Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

HIS MSC จัดงานสัมมนา The SuperApp ERP for Hotel

บริษัท เอชไอเอส เอ็มเอสซี จำกัด หรือ HIS MSC จัดงานสัมมนาเรื่อง “The SuperApp ERP for Hotel” ซึ่งเป็นระบบบริหารงานบัญชีโรงแรมครบ จบใน app เดียว ณ สำนักงานใหญ่ (สวนหลวง) บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

โดยมีผู้บริหารและทีมงานจาก  Hop Inn & Erawan Group: นำทีมโดย คุณนรุตม์ จันทร์กิติสกุล, Senior Vice President, Digital Transformation Technology  และ คุณนงนุช บูรณคุนามณี,  Finance Manager

ผู้บริหารและทีมงานจาก Best Western® Hotels & Resorts  นำทีมโดย คุณกิตติกรณ์  คุณยศยิ่ง, Regional Financial Controller l Asia l Operations และคุณวีรวัฒน์ พิพัฒน์วณิชชา Regional Information Systems Manager – Asia  นำทีมมาเข้าร่วมงานในครั้งนี้

“The SuperApp ERP for Hotel Accounting” จาก HIS MSC ครอบคลุมทุกโมดูล ตอบทุกโจทย์ความต้องการทั้งในเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานของระบบบัญชีที่ทั้งง่ายและสะดวกสบายสามารถเข้าถึงการใช้งานได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลทางงานบัญชีของโรงแรมเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้ว

สนใจข้อมูลเกี่ยวกับ HIS MSC เพิ่มเติมโปรดติดต่อได้ที่คุณภูษิต อรุณรัตนดิลก: 062-646-6539 Email: phusith@metrosystems.co.th Website: https://www.hismsc.com


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

AMD ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PC สำหรับธุรกิจ ครอบคลุมโมบายและเดสก์ท็อป

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – 17 เมษายน 2567 – AMD (NASDAQ: AMD) ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PC บนแพลตฟอร์มโมบายล์และเดสก์ท็อปที่รองรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มอบประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม ประสบการณ์การใช้งาน AI ระดับพรีเมียม และการเชื่อมต่อที่เหนือชั้นสำหรับผู้ใช้งานกลุ่มธุรกิจ โปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดซีรีย์ AMD Ryzen™ PRO 8040 เป็นโปรเซสเซอร์ x86 ที่ล้ำสมัยที่สุดสำหรับโน้ตบุ๊คและโมบายเวิร์คสเตชั่นสำหรับการใช้งานด้านธุรกิจ[ii] นอกจากนี้ เอเอ็มดียังประกาศเปิดตัวโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป AMD Ryzen™ PRO 8000 โปรเซสเซอร์เดสก์ท็อปตัวแรกที่รองรับ AI สำหรับผู้ใช้งานด้านธุรกิจ[iii] ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมควบคู่กับการประหยัดพลังงาน

ด้วยเทคโนโลยี AMD Ryzen™ AI ที่อยู่ภายในโปรเซสเซอร์ เอเอ็มดียังคงเดินหน้าขยายความเป็นผู้นำด้าน AI PC[iv]  ผ่านการใช้ประโยชน์จากโปรเซสเซอร์ กราฟิกการ์ด และหน่วยประมวลผลประสาทเทียม (NPU) บนชิปที่ออกแบบมาเฉพาะ มอบประสิทธิภาพการประมวลผลด้าน AI ที่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า[v] มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงสุดที่ 16 NPU TOPS (Trillions of Operations Per Second) และประสิทธิภาพระบบรวมสูงสุดที่ 39 TOPS โดยพีซีเชิงพาณิชย์ที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ Ryzen AI ใหม่นี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งาน มอบประสิทธิภาพการประมวลผลขั้นสูงสำหรับการทำงานร่วมกันที่ใช้เทคโนโลยี AI การสร้างสรรค์คอนเทนต์ งานวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยเทคโนโลยี AMD PRO ที่เพิ่มเติมเข้ามา ฝ่าย IT จะสามารถปลดล็อคฟีเจอร์การจัดการระดับองค์กร ลดความซับซ้อนการดูแลระบบไอที   และดำเนินงานเร็วขึ้นทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยในตัว ตั้งแต่การป้องกันชิปไปจนถึงระบบคลาวด์ เพื่อรับมือกับการโจมตีขั้นสูงที่มีความซับซ้อน อีกทั้งยังมีเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือและอายุการใช้งานของแพลตฟอร์มที่ยาวนาน เหมาะสำหรับซอฟต์แวร์ระดับองค์กร

Jack Huynh รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มผลิตภัณฑ์ประมวลผลและกราฟิก บริษัท AMD กล่าวว่า “AMD นำเสนอเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ครอบคลุมเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจยุคใหม่ เรายังคงขยายความเป็นผู้นำด้าน AI PC อย่างต่อเนื่องผ่านการเสนอประสิทธิภาพการประมวลผลที่มากขึ้นบนกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อปและโมบายพีซีหลากหลายรุ่น โปรเซสเซอร์ PRO ซีรีส์ล่าสุดของเราได้สร้างมาตรฐานใหม่ในด้านประสบการณ์การประมวลผลระดับพรีเมียม และช่วยให้ธุรกิจนำความสามารถด้าน AI ไปใช้กับพีซีทั่วทั้งองค์กรด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยระดับชั้นนำ” 

โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 Series ขับเคลื่อนประสิทธิภาพกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อปและโมบายเวิร์คสเตชั่นระดับมืออาชีพ

ในขณะที่องค์กรต่าง ๆ มุ่งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปใช้กับคอมพิวเตอร์ภายในองค์กร โมบายโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 Series นำเสนอประสิทธิภาพการประมวลผลอันทรงพลังและประหยัดพลังงานที่ยอดเยี่ยม เพื่อรองรับเวิร์คโหลดด้านธุรกิจและ AI ที่หนักหน่วงที่สุด โปรเซสเซอร์ใหม่นี้มาพร้อมกับคอร์ประมวลผลประสิทธิภาพสูงถึงแปดคอร์ บนเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง 4nm และสถาปัตยกรรม “Zen 4” ที่มอบประสิทธิภาพการประมวลผลรวดเร็วขึ้นถึง 30% สำหรับแอปพลิเคชันโมบายเวิร์คสเตชั่นที่ต้องการทรัพยากรมากที่สุด[vi] ด้วยเทคโนโลยี AMD Ryzen AI และ AMD RDNA™ 3 อันทรงพลัง ที่ผสานรวมเข้ากับโปรเซสเซอร์ซีรี่ย์ล่าสุดนี้ ได้มอบประสิทธิภาพที่เร็วขึ้นถึง 72% และใช้พลังงานน้อยลงถึง 84% เมื่อเทียบกับ Intel Core Ultra 7 165U[vii] [viii] สำหรับการประชุมทางวิดีโอ ไม่ว่าจะเปิดใช้งานประสบการณ์ AI หรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ พีซีที่ใช้โปรเซสเซอร์ Ryzen PRO 8040 Series จะเป็นผู้ใช้กลุ่มแรก ๆ ที่รองรับเทคโนโลยี WiFi-7 ซึ่งมอบการเชื่อมต่ออันล้ำสมัยและสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม

โปรเซสเซอร์เรือธง AMD Ryzen™ 9 PRO 8945HS มาพร้อมคอร์ประมวลผล 8 คอร์ 16 เธรด แคช 24MB และการ์ดจอ Radeon™ 780M ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลขั้นสูงสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้ทรัพยากรมหาศาล เช่น การคำนวณทางเทคนิค การสร้างสรรค์เนื้อหามัลติมีเดีย และกราฟิกแยก โดยโปรเซสเซอร์สามารถรองรับเวิร์คโหลดงานที่ต้องการกราฟิกสูง เช่น การเรนเดอร์ 3D การเข้ารหัสวิดีโอ และการแก้ไขรูปภาพ

โมบายโปรเซสเซอร์ Ryzen PRO 8040 Series ใหม่ คาดว่าจะวางจำหน่ายผ่านพันธมิตร OEM ประกอบด้วย HP และ Lenovo ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2024

