติม และฝึกทำ Work Shop จากคอร์สอบรมต่างๆ บางท่านก็อาจจะบอกว่าทำไม่เป็นก็จ้างมืออาชีพมาทำให้ก็ได้ ซึ่งการจ้างมืออาชีพก็คงไม่ถูกใจเท่ากับเราทำเป็น เทคนิคที่สำคัญของการพัฒนาโรงแรมขนาดเล็ก เช่น รีสอร์ท โฮสเทล หรือ บูทีคโฮเทล เนื่องจากเป็นโรงแรมขนาดเล็ก เป็นธุรกิจการให้บริการ เจ้าของต้องบริหารและดูแลเองเป็นส่วนใหญ่ และขั้นตอนนี้ก็จะชัดเจนละว่าเราชอบมันจริงๆ หรือเปล่า จากนั้นก็ไปทดลองสำรวจตลาดโรงแรม ลองเข้าไปใช้บริการโรงแรมรูปแบบต่างๆ ไปสัมผัสกับของจริง เพื่อศึกษารูปแบบตลาด ศึกษาสถานการณ์และความต้องการตลาด ทำความรู้จักกับคู่แข่ง (พันธมิตรทางธุรกิจ)ในการตลาดที่มีหลากหลาย เพื่อนำข้อดี-ข้อเสียมาปรับใช้ในแบบที่เราต้องการ

กฎหมายที่ต้องรู้: ปัจจุบันมีกฎหมายที่เปิดเพื่อรองรับให้นำอาคารอื่นที่ไม่ใช่โรงแรมมาทำเป็นโรงแรมได้โดยถูกกฎหมาย เกิดจากที่ผ่านมาได้มีผู้ประกอบการมีนำอาคารเก่ามาทำเป็นโรงแรมมากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นอาคารทั่วไป ด้วยรูปแบบและโครงสร้างของอาคารที่มีอยู่เดิมไม่สอดคล้องกับอาคารที่จะนำมาประกอบธุรกิจโรงแรมตามที่กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารกำหนด และไม่ได้ยื่นขออนุญาตตาม พ.ร.บ.โรงแรมให้ถูกต้อง จึงมีการออกกฎกระทรวงกำหนดลักษณะอาคารประเภทอื่นที่ใช้ประกอบธุรกิจโรงแรม พ.ศ. 2559 ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2559 มีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย

(ที่มา:กรมโยธาธิการและผังเมือง https://www.yotathai.com/yotanews/law-official-hotel2559)

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม (พ.ร.บ. โรงแรม)
เปิดธุรกิจโรงแรม การประกอบธุรกิจให้บริการที่พักหากเข้าข่ายเป็นโรงแรมตามนิยามของกฎหมายแล้ว ต้องขอ อนุญาตและได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนก่อนจึงจะประกอบกิจการได้ มิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโทษปรับรายวันอีกวันละไม่ เกิน 90,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ เว้นแต่โรงแรมเปิดดำเนินกิจการมาก่อนหรือในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ให้ประกอบธุรกิจต่อไปได้ โดยต้องมายื่นคำขออนุญาตต่อนายทะเบียนภายใน ๑ ปี นับแต่ วันที่กฎกระทรวงกำหนดประเภทโรงแรม หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ตาม มาตรา ๑๓ มีผลใช้บังคับ โดยไม่มีความผิดฐานประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติ โรงแรม (พ.ร.บ.) พ.ศ.๒๕๔๗ แต่อาจมีความผิดตามกฎหมายอื่น ๆ ได้ เช่น กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมาย ว่าด้วยการผังเมือง กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม และกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข เป็นต้น

สถานที่อื่นค่าขออนุญาต การยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม ให้ยื่นคำขอต่อนายทะเบียนท้องที่อันเป็นที่ตั้งของ โรงแรม ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นขออนุญาตใต้ ณ ศูนย์บริการประชาชน กรมการปกครอง (วังไชยา) โทรศัพท์ ๐-๒๒๘๒ – ๒๕๒๕๑ ในจังหวัดอื่น ให้ยื่นคำขอ อนุญาต ได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอท้องที่ที่อันเป็นที่ตั้งของโรงแรม

หลักสูตร เจาะลึกโอกาสลงทุนโรงแรมขนาดเล็ก บูติค และ โฮสเทล
รุ่นที่ 8, วันศุกร์ที่ 30 – วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 เวลา 08:30 – 17:00 น.

การตลาดเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจโรงแรมขนาดเล็ก โฮสเทล
ทำอย่างไรให้ลูกค้าเลือกเรา? การทำการตลาดเพื่อให้ที่พักเต็มตลอดทั้งปี ทำอย่างไรเพื่อปรับจุดด้อยให้กลายเป็นจุดเด่น? ข้อดีของโรงแรมขนาดเล็ก คือ มีความคล่องตัวในการบริหารสูง ลดขั้นตอนที่ซับซ้อนยุ่งยาก บางแห่งที่กิจการเล็กมากๆ เจ้าของเป็นผู้ดูแลและให้บริการเอง ทำให้สามารถให้บริการได้ทั่วถึง เป็นกันเอง ข้อเสียก็อาจจะเป็นเรื่องของการให้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกมีน้อย เนื่องจากเป็นโรงแรมขนาดเล็ก มีห้องพักน้อย (น้อยกว่า 50 ห้อง) การบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกจึงอาจจะไม่ได้มีให้ครบถ้วนสมบูรณ์เท่ากับโรงแรมขนาดใหญ่ เช่น มีบริการเพียงอาหารเช้าง่ายๆ ผู้ประกอบการจึงต้องมีแผนการตลาดอย่างจริงจัง ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน มีช่องทางการตลาดจากทางไหนบ้าง การเลือกใช้สื่อที่เหมาะสม เช่น ออนไลน์ ออฟไลน์ และที่สำคัญคือการสร้างจุดขายให้โดดเด่น เป็นที่น่าจดจำและประทับใจ

Tag : พ.ร.บ. โรงแรม , การบริหาร , ธุรกิจโรงแรม ,กฎหมายโรงแรมขนาดเล็ก,การขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม , กฏการเปิดโฮสเทล ,ธุรกิจโฮสเทล ,โรงแรม ตาม พรบ , กฎหมายโรงแรม 2561 ,ปัญหา พรบ โรงแรม

Credit by : โค้ชทัศน์ โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท พลัส เดินหน้าขยายสาขา ล่าสุดเปิดสาขาใหม่ จ.ปราจีนบุรี

“ออฟฟิศเมท พลัส” แฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้ออุปกรณ์สำนักงานเพื่อธุรกิจ เดินหน้าลุยขยายสาขาปักหมุดระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก จ.ปราจีนบุรี (ตรงข้ามทางเข้าโลตัสคลองรั้ง) พร้อมทัพสินค้ากว่า 60,000 รายการ ตอบโจทย์ครอบคลุมทุกความต้องการของภาคธุรกิจ ทั้ง SME, บริษัทเอกชน, โรงงานอุตสาหกรรม และหน่วยงานราชการ พิเศษ!…ฉลองเปิดสาขาใหม่ด้วยกิจกรรมโปรโมชั่นสุดคุ้ม โดยได้รับการตอบจากผู้ประกอบการชาวปราจีนบุรีอย่างคับคั่ง!

ออฟฟิศเมท พลัส สาขาปราจีนบุรี ร้านแฟรนไชส์แห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ตรงข้ามทางเข้าโลตัสคลองรั้ง อยู่ติดถนนใหญ่ เดินทางง่าย มีที่จอดรถสะดวก ครบครันไปด้วยสินค้าและบริการเพื่อธุรกิจ ลูกค้ามาที่เดียวได้ของครบในมาตรฐานการบริการเดียวกับออฟฟิศเมท ทั้งเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ สินค้าโรงงานและอุตสาหกรรม (Factory & Industrial) อุปกรณ์เครื่องใช้ในธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร บริการจัดเลี้ยง (HORECA) อุปกรณ์ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ และดูแลสุขภาพ (Hygiene & Wellness) โดยลูกค้าสามารถเลือกช้อปสินค้ารวมมากกว่า 60,000 รายการ ได้ที่หน้าร้านและผ่านช่องทางออนไลน์ในร้านอย่างง่ายดาย หรือโทรสั่งซื้อที่เบอร์ 065-514-0117, 065-514-0118 ปราจีนบุรีหรือLine: @ofmplus_prachinburi, Link:  https://lin.ee/ulzCMYp  พร้อมบริการจัดส่งฟรีถึงออฟฟิศ/บ้าน* ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด

ทั้งนี้บรรยากาศการเปิดร้านออฟฟิศเมท พลัส สาขาปราจีนบุรี ได้รับการตอบรับจากภาครัฐ ผู้ประกอบการ และเหล่านักช้อปเป็นอย่างดี โดยมีลูกค้าต่อคิวที่หน้าร้านภายใต้นโยบาย Social Distancing เพื่อรับคูปองส่วนลด On Top สุดเอ็กซ์คลูซีฟ สำหรับ 100 ท่านแรก เพื่อใช้เลือกซื้อสินค้าอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจ ภายในร้านออฟฟิศเมท พลัส แห่งนี้

ออฟฟิศเมท พลัส พร้อมช่วยคุณ #เซฟเงินสด #สู้เศรษฐกิจ… ลูกค้าองค์กรสามารถสมัครรับเครดิตเทอมนาน 30 วัน และลูกค้าทุกท่านสามารถรับสิทธิ์ผ่อน 0%*  นานสูงสุด 3 เดือน เมื่อช้อปสินค้าครบ 1,500 บาท/ใบเสร็จ* ผ่านบัตรเครดิต KBank (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)  นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถสะสมคะแนน The1 ได้ทุกครั้งที่ช้อป และใช้คะแนน The1 แทนเงินสด ในการช้อปสินค้าที่ร้านออฟฟิศเมท พลัส ได้อีกด้วย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซัสโก้ รับโล่ประกาศเกียรติคุณ ผู้ประกอบการที่ร่วมเครือข่ายการกำกับดูแลด้านชั่งตวงวัด ในโครงการ “สถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร”

นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบ โล่ประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการที่ร่วมเครือข่ายการกำกับดูแลด้านชั่งตวงวัด ในโครงการ “สถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร” ให้แก่ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) โดยมี นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุม
บุรฉัตรไชยากร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

สำหรับ โครงการ “สถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร” จัดขึ้นโดย กองชั่งตวงวัด กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเชิญชวนให้ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันเข้าร่วม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคว่าจะได้รับปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ซื้อจากสถานีบริการน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการครบเต็มจำนวนลิตร และเกิดความตระหนักว่าผู้บริโภคได้รับความคุ้มครองไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงในสถานีบริการ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการรักษาความเป็นธรรมทางการค้า และสร้างมาตรฐานให้การกำกับดูแล

มาตรวัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงมีความถูกต้อง เที่ยงตรงสอดคล้องตามมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ประกอบการที่ให้ความร่วมมือ โดยสถานีบริการน้ำมันซัสโก้ทุกแห่งทั่วประเทศได้เข้าร่วมโครงการ ”สถานีบริการน้ำมันเต็มลิตร” ให้บริการได้ตามมาตรฐาน ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กำหนดทุกประการ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

PIM เปิดตัว V-LED โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการออนไลน์ ร่วมกับ 9 มหาวิทยาลัยเครือข่ายต่างประเทศ

สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) เปิดตัว “PIM V-LED” สร้างความร่วมมือทางด้านวิชาการออนไลน์ กับมหาวิทยาลัยเครือข่ายต่างประเทศ จากสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้ พีไอเอ็มจึงมองหาแนวทางความร่วมมือด้านการศึกษาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อรักษาความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จึงริเริ่มโครงการ “PIM V-LED” เพื่อเชื่อมต่อด้านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับมหาวิทยาลัยพันธมิตรเครือข่ายนานาชาติผ่านโปรแกรม V-LED (Virtual–Leadership Entrepreneurship Development) บนโลกออนไลน์ นำร่องประเดิมโครงการดังกล่าวครั้งแรกในโซนเอเชีย ซึ่งมีผู้สนใจตอบรับเข้าร่วมโปรแกรม เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจาก 9 มหาวิทยาลัยชั้นนำ จากประเทศญี่ปุ่น(Japan) 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ Waseda University, Mie University, Kansai University, Osaka Prefecture University, เกาหลีใต้ (South Korea) จาก Hankuk University of Foreign Studies, สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao People’s Democratic Republic) จาก National University of Laos, สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า (Republic of the Union of Myanmar) จาก Myanmar Noble University ในโอกาสเดียวกันนี้ได้รับการตอบรับจาก 2 มหาวิทยาลัยเข้าร่วมสังเกตุการณ์ คือ ประเทศนิวซีแลนด์ (New Zealand) จาก Auckland University of Technology และ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Hong Kong Special Administrative Region of the People’s Republic of China) มหาวิทยาลัย Vocational Training Council

