Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ทรูมันนี่” จับมือ “ธนาคารเกียรตินาคินภัทร” ครั้งแรกในประเทศ กับบัญชีออมทรัพย์ “KKP Start Saving”* ผ่านแอปฯ TrueMoney Wallet

ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการอิเล็กทรอนิกส์เพย์เมนท์ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จับมือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) เปิดอิสรภาพสำหรับการออมเงินยุค Virtual Banking ด้วยการผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเงินล้ำสมัย อำนวยความสะดวกผู้ใช้ให้สามารถเปิดบัญชีออมทรัพย์ “KKP Start Saving” กับธนาคารเกียรตินาคินภัทรผ่านแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet ได้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย พร้อมมอบดอกเบี้ยเงินฝากสูงถึง 1.55% ต่อปี** ตั้งแต่บาทแรก ชู 4 จุดเด่น 1. เปิดบัญชีง่ายได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ง้อเอกสาร 2. ถอน ฝาก หรือโอนเงินจากบัญชีธนาคารผ่าน TrueMoney Wallet ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งแบบฟรีค่าธรรมเนียม 3. เช็คยอดเงินฝากพร้อมดอกเบี้ยสะสมแต่ละวัน หรือตรวจสอบประวัติการทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์ 4. มีความปลอดภัยในการใช้งานระดับสถาบันการเงินชั้นนำตามมาตรฐานของธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยระบบยืนยันตัวตน e-KYC ที่ตรวจสอบสองชั้นด้วยบัตรประชาชนและสแกนใบหน้า

นายธัญญพงศ์ ธรรมาวรานุคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือกับธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ครั้งนี้ ตอกย้ำว่า ทรูมันนี่ กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นผู้นำการให้บริการทางการเงินดิจิทัลที่ตอบรับความต้องการในชีวิตประจำวันของผู้ใช้ และเปิดยุคการออมแบบ Cashless ซึ่งมอบโอกาสให้ผู้ใช้อีวอลเล็ตสามารถเปิดบัญชีเงินฝากพร้อมรับดอกเบี้ยที่คุ้มค่าได้ง่ายกว่าที่เคย และสามารถโยกเงินเข้าออกระหว่างบัญชีใช้จ่ายในแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet และบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ “KKP Start Saving” ได้สะดวกและรวดเร็ว ผ่านการผสานเทคโนโลยีและศักยภาพของ e-Wallet กับ e-Banking ทั้งนี้ เรามั่นใจว่าจะกระตุ้นให้ผู้ใช้ทรูมันนี่ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่เกิดการรับรู้และสร้างวินัยการออมแบบ Micro-Saving เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองในอนาคต อีกทั้งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบ New Normal”

นายฟิลิป เชียง ชอง แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความพร้อมของอุตสาหกรรมและสถานการณ์โควิด-19 ได้กระตุ้นให้คนเปิดรับเทคโนโลยีทางการเงินใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ธนาคารเกียรตินาคินภัทรจึงได้จับมือกับทรูมันนี่ เปิดบริการบัญชี KKP Start Saving ที่ลดขั้นตอนการเปิดบัญชีแบบเดิมที่ยุ่งยากและเสียเวลา ยิ่งกว่านั้น ยังให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.55% ทำให้ผู้ใช้บริการไม่พลาดโอกาสรับผลตอบแทนของการฝากเงินธนาคาร แม้สำหรับเงินเพื่อการใช้จ่ายในวอลเล็ต โดยธนาคารยังคงไม่หยุดที่จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่น ๆ บน TrueMoney Wallet ให้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตรงกับเป้าหมายของธนาคารที่ส่งมอบประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภค”

ดร. อนุชิต อนุชิตานุกูล ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เกียรตินาคินภัทรเชื่อในแนวคิดของ Banking as a Service (BaaS) ที่บริการของธนาคารควรสามารถทำผ่านแพลตฟอร์มที่เหมาะสมใด ๆ ก็ได้ เพราะทำให้บริการของธนาคารไปสู่ผู้บริโภคได้มากขึ้นและหลากหลายขึ้นกว่าการจำกัดอยู่ที่สาขาหรือแอปฯ ของธนาคารแต่เพียงอย่างเดียว ข้อมูลในระยะที่ผ่านมาชี้ชัดว่าปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าไปใช้บริการที่สาขาของธนาคารลดลงกว่าสองในสาม ดังนั้น ความร่วมมือเช่นที่เกียรตินาคินภัทรทำกับทรูมันนี่ในครั้งนี้ ย่อมจะนำไปสู่ยุคสมัยของ Virtual Banking ที่บริการธนาคารเกิดขึ้นได้ในทุกที่ สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่อัตราการเข้าถึงบริการทางการเงินที่ดีขึ้นสำหรับคนในประเทศ ซึ่งจะยกระดับศักยภาพให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวมต่อไป”

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถคลิกอ่านรายละเอียดและเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ที่ https://www.truemoney.com/startsaving/

นอกจากนี้ ทรูมันนี่ยังจัดแคมเปญพิเศษ! “กด START ลุ้นรับ 100,000 ทุกเดือน” เมื่อเปิดบัญชีออมทรัพย์ KKP Start Saving บนแอปพลิเคชั่น TrueMoney Wallet เรียบร้อย และมียอดฝากเงินอย่างน้อย 4 ครั้งต่อเดือน (ฝากผ่านธนาคารอื่น ๆ, วอลเล็ต, หรือ Direct Debit โดยไม่มีกำหนดเงินฝากขั้นต่ำ) ลุ้นเงินแสนโอนเข้าบัญชีได้ทุกเดือน เริ่มแล้ววันนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2563 รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.truemoney.com/startsaving/promotion

*บัญชีเงินฝาก KKP Start Saving เป็นผลิตภัณฑ์ของธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และได้รับความคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝากตามจำนวนที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
**ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://bank.kkpfg.com/th/personal-banking/deposit/savings-account/kkp-start-saving


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ รุกตลาดเอ็นเตอร์ไพรส์โซลูชั่นร่วมกับ HPE และ Cohesity เน้นการบริหารข้อมูลในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์

