Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซีเมนส์ ประกาศกลยุทธ์การลงทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร มุ่งสร้างการเติบโต ขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่นในอนาคต

ซีเมนส์ได้นำเสนอกลยุทธ์การลงทุน มูลค่า 2 พันล้านยูโร เพื่อกระตุ้นการเติบโตในอนาคต พร้อมขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่น โดยมุ่งเน้นการลงทุนหลักไปที่การเพิ่มกำลังการผลิต ห้องปฏิบัติการนวัตกรรม ศูนย์การเรียนรู้ และโรงงานใหม่ โดยซีเมนส์ประกาศสร้างโรงงานไฮเทคแห่งใหม่ในสิงคโปร์ เพื่อรองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโตอย่างมาก

โรแลนด์ บุช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและซีอีโอของ ซีเมนส์ เอจี กล่าวว่า “เทคโนโลยีของเราตอบสนองแนวโน้มการเติบโตที่แน่นอนในอนาคต หรือ Secular Growth ที่สนับสนุนให้ลูกค้าของเราสามารถแข่งขัน สร้างความยืดหยุ่นและความยั่งยืนได้มากยิ่งขึ้น ซีเมนส์กำลังเติบโตในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดอย่างมีนัยสำคัญ และล่าสุดเราประกาศกลยุทธ์การลงทุนเพื่อกระตุ้นการเติบโตในอนาคต เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม และเพิ่มความยืดหยุ่น”

“การลงทุนนี้สนับสนุนกลยุทธ์ของเราในการผสานโลกจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน การมุ่งเน้นการกระจายธุรกิจและธุรกิจท้องถิ่นต่อท้องถิ่น (Local-for-Local Business) การขยายฐานที่ตั้งเพิ่ม Global Presence เพื่อรองรับการเติบโตในตลาดสำคัญ”

ในปีงบประมาณ ค.ศ. 2023 บริษัทฯ คาดว่าจะเพิ่มงบประมาณการวิจัยและพัฒนาอีกประมาณห้าร้อยล้านยูโรเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งจะเน้นในด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) และ

เมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรม (Industrial Metaverse) การวิจัยและพัฒนานี้มุ่งเสริมความแข็งแกร่งในความเป็นผู้นำของซีเมนส์ในเทคโนโลยีหลักๆ ซึ่งรวมถึง Simulation, Digital Twins, Artificial Intelligence หรือ Power Electronics พร้อมสนับสนุน Siemens Xcelerator  ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิดของบริษัทฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้ประกาศความร่วมมือกับ Microsoft เพื่อเร่งการสร้างโค้ดสำหรับระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมโดยใช้ ChatGPT และซีเมนส์ยังกำลังทำงานร่วมกับ NVIDIA เพื่อสร้างเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาการออกแบบ การวางแผน การผลิต และการดำเนินงานของโรงงานและโครงสร้างพื้นฐาน

กำลังการผลิตใหม่และเพิ่มเติมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซีเมนส์ได้ประกาศสร้างโรงงาน ไฮเทคแห่งใหม่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะได้รับการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี Digital Twin พร้อมนวัตกรรมฮาร์ดแวร์อัจฉริยะของซีเมนส์ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านยูโร โรงงานแห่งใหม่ นี้จะกำหนดมาตรฐานใหม่ของการเชื่อมต่อเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาเพิ่มศักยภาพรวมถึงการใช้กระบวนการผลิตอัตโนมัติขั้นสูง และการลงทุนนี้ยังสร้างงาน มากกว่า 400 ตำแหน่ง

กลยุทธ์มุ่งเน้นทุกภูมิภาคด้วยแผนการลงทุนทั่วโลก

อีกส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนเพื่อรองรับธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน ซีเมนส์จะขยายโรงงานดิจิทัลในเฉิงตู เพื่อรองรับโอกาสการเติบโตในท้องถิ่นของจีนในแบบ in China for China ด้วยการลงทุน 140 ล้านยูโร (1.1 พันล้านหยวน) สร้างงานใหม่ 400 ตำแหน่ง ลูกค้าในประเทศจีนของซีเมนส์จำนวนมากอยู่ในกลุ่ม Early Adopters ในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีดิจิทัลและการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง นี่คือเหตุผลที่ซีเมนส์ประกาศการลงทุนในศูนย์นวัตกรรมวิจัยและพัฒนาแบบดิจิทัลแห่งใหม่ในเซินเจิ้น เพื่อเร่งการพัฒนาระบบควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ Power Electronics โดยแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิด Siemens Xcelerator เปิดตัวในประเทศจีนในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2022

การประกาศการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ซีเมนส์มีความมุ่งมั่นที่จะขยายการผลิตในเมือง Trutnov ในประเทศสาธารณรัฐเช็ก เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงานของบริษัทฯ ที่เมือง Amberg ประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่าย WEF Global Lighthouse(1) นอกจากนี้ซีเมนส์ยังลงทุนอีก 30 ล้านยูโรเพื่อขยายโรงงานสวิตช์เกียร์ที่ Frankfurt-Fechenheim ในประเทศเยอรมนี ขณะที่ ซีเมนส์ โมบิลิตี้ เมื่อเร็ว ๆ นี้ประกาศการลงทุน 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างโรงงานผลิตตู้รถไฟแห่งใหม่ในเมืองเล็กซิงตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับรถไฟโดยสารในสหรัฐอเมริกา โดยโรงงานแห่งนี้จะสร้างงานมากกว่า 500 ตำแหน่งภายในปี ค.ศ. 2028

แผนการลงทุนมูลค่า 2 พันล้านยูโร และอีกประมาณห้าร้อยล้านยูโรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสำหรับการวิจัยและพัฒนานั้นรวมถึงการลงทุนใน ซีเมนส์ เฮลท์ธิเนียร์ส


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Infinix พาชมไฮไลต์จากกิจกรรม Infinix x BaNANA 5G Speed Gameplay