Model Cores/Threads Boost[ix] / Base Frequency Total Cache cTDP Ryzen AI
AMD Ryzen™ 9 PRO 8945HS 8C/16T Up to 5.2GHz/
4GHz
24MB 35-54W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8845HS 8C/16T Up to 5.1GHz/
3.8GHz
24MB 35-54W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8840HS 8C/16T Up to 5.1GHz/
3.3GHz
24MB 20-28W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8840U 8C/16T Up to 5.1GHz/
3.3GHz
24MB 15-28W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8645HS 6C/12T Up to 5.0GHz/
4.3GHz
22MB 35-54W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8640HS 6C/12T Up to 4.9GHz/

3.5GHz

22MB 20-28W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8640U 6C/12T Up to 4.9GHz/

3.5GHz

22MB 15-28W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8540U 6C/12T Up to 4.9GHz/

3.2GHz

22MB 15-28W N/A

AMD Ryzen PRO 8000 Series เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์สำหรับธุรกิจตัวแรกของโลกที่รองรับเทคโนโลยี AI[x]

สำหรับนักธุรกิจที่ใช้คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series มาพร้อมกับการรองรับเทคโนโลยี AI เป็นครั้งแรกบนโปรเซสเซอร์เดสก์ท็อป ขับเคลื่อนประสบการณ์ด้าน AI ให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสิทธิภาพการประมวลผลอันทรงพลัง โดยมีคอร์ประสิทธิภาพสูง “Zen 4” สูงสุดแปดคอร์ ผลิตด้วยเทคโนโลยีกระบวนการผลิต 4nm โปรเซสเซอร์ซีรี่ย์ Ryzen PRO 8000 สร้างมาตรฐานใหม่ด้านการประมวลผลและประสิทธิภาพการใช้พลังงานในการดำเนินธุรกิจธุรกิจแต่ละวัน โดยคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 7 PRO 8700G จะได้รับประสิทธิภาพการประมวลผลที่เพิ่มขึ้นสูงสุด 47% และประสิทธิภาพกราฟิกที่เพิ่มขึ้น 3 เท่าจากการทดสอบเมื่อนำไปเทียบกับโปรเซสเซอร์ Intel Core i7 14700[xi]

คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปที่ติดตั้งโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series จะรองรับเทคโนโลยี DDR5 และ PCIe® 4 ช่วยให้สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน และเข้าถึงแอปพลิเคชันและข้อมูลสำคัญทางธุรกิจได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่อเทคโนโลยี Wi-Fi 7 ด้วย

โดยโปรเซสเซอร์เรือธงของซีรีย์ AMD Ryzen 8700G มอบประสิทธิภาพแก่ผู้ใช้ผ่านคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ 16 เธรด แคช 24MB และกราฟิกการ์ด AMD Radeon 780M ภายใน จากการทดสอบประสิทธิภาพ โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen 8700G ให้ประสิทธิภาพดีกว่าถึง 19%[xii] พร้อมการใช้พลังงานที่น้อยกว่า ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้ระดับมืออาชีพสำหรับการทำงานในเวิร์คโหลดต่าง ๆ[xiii]

เดสก์ท็อปโปรเซสเซอร์ Ryzen PRO 8000 Series ใหม่ คาดว่าจะวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มพันธมิตร OEM อย่าง HP และ Lenovo รวมถึงร้านค้าตัวแทนจำหน่าย ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2024

Model Cores/Threads Boost / Base Frequency Total Cache cTDP Ryzen AI
AMD Ryzen™ 7 PRO 8700G 8C/16T Up to 5.1GHz/

4.2GHz

24MB 45-65W Available
AMD Ryzen™ 7 PRO 8700GE 8C/16T Up to 5.1GHz/

3.65GHz

24MB 35W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8600G 6C/12T Up to 5.0GHz/

4.35GHz

22MB 45-65W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8600GE 6C/12T Up to 5.0GHz/

3.90GHz

22MB 35W Available
AMD Ryzen™ 5 PRO 8500G 6C/12T Up to 5.0GHz/

3.55GHz

22MB 45-65W N/A
AMD Ryzen™ 5 PRO 8500GE 6C/12T Up to 5.0GHz/

3.40GHz

22MB 35W N/A
AMD Ryzen™ 3 PRO 8300G 4C/8T Up to 4.90GHz/

3.45GHz

12MB 45-65W N/A
AMD Ryzen™ 3 PRO 8300GE 4C/8T Up to 4.90GHz/

3.50GHz

12MB 35W N/A

เสริมพลังให้กับองค์กรผ่านแนวทางการรักษาความปลอดภัยและความสามารถด้านปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงด้วยเทคโนโลยี AMD Ryzen™ PRO และ Ryzen™ AI 

เทคโนโลยี AMD PRO มอบฟีเจอร์การจัดการระดับองค์กรให้แก่ผู้ใช้ ผลการศึกษาล่าสุดโดย Principled Technologies แสดงให้เห็นว่าผู้จัดการ IT สามารถติดตั้งแล็ปท็อปที่ใช้ขุมพลัง AMD ได้เร็วกว่าแล็ปท็อปของคู่แข่งถึง 41% และสามารถดูแลจัดการแล็ปท็อปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเครื่องมือบนระบบคลาวด์ เช่น Windows Autopilot นอกจากนี้ เทคโนโลยี AMD PRO ยังนำเสนอแนวทางการรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้นที่แข็งแกร่ง ฝังอยู่ภายในทั้งบนฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการ ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรที่หลากหลาย เทคโนโลยี AMD PRO จะช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอทีสามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยที่ทันสมัย และเสนอการปกป้องที่ต่อเนื่องให้กับผู้ใช้จากการโจมตีที่ซับซ้อน

นอกจากนี้ โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO ยังมาพร้อมชิปด้านความปลอดภัย Microsoft Pluton ที่ผสานเข้าไว้ด้วย[xiv] เสนอการป้องกันที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่ชิปไปจนถึงระบบคลาวด์ ช่วยปกป้องข้อมูลรับรองตัวบุคคล บัญชีผู้ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคล และการเข้ารหัสบนพีซีที่ใช้ระบบปฎิบัติการณ์ Windows 11

ภายในปลายปี 2024 นี้ คาดว่าจะมี ISV ที่รองรับ AI มากกว่า 150 ราย ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์การใช้งานบน Ryzen AI โดยผู้ใช้กลุ่มธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก Ryzen AI เพื่อสร้างเอกสารและงานนำเสนอระดับมืออาชีพ จากหัวข้อสั้น ๆ ไม่กี่ข้อ รวมไปถึงการสรุปเนื้อ และตอบกลับอีเมล ช่วยประหยัดเวลาอันมีค่าในระหว่างวัน นอกจากนี้ Ryzen AI ยังช่วยให้ผู้ใช้มีผู้ช่วยส่วนตัว AI เพื่อช่วยในการเขียนโค้ด ทำงานร่วมกับเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI และปรับแต่งภาพและวิดีโอด้วยฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การปรับความคมชัดและลดสัญญาณรบกวน

พันธมิตร OEM เปิดตัวแล็ปท็อปซีรี่ย์ Ryzen PRO 8040 และเดสก์ท็อปซีรี่ย์ Ryzen PRO 8000 เพิ่มเติม 

พันธมิตร OEM ของ AMD ประกอบด้วย Lenovo และ HP กำลังเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์แล็ปท็อป โมบายเวิร์คสเตชั่น และเดสก์ท็อปที่ทรงพลัง ประสิทธิภาพสูง และรองรับ AI มากขึ้น ผ่านขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 และ 8000 Series เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานด้านธุรกิจทุกประเภท นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ พันธมิตรในอุตสาหกรรม ยังคงขยายฟีเจอร์ Microsoft Copilot เพื่อนำเสนอความสามารถด้าน AI เพิ่มเติมมายังระบบปฎิบัติการ Windows ผ่านการใช้ฮาร์ดแวร์ AMD เพื่อปลดล็อคฟีเจอร์ใหม่สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ การรักษาความปลอดภัย และการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน

ในงาน HP Amplify Partner Conference ปีนี้ HP ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อป เวิร์คสเตชั่น และแล็ปท็อปเชิงพาณิชย์หลากหลายรุ่น รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพการประมวลผลบนโปรเซสเซอร์ AMD PRO Series ประกอบด้วย HP EliteBook 805 Series G11 Notebook PCs, HP EliteBook 605 Series G11 Notebook PCs, HP ProBook 405 Series G11 Notebook PCs, HP Elite Small Form Factor 805 G9 Desktop PC, HP ZBook Power G11 และ HP ZBook Firefly G11 ที่ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen™ PRO 8000 หรือ 8040 Series โดย HP และ AMD กำลังยกระดับเทคโนโลยี AI ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ผ่านความเชี่ยวชาญของ HP ในโซลูชันการประมวลผลบนเวิร์คสเตชั่นระดับไฮเอนด์ ร่วมกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยของ AMD ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอความพร้อมและการสร้างสรรค์ด้วยเทคโนโลยี AI

Guayente Sanmartin รองประธานอาวุโสและประธานฝ่าย Commercial Systems & Displays Solutions บริษัท HP Inc. กล่าว”ที่ HP เรายังคงเดินหน้าเป็นผู้นำยุคใหม่ด้านการประมวลผลแบบเฉพาะบุคคล โดยทำงานร่วมกับ AMD ผู้นำในอุตสาหกรรม เพื่อสร้างอนาคตด้านเทคโนโลยี ด้วยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องของเรา เรามีความยินดีที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ HP Elite และ Pro PC รุ่นล่าสุด รวมถึงโมบายเวิร์คสเตชั่น Z by HP ซึ่งติดตั้งโซลูชันการประมวลผลประสิทธิภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเวิร์คโหลดงานด้าน AI ให้กับลูกค้าของเรา”

เมื่อต้นปีนี้ Lenovo ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ThinkPad T14 Gen 5 ที่ใช้ขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8040 Series และในวันนี้ บริษัทได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เดสก์ท็อปเพิ่มเติม ประกอบด้วย ThinkCentre M75s Gen 5, ThinkCentre M75q Gen 5 และ ThinkCentre M75t Gen 5 ซึ่งทั้งหมดใช้ขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series

Sanjeev Menon รองประธานและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Worldwide Desktop Business in Intelligence Devices Group บริษัท Lenovo กล่าวว่า “ความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่าง AMD และ Lenovo ช่วยให้เราสามารถนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับลูกค้าของเรา กลุ่มผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปเชิงพาณิชย์ Lenovo ThinkCentre รุ่นล่าสุดของเรา  ที่ใช้ขุมพลังโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen PRO 8000 Series Desktop Processors ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ AI เพื่อมอบประสิทธิภาพและความคล่องตัวในระดับที่เหนือกว่า พร้อมทั้งเสนอทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ใช้งานด้านธุรกิจเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยผลสำรวจล่าสุดของ Lenovo แสดงให้เห็นว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ (CIO) มีความต้องการเร่งด่วนที่จะบูรณาการ AI เข้าสู่การดำเนินงานทางธุรกิจ และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ThinkCentre รุ่นใหม่นี้จะช่วยให้การใช้ AI เป็นไปได้สำหรับทุกคน”

James Howell ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายระบบปฎิบัติการณ์ Windows บริษัท Microsoft กล่าวว่า “Microsoft ยังคงเดินหน้าสร้างแรงผลักดันให้กับการนำ AI PC มาใช้ โดยมุ่งเน้นเรื่องการนำเสนอเคสการใช้งานและฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้มืออาชีพยุคใหม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เรากำลังทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ AMD เพื่อนำเสนอฟีเจอร์ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มเดสก์ท็อปและโมบายที่ใช้ระบบปฎิบัติการณ์ Windows 11 ที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพบนโปรเซสเซอร์ AMD Ryzen” 

Supporting Resources


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซิสโก้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่บนแพลตฟอร์ม Cisco Observability

กรุงเทพ, ประเทศไทย, 11 เมษายน 2567 — ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) เปิดตัวชุดโซลูชันใหม่ที่น่าตื่นเต้นบนแพลตฟอร์ม Cisco Observability ช่วยพัฒนาบริบททางธุรกิจ  เนื่องจากทุกวันนี้แอปพลิเคชันเปรียบเสมือนประตูทางเข้าสำหรับองค์กรธุรกิจ และการมอบประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชันอย่างราบรื่นถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับต้นๆ ของทีมงานฝ่ายไอที ดังนั้นซิสโก้จึงนำเสนอส่วนที่พัฒนาใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ลูกค้าส่งมอบประสบการณ์แอปพลิเคชันที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพให้แก่ผู้ใช้

Digital Experience Monitoring (DEM) เพื่อ visibility ที่ดีขึ้น และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้

ขณะที่ผู้ใช้งานมีความคาดหวังที่สูงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนกับประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจะสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถใหม่ๆ ของ Digital Experience Monitoring (DEM) ทั้งสภาพแวดล้อมแบบไฮบริดและคลาวด์  แอปพลิเคชัน DEM ใหม่ประกอบด้วยโมดูล Real User Monitoring (RUM) และ Session Replay เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันบนเบราว์เซอร์และมือถือ รวมถึงการแก้ไขปัญหาในระดับเซสชั่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ  นอกจากนี้ การบูรณาการเข้ากับ Cisco ThousandEyes และ Accedian ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้ จะช่วยเสริมพลังให้ทีมแอปพลิเคชันและเครือข่ายด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการให้บริการที่จำเป็นเพื่อระบุว่าสาเหตุหลักของปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ดิจิทัลนั้นมาจากแอปพลิเคชัน เครือข่าย หรือโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์

ความสามารถในกาาสังเกตการณ์เวิร์กโหลด Kubernetes ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี extended Berkeley Packet Filters (eBPF)

ซิสโก้นำเสนอความสามารถในการสังเกตการณ์เวิร์กโหลด Kubernetes บนแพลตฟอร์ม Cisco Observability โดยใช้ extended Berkeley Packet Filters (eBPF) ซึ่งเป็นยูทิลิตี้เคอร์เนล Linux ที่ทรงพลังและมีขนาดเล็ก  การทำงานในระดับเคอร์เนลช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถเข้าถึงการมองเห็นอย่างละเอียดเกี่ยวกับกิจกรรมเครือข่าย การใช้ทรัพยากร การเชื่อมโยงแอปพลิเคชั่น และการกำหนดค่าที่ไม่ถูกต้องที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของเครือข่าย โดยไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหลายตัว รวมถึงการประสานงานร่วมกันระหว่างทีมงานต่างๆ และการทำแผนผังการเชื่อมโยงด้วยตนเอง

การสังเกตการณ์แบบรวมศูนย์เพื่อเพิ่มข้อมูลเชิงลึกที่มากขึ้นเกี่ยวกับแอปพลิเคชัน

ซิสโก้มอบประสบการณ์แบบครบวงจร ครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านการสังเกตการณ์ทั้งหมด ด้วยความสามารถใหม่ๆ บน Cisco AppDynamics และ Cisco Observability Platform ด้วยการใช้บัญชีเดียวและบริบทที่ใช้ร่วมกัน ประสบการณ์การสังเกตการณ์แบบรวมศูนย์จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติงานใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่างๆ เช่น Log Analytics เพื่อค้นหาข้อมูลด้วย context และการจัดเก็บบันทึกที่ได้รับการปรับปรุงดีขึ้น  นอกจากนี้ ยังมี Core Web Vitals ซึ่งแสดงข้อมูลและสัญญาณเตือนที่สำคัญให้แก่เจ้าของแอปพลิเคชันส่วน front-end เพื่อป้องกันไม่ให้เว็บเพจของเขาถูกลดอันดับเนื่องจากประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี

อินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติ ขับเคลื่อนด้วย Generative AI

ซิสโก้มุ่งมั่นที่จะขยายนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI อย่างต่อเนื่อง และล่าสุด Cisco Observability Platform นำเสนออินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติสำหรับการแก้ไขปัญหา โดยผู้ปฏิบัติงานจะสามารถใช้ conversational dialogues แทนภาษา query เพื่อทำงานระหว่างการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก

โรนัค เดอไซ รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปฝ่าย Cisco AppDynamics and Full-Stack Observability กล่าวว่า “นวัตกรรมล่าสุดเหล่านี้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถหลักๆ ของ Cisco Observability Platform ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าของเรามี visibility ที่ดีขึ้น รวมถึงการกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก และการดำเนินการแบบข้ามโดเมนได้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เคย ซิสโก้มีความพร้อมอย่างมากที่จะนำเสนอคุณประโยชน์ที่ครบครันของระบบสังเกตการณ์บนแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ เพื่อสนับสนุนอีโคซิสเต็มดิจิทัลของลูกค้าเรา”

นอกจากนี้ ซิสโก้ยังได้เปิดตัว:

Cisco AIOps สำหรับ Cisco Full-Stack Observability ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปปฏิบัติได้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานด้านไอที

แอปพลิเคชัน Cisco AIOps ใหม่นี้จะช่วยลดความยุ่งยากในการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจแบบเรียลไทม์ และลดสัญญาณรบกวนจากเหตุการณ์และการแจ้งเตือนต่างๆ ได้อย่างมาก โดยทำให้กระบวนการด้านไอทีเป็นไปอย่างอัตโนมัติ และช่วยให้ทีมงานฝ่ายปฏิบัติการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความรวดเร็วในการตอบสนอง แอปพลิเคชันดังกล่าวรวบรวมข้อมูลจาก Cisco AppDynamics, Cisco ThousandEyes, Cisco DNA Center, VMWare, Zabbix และ ServiceNow (ITSM, ITOM และ CMDB) โดยสามารถทำงานได้อย่างเหนือชั้น เพราะประกอบสร้างขึ้นบน Cisco Observability Platform ซึ่งรองรับการจัดเก็บข้อมูลการใช้งาน (Log) นอกเหนือไปจากการแจ้งเตือน เหตุการณ์ และเมตริกต่างๆ  โดย Cisco AIOps ยังให้การแจ้งเตือนแบบไดนามิก (thresholds-based) เกี่ยวกับเมตริก และเหตุการณ์ รวมถึงวิธีการตรวจจับความผิดปกติหลายรูปแบบ 

Data Security Posture Management (DSPM) Observability

การเปิดตัว Data Security Posture Management (DSPM) Observability ในโซลูชั่น Business Risk Observability ของซิสโก้ ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติ รวมไปถึงการจัดหมวดหมู่ การกำหนดนโยบาย และการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับข้อมูลสำคัญ นอกเหนือไปจากการแสดงผลและการจัดลำดับความสำคัญของช่องทางการโจมตี

โมดูลใหม่ๆ จากพาร์ทเนอร์

ด้วยแรงผลักดันอย่างต่อเนื่องในการสร้างอิโคซิสเต็มด้านการสังเกตการณ์ร่วมกับพาร์ทเนอร์จากทั่วโลก ที่ครอบคลุมหลากหลายส่วน เช่น AIOps, MLOps, เครือข่าย, infrastructure observability และข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ ล่าสุดซิสโก้ได้เปิดตัวชุดโมดูลใหม่ๆ จากพาร์ทเนอร์บน Cisco Observability Platform:

  • Aporia – Machine Learning Monitoring
  • CloudFabrix – Asset Intelligence, Operational Intelligence และ Infrastructure Observability
  • Komodor – Kubernetes Change Management
  • Perform IT – AS400 Monitoring และ I4Cube business performance
  • SoftServe – Operational Intelligence for Oilfields

เกี่ยวกับ Cisco Observability Platform:

Cisco Observability Platform รวบรวมข้อมูลจากหลากหลายโดเมน รวมถึงเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย แอปพลิเคชัน ผู้ใช้งาน บริการคลาวด์ โครงสร้างพื้นฐานมัลติคลาวด์ และธุรกิจ เพื่อให้ระบบต่างๆ ผสานรวมเป็นหนึ่ง โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถของ ML และ AI เพื่อกำหนดบริบทและหาความสัมพันธ์ของเทเลเมทรีแบบเรียลไทม์ในโดเมนเหล่านี้ ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสังเกตการณ์ การกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึก และการดำเนินการ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ดิจิทัลสำหรับลูกค้าและผู้ใช้งาน

การวางจำหน่าย:

  • แอปพลิเคชัน Digital Experience Monitoring (DEM) พร้อมความสามารถ Browser Real-User Monitoring (มีวางจำหน่ายทั่วไป), Mobile Real-User Monitoring (ประกาศล่วงหน้า) และ Session Replay (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Integration กับ Accedian ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของซิสโก้ (ประกาศล่วงหน้า)
  • Integration กับ Cisco ThousandEyes (ประกาศล่วงหน้า)
  • ความสามารถในการสังเกตการณ์สำหรับเวิร์กโหลด Kubernetes ซึ่งขับเคลื่อนด้วย eBPF (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Unified Observability Experience – Log Analytics (มีวางจำหน่ายทั่วไป) และ Core Web Vitals (ประกาศล่วงหน้า)
  • อินเทอร์เฟซภาษาธรรมชาติที่ขับเคลื่อนด้วย GenAI (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Cisco AIOps สำหรับ Cisco Full-Stack Observability (มีวางจำหน่ายทั่วไป)
  • Data Security Posture Management (DSPM) Observability (ประกาศล่วงหน้า)
  • โมดูลของพาร์ทเนอร์บน Cisco Observability Platform (มีวางจำหน่ายทั่วไป)

ข้อมูลเพิ่มเติม

 

เกี่ยวกับ ซิสโก้ (Cisco)

Cisco (NASDAQ: CSCO) เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่เชื่อมต่อทุกสิ่งอย่างปลอดภัยเพื่อให้ทุกสิ่งเป็นไปได้ เป้าหมายของซิสโก้คือขับเคลื่อนอนาคตสำหรับทุกคนโดยช่วยลูกค้าคิดใหม่ (reimagine) เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน ขับเคลื่อนการทำงานแบบไฮบริด รักษาความปลอดภัยให้กับองค์กร ทรานส์ฟอร์มโครงสร้างพื้นฐาน และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เปิดประสบการณ์กับซิสโก้ที่ห้องข่าว The Newsroom และติดตามข่าวสารของซิสโก้บน X ที่ @Cisco.


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

TikTok Shop หนุนซอฟต์พาวเวอร์ไทย จัดใหญ่ร่วมฉลอง Songkran 2024

TikTok Shop โซลูชั่นอีคอมเมิร์ซชั้นนําในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมมือกับ กรุงเทพมหานคร และ ไอคอนสยาม ฉลองเทศกาลแห่งความสุขของคนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก Songkran 2024″ ขึ้นเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของโลก จัดกิจกรรม Refill Your Joy with TikTok Shop เติมความสนุก สุขเต็มตะกร้า มอบประสบการณ์ Shoppertainment ส่งความสุขแบบ O2O Live Streaming ชวนเหล่าครีเอเตอร์ใน TikTok กว่า 100 ราย มาร่วม Live Commerce สนับสนุนสินค้าไทยมากมายทั้งสินค้า OTOP ใน TikTok Shop และสินค้าหัตถกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงงานศิลป์ฝีมือคนไทยจาก ICONCRAFT มากกว่าร้อยประเภทสินค้า (SKUs) จากร้านค้านับสิบ ๆ ร้าน สร้างปรากฎการณ์ Shoppertainment ในแพลตฟอร์มตลอดเทศกาลมหาสงกรานต์ทั้งที่ ICONSIAM และสยามสแควร์