คุณชัยวัฒน์ วชิรโรจน์ไพศาล (ทางซ้าย) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกลุ่มธุรกิจ “Digital Solutions Group” ร่วมกับ คุณวัชรสิทธิ์ สันติสุขนิรันดร์ (ที่สามจากซ้าย) ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท Cohesity และ คุณทรงพล แสงมาศ (ทางขวา) HPE Storage Lead บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกันจัดงาน “HPE Cohesity – Redefining Data Management” เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากแวดวงไอทีในกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ ที่เน้นการบริหารข้อมูลในองค์กร โดยได้เรียนเชิญกลุ่มลูกค้าหลากหลายในแวดวงธุรกิจชั้นนำเข้าร่วมงาน ณ Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

โดยวิทยากรในงาน คุณธวัลณัฐ แจ้งอรุณ (ที่สองจากซ้าย) Solution Specialist บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมบรรยาย และอัพเดตโซลูชั่นการดูแลบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน เน้นโซลูชั่น Scale – Out NAS, Backup & Restore, Long Time Retention, Object Storage, Development Testing และ Disaster Recovery

ภายในงานได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี ท่ามกลางบรรยายกาศอย่างเป็นกันเอง พร้อมทั้งการสาธิตวิธีทำงานเพื่อให้เกิดความมั่นใจ และเข้าใจในผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ กลุ่ม Digital Solutions Group “DSG”, บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โทร.02-089-4994 อีเมล์ : dsgmkt@metrosystems.co.th Website : https://www.metrosystems.co.th/ Facebook : https://www.facebook.com/metrosystemscorp/


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

HP PageWide Web Press สร้างสถิติพิมพ์งานสูงสุด 500 พันล้านแผ่น

เอชพี อิงค์ ประกาศ HP PageWide Web Press เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท สร้างสถิติงานพิมพ์งานได้สูงถึง 500 พันล้านแผ่น ผลจากปริมาณผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ (Print Service Providers) ทั่วโลกมีการขยายตัวเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ (PSPs) กลุ่มเครื่องพิมพ์ HP PageWide Web Press ต้องการขยายช่องทางสร้างความ สำเร็จและโอกาสใหม่ๆ เพิ่มความสามารถในแอปพลิเคชันการพิมพ์ดิจิทัลในงานที่มีความซับซ้อนและสร้างผลกำไรมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันสามารถผลิตงานได้มากขึ้นจากการพิมพ์ระบบออฟเซ็ทมาเป็นเทคโนโลยีดิจิทัลอิงค์เจ็ท” มร.คาร์ล ฟาเร่ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป HP PageWide Press กล่าว “คู่ค้าของเอชพี สามารถเพิ่มปริมาณงานพิมพ์จากการใช้เครื่อง HP PageWide Press ได้มากขึ้นสองเท่านับตั้งแต่การเข้าตลาดที่งาน drupa 2016 หรือเป็นอัตราการเติบโตสูงเกือบสองเท่าของตลาดโดยรวม และโรงพิมพ์มากกว่าครึ่งในกลุ่มนี้สามารถผลิตงานได้เกิน 1 พันล้านแผ่นจากเครื่องพิมพ์ที่ใช้งานอยู่อีกด้วย”

HP PageWide Web Press เป็นผู้นำด้านอิงค์เจ็ทที่สามารถทำส่วนแบ่งได้มากกว่า 30% จากจำนวน 8.8 พันล้านแผ่นของงานพิมพ์สีอิงค์เจ็ทคุณภาพสูง ในไตรมาสแรกของปี 2563 (สามารถรับชมการใช้งาน HP PageWide Web Press T250 HD ใหม่ ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=L0HpZ8-08U4)

จำนวนการพิมพ์มากขึ้น

ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์ ใช้เทคโนโลยีในเครื่องพิมพ์ PageWide Web Press เพื่อรองรับงานการพิมพ์ดิจิทัล อิงค์เจ็ทจำนวนมากในเชิงพาณิชย์, สื่อสิงพิมพ์, ธุรกิจการค้า และไดเร็กเมล์ ซึ่งมีการขยายตัวทั่วโลก อย่างเช่น โรงพิมพ์ Hatteras Inc.ในรัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา มีการขยายธุรกิจโดยการเพิ่มกำลังผลิต ด้วยเครื่อง HP PageWide Web Press T240 HD มาใช้พิมพ์พื้นผิววัสดุที่เบาไปจนถึงกระดาษหนา ในปริมาณจำนวนมากและมีคุณภาพสูง โดยจอห์น ออร์แลนโด รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Hatteras Printing Inc.ได้ย้ำว่า “ประสิทธิภาพการใช้งานที่หลากหลายของเครื่องพิมพ์เป็นส่วนสำคัญในการเติบโตทางธุรกิจอย่างมาก” ในปัจจุบันโรงพิมพ์ Hatteras ให้บริการงานผลิตเพื่อส่งทางไปรษณีย์และทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับงานสิ่งพิมพ์เฉพาะด้านรวมถึงงานดิจิทัลสำหรับภาคการเงิน สุขภาพ การตลาดและภาคสาธารณชน

GGP Media GmbH ในเยอรมนี เป็นส่วนหนึ่งของ Bertelsmann Printing Group ผู้นำด้านงานพิมพ์ของยุโรป โรงพิมพ์ GPP ได้ติดตั้ง HP PageWide Web Press T490 HD เป็นเครื่องที่สอง โดยในแต่ละปี สามารถผลิตสิ่งพิมพ์มากกว่า 250 ล้านรายการ รวมถึงนวนิยายยอดขายดี การ์ตูนและนิตยสารแฟชั่น