หัวข้อการเรียนรู้และโปรแกรม V-LED (Virtual – Leadership Entrepreneurship Development) ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก โดยมีอาจารย์ ผู้บริหาร เข้าร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ทั้งหมด 29 ท่าน ในหลักสูตรออนไลน์เสมือนจริง เป็นระยะเวลา 3 วัน เมื่อวันที่ 1 – 3 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา เพื่อสร้างความร่วมมือทางวิชาการรูปแบบออนไลน์ นับเป็นมิติใหม่ที่สอดคล้องกับยุค New Normal เอื้อให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันกับเครือข่ายทางการศึกษาในต่างประเทศเป็นไปได้ อย่างไร้พรมแดน ประกอบด้วยการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ทั่วโลก บอกเล่าข้อมูลที่น่าสนใจโดยบุคลากรมืออาชีพ และการประชุมเชิงปฏิบัติการ(Workshop) ภายใต้หัวข้อการจัดการธุรกิจค้าปลีกในยุคโควิด -19 (New Normal Retail Strategies) กิจกรรมทั้งหมดจัดขึ้นโดยอิงรูปแบบโมเดลการเรียนรู้ Work-based Education การเรียนในห้องเรียนควบคู่การฝึกปฏิบัติจริง นอกจากนี้ยังเสริมกิจกรรมพิเศษเยี่ยมชมองค์กร เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เห็นกระบวนการทำงาน ภายในโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานโลก ของบริษัท ซีพีแรม จำกัด (CPRAM) หนึ่งในกลุ่มธุรกิจการตลาดและการจัดจำหน่าย เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) ดำเนินงานด้านการผลิตและจัดจำหน่ายอาหารพร้อมรับประทาน และเบเกอรี่อบสด แบบ Virtual Tour ซึ่งเป็นการทัวร์เสมือนจริง โดยแบ่งผู้เข้าร่วมโปรแกรมออกเป็น 4 กลุ่ม มอบหมายให้พัฒนาโครงการพิเศษ ครอบคลุมกลยุทธ์แบบปกติใหม่ในอุตสาหกรรมค้าปลีกช่วงโควิด-19 นอกจากนี้ยังได้ฝึกฝนและเรียนรู้ทักษะการใช้ภาษาไทยเบื้องต้น เพื่อการแลกเปลี่ยนทางด้านภาษาและวัฒนธรรมไปพร้อมกัน

สำหรับหลักสูตรโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศครั้งนี้ จัดทำโดยสำนักวิเทศสัมพันธ์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ โดยผ่านการปรึกษาหารือร่วมกับคณะศิลปศาสตร์ คณะการจัดการโลจิสติกส์และการขนส่ง คณะศึกษาศาสตร์ และงานการตลาดหลักสูตรนานาชาติ พร้อมด้วยการสนับสนุนจาก สำนักบริหารเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)

ปัจจุบันท่ามกลางสถานการณ์โลก มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา พีไอเอ็มยังคงเป็นสถาบันอุดมศึกษาแนวหน้าชั้นนำ ที่มุ่งมั่นรักษาความสัมพันธ์กับมหาวิทยาลัยเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา และขยายเครือข่ายพันธมิตรไปยังนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนองค์ความรู้ใหม่ๆให้ทันสมัย ยกระดับความร่วมมือของการศึกษาไทยสู่สากล และในอนาคตอันใกล้นี้ พีไอเอ็มจะมีโครงการต่อเนื่องสู่ภูมิภาคตะวันออกและตะวันตกของโลกต่อไป


 

Exit mobile version