Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือจัดงานวันรวมน้ำใจชาว มจพ. “61 ปี มจพ. นวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรม”

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) จัดงานวันรวมน้ำใจชาว มจพ. “61 ปี มจพ. นวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรม” ในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 เวลา 07.15 -21.30 น. ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(มจพ.) เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ครบ 61 ปี (ในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563) เพื่อเป็นการรำลึกถึงการก่อตั้งมหาวิทยาลัย เพื่อส่งเสริมความสามัคคีระหว่างคณาจารย์ ศิษย์เก่า และบุคลากร ตลอดจนเผยแพร่ชื่อเสียง และเกียรติภูมิของมหาวิทยาลัย พร้อมกับประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่น ผู้ปฏิบัติงานดีเด่นของมหาวิทยาลัย รวมทั้งผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

มหาวิทยาลัยร่วมกับสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และชมรมศิษย์เก่าในภูมิภาคต่าง ๆ จัดงานวันรวมน้ำใจชาว มจพ. “61 ปี มจพ. นวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรม” ในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 07.15-21.30 น. ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กิจกรรมประกอบด้วย ภาคเช้า ถวายภัตตาหารเช้า และตักบาตรอาหารแห้งพระสงฆ์จำนวน 19 รูป / พิธีน้อมรำลึกถึง“ทวาปูชนียาจารย์” ภาคบ่าย พิธีประกาศเกียรติคุณ “บุคคลเกียรติยศ มจพ.” ชมนิทรรศการ “บุคคลเกียรติยศ มจพ.” คณาจารย์ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ นักวิจัยที่มีผลงานดีเด่น บุคลากรดีเด่น ผู้ปฏิบัติงานดีเด่น และบุคลากร/นักศึกษา ที่มีผลงานดีเด่นสร้างชื่อเสียงในระดับนานาชาติ และ ภาคค่ำ พิธีเปิดงานวันรวมน้ำใจชาว มจพ. “61 ปี มจพ. นวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรม” วีดิทัศน์ “61 ปี มจพ. นวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรม” พิธีประกาศเกียรติคุณ “บุคคลเกียรติยศ” อาทิ คนดีศรีแผ่นดิน ศิษย์เก่าดีเด่น และผู้มีอุปการคุณ

ศาสตราจารย์ ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า มจพ. เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง และการปลูกฝังวัฒนธรรมการทำงานอย่างมืออาชีพ ที่สามารถสื่อสาร ถ่ายทอดเทคโนโลยี สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมแล้ว ปัจจัยหนุนที่สำคัญคือ การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในกระบวนการทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มุ่งเน้นการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนไปสู่อุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูง ด้วยความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนา รวมทั้งนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ และพัฒนาศักยภาพนวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตลอดจนการนำผลงานวิจัยมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการเพิ่มมูลค่านวัตกรรม สู่ตลาดโลก

ผลการดำเนินงาน ครบรอบ 61 ปี ของ มจพ. มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดในระดับชาติและระดับนานาชาติหลากหลายด้าน สร้างประโยชน์สุขในมิติคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม ธุรกิจ อุตสาหกรรมทุกระดับที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเล็งเห็นและให้ความสำคัญ “การสร้างสรรค์นวัตกรรมให้ก้าวหน้า ด้วยการเพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรมที่นำเอาเทคโนโลยีมามีส่วนร่วมและปรับใช้ในด้านต่าง ๆ อาทิ การสร้างมูลค่าให้กับการบริการ การสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ (งานวิจัยต่างๆ) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และบริการเกิดการพัฒนาทั้งในด้านประสิทธิภาพ คุณภาพ ตอบโจทย์การใช้งาน และสามารถตอบสนองความต้องการได้ ซึ่ง
มจพ. ตระหนักถึงภารกิจและบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและองค์ความรู้สู่งานวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนก้าวเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่นำองค์ความรู้ผ่านงานวิจัยมากมายควบคู่ไปกับการยกระดับองค์กรเข้าสู่เวทีโลกด้วยการสรรสร้างมูลค่าด้วยการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์อย่างบูรณาการเพื่อส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ

มหาวิทยาลัยขอเชิญ บุคลากร นักศึกษา และศิษย์เก่า องค์กรเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ และสื่อมวลชนร่วม งานวันรวมน้ำใจชาว มจพ. “61 ปี มจพ. นวัตกรรมก้าวหน้า เพิ่มมูลค่าอุตสาหกรรม” ในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 07.15-21.30 น. ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ชมการแสดง โดยนักศึกษาชมรมศิลปการแสดง การแสดงดนตรีสากล โดยวงดนตรีสากลประดู่แดง สอบถามรายละเอียดได้ที่ กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง สำนักงานอธิการบดี มจพ. โทรศัพท์. 0-2555-2000 ต่อ 1121, 1166, 1175 หรือ www.kmutnb.ac.th


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท จัดให้จุใจกับของถูกและดี!!! ในงานบ้านแอนด์บียอนด์ เอ็กซ์โป ไบเทคบางนา

นางสาววรพรรณ ชุณหศรีวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด ออฟฟิศเมท ชวนผู้ประกอบการ SME และจัดซื้อองค์กร ช้อปคุ้มจุใจส่งท้ายเดือนกุมภาพันธ์ กับมหกรรมสินค้าลดราคาสูงสุดถึง 70% มีให้ช้อปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์สำนักงาน สินค้าไอที ซื้อไปใช้ส่วนตัวก็คุ้ม ซื้อไปใช้ในธุรกิจก็ประหยัดสุดๆ พร้อมให้คุณรับสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการและโปรโมชั่น On Top แบบจุกๆ ที่บูธออฟฟิศเมท ในงานบ้านแอนด์บียอนด์ เอ็กซ์โป ไบเทคบางนา วันนี้ – 1 มีนาคม 2563

ช้อปสบายกระเป๋า!!! กับสินค้าเฟอร์นิเจอร์สำหรับผู้ประกอบการและองค์กรธุรกิจ จากแบรนด์ Furradec และ Serta ที่ลดสูงสุดถึง 70% ให้คุณเลือก Mix & Match ได้ตามโจทย์และสไตล์ที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้สำนักงาน/เก้าอี้อเนกประสงค์ และชั้นวางดีไซน์เข้าชุด ซึ่งเหมาะกับโฮมออฟฟิศและมุมทำงานในบ้าน หรือจะเป็นโต๊ะทำงานและเก้าอี้ผู้บริหารนั่งสบาย ดีไซน์ทันสมัย และโต๊ะประชุมปรับระดับฟังก์ชั่นเจ๋ง ที่เหมาะกับโมเดิร์นออฟฟิศและ Co-Working Space อีกทั้งยังมีเฟอร์นิเจอร์สำหรับธุรกิจบริการ จำพวกร้านอาหารและร้านคาเฟ่ เช่น ชุดโต๊ะบาร์ เก้าอี้สตูล เก้าอี้อเนกประสงค์ทรงสูงดีไซน์สุดชิค และชั้นวางสินค้า ซึ่งทุกชิ้นพร้อมให้คุณได้สัมผัสและทดลองก่อนเลือกซื้อได้แบบจัดเต็ม นอกจากนี้ยังมีสินค้าอุปกรณ์สำนักงานจากแบรนด์ดัง ที่จัดโปรโมชั่นราคาสุดคุ้ม อาทิ เครื่องคิดเลข เครื่องเคลือบบัตร มัลติฟังก์ชั่นอิงค์เจ็ท และอื่นๆ อีกมากมาย โดยออฟฟิศเมทพร้อมบริการจัดส่งฟรีและประกอบฟรีถึงที่ เพียงช้อปครบ 499 บาทขึ้นไป (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)