คริสตอฟ ลุควิก กรรมการผู้จัดการของ GGP Media GmbH กล่าวถึงความสำเร็จว่า บริษัทไม่เพียงแต่จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการพิมพ์ยุคใหม่นี้เท่านั้น ลูกค้ายังได้รับประโยชน์ด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดความยืดหยุ่นสูง สามารถผลิตงานพิมพ์ที่มีจำนวนน้อยและยังย่นเวลาการผลิต การเพิ่มจำนวนเครื่องพิมพ์ครั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการเติบโตของตลาดการพิมพ์ระบบดิจิทัล ตอบสนองความต้องการปริมาณงานพิมพ์ต่อครั้งที่เล็กลง และการพิมพ์สต็อกหนังสือพิมพ์ซ้ำ เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่มีเทคโนโลยีหัวพิมพ์ HP A55 Thermal Inkjet ที่ให้คุณภาพงานพิมพ์ข้อความคมชัดที่ 305 เมตรต่อนาที หรือ 1,000 ฟุตต่อนาที

ProCo ในสหราชอาณาจักร ได้ติดตั้ง HP PageWide Web Press T240HD เครื่องแรกเมื่อปีที่แล้ว เพื่อผลิตงานพิมพ์ไดเร็กเมล์คุณภาพสูงจำนวนมาก “สำหรับ Proco ธุรกิจคือการมอบสิ่งใหม่ๆ เปิดพลังของความเป็นตัวตนเฉพาะของลูกค้า ด้วยความหลากหลายที่ยืดหยุ่นและคุณภาพสีของเอชพี เราสามารถเสนอตัวเลือกใหม่ๆ ให้กับลูกค้าที่ไม่สามารถทำได้ก่อนหน้านี้ นี่คือการเพิ่มมูลค่ามหาศาลให้กับธุรกิจของลูกค้า และเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับธุรกิจของเราเช่นกัน ต่อไปนี้ ธุรกิจการพิมพ์ ไม่ต้องกังวลที่จะต้องเลือกระหว่างปริมาณการสั่งพิมพ์กับคุณภาพของงานพิมพ์อีกต่อไป เฉกเดียวกับไม่ต้องเป็นห่วงว่าอะไรคือสิ่งที่เป็นไปได้และสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”

สมรรถนะใหม่ของ HP PageWide Web Press

สามารถเพิ่มจำนวนการพิมพ์ให้มากขึ้นโดยกำหนดค่าจากแอปพลิเคชันของเครื่องพิมพ์ HP PageWide Web Press T250 HD รุ่นใหม่ที่มาพร้อม HP Brilliant Ink ที่พิมพ์บนกระดาษออฟเซ็ตแบบเคลือบและไม่เคลือบผิวหลากหลายมากขึ้น เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์ที่ต้องการงานพิมพ์จำนวนมาก

นอกจากนี้ เอชพี ได้ร่วมมือกับ Solimar Systems สำหรับการบริหารจัดการระบบเอกสารที่มีจำนวนมาก ภายใต้ Solimar Chemistry™ Platform ประกอบด้วย ReadyPDF® Prepress Server™, Rubika® และ SOLitrack™ จะช่วยรองรับในขณะปฏิบัติงาน การเพิ่มประสิทธิภาพ และระบบการจัดการงานพิมพ์ พร้อมทั้งควบคุมการส่งสื่อสิ่งพิมพ์และดิจิทัล และการส่งเอกสารในแบบหลายช่องทาง

ฟาเร่ อธิบายเพิ่มเติมว่า “การร่วมมือที่สำคัญนี้ ลูกค้าของเอชพีจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่มีมายาวนานของ Solimar และระบบการจัดการงานชั้นนำของตลาด การผสมผสานโซลูชั่นของ Solimar เข้ามา จะทำให้ผู้ให้บริการสามารถเพิ่มศักยภาพของกระบวนการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด ตลอดจนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีของเอชพีอย่างเต็มที่ สามารถสร้างผลกำไรให้ธุรกิจได้มากขึ้นในท้ายที่สุด”

ด้วยเครื่องพิมพ์ขนาด 20 นิ้วถึง 42 นิ้ว และโซลูชั่นการผลิตที่หลากหลายของเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท HP PageWide ช่วยผู้ให้บริการ สามารถตอบสนองลูกค้าที่ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง และในปริมาณงานมากได้ ตลอดจนการสร้างซัพพลายเชนใหม่ เพื่อลดต้นทุนการจัดจำหน่ายและสินค้าคงคลัง นอกจากนี้ ความสามารถในการกำหนดจำนวนการสั่งพิมพ์ จะทำให้ลูกค้ามั่นใจว่า มีจำนวนหนังสือ นิตยสารและวารสารเพียงพอ อีกทั้งยังสะท้อนว่าเป็นการพิมพ์โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก

ในการพิมพ์ไดเร็กเมล์และสื่อสิ่งพิมพ์เชิงพาณิชย์ ลูกค้าของเอชพีได้รับประโยชน์จากระบบอัตโนมัติและเครื่องมือการจัดการข้อมูลขั้นสูงเพื่อสร้างสรรค์แคมเปญ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและเพิ่มมูลค่า ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ที่มีการจำกัดงบประมาณการตลาด ในขณะที่ต้นทุนกระดาษและค่าใช้จ่ายการจัดส่งเพิ่มสูงขึ้น

HP Site Flow จะบริหารการดำเนินงานโดยอัตโนมัติและสร้างประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวกับโซลูชั่นซอฟต์แวร์ Designer และ Composer จะช่วยให้ลูกค้าสร้างสรรค์งานต่างๆ จากข้อมูล โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนข้อความ รูปภาพ QR Codes ให้สมบูรณ์สุดท้ายก่อนการพิมพ์

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ HP PageWide Web Press นวัตกรรมการพิมพ์อิงค์เจ็ท: www.hp.com/go/pagewidewebpress

ข้อมูลเกี่ยวกับ HP Inc.
เอชพี อิงค์มุ่งมั่นสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อประโยชน์ต่อผู้บริโภค ภาคธุรกิจ ภาครัฐและสังคมอย่างแท้จริง ด้วยพอร์ทโฟลิโอด้านเทคโนโลยี ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ โซลูชั่นการพิมพ์ 3 มิติ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอชพี สามารถเข้าชมได้ที่ http://www.hp.com.