19 มิถุนายน 2566, กรุงเทพฯอินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ตโฟนระดับโลกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ รวบรวมภาพบรรยากาศจากกิจกรรมพิเศษใน Infinix x BaNANA 5G Speed Gameplay เพื่อส่งมอบโมเมนต์ความประทับใจให้กับผู้ใช้งานทุกคน โดยงานนี้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้าไปร่วมสนุกด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ เล่นเกม และร่วม Meet and Greet กับทีมนักกีฬาอีสปอร์ต Bacon Time เพื่อลุ้นเป็นผู้โชคดีรับของรางวัลมากมาย พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังอย่าง โมบายล์ อดีตสมาชิกวง BNK48 และ แพรซัน ศิลปินเจ้าของเพลงฮิตมาแรงบน TikTok พร้อมกับพบมือถือสายเกมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Infinix NOTE 30 Series ตัวจริงในงาน ซึ่งในงานได้รับเกียรติจาก นายคูเปอร์ มา ผู้จัดการประจำประเทศไทย อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ พร้อมด้วย นางสาว วรรณธพร วงค์ไฉไล Retail Buyer บริษัท คอมเซเว่น จํากัด (มหาชน) บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกจัดจำหน่ายสินค้ามือถือและไอที ภายใต้ชื่อร้าน BaNANA (บานาน่า) มอบรางวัลให้กับผู้โชคดีและร่วมพูดคุยถึงความร่วมมือในการจัดงานครั้งนี้ ณ บริเวณลานน้ำพุทางเชื่อมรถไฟฟ้า ชั้น 2 เซ็นทรัล พลาซ่า เวสต์เกต

กิจกรรม Infinix x BaNANA 5G Speed Gameplay ในครั้งนี้ จัดไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา โดยในงานจัดให้มีโซนกิจกรรมและจุดถ่ายรูปสุดครีเอทสีสันสดใสมากมาย เพื่อให้ทุกคนได้โพสต์ท่าถ่ายรูปกันแบบจัดเต็ม พร้อมมีบูธของที่ระลึกและโชว์มือถือสายเกมรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Infinix NOTE 30 Series นอกจากนี้ยังมีเซอร์ไพรส์ให้ผู้ที่เข้าร่วมงานและเหล่าสาวกคอเกมตัวจริงได้ใกล้ชิดกับทีมนักกีฬาอีสปอร์ต Bacon Time รวมถึงศิลปินชื่อดังและอินฟลูเอนเซอร์สายเกมที่มาร่วมสร้างสีสันในงานอีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่างานนี้ ทุกคนที่ร่วมงานได้รับความสนุกและความประทับใจกลับบ้านไปแน่นอน

เริ่มต้นกิจกรรมด้วยการไลฟ์เฟซบุ๊กจากอินฟินิกซ์ ด้วยบรรยากาศในงานสุดคึกคัก ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆ และต่อด้วยการเปิดงานอย่างเป็นทางการโดย นายเมธาพัฒน์ เดชะเศรษฐ์ศิริ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด อินฟินิกซ์ ไทยแลนด์ ที่มาร่วมพูดคุยถึงรายละเอียดความร่วมมือและเป้าหมายของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับโปรดักส์สินค้าและโปรโมชันพิเศษต่างๆ

ต่อด้วยการร่วมพูดคุยกับทีมนักกีฬาอีสปอร์ต Bacon Time, โมบายล์ อดีตสมาชิกวง BNK48 และ แพรซัน ศิลปินเจ้าของเพลงฮิตมาแรงบน TikTok ถึงเบื้องหลังการถ่ายหนังโฆษณาและความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับทาง Infinix เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยอินฟลูเอนเซอร์สายเกมที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์ ทักษะและสกิลการเล่นเกมดีๆ มากมาย เพื่อเอาใจเหล่าสาวกสายเกมและผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมได้นำกลับไปปรับใช้ได้จริงในการเล่นของตัวเอง ตลอดจนมีการมอบของรางวัลให้กับ Lucky Fan จากการทำกิจกรรมแข่งขันเกมในมิชชั่นต่างๆ ในงาน

สุดท้ายฟินไปกับมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง โมบายล์ อดีตสมาชิกวง BNK48 และ แพรซัน ศิลปินเจ้าของเพลงฮิตมาแรงบน TikTok ที่มามอบรอยยิ้มและแจกความสดใส พร้อมด้วยเสียงเพลงเพราะๆ ที่ทำให้ทุกคนในงานต้องร้องตาม และเรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับมากมาย

พิเศษ! โปรโมชันสำหรับผู้ที่ซื้อมือถือ Infinix NOTE 30 Series ระหว่างวันนี้ – 30 มิถุนายน 2566 รับฟรีของพรีเมียมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และข้อเสนอพิเศษบัตรประชาชนใบเดียว ผ่อนได้นานสูงสุด 24 เดือน พร้อมประกันความคุ้มครองตัวเครื่องเพิ่มเป็น 2 ปี รวมถึงมีประกันหน้าจอแตกนาน 90 วัน โดยผู้ที่ซื้อมือถือรุ่น NOTE 30 5G รับฟรีกระเป๋าลาย Infinix, ลำโพงบลูทูธ และพาวเวอร์แบงค์ 10000 mAh รวมมูลค่า 4,460 บาท และเมื่อซื้อมือถือรุ่น NOTE 30 4G รับฟรีกระเป๋าลาย Infinix, ลำโพงบลูทูธ และSetbox รวมมูลค่า 3,260 บาท โดยโปรโมชันจำกัดสิทธิ์เฉพาะผู้ที่ซื้อมือถือที่ร้าน BaNANA เท่านั้น หรือช้อปออนไลน์ BNN.in.th คลิกซื้อสินค้าได้ที่ Link : https://com7.co/3N7nIrP ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.infinixmobility.com/th


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

HIS MSC เข้าร่วมงาน IT Andaman 2023

คุณภูษิต อรุณรัตนดิลก, Vice President, HIS MSC Company Limited และ ทีมงานผู้บริหาร HIS MSC จัดบูธนำเสนอ “MYRA Product” ซึ่งเป็น KIOSK Self Check-in ของโรงแรม, Infor Hospitality Management Solution (HMS™) และเทคโนโลยี SYNCHROWEB รวมถึงโซลูชั่นเทคโนโลยีสำหรับการบริหารจัดการทุกด้านของโรงแรม ในงาน IT Andaman 2023 วันที่ 6 พฤษภาคม 2023 ณ โรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต

MYRA เป็นนวัตกรรมของ KIOSK Self Check-in ในรูปแบบต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของสถานที่ ได้แก่ Myra Stand, Myra Compact, Myra Bolt, Myra ZiP, Myra OMN, Myra PURE Myra Console และ Mira Online ทำให้ MYRA เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับโรงแรม ในการนำการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมาสู่กระบวน check-in and check-out

Infor Hospitality Management Solution (HMS™) คือระบบซอฟต์แวร์บริหารจัดการห้องพักและบริหารจัดการด้านอื่นๆ ของโรงแรม ที่มีความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ช่วยให้พนักงานเข้าถึงข้อมูลที่สามารถดำเนินการงานที่เกี่ยวกับแขกและสามารถประเมินการจองแต่ละรายการได้อย่างรวดเร็วและประสบการณ์ที่หลากหลาย

ส่วนเทคโนโลยี SYNCHROWEB หรือ Kiwire เป็นแพลตฟอร์มของ internet gateway ที่ช่วยจัดการระบบการใช้งานของลูกค้าและของโรงแรม แขกเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi แบบเปิดโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านWi-Fi หรือการเข้าถึงเครือข่าย สร้างประสบการณ์การใช้ Wi-Fi ของลูกค้าโดยไม่ติดขัด

HIS MSC Company Limited เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Infor INC.จากสหรัฐอเมริกาและ Metro Systems Corporation Public Company (MSC) ตั้งแต่ปี 2534 นำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีสำหรับการบริหารจัดการทุกด้านของโรงแรม ตั้งแต่โรงแรมขนาดเล็กไปจนถึงโรงแรมระดับนานาชาติขนาดใหญ่

“HIS MSC Company Limited นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพสูงด้วยความเป็นมืออาชีพที่เหนือกว่า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเติบโตของลูกค้าด้วยความสำเร็จอย่างยั่งยืน มายาวนานกว่า 30 ปี”


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซีเมนส์ ร่วมดัน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรม นำเทคโนโลยีมุ่งเน้นความยั่งยืนระดับโลกมาจัดแสดงในงาน ProPak Asia 2023

ซีเมนส์ประกาศสนับสนุน Digital Transformation สำหรับภาคอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเน้นความยั่งยืน โดยในปีงบประมาณ 2565 ของบริษัทฯ ผลิตภัณฑ์และโซลูชันของซีเมนส์ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลกหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึงประมาณ 150 ล้านตัน ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ ปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ ทำให้ภาคอุตสาหกรรมมุ่งหน้านำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงปลายทางที่เป็นผู้ประกอบการ โดยสอดรับกับแนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยึดหลัก “Sustainability” เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change)

ด้วยปริมาณประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมการผลิตอาหารและเครื่องดื่มถือว่าเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งทางด้านการผลิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยจากสถิติ 30% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกเกิดจากการผลิตและบรรจุอาหาร(1) และ 70% ของปริมาณน้ำจืดบนโลกถูกใช้โดยอุตสาหกรรมอาหาร(2)  สำหรับประเทศไทยอุตสาหกรรมอาหารรวมถึงเครื่องดื่มยังเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยจากข้อมูลของ Statista ระบุ ณ เดือนมีนาคม 2566 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารของประเทศไทยอยู่ใน อันดับที่ 3 (119.17 จุด) รองจากกลุ่มเภสัชภัณฑ์และยาเตรียม (132.28 จุด) และอันดับ 1 คือกลุุ่มเครื่องจักรกลและอุปกรณ์อุตสาหกรรม (142 จุด)

โดยภายในงาน ProPak Asia 2023 ซีเมนส์นำนวัตกรรมและโซลูชันล้ำสมัยที่จะช่วยเร่ง Digital Transformation สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม แบบ End-to-End ช่วยให้สามารถผลิตได้มากขึ้น เร็วขึ้น มีความยืดหยุ่นพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ในขณะที่ใช้ทรัพยากรน้อยลง และยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

เทคโนโลยีและโซลูชันไฮไลท์ของซีเมนส์ที่จัดแสดง ในงาน ProPak Asia 2023 (ณ บูธ N21) ได้แก่ 

  • โซลูชันการเกษตรแนวตั้ง (Vertical Farming) พลิกโฉมอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสู่ความยั่งยืน ที่สามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End) โดยประหยัดน้ำได้ถึง 95% เทียบกับการทำเกษตรทั่วไป เพิ่มผลผลิตได้มากกว่า 300 เท่าต่อตารางฟุต ลดคาร์บอนฟุตปริ้นตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะกินข้าวและก่อให้เกิดขยะน้อยกว่า ที่สำคัญใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และไม่มียากำจัดศัตรูพืช
  • ซอฟต์แวร์ Opcenter APS สำหรับวางแผนและจัดตารางการผลิต เนื่องด้วยเครื่องมือที่ใช้ในการวางแผนการผลิตในปัจจุบันมีความหลากหลายซึ่งบ่อยครั้งทำให้เกิดความผิดพลาด ทั้งยังยากในการปรับเปลี่ยน ส่งกระทบต่อผลผลิต และการส่งมอบสินค้า ซอฟต์แวร์ OpCenter APS ช่วยลดความซับซ้อน เพิ่มผลผลิต ลดปริมาณสินค้าคงคลังลดลง และเพิ่มความสามารถในการส่งมอบสินค้า โดย Opcenter APS สามารถเป็นนวัตกรรมเริ่มต้นสำหรับ Digital Transformation ของทุกองค์กรในภาคการผลิต
  • โซลูชัน Industrial 5G wireless networks ที่ออกแบบสำหรับอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ด้วยการเชื่อมต่อความเร็วสูงที่มีความหน่วงในการส่งข้อมูลต่ำในระดับ 1 มิลลิวินาที มีความเสถียรและปลอดภัยสูง ช่วยรองรับการใช้แอปพลิเคชันอุตสาหกรรม เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่  (Mobile Robots), การขนส่งอัตโนมัติ (Autonomous Logistics) หรือรถลำเลียงสินค้าที่ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ  (Automated Guided Vehicles or AGVs) และเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ เซ็นเซอร์ และระบบการทำงานทั้ง Information Technology (IT) และ Operation Technology (OT) ให้ลื่นไหลไร้รอยต่อ สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ สนับสนุน massive Machine-Type Communications (mMTC) ซึ่งทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ IoT จำนวนมากได้ เพื่อการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น