คุ้มสะใจ!!! กับโปรโมชั่นเสริมความคุ้ม เพิ่มความประหยัดที่บูธออฟฟิศเมท ช้อปเฟอร์นิเจอร์สำนักงาน 3 ชิ้นขึ้นไป รับส่วนลดพิเศษเพิ่มทันที 10% (จากราคาโปรโมชั่น ไม่รวมสินค้า Happy Hour)
• พบกับช่วงเวลา Happy Hour ช่วงเวลาสุดพิเศษทุกวัน 12:00-13:00 น. / 14:00-15:00 น. / 16:00-17:00 น. / 18:00-19:00 น. ให้คุณช้อปสินค้าในราคาสุดแฮปปี้
• รับสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ ลูกค้าบัตรเครดิตเซ็นทรัล The1 ผ่อนเฟอร์นิเจอร์ 0% นานสูงสุด 10 เดือน พร้อมรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 4% (*เมื่อซื้อสินค้าตามยอดที่กำหนด) และรับส่วนลดเพิ่ม18% เมื่อใช้คะแนนสะสมเท่ายอดซื้อ (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด) นอกจากนี้ยังมีสิทธิพิเศษจากบัตรเครดิต KTC และ SCB ให้เลือกรับความคุ้มกันได้ตามใจ
• รับของสมนาคุณเพิ่มไปอีก ทั้งคูปองส่วนลดจากออฟฟิศเมท ร่มสีสดใส หรือกระเป๋าเดินทางสไตล์วินเทจ เพียงช้อปครบตามเงื่อนไขที่กำหนด

พบกันได้วันนี้ – 1 มีนาคม 2563 ที่บูธออฟฟิศเมท ในงานบ้านแอนด์บียอนด์ เอ็กซ์โป 2020 ด้านหน้าฮอลล์ 101 ไบเทค บางนา


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ปักธงยืน 1 ครองแชมป์ผู้นำเครื่องปรับอากาศอันดับ 1

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 กลุ่ม เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น พัดลม โชว์นวัตกรรมสุดล้ำ ชูจุดเด่นผลิตภัณฑ์คุณภาพ ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอากาศสะอาดด้วย PM 2.5 Filter ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน พร้อมลุยขยายฐานลูกค้า ผุดศูนย์กระจายสินค้าจังหวัดลำปาง ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการกว่า 12 จังหวัด ทั่วภาคเหนือให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด เดินหน้ายกระดับบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย ตอกย้ำการรับรู้แบรนด์ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ผ่าน โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์ พรีเซ็นเตอร์ ปีที่ 6 ตั้งเป้ายอดขายโตกว่า 8% หรือคิดเป็นมูลค่า 16,700 ล้านบาท

นายยาซุชิ โมริยามะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน “SDGs หรือ Sustainable Development Goals” ขององค์การสหประชาชาติ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ควบคู่กับความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจด้วยความตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมไทยให้ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ “Changes for the Better” หรือ “การเปลี่ยนแปลง เพื่อสิ่งที่ดีกว่า”

“ในปี 2563 นี้ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) ได้ก้าวเข้าสู่วาระครบรอบ 100 ปีแห่งการประกอบการ เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งสู่ความสำเร็จของการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ ให้บรรลุยอดขายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านเยน รวมถึงการยกระดับภาพลักษณ์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสู่แบรนด์ด้านเทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต”

“แม้สภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัว อันมีผลมาจากภาวะการลดต่ำลงของธุรกิจภาคส่งออกและการลดต่ำลงของอัตราการบริโภคภายในประเทศ แต่ภาพรวมของตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศในประเทศไทยยังคงมีมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท มีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6 % ทั้งในกลุ่มของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ และกลุ่มที่พักอาศัย สำหรับมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ในปีที่ผ่านมา เครื่องปรับอากาศภายในบ้านและปั๊มน้ำ ถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศใหม่พร้อมฟังก์ชันพิเศษ “Fast Cooling” เย็นเร็วทันใจในปุ่มเดียว และฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter ประสิทธิภาพสูงที่ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอนด้วยประจุไฟฟ้า และจากข้อมูลสำรวจแนวโน้มการซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่พบว่า ผู้บริโภคกว่า 50% ยังคงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงคุณภาพและมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผลประกอบการในปีงบประมาณ 2562 ของบริษัทฯ ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.นี้ จะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้กว่า 15,500 ล้านบาท ซึ่งเติบโตหรือทำได้สูงกว่ายอดขายรวมที่ทำได้ในปีก่อนหน้านี้ เพิ่มขึ้นกว่า 7%”

นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เดินหน้ายกระดับการบริการหลังการขาย รวมถึงพัฒนาช่องทางการติดต่อ ผ่าน Hot Line 1325 เพื่อสร้างมาตรฐานและประสบการณ์ระดับพรีเมี่ยมแก่ผู้บริโภค ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ในปี 2563 บริษัทฯ จึงทุ่มงบประมาณกว่า 30 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาศักยภาพศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ด้วยการขยายสาขาศูนย์บริการแต่งตั้งมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ครอบคลุมพื้นที่ใหม่ๆ ทั่วประเทศ รวมไปถึงศูนย์บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์ “สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติ” ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการในหัวเมืองใหญ่ๆ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี และนครศรีธรรมราช และมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีกในปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการอย่างทั่วถึง และสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งขยายเวลาการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและปัญหาการใช้งานผลิตภัณฑ์ผ่าน Hot Line 1325 โดยเปิดให้คำปรึกษาในเวลา 08.30 -19.00 น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ พร้อมเปิดให้บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ประเภทด่วนพิเศษ “Express Team Service” ภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากได้รับการแจ้งซ่อมจากลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยทีมช่างเทคนิคพร้อมอุปกรณ์และอะไหล่ที่ได้มาตรฐานจาก มิตซูบิชิ อีเล็คทริค พร้อมกันนี้ยังได้คิดค้นระบบ Smart Service Tool เครื่องมือพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตรวจเช็คอาการผิดปกติของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ระบบอินเวอร์เตอร์โดยเฉพาะ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่าน Mobile Application

นอกจากนี้ เราได้การรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องปรับอากาศและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ด้านเครื่องปรับอากาศ ให้มีความรู้ความสามารถและทักษะฝีมือ เพื่อลดการสูญเสีย เกิดความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ ส่งผลให้บริษัทฯ มีส่วนช่วยให้ความรู้ในการสร้างบุคลากรช่างเทคนิคไทยที่มีคุณภาพและบริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทดสอบให้กับช่างของศูนย์บริการแต่งตั้ง ช่างตัวแทนจำหน่ายและช่างอิสระ ได้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกันบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเสริมศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดอบรมให้ความรู้ทักษะความชำนาญเกี่ยวกับการบริการในด้านต่าง ๆ โดยเน้นการปฏิบัติงานตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญสู่การบริการอย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน

นายทาคาชิ ฟูจิกิ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคที่ “ใส่ใจ” ในทุกองค์ประกอบมากขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จึงทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดมากขึ้น บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการทำตลาดแบบ Business-to-Consumer หรือ B2C ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบัน สำหรับธุรกิจในแบบ Business-to-Business หรือ B2B นั้น บริษัทฯ มุ่งเน้นการขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ รวมไปถึงต่างจังหวัดตามการเจริญเติบโตของระบบสาธารณูปโภค อาทิ ร้านค้า โรงแรม และได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ (Mr.Slim R32 INV Series) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานระดับสูง รวมถึงการเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคตซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คำนึงถึง และถือเป็นกลยุทธ์หลักในปีนี้ที่จะมุ่งสร้างประสบการณ์และรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ขยายฐานลูกค้า ทั่วประเทศ เปิดศูนย์กระจายสินค้า “Mitsubishi Electric Smart Hub” จังหวัดลำปาง ด้วยพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร เพื่อพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ ครอบคลุมการให้บริการ 12 จังหวัด ในเขตภาคเหนือ โดยหวังผลให้ผู้บริโภคได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้นและมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุก ๆ ด้าน รวมถึงบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งร้านค้าผู้แทนจำหน่าย โมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต โครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่และยกระดับการบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย”

ในปี 2563 นี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าการขายรวมกว่า 16,700 ล้านบาท โดยสินค้าใหม่ 3 กลุ่ม ที่เปิดตัวในปีนี้ได้ตอกย้ำแนวคิด “Changes for the Better” มุ่งมั่นในการมอบวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สะดวกสบายแก่ผู้บริโภคแล้ว เรายังให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่