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แต่งตั้ง สเตฟาน นูสส์ เป็นประธานกลุ่มคลัสเตอร์คนใหม่ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน ประกาศแต่งตั้งนายสเตฟาน นูสส์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มคลัสเตอร์ คนใหม่ ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา โดยสเตฟาน พร้อมนำพาประสบการณ์กว่า 17 ปีในสายพลังงาน วิศวกรรมและเทคโนโลยี มาช่วยนำพากลุ่มคลัสเตอร์ ที่ประกอบไปด้วยพนักงานกว่า 1,600 คน ไปสู่การดำเนินงานที่เป็นเลิศ ด้วยความรู้ ความเชี่ยวชาญทั้งในเรื่องของการบริหารจัดการ การวางกลยุทธ์ การขายและการตลาด

สเตฟาน เป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับในการดำเนินธุรกิจระดับนานาชาติที่มุ่งเน้นเรื่องนวัตกรรมและการคิดในเชิงกลยุทธ์ และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดียิ่งขึ้น โดยร่วมงานกับ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นเวลา 13 ปี ในบทบาทผู้นำที่หลากหลาย ทั้งบริหารจัดการ วางกลยุทธ์ ดูแลฝ่ายขายและการตลาดให้กับประเทศฝรั่งเศส ตะวันออกกลาง และเอเชีย

เขาเริ่มต้นสายอาชีพด้านพลังงาน วิศวกรรม และเทคโนโลยี ในปี พ.ศ. 2546 ด้วยการทำงานให้กับกลุ่มบริษัท Alten Group และ Airwell Group นับเป็นการสั่งสมประสบการณ์ครั้งสำคัญก่อนที่จะเข้าดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารที่ บริษัท Gunsan Electric บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสวิตช์และอุปกรณ์ไฟฟ้าของประเทศตุรกี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

โดยในปี พ.ศ. 2561 สเตฟาน ดำรงตำแหน่งรองประธาน ฝ่ายการตลาดและการพัฒนาธุรกิจ ดูแลธุรกิจของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริคในโซนเอเชียตะวันออกและญี่ปุ่น ก่อนขึ้นแท่นรับตำแหน่ง ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา

สเตฟาน จบการศึกษาปริญญาโทสาขาวิศวกรรมศาสตร์ จาก INSA Engineering School และปริญญาโทสาขา MSc Marketing จาก HEC School of Management ประเทศฝรั่งเศส


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เชิญสัมมนาฟรี SWID2021 เปิดตัว SOLIDWORKS เวอร์ชันล่าสุด พร้อมยลโฉมอากาศยานไร้คนขับเพื่อการตรวจการณ์ทางทะเล

บมจ. แอพพลิแคด หรือ APP ขอเชิญร่วมงานแสดงเทคโนโลยีด้านการออกแบบอุตสาหกรรมยิ่งใหญ่แห่งปี “AppliCAD’s SOLIDWORKS Innovation Day 2021 หรือ SWID2021” ครั้งแรกกับการนำเทคโนโลยีการผลิตเข้าสู่ Virtual World ภายใต้คอนเซปต์ “SOLIDWORKS is a Platform” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยให้คุณสร้างนวัตกรรมได้ในทุกที่ทุกเวลา ในวันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2563 ณ ห้องภิรัชฮอลล์ 1-3 ชั้น 2 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

พบกับสัมมนารูปแบบ Hybrid ผสมผสานกันระหว่างห้องสัมมนา และผ่านระบบออนไลน์รูปแบบใหม่ Virtual Conference เพื่อรักษาระยะห่างทางสังคมยุค New Normal เปิดตัว SOLIDWORKS2021 เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ซอฟต์แวร์ 3D CAD ขวัญใจนักออกแบบวิศวกรชาวไทยมาอย่างยาวนาน พร้อมรับความรู้กันเต็มๆ กับคอร์สเรียน 18+
พร้อมเปิดมุมมองทางรอดนวัตกรไทยยุคหลังโควิด กับแนวคิดดีๆ จาก พี่เอ้ ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบั
ยลโฉม MARCUS : Maritime Aerial Reconnaissance Craft Unmanned System – อากาศยานไร้คนขับเพื่อการตรวจการณ์ทางทะเล เป็นอากาศยานไร้คนขับปีกนิ่งขึ้นลงทางดิ่ง (VTOL) ที่ใหญ่ที่สุดแบบหนึ่งที่จะสามารถพบเห็นได้ในประเทศไทย โดยสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ (สวพ.ทร.) ที่สำคัญที่สุดยังเป็นฝีมือการออกแบบของคนไทยด้วย SOLIDWORKS & 3D Experience Platform รวมถึงการผลิตทุกขั้นตอนภายในประเทศ โดยคนไทยทั้งหมดอีกด้วย

งานประจำปีที่คุณไม่ควรพลาด ที่จะทำให้คุณสามารถเข้าร่วมงานได้ทุกที่อย่างไม่ตกเทรนด์ พร้อมก้าวเข้าสู่ยุค New Normal ผ่านมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ได้เสมือนอยู่ในงานจริง

ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี!! ได้ที่
สัมมนาออนไลน์ Virtual Conference : https://bit.ly/33B3H7b
หรือสัมผัสเทคโนโลยีในบรรยากาศจริง : https://bit.ly/34MAwOb


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Smart SME Expo 2020 ยกทัพธุรกิจน่าลงทุน กว่า 300 บูธ

พีเอ็มจี พร้อมหน่วยงานพันธมิตร เตรียมพร้อมจัดงานใหญ่ “Smart SME Expo 2020 ” กับ 6 โซนธุรกิจเด่น ทั้งโซนแฟรนไชส์น่าลงทุน โซนความงามและสุขภาพ โซนอาหารและเครื่องดื่ม โซนการเงิน โซนนวัตกรรมและเทคโนโลยี โซนธุรกิจบริการและโลจิสติกส์ รวมกว่า 300 บูธ พร้อมโซลูชั่นเพื่อเอสเอ็มอีจากหน่วยงานภาครัฐ และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากหลากหลายสถาบันการเงิน กิจกรรมสัมมนาอบรมอาชีพฟรี จัดเต็มพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร หวังเป็นอีกหนึ่งงานที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปี รวมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพให้คนไทยก้าวข้ามผ่านวิกฤติโควิด-19 โดยงานจัดระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนนี้ ณ ฮอลล์ 9-10 อิมแพ็คเมืองทองธานี