นางสาวกรณิการ์ นิวัติศัยวงศ์, Head of FMCG, E-Commerce – TikTok Shop Thailand กล่าวว่า “TikTok Shop มุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจเอสเอ็มอีไทยพร้อมผลักดันสินค้าท้องถิ่นที่มีเอกลักษณ์ให้เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มของเรา โดยข้อมูลของ TikTok เผยช่วงสงกรานต์และซัมเมอร์ปีนี้ มีผู้ใช้ถึง 98% ตั้งใจที่จะซื้อสินค้าออนไลน์ และ 95% จะซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ ซึ่งนับเป็นเป็นช่วงเวลาแห่งการช้อปปิ้งแบบ O2O ที่สำคัญ และ 80% ยังวางแผนช้อปบน TikTok Shop ดังนั้นในปีนี้ TikTok Shop ในฐานะโซลูชั่นอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์ม TikTok เราจึงได้จัดแคมเปญพิเศษร่วมกับไอคอนสยามเพื่อต่อยอดประสบการณ์ Shoppertainment ให้แก่ผู้บริโภคและร่วมสนับสนุนร้านค้า โดยเพิ่มองค์ประกอบของความสนุกสนานจากกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ควบคู่กับดีลคุ้มค่าต่าง ๆ ที่มีอยู่ตลอดใน TikTok Shop มอบให้แก่ผู้บริโภค และที่สำคัญยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นด้วยการทำ Live Streaming โปรโมทสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ไทยให้เป็นที่รู้จักแก่คนทั่วโลกในช่วงเวลาแห่งความสุขและทุกคนพร้อมจับจ่าย”

คนไทยและนักท่องเที่ยวสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรม Refill Your Joy” กับ TikTok Shop ได้ 2 สถานที่ คือ ICONSIAM ตั้งแต่วันที่ 10-16 เมษายน ณ บริเวณโซน River Park และที่ TikTok Shop Pop-up Booth ชั้น 2 ICONSIAM และ TikTok Shop ยังร่วมสนับสนุนการจัดงาน “สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็น เป็นสนุก” ที่จัดขึ้นในพื้นที่ Siam Square Walking Street ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน ศกนี้ นอกจากนี้ TikTok Shop ยังเพิ่มดีกรีความสนุกให้กับผู้ใช้ TikTok ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถร่วมสนุกและช้อปสินค้าไทยผ่าน TikTok Shop เฉลิมฉลองไปพร้อม ๆ กันกับคนทั่วโลก

TikTok Shop at ICONSIAM พร้อมสาดความสนุกเป็นครั้งแรก ระหว่าง 10-16 เมษายนนี้ กับกิจกรรม “Refill Your Joy: เติมความสนุก สุขเต็มตระกร้า” ซึ่งจะรวมอยู่ในงาน THE ICONIC SONGKRAN FESTIVAL 2024 ไอคอนสยามมหัศจรรย์เจ้าพระยามหาสงกรานต์ ๒๕๖๗ โดยมีไฮไลต์สำคัญ ดังนี้

  • พบกับ Refill Your Joy Water Station บริเวณลาน River Park ของ ICONSIAM ที่ให้คนไทยและนักท่องเที่ยวมาร่วมสนุก พร้อมบูทถ่ายภาพสุดเก๋ บันทึกความประทับใจระหว่างเล่นน้ำ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมในงานเพื่อรับสงกรานต์ไอเท็ม Limited Edition จาก TikTok Shop อีกจำนวนมาก อาทิ เกมยิงปืนฉีดน้ำมหาสนุก หรือ ลัคกี้ปิงปอง
  • พบกับ Creators ที่ TikTok Shop ชวนมาร่วมสนุกและพลาดไม่ได้กับ Live Commerce สนุก ๆ ถึง 19 session ณ TikTok Shop Pop-up Booth ชั้น 2 ICONSIAM เพื่อให้ทุกคนที่ใช้ TikTok สามารถเลือกช้อปสินค้า OTOP และสินค้าไทยที่คัดสรรคุณภาพระดับ ICONSIAM จากโซน ICONCRAFT พื้นที่จัดแสดงสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยช่วง 12-16 เมษายน จะมี Creators ชื่อดังมา Live Commerce ดังนี้ นัท-ณิสามณี (nisamaneenut), บี้-เดอะสการ์ (bietheska), หยาดพิรุณ (yardpirun) เติร์ก-อมรศักดิ์ (turk_tk), ติช่า-THE FACE (tichatiktok)
  • พิเศษ 12-16 เมษายน พบกับกิจกรรมไฮไลท์ Dunk Tank หนุ่มน้อยตกน้ำ ที่ผสานประสบการณ์ Shoppertainment หลอมรวมโลกออฟไลน์และออนไลน์เป็นใบเดียว พบกับ Celebrities หนุ่มชื่อดังที่ควงคู่กันมาร่วมสนุกในกิจกรรมหนุ่มน้อยตกน้ำ ประกอบด้วย คู่แรก พูห์-กฤติน (ppoohkt) และ พาเวล-นเรศ (Pavelphoom), คู่สอง สายลับ-เหมวิช (Spy_v) และ ภณ-ธนภณ (Thana_pon), คู่สาม เก่ง-หฤษฎ์ (harit_keng) และ น้ำปิง-นภัสกร (nampingster), คู่ 4 ต้าห์อู๋-พิทยา (oueiija) และ ออฟโรด-กันตภณ (offroad_ktp), และคู่ที่ 5 ต้า-นันคุน (nakunta) และ บาร์โค้ด-ตฤณสิษฐ์ (barcode.tin)

TikTok Shop at SIAM SQUARE ร่วมสนับสนุนงาน “สงกรานต์สยาม ผ้าขาวม้า อยู่เย็น เป็นสนุก” ระหว่าง 13-15 เมษายน โดย TikTok Shop จัดบูทใหญ่ ยกระดับความสนุกสนานครื้นเครงให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว โดยนำกิจกรรมหลากหลายมาให้สัมผัส อาทิ ซุ้มประตูน้ำ Water Splash Archway, กิจกรรมบอลน้ำมหาสนุกที่ให้ผู้เล่นเข้าไปอยู่ในลูกบอลยักษ์และวิ่งบนผิวน้ำ พร้อมบูทถ่ายภาพสุดเก๋ บันทึกทุกโมเม้นต์ความประทับใจระหว่างเล่นน้ำ พร้อมของรางวัล Limited Edition จาก TikTok Shop อีกมากมาย

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลกิจกรรม Refill Your Joy with TikTok Shop เพิ่มเติม ได้ที่ FacebookInstagram หรือติดแฮชแท็ก #สงกรานต์2567 #เติมความสนุกสุขเต็มตะกร้า #RefillYourJoywithTTS #TTSSongkran2024


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“Fast Cooling Plus” เทคโนโลยีล่าสุด ในเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม รุ่นใหม่ “XY Series”

บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เดินหน้าส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ ตอกย้ำผู้นำตลาดเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน แนะนำนวัตกรรมล่าสุด เครื่องปรับอากาศใหม่ในกลุ่มอินเวอร์เตอร์ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม รุ่น  XY Series ด้วยเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อความเย็นเร็วยิ่งขึ้นและเพิ่มความสบายให้กับทุกคน “Fast Cooling Plus” สัมผัสสายลมเย็นได้ตั้งแต่เปิดเครื่องปรับอากาศ และเครื่องปรับอากาศจะปรับสายลมโดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ของอุณหภูมิภายในห้องเพื่อไม่ให้คุณรู้สึกร้อนหรือหนาวจนเกินไปและได้พักผ่อนได้อย่างเต็มที่นอกจากนี้ เครื่องปรับอากาศ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์ทุกรุ่น ยังได้พัฒนาให้คุณภาพอากาศภายในห้องดียิ่งขึ้นด้วยการเพิ่ม “V-Air Filter” และ “PM 2.5 Filter” แผ่นกรองอากาศและแผ่นกรองฝุ่นที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเฉพาะ สามารถกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และดักจับฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างดี

พบกับที่สุดแห่งเทคโนโลยีความเย็น ผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศกลุ่มอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ “XY Series” ในขนาดที่หลากหลายตั้งแต่ 9000-18000 BTU และอีกหลากหลายรุ่น ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทั่วประเทศ สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมโทร. 02-763-7000 กด 7


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ มจพ. รับสมัคร น.ศ. สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม ป.โท โค้งสุดท้าย 12 พ.ค. 67 นี้

คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดรับสมัครนักศึกษาระดับปริญญาโท รุ่นที่ 1 ภาคการศึกษาที่ 1/2567 (รอบสุดท้าย) ในหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม (M. Econ (Applied and Innovative Economics)  เป็นหลักสูตรใหม่ ประจำปี 2567 โดยเปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันนี้ ถึง วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 มีรายละเอียดดังนี้

ภาคปกติ (MAIE) แผนวิชาการแบบ 1 (เรียนคอร์สเวิร์คและทำวิทยานิพนธ์รวม 36 หน่วยกิต) เรียนแบบ Block Course ในวันจันทร์ศุกร์ เวลา 9.00 – 16.00 . (สัปดาห์ละ 2 วัน) ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ 18,000 – 20,000 บาท/เทอม ค่าสมัคร 500 บาท

ภาคพิเศษ (S-MAIE) แผนวิชาการแบบ 1 (เรียนคอร์สเวิร์คและทำวิทยานิพนธ์รวม 36 หน่วยกิต)

เรียนแบบ Block Course ในวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 . ค่าเทอมเหมาจ่าย 35,000 บาท/เทอม   ค่าสมัคร 1,000 บาท

คุณสมบัติผู้สมัคร จบปริญญาตรีทุกสาขา (มีการสอนปรับพื้นฐานเศรษฐศาสตร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้ตามระเบียบของมหาวิทยาลัย)

สมัครออนไลน์ที่เว็บไซต์บัณฑิตวิทยาลัย https://grad.admission.kmutnb.ac.th/ApplyLogin

รายละเอียดหลักสูตร https://shorturl.asia/2uhSQ

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 080-564-5419  ผศ.ดร.กมลนัทธ์  มีถาวร หรือที่ Facebook page : หลักสูตรปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม มจพ. และที่ Email: mecon@arts.kmutnb.ac.th

ขวัญฤทัย ข่าว


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. เจ้าภาพประชุมคณะกรรมการวิจัยและนวัตกรรม (สัญจร) ครั้งที่ 2/2567

.ดร. สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)  พร้อมด้วย ศ.ดร.สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ  กล่าวต้อนรับ ศ.ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) และผู้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการวิจัยและนวัตกรรม (สัญจร)  ครั้งที่ 2/2567  ระหว่างวันที่ 1-2 เมษายน 2567  โดยปีนี้ มจพ. เป็นเจ้าภาพจัดประชุม  มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และศึกษาแนวทางแก้ไขปัญาการบริหารงานวิจัย ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและนวัตกรรม   โดยวันที่ 1 เมษายน 2567  เดินทางไปโครงการสามคลอง สามราชธานีได้แก่ 1. พระพุทธบาทลอยฟ้า พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดบางอ้อยช้าง ตามรอยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ชุมชนบ้านส่วยอ้อย  2. สำเร็จ บุญหนัก ศักดิ์ใหญ่ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แดนอารยธรรมลุ่มน้ำสามคลอง สามราชธานี  3. แปลงใหญ่ทุเรียน อำเภอบางกรวย ความหลากหลายทางชีวภาพ จังหวัดนนทบุรี  4. นกแก้วโม่ง วัดสวนใหญ่  การอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่านอกเขตอุทยาน  ความหลากหลายทางชีวภาพ  จังหวัดนนทบุรี   และวันที่ 2 เมษายน  2567   .ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์  ทรงศิวิไล  ประธานกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  บรรยายพิเศษ ทิศทางการบริหารงานวิจัยของประเทศ และการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนมหาวิทยาลัย  จากนั้น เยี่ยมชมนิทรรศการ65 ปี มจพ. พลิกโฉม พลิกความคิด สู่ความยั่งยืน  เยี่ยมชมศูนย์วิจัย และโรงงานต้นแบบ  สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทยฝรั่งเศสคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์คณะวิศวกรรมศาสตร์และอทุยานเทคโนโลยี

ขวัญฤทัย ข่าว


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เปิดโมเดลนวัตกรรมเพื่อสังคม-เศรษฐกิจ ‘มข.’ ชูเทคโนโลยี ‘เตียงอัจฉริยะ’ ยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยสูงวัย-เพิ่มรายได้ชุมชน

มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย คณะ ‘เทคนิคการแพทย์-เศรษฐศาสตร์-สถาปัตยกรรมศาสตร์’ ร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม สร้างงาน สร้างรายได้ รับเทรนด์สังคมสูงวัยในไทยพุ่ง 13 ล้านคน คาดผู้ป่วยติดเตียงมี 1.3% หรือ 1.7 แสนคน ริเริ่ม “โครงการพัฒนาส่งเสริมการผลิตเตียงพลิกตัวต้นทุนต่ำสำหรับผู้ป่วยติดเตียงโดยชุมชน” นำร่องส่ง 5 เตียงต้นแบบสู่การใช้งานจริง 2 ชุมชน ตำบลบ้านโต้นและตำบลหนองแวง อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น พร้อมอัปเกรดเวอร์ชั่นใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานมากขึ้น เตรียมผลักดันสู่วิสาหกิจชุมชน ติวเข้มทักษะช่างพร้อมรับออเดอร์ผลิตเตียงที่เข้าใจผู้ป่วยและผู้ดูแลในราคาเอื้อมถึง

สถานการณ์ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยตัวเลขจากกรมการปกครองกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สะท้อนว่า  ปี 2566 ประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 13,064,929 คน คิดเป็น 20.8% ของประชากรทั้งประเทศ รวม 66,052,615 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุที่ป่วยติดเตียงมากถึง 174,409 คน คิดเป็น 1.3% ของผู้สูงอายุ (ที่เข้าระบบ) พร้อมคาดการณ์ว่า ในปี 2574 ประเทศไทยจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 28.87% หรือ 18,000,000 คน และมีประชาชนป่วยติดเตียงเพิ่มขึ้น 234,000 คน (ไม่รวมผู้ป่วยนอกระบบ)

จากแนวโน้มดังกล่าวนำมาสู่การริเริ่ม โครงการพัฒนาส่งเสริมการผลิตเตียงพลิกตัวต้นทุนต่ำสำหรับผู้ป่วยติดเตียงโดยชุมชน” โดย คณะเศรษฐศาสตร์ คณะเทคนิคการแพทย์ และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งดำเนินการภายใต้โครงการ CIGUS (C – community, I – industry, G – government, U – university, S – society) ที่มีวัตถุประสงค์นำองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาในชุมชนในมิติสาธารณสุข สังคม และเศรษฐกิจ โดยมีพื้นที่นำร่องใน 2 ชุมชน ได้แก่ ตำบลบ้านโต้นและตำบลหนองแวง อำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น

ศ.ดร.วิชัย อึงพินิจพงศ์ อาจารย์คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการดังกล่าว ว่า โครงการนี้มี แนวคิดในการพัฒนาเตียงอัจฉริยะที่ช่วยลดแผลกดทับ โดยเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยสูงวัยและผู้ดูแลคนป่วย พร้อมกับพัฒนาทักษะช่างให้สามารถนำมาพัฒนาต่อยอด สร้างงาน และ สร้างรายได้เข้าสู่ชุมชน  ทั้งนี้ได้ดำเนินการพัฒนาเตียงพลิกตัวและนำไปมอบให้กับเทศบาลตำบลบ้านโต้น จำนวน 3 เตียง และเทศบาลตำบลหนองแวง อีกจำนวน 2 เตียง พร้อมกับอบรมให้ความรู้และวิธีการใช้เตียงพลิกตัวอย่างถูกต้อง โดยภายหลังการติดตามการใช้งานพบว่า เตียงช่วยพลิกตัวและลดแผลกดทับนี้นำมาซึ่งประโยชน์ทั้งผู้ป่วย ผู้ดูแล และชุมชน โดยประโยชน์ของเตียงพลิกตัวจะช่วยป้องกันแผลกดทับในผู้ป่วยที่ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงวัยอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมถึงคนป่วยที่มีภาวะอ่อนแรงไม่สามารถพลิกตัวเองไม่ได้ เพราะเตียงนี้แค่กดปุ่มก็ตะแคงได้ ผู้ดูแลจะทำงานง่ายขึ้น หรือถ้าไม่มีคนดูแล ผู้ป่วยก็กดปุ่มแล้วเตียงตะแคงเองได้