ซีเมนส์ได้กําหนดเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) ไว้ในกรอบกลยุทธ์เฟรมเวิร์ก “DEGREE” เน้นดำเนินการใน 6 ด้าน คือ D – Decarbonization การลดปริมาณคาร์บอน E – Ethics จริยธรรม G – Governance บรรษัทภิบาล R – Resource Efficiency การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ E- Equity ความเสมอภาค และ E- Employability การจ้างงาน ครอบคลุมการดำเนินงานในทุกมิติ และบริษัทฯ พร้อมร่วมผลักดันภาคอุตสาหกรรมไทยให้เดินหน้าไปสู่ความยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 ด้วยการขับเคลื่อนของเทคโนโลยีและนวัตกรรม


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CADT DPU ร่วม ชสบ. จัดสัมมนา “อากาศยานไร้คนขับ (Drone) กับทิศทางการกำกับดูแลของไทย”

นาวาอากาศตรี ดร.วัฒนา มานนท์ คณบดีวิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน (CADTCollege of Aviation Development and Training ) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลานี้ อุตสาหกรรมโดรน (Drone) หรือ อากาศยานไร้คนขับ เริ่มมีความสำคัญและมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture ) หรือ เกษตรอัจฉริยะ (Smart  Agriculture)  ด้านการทำแผนที่และการสำรวจ (Mapping & Survey) ด้านการเฝ้าระวังและตรวจสอบความปลอดภัย (Surveillance & Monitoring) ด้านการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emergency Management) หรือการจัดการภัยพิบัติ (Disaster Management)  ด้านความบันเทิง (Entertainment) เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ใช้โดรนจำเป็นต้องมีความรู้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกฎหมายข้อบังคับ หรือ ระเบียบข้อจำกัดในการใช้ รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น ดังกล่าวนี้ วิทยาลัยการพัฒนาและฝึกอบรมด้านการบิน มธบ. (CADT) และชมรมสถาบันการศึกษาและบุคลากรด้านการรบินประเทศไทย (ชสบ.) เล็งเห็นความสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมโดรน จึงได้ร่วมกันจัดสัมมนา เรื่อง อากาศยานไร้คนขับ (Drone) กับทิศทางการกำกับดูแลของไทย  ในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2566 เวลา 08.30-12.00 น. ณ ห้องประชุมสนม สุทธิพิทักษ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อถายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ Drone และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาครัฐและภาคเอกชน ในการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์จาก Drone และเพื่อฉลองในโอกาสครบรอบ 55 ปี ของการสถาปนามหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

หัวข้อสัมมนา ประกอบด้วย 1) ความเป็นมาและการพัฒนาเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับ (Drone)”    วิทยากรโดย พลอากาศตรี บุญเลิศ อันดารา รองผู้บัญชาการ  โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช   2)  กฎหมายอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ของประเทศไทย  วิทยากร โดยนายสมชาย  พิพุธวัฒน์  ประธานชมรมสถาบันการศึกษาและบุคลากรด้านการบินประเทศไทย (อดีตอธิบดีกรมการบินพลเรือน)  และ  3)

แนวทางการกำกับดูแลการใช้งานอากาศยานไร้คนขับ (Drone) ในประเทศไทย วิทยากร : นายฉัตรชัย  ปั่นตระกูล รักษาการผู้จัดการฝ่ายมาตรฐานอากาศยานซึ่งไม่มีนักบิน  สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย

และ 4) อนาคตอากาศยานไร้คนขับ (Drone) กับเทคโนโลยีที่กำลังปฏิวัติโลก วิทยากร โดย นายจรรยวรรธน์  ชาติอนุลักษณ์ นายกสมาคมโดรนซอคเกอร์ประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ของ Drone มาโชว์ ภายในงานอีกด้วย

นาวาอากาศตรี ดร.วัฒนา กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดสัมมนาเรื่องอากาศยานไร้คนขับ (Drone) กับทิศทางการกำกับดูแลของไทย ครั้งนี้ถือว่าเป็นการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต หรือ New Scurve ตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ทั้งผู้ผลิต    แนวทางการกำกับดูแล (Regulation Scheme) การบริหารจัดการคลื่นความถี่ รวมไปถึงแนวทางการฝึกอบรมที่มีหลายระดับสอดคล้องกับมิติการประยุกต์ใช้งานโดรน ประเภทต่าง ๆ อีกด้วย  พร้อมกับรับฟังและระดมความคิดเห็นจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและสนับสนุนอุตสาหกรรมโดรนเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติ พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก้าวต่อไปของการพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว ทั้งในบริบทการกำกับดูแลควบคู่ไปกับการส่งเสริม พัฒนา และการประยุกต์ใช้ ตลอดจนการสร้างมาตรฐานของอุตสาหกรรม   อากาศยานไร้คนขับ รวมทั้งผู้บังคับอากาศยานไร้คนขับ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอากาศยานไร้คนขับอีกด้วย

“ปัจจุบันโดรนมีบทบาทอย่างมาก ในการสัมมนา ชม.นี้ ผู้เข้าร่วมงานจะได้ความรู้มากมาย นอกจากเรื่องของกฎหมายแล้ว หน่วยงานที่กำกับดูแลก็จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้การใช้โดรนมีความชัดเจนมากขึ้น  การพัฒนาเทคโนโลยีของโดรนจะไปในทิศทางใดบ้างเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเทคโนโลยีโดรนจะเข้ามาปฏิวัติโลกในมุมใดได้บ้าง ดังจะเห็นได้ว่าระบบโลจิสติกส์ในต่างประเทศมีการใช้โดรนส่งของในระยะใกล้ ๆ กันแล้ว รวมทั้งการนำโดรนมาใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร จะเป็นจริงได้เมื่อไหร่