คุณณรินณ์ทิพ วิริยะบัณฑิตกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “งาน Smart SME Expo 2020 ในครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด รวมสุดยอดธุรกิจแห่งปี New Normal Together #ที่เดียวจบพบทางรวย รวบรวมบูธแฟรนไชส์ธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสถาบันการเงินต่าง ๆ นำแคมเปญพิเศษและโซลูชั่นเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี มอบให้แก่ผู้ที่สนใจเพื่อนำไปเริ่มต้นและต่อยอดธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสัมมนาให้ความรู้สอนอาชีพฟรีตลอดทั้ง 4 วัน ทั้งอบรมหลักสูตรกาแฟ สูตรเด็ดน้ำจิ้มซีฟู้ด สูตรลับน้ำสลัด สอนทำเครื่องประดับจากดิน วาดสติกเกอร์สร้างรายได้ พร้อมเคล็ดความรู้ต่างๆครบเครื่องจัดเต็ม ที่สำคัญยังมีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะปีนี้คนไทยต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจหยุดชะงัก มีคนตกงานว่างงานเป็นจำนวนมาก เรามุ่งหวังว่างานนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้คนไทยได้เห็นโอกาสใหม่ ๆ เพื่อนำไปต่อยอดให้เกิดการสร้างงานสร้างอาชีพให้ตนเองต่อไป”

Smart SME Expo 2020 ครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์, กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.), สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) , สถาบันอาหาร, สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) , การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) รวมทั้งหน่วยงานพันธมิตรอีกมากมาย จัดเต็มโซลูชั่นดี ๆเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี และยังขนทัพผู้ประกอบการมาร่วมในงานนี้ด้วย

ภายในงานคัดสรรธุรกิจเด่นรวมไว้ถึง 6 โซน ได้แก่ โซนแฟรนไชส์น่าลงทุน โซนความงามและสุขภาพ โซนอาหารและเครื่องดื่ม โซนนวัตกรรมเทคโนโลยี โซนสถาบันการเงิน โซนธุรกิจบริการและโลจิสติกส์ ที่นำแคมเปญพิเศษมาลดแลกแจกแถม มีให้เลือกลงทุนหลากหลาย เริ่มตั้งแต่หลักพัน หลักหมื่น จนถึงหลักแสน อาทิ ทีไทม์ติ่มซำ, Vending Machineและธุรกิจกาแฟ จากซีพี รีเทลลิงค์, GFS พรีเมี่ยมเบเกอรี่นำเข้าจากฝรั่งเศส, ศูนย์ความร่วมมือสมุนไพรไทย (กัญชา), แฟรนไชส์ชานม AM Tea , แฟรนไชส์แม่ไก่กรุ๊ป , กาแฟชาวดอย, ลาล่ามูฟ, ตู้เติมน้ำมันอัตโนมัติ “ออสซี่ออยล์” ฯลฯ ภายในงานยังคับคั่งด้วย 40 แฟรนไชส์ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คัดสรรมาเติมทางเลือกการลงทุนในงาน ได้แก่ ชานมไข่มุก บาบูแบร์,ชาตันหยง, ZEROCO COFFEE, เป็ดน้อยโรตี ทิชชู่, บะหมี่ถาดกระทะเล้ง, โทโร่ฟรายส์, จั๊บญวนแม่พลอย, PaPa Pizza, ป๊อบอายส์ลูกชิ้นปลาระเบิด, สเต็กกูกริล, ผัดไทยชาววังตะวันดา, โจ๊กแต้จิ๋ว,ลูกชิ้นจัง, เฮียนพ หมูนุ่ม, ปังอั้ยยะ ปังปิ้งไส้เยิ้ม, หมาล่ากวนอู และแฟรนไชส์ที่น่าสนใจอีกมากมายรวมกว่า 300 บูธ
พร้อมด้วยสินเชื่อสำหรับเอสเอ็มอี ที่ทุกธนาคารและสถาบันการเงินพร้อมใจคัดสรรเพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปเริ่มต้น ต่อยอด และพัฒนาธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำช่วยเหลือผู้ประกอบการจากธนาคารออมสิน, สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash วงเงินกู้สูง 3 ล้านบาท จากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย, สินเชื่อบัวหลวงเพื่อธุรกิจแฟรนไชส์จากธนาคารกรุงเทพ, สินเชื่อส่งออกเพิ่มสุขสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเริ่มต้นส่งออกแต่ไม่มีหลักประกันจาก Exim Bank, สินเชื่อธุรกิจ SME เลือกได้จากธนาคารกสิกรไทย, โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. SMEs ไทยชนะ จากบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม, โครงการสินเชื่อฉุกเฉินสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พร้อมสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยพิเศษจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาแฟรนไชส์ ต้องการต่อยอดธุรกิจ รวมทั้งคนทั่วไปที่สนใจ พลาดไม่ได้กับงาน Smart SME EXPO 2020 รวมสุดยอดธุรกิจแห่งปี New Normal Together #ที่เดียวจบพบทางรวย วันที่ 29 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนนี้ ณ ฮอลล์ 9-10 อิมแพ็คเมืองทองธานี โดยสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าพร้อมแสดงหลักฐานรับของที่ระลึกในงานฟรี ! สอบถามโทร. 08-6314-1482

ลงทะเบียนล่วงหน้าคลิก >> https://expo.smartsme.co.th/register/


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

แชฟฟ์เลอร์จับมือโรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ สเทียริ่ง ร่วมพัฒนาและขยายตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบขับเคลื่อนล้อหลังอัจฉริยะ (iRWS)

กลุ่มบริษัท แชฟฟ์เลอร์ ผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลกประกาศความร่วมมือกับบริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ สเทียริ่ง ร่วมกันพัฒนาระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังอัจฉริยะแบบเมคคาทรอนิกส์ iRWS ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และความปลอดภัย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่เหนือกว่า