ส่วนผู้ดูแลที่อาจเป็นญาติ และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รวมถึงผู้ดูแล Caregiver เตียงอัจฉริยะนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการดูแลผู้ป่วยลง ทำให้ไม่เป็นภาระมากจนเกินไป และสามารถนำเวลาส่วนนี้ไปทำประโยชน์และสร้างรายได้จากงานส่วนอื่น ๆ

“ในสองตำบลนี้ มีผู้ป่วยติดเตียง 22 คน แต่ในช่วงแรกนี้สามารถจัดหาเตียงให้กับผู้ป่วยติดเตียง 5 คนเท่านั้น ซึ่งอนาคตคาดว่าผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้น โดยแบ่งได้เป็นผู้สูงอายุที่แข็งแรง 80% อีก 10% เป็นภาวะอ่อนแรง แล้วก็อีก 10% ติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้”  ศ.ดร.วิชัย กล่าว

ขณะที่ในมิติของชุมชน เตียงพลิกตัวนี้จะช่วยให้ชุมชนสามารถมีรายได้จากการผลิตเตียง โดยนำแบบที่พัฒนาโดยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ไปดำเนินการพร้อมรับการอบรมฝึกทักษะฝีมือช่าง ซึ่งมีต้นทุนการผลิตต่อหนึ่งเตียงประมาณ 10,000-15,000 บาท โดยอยู่ระหว่างการปรับรายละเอียดของแบบเพื่อให้เตียงในเวอร์ชั่นใหม่นี้สอดรับกับการใช้งานได้เป็นอย่างดี เช่น ปรับความสูงของเตียงให้ต่ำลง รวมถึงปรับขนาดของเตียงเพื่อให้เคลื่อนย้ายเข้าบ้านของชุมชนได้ เป็นต้น

ด้าน ผศ.ดร.สุรกานต์ รวยสูงเนิน อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ประเด็นหลักของการออกแบบเตียงจะคำนึงถึงสภาพจิตใจผู้ป่วยและผู้ดูแลก่อนเป็นลำดับแรก โดยพยายามลดภาระผู้ดูแล และให้ผู้ป่วยช่วยเหลือตัวเองให้มากที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น เมื่อผู้ดูแลลดภาระลงจากที่เคยพลิกตัวทุก 2 ชั่วโมง ก็เปลี่ยนมาเป็นแค่ช่วงเวลาหลัก ๆ ได้แก่ ตอนทานอาหาร ทำความสะอาดร่างกาย

“ขนาดของเตียงที่ออกแบบ ในแรกเริ่มคิดที่จะพัฒนาเป็นขนาด S M L เพื่อให้สอดรับกับผู้ป่วยที่มีความแตกต่างกัน แต่เพราะเป็นช่วงแรกจึงพัฒนาเป็นขนาด L ทำให้พบข้อจำกัดการเคลื่อนย้ายเตียงเข้าสู่ภายในบ้าน ในระยะต่อมาจึงปรับขนาดลดลงเป็น 900×2 เมตร จากเดิมขนาด 1.2 x 2 เมตร มีต้นทุนการผลิตประมาณ 15,000-20,000 ไม้ โดยใช้วัสดุไม้แปรรูปที่หาซื้อได้จากร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป เช่น ไม้ยางพารา และไม้เนื้อแข็ง ซึ่งจะรับน้ำหนักผู้ป่วยได้มากถึง 200 กิโลกรัม”  ผศ.ดร.สุรกานต์ กล่าว

สำหรับแนวคิดของการต่อยอดโครงการนั้น ผศ.ดร.สุรกานต์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาเตียงเพื่อผู้สูงวัยที่ป่วยติดเตียงได้สร้างประโยชน์ทั้งในมิติในสังคม และเศรษฐกิจ ในอนาคตหากสามารถต่อยอดไปสู่วิสาหกิจชุมชนได้จะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก เพราะวิธีการผลิตที่ง่าย ทักษะช่างไม้ที่มีอยู่ในชุมชนสามารถดำเนินการได้เลยตามแบบและคู่มือการประกอบที่เตรียมจัดทำขึ้น ขณะที่อุปกรณ์มอเตอร์ไฟฟ้าก็หาได้ง่ายในร้านค้าชุมชน ถ้าเป็นการผลิตในปริมาณที่มากขึ้นในอนาคตจะยิ่งเป็นการลดต้นทุนลงมาอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อเตียง ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชน รวมถึงเพิ่มโอกาสการเข้าถึงเตียงในกลุ่มของผู้ป่วยที่มีรายได้น้อย

รศ.ดร.นรชิต จิรสัทธรรม หัวหน้าสาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ในมุมของเศรษฐศาสตร์ได้ทำการประเมินแล้วว่าการผลิตเตียงในโครงการนี้จะช่วยลดค่าเสียโอกาสได้มาก เช่น ผู้ดูแลที่เป็นญาติ หรือ Caregiver จากที่ปกติใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการดูแลผู้ป่วยสามารถลดชั่วโมงการทำงานลงเหลือเพียงชั่วโมงเศษเท่านั้น ซึ่งเวลาที่ลดลงนี้สามารถไปทำประโยชน์ได้อีกมาก

“คนอาจจะคิดว่าทำไมไม่บริจาคแล้วไปซื้อเตียงให้ผู้ป่วยเลยซึ่งเร็วกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ประโยชน์จะเกิดในส่วนเดียว เมื่อเทียบกับโครงการที่ดำเนินการอยู่นี้ พัฒนาเตียงขึ้นมาสามารถลดแผลกดทับได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถทำให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมและช่างฝีมือมีรายได้ สร้างประโยชน์ได้หลายส่วนพร้อมกัน เป็นการกระจาย และ หมุนเวียนผลประโยชน์ในชุมชน จากนี้ไปอยากเห็นการพัฒนาไปสู่เตียงที่ปรับแบบใหม่ช่างได้รับการอบรม และยกระดับเป็นกลุ่มอาชีพทางสังคมที่ช่วยทำเตียง รับออเดอร์งานได้ต่อไป โดยโอกาสและศักยภาพสามารถต่อยอดได้อีกมากจากแนวโน้มการขยายตัวของสังคมผู้สูงอายุในไทย”  รศ.ดร.นรชิต กล่าว

นายชัยชาญ เพชรสีเขียว ตัวแทนกลุ่มผู้ผลิตเตียงในชุมชน กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับเตียงอัจฉริยะที่ทาง มข. ส่งมาให้ผู้ป่วยในชุมชนก็ได้เริ่มเข้าไปให้ความรู้ถึงวิธีการใช้งานกับผู้ป่วยติดเตียงว่าเตียงนี้มีข้อดีคือ มีปุ่มให้กด สามารถนั่ง เอนซ้าย เอียงขวาได้ ซึ่งส่งผลดีทั้งต่อผู้ป่วยที่ช่วยให้อากาศถ่ายเท และไม่เกิดแผลกดทับ รวมถึงแบ่งเบาภาระของผู้ดูแลด้วย  ขณะเดียวกันก็เริ่มบอกกล่าวถึงช่างในหมู่บ้านที่ส่วนหนึ่งทำงานประจำและบางส่วนที่ว่างงาน ให้ได้รับทราบถึงโครงการนี้ รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนต่อไป  

สำหรับผู้สนใจเตียงดังกล่าว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 043 202 267


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ACCESSTRADE Summit 2024 งานประชุมระดับโลกประจำปีของ ACCESSTRADE

ACCESSTRADE จัดงานประชุมสัมมนาออนไลน์ ACCESSTRADE Summit 2024 ได้รวบรวมนักการตลาดออนไลน์ แถวหน้าของแต่ละประเทศ ทั้งประเทศญี่ปุ่น มาเลยเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมการเติมโตของตลาด และเชื่อมโยงตลาด Affiliate ทุกแขนง