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการออกบูธของผู้ประกอบการ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาโชว์ โดยเฉพาะโรงเรียนนายเรืออากาศที่ชนะการแข่งขันโดรนจากต่างประเทศ รวมทั้ง Drone Academy จะมาสาธิตโดรนโชว์ในงานนี้ด้วย” นาวาอากาศตรี ดร.วัฒนา กล่าว

นาวาอากาศตรี ดร.วัฒนา กล่าวในตอนท้ายว่า ภายหลังการจัดงานจะได้นำองค์ความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากผู้แทนหรือหน่วยงานต่าง ๆ ไปบูรณาการในการทำงานต่อไป โดยอนาคต ตั้งเป้าให้ CADT DPU เป็นศูนย์กลางทางด้านโดรน เป็น One Stop Service ภายใต้การดูแลของ สถาบันการบิน มธบ. (DPU Aviation Academy : DAA)  โดยมีการฝึกอบรมด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับโดรน เป็นต้น

สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ที่  https://forms.gle/N3FXP6w5BsPCWtMb8


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ปี 2024 จะมีเทรนด์อะไรน่าจับตา? ร่วมอัปเดตเทรนด์กันที่งาน CREATIVE TALK CONFERENCE หนึ่งในงาน CTC2023 FESTIVAL

หลากหลายสารพัดคำถามเกี่ยวกับเทรนด์ความรู้ และธุรกิจสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น “ครีเอเตอร์เก่ง ๆ เขาคิดคอนเทนต์ยังไง?, เทรนด์ธุรกิจปี 2024 จะไปในทิศทางไหน, ไอเดียอะไร ที่ใช้พิชิตใจลูกค้า” เรารวบรวมคำตอบมาให้คุณแล้ว ในงาน CREATIVE TALK CONFERENCE งานอัปเดตเทรนด์ความรู้ และธุรกิจสร้างสรรค์แห่งปี 

งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของ CREATIVE TALK CONFERENCE 2023 FESTIVAL เทศกาลอัปเดตเทรนด์ความรู้แห่งปี ที่รวมสปีคเกอร์ชั้นนำมากกว่า 100 คน เสวนากว่า 60 หัวข้อ จากแวดวง Creative, Marketing, Innovation, Entrepreneurship และ People โดย CTC2023 FESTIVAL จะจัดตั้งแต่วันที่ 22 – 24 มิถุนายน 2566 ที่ไบเทคบางนา

ในวันที่ 24 มิถุนายนนี้ มาวิเคราะห์เจาะลึกทุกไอเดีย สำรวจเทรนด์ธุรกิจใหม่ ๆ โดยผู้บริหารชั้นนำ พร้อมทั้งหมวดหมู่เนื้อหาใหม่ ๆ ที่จะมาเติมความสนุกให้ทุกคนใน Music, Film, Comedy และเซสชันเข้มข้นแบบเดิมที่ทุกคนไม่ควรพลาด!

  • From Zero to Hero 

โดย คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงาน Corporate Strategy and Creation บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

  • Storytelling Canvas: เทคนิคการเล่าเรื่องที่ทุกคนก็ทำได้
    โดย คุณสุธีรพันธุ์ สักรวัตร Chief Customer Officer SCBX
  • Connecting the Dots: Uniting Generations เชื่อมโยงคนต่างวัยไม่เป็นคนห่างไกล
    โดย คุณพงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ CEO at Show No Limit and Host of #beartai Tech Contents
  • ThinkBowl Cinema วงสนทนาที่จะพาคนฟังไปรู้จักเรื่องราว ของคนทำหนัง
    โดย คุณวรรณแวว หงษ์วิวัฒน์ ผู้กำกับ เธอกับฉันกับฉัน, คุณฐาปณี หลูสุวรรณ ผู้กำกับ Blue Again และคุณเอกลักญ กรรณศรณ์ BrandThink Cinema และผู้กำกับ RedLife
  • Creating by Human Production by AI สร้างสรรค์ด้วยมนุษย์สรรสร้างด้วย AI
    โดย คุณกอบกฤตย์ วิริยะยุทธกร President, AIEAT. และคุณฐิติพันธ์ ทับทอง Executive Creative Director at Brilliant&Million and NFT Specialist (Flipped Face) 
  • The Future of Investment
    โดย คุณชัชวาลย์ วัฒนะโชติ Influencer นักลงทุน เจ้าของช่อง Kim Property Live
  • How to use marketing psychology to enhance customer experience. สร้างประสบการณ์ลูกค้าด้วยจิตวิทยาการตลาด
    โดย คุณมัณฑิตา จินดา Founder and Managing Director of Digital Tips Academy

ไม่เพียงแค่นั้น ภายในงานยังมีเนื้อหาอัปเดตเทรนด์ และการแชร์เทคนิคคิดสร้างสรรค์ ให้ได้เลือกฟังอย่างจุใจตลอดทั้งวัน

งาน CREATIVE TALK CONFERENCE จัดวันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 ณ BITEC Bangna ดูรายละเอียดงานเพิ่มเติม https://www.ctc2023.com หรือทักสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Inbox เพจ CREATIVE TALK และซื้อบัตรได้ที่ https://bit.ly/45KKiyG

#APTHAI #CTC2023FESTIVAL #Festival #MandalaAI #OceanSkyNetwork #MITCON2023 #ContentShifu #QGEN #CREATIVETALK #TheNextBigThings


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มข.เปิดคลินิก AI ตัวช่วยนักวิจัย-เสริมทักษะอาชีพนักศึกษายุคดิจิทัล

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดตัวคลินิก AI แนะนำการใช้เครื่องมือ Generative AI และชุดคำสั่งสำหรับนักวิจัย ทั้ง SciSpace, ChatPDF, ChatGPT หรือ Alisa ตัวช่วย นักวิจัย-เสริมทักษะอาชีพนักศึกษายุคดิจิทัล ไม่ให้ถูก Disruption ด้วย AI

แม้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะเกิดขึ้นมานาน แต่กระแสของเครื่องมือ Generative AI อย่าง Chat GPT ที่เปิดตัวเพียง 5 วัน ก็มีผู้ใช้งานแตะ 1 ล้านคน สะท้อนถึงความนิยมการใช้งาน AI ในยุคปัจจุบันได้อย่างชัดเจน ไม่นับเครื่องมืออื่น ๆ ที่บริษัทเทคโนโลยีต่างพัฒนาขึ้นจนกลายเป็นสงคราม AI ที่ร้อนแรงและสะเทือนไปทุกวงการ