นายแมททิอัส ซิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายออโตโมทีฟ OEM บริษัท แชฟฟ์เลอร์ กล่าวว่า “เป้าหมายของความร่วมมือกันในครั้งนี้ของทั้งสองบริษัท เพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบขับเคลื่อนล้อหลังอัจฉริยะ (iRWS) และขยายตลาดด้วยการนำเสนอโซลูชั่นแบบบูรณาการสำหรับระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวแชฟฟ์เลอร์พร้อมนำเสนอระบบขับเคลื่อนล้อหลังอัจฉริยะแบบเมคคาทรอนิกส์ iRWS และบ๊อช ออโตโมทีฟ สเทียริ่งจะให้บริการด้านซอฟต์แวร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบของชุดควบคุมพวงมาลัย การรวมจุดแข็งของทั้งสองบริษัทนี้ จะทำให้เราสามารถสร้างระบบเทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบที่มีประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ให้กับกลุ่มลูกค้าของเราเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีอัจฉริยะของระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง ถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางของแชฟฟ์เลอร์ ในการเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยี ที่เลือกใช้สำหรับระบบแชสซี”

เทคโนโลยีระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง : วิวัฒนาการด้านเมคคาทรอนิกส์

นายเควาน คาชิ ประธานหน่วยธุรกิจระบบเมคคาทรอนิกส์ บริษัท แชฟฟ์เลอร์ กล่าวว่า “แชฟฟ์เลอร์ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวระบบเมคคาทรอนิกส์อัจฉริยะ หรือ Active Roll Control (iARC) ในปี พ.ศ. 2558 และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้แชฟฟ์เลอร์เรียนรู้จากกระบวนการดังกล่าว ส่งตรงไปยังการพัฒนาระบบขับเคลื่อนล้อหลังอัจฉริยะแบบเมคคาทรอนิกส์ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด จากการผสมผสานความเชี่ยวชาญทางด้านเมคคาทรอนิกส์เข้ากับความสามารถหลักของเราในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนเครื่องจักรกลและเมคคาทรอนิกส์ ทำให้แชฟฟ์เลอร์สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและปรับให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี กลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบขับเคลื่อนล้อหลังอัจฉริยะแบบเมคคาทรอนิกส์ iRWS จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่และความปลอดภัย มอบประโยชน์หลักหลายประการในโลกที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน

ด้วยเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่รถมากยิ่งขึ้น เมื่อต้องการหมุนล้อหลังไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า โดยจะช่วยลดรัศมีวงเลี้ยว และเพิ่มความคล่องแคล่วในพื้นที่แคบ เช่น การจอดรถในที่ที่มีคนพลุกพล่าน ยิ่งไปกว่านั้นระบบช่วยบังคับเลี้ยวของเพลาล้อหลัง ยังช่วยเพิ่มการบังคับการทรงตัว ความสะดวกสบาย และเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่ อีกทั้ง ระบบพวงมาลัยล้อหลังของแชฟฟ์เลอร์ใช้เทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเบา ทำให้มีน้ำหนักรวมสูงสุดเพียงแปดกิโลกรัม หัวใจสำคัญของระบบ คือ เฟืองหลักที่ทำหน้าที่ล็อคตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าล้อหลังจะไม่เปลี่ยนทิศทางโดยที่ไม่มีแรงกระทำจากผู้ขับขี่ สกรูไดรฟ์หลักยังให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ยิ่งไปกว่านั้น การออกแบบของระบบได้รับการปรับให้เหมาะสมที่สุด ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีเสียงรบกวนต่ำ

ชุดควบคุมระบบบังคับเลี้ยวของบ๊อซ (Bosch) รองรับการขับขี่ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

ดร. สเตฟาน วาสชูล หัวหน้าชุดควบคุมระบบบังคับเลี้ยวรถยนต์ บริษัท โรเบิร์ต บ๊อช ออโตโมทีฟ สเทียริ่ง กล่าวถึงความร่วมมือกับแชฟฟ์เลอร์ในครั้งนี้ว่า “ บ๊อซพร้อมนำเสนอชุดควบคุมระบบบังคับเลี้ยว ซึ่งเป็นโมดูลในตัวที่ประกอบด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ การออกแบบที่ปรับขนาดได้และเป็นโมดูลพื้นฐานของฟังก์ชั่นช่วยเหลือผู้ขับขี่หลายอย่าง ในระบบบังคับเลี้ยวด้านหลังแบบใหม่ของแชฟฟ์เลอร์ ชุดควบคุมนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในรถยนต์หลายล้านคันที่ขับเคลื่อนด้วยเพลาหน้า พร้อมการรักษาความปลอดภัยของบ๊อซ เพื่อการป้องกันที่แข็งแกร่งจากการโจมตีทางไซเบอร์ ฟังก์ชั่นและการอัปเดตรองรับโดยเทคโนโลยี over-the-air (OTA) ชุดควบคุมระบบบังคับเลี้ยวรุ่นที่ 3 ของเราเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วและประสบความสำเร็จมากในตลาดระบบควบคุมพวงมาลัยเพลาหน้า และภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ เราจะใช้ความเชี่ยวชาญของเราในด้านนี้กับระบบบังคับเลี้ยวด้านหลัง ร่วมกับประสบการณ์และความรู้ทางเทคนิคในซอฟต์แวร์และสถาปัตยกรรม E / E มากมาย ซึ่งทำให้เราเป็นผู้นำในตลาดระบบควบคุมนี้ได้”
ด้วยประสบการณ์หลายทศวรรษในการพัฒนาซอฟต์แวร์และการควบคุมระบบ บ๊อซประสบความสำเร็จในการเป็นพันธมิตรกับเทคโนโลยีนี้ในการใช้งานของลูกค้าเป็นจำนวนมาก รวมไปถึง ระบบสัญญาณจากเซ็นเซอร์แรงบิดที่พวงมาลัยคอนโทรลเลอร์อิเล็กทรอนิกส์ในตัวของชุดควบคุม จะคำนวณระบบช่วยบังคับเลี้ยวที่เหมาะสมที่สุด ส่งมอบคำสั่งโดยมอเตอร์ไฟฟ้าในตัว นอกเหนือจากแรงบิดที่ใช้กับพวงมาลัยโดยคนขับแล้ว การคำนวณดังกล่าวยังคำนึงถึงพารามิเตอร์อื่น ๆ ของรถอีกมากมาย