ACCESSTRADE Summit 2024 เปิดโอกาสในการสร้างเครือข่ายสำหรับนักการตลาด หรือ Affiliate Marketer ที่มีผลงานของแต่ละประเทศ มาแบ่งปันความรู้ และ เทคนิคต่างๆ ผ่านมุมมองของแต่ละตลาด ซึ่งผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกใหม่ๆ แนวคิดต่างๆ เพื่อเป็นการส่งเสริมการเติบโตที่ดีของตลาด

งานจัดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน 2567
ตั้งแต่เวลา 09:00 น.- 17:00 น.
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรี ที่นี่ https://accesstrade.global/atsummit/registration

สำหรับทุกคนที่สนใจการตลาดออนไลน์ หรือ Affiliate Marketing จะได้รับการแชร์ข้อมูลจากทางคู่ค้าของ ACCESSTRADE แบบเจาะลึกในด้านการตลาดออนไลน์ในยุคปัจจุบัน รวมไปถึงผู้เชียวชาญด้าน Digital Marketing โดยจะมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำการตลาดออนไลน์ ในด้าน Affiliate Marketing จากทาง Top Publisher และ Top Advertiser ของทาง ACCESSTRADE นับเป็นงานใหญ่ #ไม่ควรพลาด
สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.accesstrade.in.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-258-4970-1
Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

การ์ทเนอร์คาดการณ์ 80% ของโครงการริเริ่มด้านธรรมาภิบาล Data & Analytics จะล้มเหลวภายในปี 2570

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 1 เมษายน 2567 – การ์ทเนอร์เผยในปี 2570 ประมาณ 80% ของโครงการธรรมาภิบาลด้านข้อมูลและการวิเคราะห์ (หรือ D&A) จะเผชิญกับความล้มเหลว เนื่องจากขาดวิกฤติที่เกิดขึ้นจริงหรือ Manufactured Crisis 

ซาอูล ยูดาห์ รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า “โปรแกรมธรรมาภิบาลข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ไม่ตอบโจทย์ผลลัพธ์ทางธุรกิจจะพบกับความล้มเหลว ในช่วงที่ผ่านมาวิกฤติที่เกิดขึ้น เช่น โควิด-19 หรือการเพิ่มขึ้นของต้นทุนด้านพลังงาน ผู้บริหาร Chief Data & Analytics Officers หรือ CDAO ที่ช่วยให้องค์กรฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้น เข้าใจวิกฤติและขับเคลื่อน D&A อย่างรวดเร็วสามารถช่วยให้ผู้นำธุรกิจรับมือสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว”

การใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์เพื่อกำกับดูแลข้อมูลและการวิเคราะห์ และวางตำแหน่งให้เป็นโมเดลธุรกิจหลักที่มีความสำคัญมากกว่าเชิงแทคติก โดยทีม D&A ดำเนินการกำกับดูแลแบบรีแอคทีฟ มุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์เพียงรายการเดียว นั่นคือ ข้อมูล

“ผู้บริหาร CDAO ควรหยุดใช้แนวทางที่เน้นการสั่งการและควบคุม ไปเป็นการกำกับดูแล D&A และกำหนดขอบเขตการกำกับดูแลเพื่อเน้นผลลัพธ์ทางธุรกิจที่จับต้องได้ พร้อมปรับเปลี่ยนไปตามโอกาสและความเสี่ยง รวมถึงเพิ่มความคล่องตัวและปรับขนาดตามการเติบโตขององค์กร” ยูดาห์กล่าวเพิ่ม

นักวิเคราะห์การ์ทเนอร์กล่าวว่าแนวทางธรรมาภิบาลในแบบ “One-Size-Fits-All” ที่ใช้ในปัจจุบันไม่ใช่แนวทางที่องค์กรส่วนใหญ่มองหา (ดูรูปที่ 1)

 

รูปที่ 1. โมเดลการดำเนินงานแบบ One-Size-Fits-All ไม่เพียงพออีกต่อไป

ข้อจำกัดธรรมาภิบาล Data & Analytics  ในโมเดล One Size Fits All ไม่เพียงพออีกต่อไป

ธรรมาภิบาลที่มีวันนี้ ธรรมาภิบาลที่ต้องการในอนาคต
  • โมเดลแบบ One size fits all โดยสั่งการ (Center-Out) 
  • นวัตกรรมที่ใช้เพื่อการกำกับดูแลไม่ใช่เรื่องหลัก 
  • สร้างมาตรฐานชัดเจน: มุ่งเน้นการควบคุม 
  • ให้สิทธิการตัดสินใจบางส่วนและไม่เชื่อมต่อกับการตัดสินใจในระดับท้องถิ่น
  • Passive; เน้นปฎิบัติตามกรอบที่กำหนด 
  • มีหลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนได้ตามบริบท
  • ส่งเสริมนวัตกรรมเป็นศูนย์กลางในการกำกับดูแล
  • ยืดหยุ่นและไดนามิกทั่วทั้งองค์กรรวมถึงในระบบนิเวศ
  • สิทธิตัดสินใจแบบกระจาย ทั้งแบบทางการและไม่เป็นทางการ: โดยยึดโยงกับคุณค่าเป็นหลัก
  • Active; เน้นปรับเปลี่ยนไปตามโอกาสและความเสี่ยง

ที่มา: การ์ทเนอร์

การนำ GenAI มาใช้จะรีเฟรชการกำกับดูแล D&A ที่ล้าสมัย

จากที่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Generative AI (GenAI) มาใช้มากขึ้น ผู้บริหาร CDAO สามารถดึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้มาใช้ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติด้านการกำกับดูแล D&A ที่ล้าสมัย และรวม AI ไว้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการกำกับดูแลที่ได้รับการพัฒนาต่อยอด ซึ่งธรรมภิบาล AI คือ กระบวนการมอบหมายและรับประกันความรับผิดชอบขององค์กร สิทธิ์การตัดสินใจ ความเสี่ยง นโยบาย และการตัดสินใจลงทุนเพื่อนำ AI มาใช้ 

นอกจากนี้ ผู้บริหาร CDAO ควรรวมความสามารถของ AI และ GenAI เข้ากับโปรแกรมธรรมาภิบาล D&A  โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2570 การใช้ GenAI จะเร่ง Time to Value ของโปรแกรม D&A และโปรแกรมการจัดการข้อมูลหลัก หรือ Master Data Management Programs ได้มากถึง 40%

อนุรัก ราช นักวิเคราะห์หลักอาวุโสการ์ทเนอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ก่อนที่ผู้บริหาร CDAO จะเริ่มส่งมอบเคสการใช้งาน GenAI จะต้องตรวจสอบให้มั่นใจว่าข้อมูลพันธุกรรมหลักขององค์กร  ได้รับการควบคุมอย่างดี ด้วยเหตุนี้พวกเขาควรใช้และจัดลำดับความสำคัญของความสามารถ GenAI ที่จะนำไปสู่คุณค่าที่เร็วขึ้นสำหรับโปรแกรมการกำกับดูแล โดยความสามารถของ GenAI สามารถช่วยเรื่องนี้ได้ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในกิจกรรมการกำกับดูแล เช่น การจัดทำรายการและการจำแนกประเภทข้อมูล การนำข้อมูลไปใช้ในวงกว้างและง่ายขึ้น อาทิ ความสามารถในด้านการบริการตนเอง (Self-Service) ที่ดีขึ้น หรือความสามารถที่ช่วยแก้ปัญหาความท้าทายทางธุรกิจที่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น การเพิ่มคุณค่าข้อมูลลูกค้าเพื่อกำหนดเป้าหมายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น”

เกี่ยวกับการ์ทเนอร์ 

บริษัท การ์ทเนอร์ (Gartner, Inc.) (NYSE: IT) คือบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาชั้นนำของโลก มอบข้อมูลเชิงลึก คำแนะนำ และเครื่องมือต่าง ๆ แก่ผู้บริหารองค์กรธุรกิจ เพื่อรองรับการดำเนินภารกิจสำคัญที่มีอยู่ในปัจจุบันและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จในอนาคต ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางของการ์ทเนอร์ในการช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจอย่างถูกต้องเพื่อขับเคลื่อนอนาคตของธุรกิจได้ที่ gartner.com


Exit mobile version