รศ.ดร.กานดา สายแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ก้าวหน้ามากขึ้นในช่วงปีหลังนี้เนื่องมาจาก พลังคำนวณที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของฮาร์ดแวร์ที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูลมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้นทุกวินาที ผนวกกับความก้าวหน้าในอัลกอริทึม การวิจัยแบบเปิดเผยและร่วมมือกัน การลงทุนและความสนใจจากอุตสาหกรรม และความก้าวหน้าเทคโนโลยีในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น การประมวลผลภาษาธรรมชาติ

อย่างไรก็ตาม เครื่องมือ Generative AI เป็นเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ใช้และพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างสรรค์สิ่งของต่าง ๆ ออกมาในลักษณะที่คล้ายคลึงกับสิ่งของที่ถูกสร้างโดยมนุษย์ ซึ่งสามารถสร้างข้อมูลใหม่โดยอิงตามแบบลักษณะของข้อมูลที่ได้รับการฝึกสอนมาก่อนหน้านั้นได้ เครื่องมือ Generative AI สามารถสร้างรูปภาพ (image), เสียง (audio), ข้อความ (text) และสิ่งอื่น ๆ ได้ตามความต้องการของผู้ใช้งาน  ซึ่งปัจจุบันเครื่องมือ Generative AI สามารถนำมาใช้ได้งานได้จริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของมนุษย์

มข.เสริมอาวุธ นศ.ไม่ให้ถูก Disruption ด้วย AI

สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยขอนแก่น จึงได้เปิดคลินิก AI ขึ้น เพื่อบริการให้คำแนะนำการใช้เครื่องมือ Generative AI และชุดคำสั่งสำหรับนักวิจัย โดยเบื้องต้นให้บริการ SciSpace, ChatPDF, ChatGPT, Alisa และ Alisa ในแต่ละวัน จะมี Prompt Librarian แนะนำการใช้เครื่องมือ Generative AI เหล่านี้เพื่อจะเป็นตัวช่วยนักวิจัย อาจารย์ นักเรียน และนักศึกษา ทั้งช่วยอ่าน สรุปเนื้อหา วิเคราะห์ข้อดี ข้อด้อยของบทความ เสนอประเด็นวิจัยที่คาดไม่ถึง หรือตรวจสอบไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ เพียงอัปโหลดไฟล์เข้าไปในเครื่องมือ AI ที่ต้องการ ซึ่งจะช่วยลดเวลาการทำงาน และอำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการได้เป็นอย่างดี และทำให้การทำวิจัยไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อและยุ่งยากอีกต่อไป

บางคนออกมาบอกว่าตกงานเพราะ AI และบริษัทหลายแห่งก็ต้องการพนักงานที่มีทักษะด้าน AI มหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะผู้ผลิตบัณฑิต จึงต้องเสริมอาวุธให้นักศึกษา เพื่อไม่ให้ถูก Disruption ด้วย AI

แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ AI ก็ยังคงเป็นปัญญาที่ประดิษฐ์ขึ้น รศ.ดร.กานดา แนะนำว่า ข้อมูลที่เครื่องมือ Generative AI แสดงนั้นก็อาจไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้อง 100% มีการใช้คำบางภาษาที่ไม่สมบูรณ์ และบางเครื่องมือไม่มีแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ มนุษย์จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับข้อมูลที่ต้องการให้เครื่องมือ Generative AI สร้างขึ้น และต้องค้นคว้า วิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อให้ได้งานวิจัยที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

ChatGPT 3.5 ยังเป็นรุ่นที่เก็บข้อมูลถึงเดือนกันยายน 2564 และยังมีปัญหาเกี่ยวกับการถามและตอบเป็นภาษาไทย แต่ล่าสุด มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ดำเนินการซื้อใบอนุญาต ChatGPT Plus ซึ่งใช้โมเดล ChatGPT 4 มาให้ผู้ใช้บริการคลินิก AI แล้ว ซึ่งจะใช้งานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในระบบภาษาไทย และมีเครื่องมือเสริม (Plug in) ที่ช่วยทำให้การทำงานยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Turnitin เครื่องมือช่วยอาจารย์ตรวจงาน นศ.

นอกจากนี้ น.ส.ยศยาดา สิทธิวงษ์ Prompt Librarian คลินิก AI สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุว่า ไม่เพียงให้ความรู้ด้านการใช้งานเครื่องมือ AI เท่านั้น แต่คลินิก AI ยังมีบริการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ Turnitin ตรวจสอบบทความ หรืองานวิจัยที่ใช้ AI สร้างขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวช่วยครู และอาจารย์ในการตรวจงานนักเรียน นักศึกษาในยุคดิจิทัลควบคู่กันไป

“สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีคอร์ส Learning Program  ที่จะสอนวิธีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ AI ควบคู่ไปการเปิดคลินิก AI คอยให้คำปรึกษาแนะนำการใช้งาน AI รวมถึงเครื่องมือป้องกันการคัดลอกผลงานของบุคคลอื่นและเครื่องมือตรวจจับข้อความที่สร้างด้วย AI ในทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เพื่อให้บริการเชิงลึกอย่างครบวงจร”

สำหรับนักเรียน นักศึกษา อาจารย์ หรือบุคคลทั่วไปที่สนใจใช้บริการคลินิก AI สามารถเดินทางมาใช้บริการได้ที่สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันและเวลาราชการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือจองคิวเข้าใช้บริการโทร : 09-3592-2556 หรือผ่าน FB Chat Plugin ได้ที่ http://library.kku.ac.th และ e-mail : library.inbox@kku.ac.th  และเตรียมเข้าใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์เร็ว ๆ นี้

ข่าว : ผานิต ฆาตนาค


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ผลสำรวจการ์ทเนอร์เผยผู้บริหาร 45% ระบุตรงกันว่า ChatGPT กระตุ้นการลงทุน AI เพิ่มขึ้น