เกี่ยวกับแชฟฟ์เลอร์

กลุ่มแชฟฟ์เลอร์เป็นผู้จำหน่ายสินค้าด้านยานยนต์และอุตสาหกรรมชั้นนำระดับโลก ด้วยการนำเสนอส่วนประกอบและระบบที่มีความแม่นยำสูงในเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และตัวถัง รวมถึงโซลูชั่นตลับลูกปืนแบบเม็ดกลมและแบบธรรมดา สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมจำนวนมาก กลุ่มแชฟฟ์เลอร์ได้สร้างแนวคิด “การขับเคลื่อนเพื่ออนาคต” โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีแบบยั่งยืนสำหรับการเคลื่อนที่ด้วยระบบไฟฟ้า ระบบดิจิตอล และอุตสาหกรรม 4.0 เทคโนโลยีของแชฟฟ์เลอร์สร้างยอดขายได้ประมาณ 14.4 พันล้านยูโรในปี 2562 แชฟฟ์เลอร์เป็นหนึ่งในบริษัทครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีจำนวนพนักงานประมาณ 89,000 คน และมีสำนักงานสาขากว่า 170 แห่งในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ทั้งที่เป็นโรงงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา และสำนักงานขาย ด้วยการลงทะเบียนสิทธิบัตรมากกว่า 2,400 รายการในปี พ.ศ. 2562 แชฟฟ์เลอร์เป็นบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศเยอรมนีจากข้อมูลของสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าเยอรมัน (DPMA)


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ยส่งทีมนักศึกษาจาก ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) แข่ง Huawei ICT Competition 2020 รอบเอเชียแปซิฟิก

บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ชวนคนไทยร่วมส่งกำลังใจให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีทั้ง 3 คนในนามทีม “KMUTT” เป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมแข่งขันในเวที Huawei ICT Competition 2020 รอบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2563 นี้ โดยตัวแทนทีมนักศึกษาผู้ชนะจากรอบคัดเลือกระดับประเทศ เตรียมประลองความรู้ความเชี่ยวชาญด้านไอซีที กับทีมผู้แทนจากอีก 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และอินโดนีเซีย

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะทำให้บริษัทต้องเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเป็น
อีเว้นท์ทางออนไลน์ผ่านระบบ Video Conference สำหรับทั้งรอบภูมิภาคและรอบแกรนด์ไฟนอล แต่หัวเว่ยประกาศว่าการแข่งขันต้องดำเนินต่อไป พร้อมเดินหน้าเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้มีพื้นที่ให้แสดงความสามารถบนเวทีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี

ทีม KMUTT ผู้ชนะในรอบคัดเลือกของ Huawei ICT Competition 2020 ซึ่งเป็นตัวแทนประเทศไทยประจำปีนี้ประกอบด้วยนักศึกษาทั้งหมด 3 คน จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ได้แก่ นายพิทวัส ทวีกิจวรชัย (พีท) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 นายวิชาญ เรืองขจร (ปลื้ม) นักศึกษาชั้นปีที่ 3 และนายบุญญฤทธิ์ ปึงทมวัฒนากูล (อ๊อฟ) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ

ในรอบคัดเลือก หัวเว่ยใช้ Huawei Certification ระดับ HCIA (Huawei Certified ICT Associate) ซึ่งเป็นหลักสูตรประกาศนียบัตรรับรองความรู้ด้านไอซีทีที่ได้การยอมรับในการทำงานระดับสากล ในสาขา Routing & Switching เพื่อคัดเลือกหาทีมอันดับหนึ่งของประเทศ โดยทีม KMUTT ของนักศึกษาทั้งสามได้รับคัดเลือกจากการแข่งขันรอบระดับประเทศที่จัดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้พวกเขาได้เป็นตัวแทนเยาวชนไทยเพื่อเตรียมตัวชิงชัยในระดับภูมิภาค ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ และเนื่องด้วยสถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ การแข่งขันรอบ Regional – APAC นี้ หัวเว่ยจะแจกโจทย์การทดสอบพร้อมกันทั้ง 6 ประเทศผ่านระบบ Video Conference และ 9 ทีมที่ได้คะแนนรวมสูงสุดจะเป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไปชิงแชมป์โลกในรอบแกรนด์ไฟนอล ร่วมกับผู้ชนะจากแต่ละภูมิภาค

เพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในเวทีนานาชาติ ทีมเยาวชนไทยเผยว่าพวกเขาต่างทบทวนความรู้ในทางทฤษฎีและเชิงปฏิบัติด้วยตนเองมาอย่างต่อเนื่องจากหลักสูตรและแหล่งข้อมูลที่หัวเว่ยจัดเตรียมให้มาโดยตลอด การแข่งขันในรอบภูมิภาคนี้ ต้องอาศัยความรู้ด้านไอซีทีใน 3 สาขา ได้แก่ Routing & Switching, WLAN และ Security ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากหัวเว่ย ประเทศไทย ได้ให้การสนับสนุนน้องๆ อย่างเต็มที่ด้วยการจัดฝึกอบรมทบทวนความรู้อย่างเข้มข้นเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อให้ทีมผู้เข้าแข่งขันมีพื้นฐานทฤษฎีที่แม่นยำ พร้อมจัดเทรนนิ่งเชิงปฏิบัติที่สำนักงานใหญ่ของหัวเว่ย เพื่อจำลองสถานการณ์การเชื่อมต่อระบบผ่านอุปกรณ์จริง เตรียมความพร้อมน้องๆ ให้มีความมั่นใจทั้งในเชิงทฤษฎีและการทำงานกับเครือข่ายจริงอีกด้วย

ดร. อนุชาติ ทัศนวิบูลย์ อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในฐานะผู้ดูแลโครงการ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเตรียมความพร้อมของทีมว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยฯ ได้มีโอกาสแสดงความสามารถด้านไอซีทีในเวทีระดับสากล ประสบการณ์เช่นนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นอกจากจะได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาโดยตรงแล้ว ผมมั่นใจว่าทีมของเราจะได้พัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีมและการขวนขวายหาความรู้นอกห้องเรียนหรือ Self- Learning ซึ่งเป็นสองทักษะที่สำคัญมาก ๆ ในโลกเทคโนโลยียุคใหม่”