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 6 มิถุนายน 2566 – การ์ทเนอร์ อิงค์ เผยผลสำรวจของผู้นำธุรกิจกว่า 2,500 ราย โดย 45% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าความร้อนแรงของ ChatGPT กระตุ้นให้พวกเขาเพิ่มการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกว่าองค์กรของตนอยู่ในช่วงของการสำรวจและศึกษาเทคโนโลยี Generative AI ขณะที่ 19% นั้นอยู่ในช่วงของการทดลองหรือในช่วงของการผลิต

ฟราสซิส คารามูซิส รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า “ความร้อนแรงของเทคโนโลยี Generative AI ไม่มีทีท่าลดลง โดยองค์กรต่าง ๆ กำลังขบคิดอย่างหนักว่าจะจัดสรรงบประมาณให้กับโซลูชัน Generative AI แค่ไหน จะเลือกลงทุนกับผลิตภัณฑ์ใดถึงจะคุ้มค่า และจะเริ่มใช้งานจริงจังเมื่อใด รวมถึงเรียนรู้วิธีการลดความเสี่ยงที่มาพร้อมเทคโนโลยีนี้”

แบบสำรวจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการจัดเว็บบินาร์ของการ์ทเนอร์ช่วงระหว่างเดือนมีนาคมและเมษายน 2566 โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 2,544 ราย ที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของ ChatGPT และ Generative AI ในภาคองค์กร ซึ่งผลสำรวจนี้ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ข้อมูลระดับโลกหรือภาพรวมของตลาด

ผู้บริหารชี้ Generative AI มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง

68% ของผู้บริหารเชื่อว่า Generative AI นั้นมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ซึ่งเมื่อเทียบกับเพียง 5% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นว่ามีความเสี่ยงมากกว่ามีประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามผู้บริหารอาจเปลี่ยนมุมมองไปเมื่อลงทุนในระดับที่ลึกขึ้น

“ความกระตือรือร้นกับเทคโนโลยีใหม่ช่วงแรก ๆ สามารถให้แนวทางกับการวิเคราะห์ที่เข้มข้นต่อความเสี่ยงและความท้าทายต่าง ๆ ของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ด้วยเหตุที่องค์กรต่าง ๆ มักจะพบกับคำถามด้านความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และจริยธรรม เมื่อพวกเขาเริ่มพัฒนาและนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้” คารามูซิส กล่าวเพิ่มเติม 

ประสบการณ์ลูกค้าคือปัจจัยหลักของการลงทุนใน Generative AI

จากความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามถึง 38% ระบุว่าแม้จะมีอุปสรรคทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer experience) คือหัวใจหลักที่ผู้บริหารให้ความสำคัญสำหรับการลงทุนใน Generative AI โดยมีเพียง 17% ชี้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน (Cost Optimization) เป็นเป้าหมายหลักที่เลือกลงทุน Generative AI (ดูรูปที่ 1)

รูปที่ 1: เป้าหมายหลักของการลงทุน Generative AI (เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถาม)


ที่มา: การ์ทเนอร์ (พฤษภาคม 2566)

หลายองค์กรที่เริ่มทดลองใช้ Generative AI และมีหลายแห่งนำไปใช้ในหลายกรณี อาทิ ใช้ปรับปรุงเนื้อหาในสื่อหรือสร้างโค้ด แม้ความพยายามเหล่านี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ Generative AI ยังมีศักยภาพอีกมากที่สนับสนุนหรือรองรับการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยเพิ่มความสามารถของมนุษย์หรือเครื่องจักร รวมถึงช่วยปรับการดำเนินธุรกิจและกระบวนการทางไอทีให้เป็นแบบอัตโนมัติ

“ธุรกิจรูปแบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติ หรือ Autonomous Business คือก้าวถัดไปครั้งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สามารถลดผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ และแม้แต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดย CEO และ CIO ที่ใช้ Generative AI ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงตลอดทั่วทั้งโมเดลผลิตภัณฑ์และโมเดลการดำเนินธุรกิจจะพบกับโอกาสการเติบโตของรายได้อย่างมหาศาล”

ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมในสัมมนาออนไลน์ฟรีของการ์ทเนอร์ เรื่อง “Beyond the Hype: Enterprise Impact of ChatGPT and Generative AI”

เกี่ยวกับการ์ทเนอร์ 

บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก มอบข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และเครื่องมือต่าง ๆ แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของการ์ทเนอร์ในการช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจได้ที่ gartner.com


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสัน ร่วมมือกับ อินเทล ขยายศักยภาพการใช้ 5G ของประเทศไทย

กรุงเทพฯ 1 มิถุนายน 2566 – อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) และอินเทลจะร่วมมือกันพัฒนายูสเคส 5G ที่สามารถเร่งการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) ขององค์กรธุรกิจพร้อมสนับสนุนวิสัยทัศน์ Thailand 4.0

อินเทลและอีริคสันจะผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องพร้อมนำเสนอกรณีการใช้งาน 5G ในแง่มุมต่าง ๆ เพื่อเร่งการนำ 5G ไปใช้งานและขยายการดำเนินธุรกิจของผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) ไปสู่รูปแบบ B2B ตามที่ระบุไว้ในขอบเขตของการทำงานร่วมกัน ทั้งสององค์กรจะร่วมกันพัฒนากรณีการใช้งาน 5G ระดับองค์กรในกลุ่มธุรกิจเฉพาะ อาทิ กลุ่มการผลิต กลุ่มการขนส่งและลอจิสติกส์ นอกจากนี้ยังร่วมกันนำเสนอและจัดแสดงศักยภาพด้านการเชื่อมต่อ 5G สำหรับการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น

ทั้งอีริคสันและอินเทลต่างมุ่งมั่นนำเทคโนโลยี 5G มาเพิ่มขีดความสามารถให้แก่อุตสาหกรรมของประเทศไทย ให้เดินหน้าไปสู่วิสัยทัศน์ Thailand Industry 4.0