นายบุญญฤทธิ์ ปึงทมวัฒนากูล (อ๊อฟ) ตัวแทนเยาวชนจากทีม KMUTT ทิ้งท้ายว่า “พวกเราจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด ประสบการณ์การแข่งขันระดับโลกแบบนี้ถือเป็นความท้าทายอันน่าตื่นเต้นในชีวิต และเราก็มั่นใจว่าสิ่งที่ได้รับจากโครงการ Huawei ICT Competition คือการได้ต่อยอดองค์ความรู้ด้านไอทีจากห้องเรียนสู่การเปิดโลกกว้าง พร้อมนำความรู้ที่ได้จากหลักสูตรของหัวเว่ยไปใช้ในการทำงานในอนาคตต่อไป”

หัวเว่ยขอชวนทุกคนร่วมส่งกำลังใจให้ทีม “KMUTT” ในการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ บริษัทพร้อมยืนหยัดส่งเสริมการพัฒนาทักษะความรู้ด้านไอซีที ผ่านหลักสูตรไอซีทีทางออนไลน์มากมายภายใต้โครงการ Huawei Certification เพื่อมอบโอกาสการเรียนรู้ด้านไอซีทีที่ทุกคนเข้าถึงได้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมโทรซิสเต็มส์ฯ ขอเชิญเข้าร่วมงานสัมมนาด้านไอทีสุดยิ่งใหญ่แห่งปี The Power of Data

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์โซลูชั่น ขอเรียนเชิญท่านผู้บริหาร CTO, CIO, IT Manager, Systems Engineer, Cloud Engineer, DevOps Engineer, Software Developer,IT Security Manager, Business Manager, Security Engineer, ผู้ดูแลระบบ IT และผู้ที่สนใจทุกท่าน เข้าร่วมงานสัมมนาไอทีสุดยิ่งใหญ่ประจำปี 2020 “The Power of Data” ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 ส่งผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกในวงกว้าง ทำให้องค์กรต้องเสาะแสวงหาเทคโนโลยีที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้ ร่วมรับฟังแนวความคิดจากผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำ และพบกับโซลูชั่นหลากหลายที่ช่วยนำพาองค์กรของคุณ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุค New Normal ในวันพฤหัสที่ 22 ตุลาคม 2020 นี้ เวลา 8.00-16.00 น. ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
: Agenda :
08.00 – 09.20 : Registration at MSC (Convention Hall G1)
09.20 – 09.40 : Wecome Address by Mr.Aroon Tor-ek-bundit, President, Metro Systems Corporation Public Co., Ltd.
09.40 – 10.00 : Adapting Cybersecurity For The NEW NORMAL
10.00 – 10.20 : 4 Ways IT Prepare for PDPA Actions
10.20 – 11.00 : New End-to-End Automation Processes for Profitability & Customer Experiences
11.00 – 11.40 : Cognitive Business Platform Journey : Data Preparation/Data Management/Data Analytics
11.40 – 13.40 : Lunch and Visit Booth
13.40 – 14.00 : New Innovative Digital Organization
14.00 – 14.20 : IoT and Design for Product Excellent
14.20 – 14.40 : The Organization’s Central Intelligence
14.40 – 15.40 : Panel Discussion with Guest Speakers
15.40 – 16.00 : Wrap up and Lucky Draw

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : คุณสุภาพรรณ ถ้วนกำจร โทร. 02-089-4938 อีเมล supapthu@metrosystems.co.th

กรุณาลงทะเบียนเข้าร่วมงานที่ Link นี้ค่ะ : https://forms.office.com/Pages/ResponsePage.aspx?id=nIQHzS3vvkWtKzBH1IP40MxTO3QVq4VFmNG14rK9FhZUQjJJTjRZVVRFMVFOM00yNE1TNjRHQk1NTS4u


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ออฟฟิศเมท พลัส” แฟรนไชส์ไทยดาวรุ่งมาแรงแห่งปี 2020 เปิดประตูอ้าแขนรับสมัครแฟรนไชส์ซี ในงาน TFBO ไบเทค บางนา

นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท พลัส กล่าวว่า ออฟฟิศเมท พลัส (OfficeMate Plus+) ร้านแฟรนไชส์อุปกรณ์สำนักงานเพื่อธุรกิจ เปิดรับสมัคร แฟรนไชส์ซีให้ร่วมเติบโตอย่างยั่งยืนไปด้วยกัน กับโมเดลธุรกิจเชิงรุก Disruptive B2B OMNI Channel Franchise ที่ช่วยให้ผู้ลงทุนฉีกทุกกรอบการขายสู่การสร้างรายได้ที่มั่นคงและเติบโตได้อย่าง  ไร้ขีดจำกัด ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 2.9 ล้านบาท ให้คุณขายสินค้าเพื่อภาคธุรกิจกว่า 60,000 รายการ ผ่านช่องทางการขายทั้งหน้าร้าน, พนักงานขาย Direct Sale, ช่องทางออนไลน์ผ่าน Line และ Facebook ด้วยระบบจัดการสำเร็จรูปมาตรฐานสากลที่ช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจได้เร็วใน 3 เดือน*

พบกับ ออฟฟิศเมท พลัส (OfficeMate Plus+) แฟรนไชส์ไทยดาวรุ่งมาแรงแห่งปีการันตีด้วยรางวัล “Franchise Shining Star” จากงาน Thailand Franchise Award 2020 ที่บูธออฟฟิศเมท พลัส R18 ในงาน Thailand Franchise & Business Opportunities 2020 (TFBO) ไบเทค บางนา 14–17 ต.ค. 63 นี้ พร้อมพูดคุยกับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจแฟรนไชส์ค้าปลีกได้ฟรี! และรับข้อเสนอสุดพิเศษกับส่วนลดเข้าร่วมลงทุน มูลค่ารวม 100,000 บาท* (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)


 

Exit mobile version