อิกอร์ มอเรล ประธานบริหาร บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “ในฐานะที่เราเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์และได้รับความไว้วางใจมายาวนานในประเทศไทย อีริคสันจะทำงานใกล้ชิดกับพันธมิตรหลัก ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศ 5ที่หลากหลายในประเทศไทยเพื่อเร่งสร้างนวัตกรรม โดยเราจะใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ 5ระดับโลก ผนวกกับความร่วมมือกับอินเทล มอบประโยชน์ให้แก่ผู้ให้บริการในไทย ด้วยประสิทธิภาพเครือข่ายที่ยืดหยุ่น มีความสามารถในการปรับขนาด ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัยเป็นหลักสำคัญ”

โธมัส เซนน์เฮาเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ธุรกิจการสื่อสาร ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ญี่ปุ่น อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เนื่องด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ด้านสังคมและเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ทำให้ 5G กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำคัญสำหรับขับเคลื่อนนวัตกรรมในทุกกลุ่มธุรกิจ และจากความร่วมมือกับอีริคสัน เราจะร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G ของประเทศไทยพร้อมกับบริการ Edge Innovation ต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีจากอีริคสันและอินเทล ช่วยให้องค์กรท้องถิ่นเปลี่ยนแปลงและเร่งกระบวนการทางธุรกิจผ่านดิจิทัลโซลูชัน เราพร้อมสนับสนุนผู้ให้บริการในประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการประหยัดพลังงานและความยั่งยืนมากขึ้น ตามที่อุตสาหกรรมการสื่อสารต่างให้การยอมรับโซลูชัน Virtualized RAN  และ Distributed Architectures

ประเทศไทยคือตลาด 5G แถวหน้าของภูมิภาค โดยอีริคสันตั้งเป้าร่วมผลักดันประเทศให้เดินหน้าแข่งขันบนเวทีโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งอีริคสันและอินเทลจะนำวิสัยทัศน์ พร้อมเทคโนโลยีและโซลูชันล้ำสมัยมาผสานเข้ากับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับโลกเดินหน้าสร้างเครือข่ายที่มีความอัจฉริยะ เปิดกว้าง และน่าเชื่อถือ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล

อีริคสันเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ระดับโลก ปัจจุบัน บริษัทฯ เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 147 เครือข่าย ใน 63 ประเทศ พร้อมยังเปิดให้บริการเครือข่าย 5G Standalone 40 เครือข่ายทั่วโลก


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

MSC จัดงาน Mac@Work พลังของ Apple ในโลกการทำงานของคุณ

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC โดย กลุ่มธุรกิจดิจิตอลพริ้นติ้ง จัดงานสัมมนา Mac@Work ภายใต้แนวคิด “พลังของ Apple ในโลกการทำงานของคุณ” เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ณ อาคาร G ชั้น 2 ห้อง Convention Hall สำนักงานใหญ่

งานสัมมนานี้เราได้พาผู้เข้าร่วมงานทุกท่าน เปิดประสบการณ์การทำงานด้วย Mac ที่ทั้งง่าย ทรงพลัง และยอดเยี่ยม พร้อมตอบโจทย์การทำงานของลูกค้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ และปลอดภัย โดยได้รับเกียรติจาก คุณธงชัย หล่ำวีระกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจดิจิตอลพริ้นติ้ง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และรับฟังการบรรยายความรู้จากวิทยากร ได้แก่ คุณชัยพร อัญญาปกรณ์ Business Development Manager Consumer & Commercial จาก Ingram Micro (Thailand) Ltd. บรรยายเรื่อง “Better together with Apple Ecosystem” , คุณเจตนา รัตนาวิบูลย์ Business Development Manager บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บรรยายเรื่อง “Apple Device Management Solution with Jamf”  และ คุณอัษฎายุธ กลิ่นหอม Assistant Vice President of ITS บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บรรยายเรื่อง “Metro Success Story: Mac Business Deployment”

ในปี 2020 เมโทรซิสเต็มส์ฯ ได้เปลี่ยนการใช้งานจากเครื่องคอมพิวเตอร์มาเป็นแบรนด์ Apple โดยการนำ iMac และ MacBook มาเปลี่ยนให้กับพนักงานในองค์กรจำนวน 500 เครื่อง ซึ่งช่วยให้ฝ่าย IT สามารถเข้าถึงระบบ และอุปกรณ์การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถจัดการ Asset เครื่องให้กับพนักงานโดยการตั้งค่าภายในเครื่อง Mac ให้เหมาะสมกับพนักงานแต่ละตำแหน่ง การใช้งานมีความปลอดภัย อีกทั้งระบบ Workflow ในองค์กรมีความรวดเร็วมากกว่าจากระบบที่เคยใช้ นอกจากนี้ Mac เข้ามาช่วยควบคุมการทำงานในระบบคลังสินค้าครบวงจร สามารถทำงานได้แบบ Realtime พนักงานในองค์กรต่างมีความพึงพอใจในการเปลี่ยนแปลง และชื่นชอบในความเรียบง่ายของ Mac OS ที่สามารถใช้งานได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เปิดเครื่อง หรือเรียกว่า Zero Touch Deployment รวมไปถึงฟังก์ชั่น และคีย์ลัดต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำงานขององค์กรที่มีความรวดเร็ว และช่วยประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับ Application ของ Microsoft และ Google ได้เป็นอย่างดี

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2529 เป็นเวลากว่า 3 ทศวรรษ บริษัทฯ ประกอบธุรกิจการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์ “เราจะให้บริการอย่างเป็นเลิศแก่ลูกค้าด้วยโซลูชั่นไอทีที่ดีที่สุด” นอกจากนี้เมโทรซิสเต็มส์ฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple อย่างเป็นทางการสำหรับองค์กรธุรกิจ และร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ Jamf ผู้นำด้านการบริหารจัดการ Apple Device & Platform ที่มีส่วนช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถบริหารจัดการอุปกรณ์ของ Apple และดูแลรักษาความปลอดภัยตามมาตรฐานระบบ Apple Ecosystem ได้อย่างสมบูรณ์ไร้ข้อจำกัด เพื่อช่วยให้การจัดการธุรกิจของลูกค้าเป็นเรื่องง่ายๆ

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ คุณลัยวัณ อังคณาพัฒน์, Business Sales Manager, email: laiwaang@metrosystems.co.th โทร. 02-0894197 หรือ Call Center 1640, Website: https://www.metrosystems.co.th/


Exit mobile version