• เครื่องปรับอากาศ อินเวอร์เตอร์ รุ่น JS Series และ รุ่น KS Series (Happy Inverter) เพิ่มความเย็นเร็วทันใจกับระบบ Fast Cooling เทคโนโลยีเพื่อความเย็นเร็วภายในปุ่มเดียว ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีในปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยรีโมทคอนโทรลที่สามารถแสดง Error Code เพื่อช่วยในการตรวจสอบอาการผิดปกติเบื้องต้นของเครื่องปรับอากาศได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter เทคโนโลยีประสิทธิภาพสูง ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน ด้วยประจุไฟฟ้า ทำให้ได้รับอากาศที่สะอาดและบริสุทธิ์ (เฉพาะรุ่น GR Series และเป็นอุปกรณ์เสริมในรุ่น JS Series, KS Series)

• เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม รุ่นใหม่ ใช้สารทำความเย็น R32 พร้อมเพิ่มขนาดใหม่ 13,000 BTU ในรุ่น PLY, PCY และ PEY Series พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานระดับสูง

• ตู้เย็น 3 ประตู รุ่น Smart Freeze Glass Edition ระบบ Neuro Inverter สวยหรูด้วยบานกระจกนิรภัย พร้อมเทคโนโลยี Supercool Chilling เก็บรักษาความสดของอาหารโดยไม่เป็นน้ำแข็ง สะดวกสบายยิ่งขึ้น พร้อมปรุงอาหารได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาทำละลาย ประหยัดพลังงานด้วยระบบ Neuro Inverter, ตู้เย็น 2 ประตู รุ่น FC Series ระบบ Neuro Inverter ดีไซน์ใหม่ เพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บอาหารได้มากกว่าเดิม ด้วยขนาด ความจุเพิ่มขึ้นมากกว่า 10 ลิตร และ ตู้เย็น 1 ประตู รุ่น J Smart Defrost มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ พร้อมแผงควบคุมการทำงานด้านนอกตัวเครื่อง ทำให้สะดวกในการใช้งาน

• พัดลม เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม กับปลั๊ก 3 ขาใหม่ที่มีสายดินป้องกันไฟดูดหากเกิดไฟรั่ว พร้อมกล่องเหล็กครอบสวิตซ์ ป้องกันการลุกลามไฟ มั่นใจ ปลอดภัยระดับพรีเมี่ยม

สำหรับการสื่อสารทางการตลาดในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น เพิ่มความเข้มข้นและเข้าถึงสื่อออนไลน์ รวมถึงการใช้ BIG DATA มาวิเคราะห์ และประยุกต์ใช้กับ Digital Marketing เพื่อสื่อสารให้ตรงกับความต้องการและสอดรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และเพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ “The Cooling Master” รวมถึงสร้างการรับรู้แบรนด์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผ่าน Sport Marketing ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น สำหรับแคมเปญในปีนี้ ได้หยิบยกเรื่องราวความเชื่อมั่นที่มีต่อคุณภาพของเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่คนไทยให้การยอมรับและไว้วางใจ มานำเสนอเป็นภาพยนตร์โฆษณา ผ่านผู้ใช้จริงหลากหลายช่วงอายุ ที่ยืนยันว่าคุณภาพของสินค้ามิตซูบิชิ อีเล็คทริค ดีจริง ด้วยท่ายืนยันที่น่ารักประกอบกับเพลงทำนองคุ้นหู เติมเต็มทุกความต้องการด้วยเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาทั้ง 2 เรื่อง ถูกบอกเล่าผ่าน โป๊ป – ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์พรีเซ็นเตอร์ ปีที่ 6 ที่มาร่วมการันตี และเป็นอีกหนึ่งตัวแทนผู้ใช้จริง ผ่านแนวคิดที่ว่า “ชัดเลยว่าดี การันตีเลยว่าใช่ เชื่อในสิ่งที่ใช่” ซึ่งจากกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว นับว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยสานต่อความสำเร็จในการทำตลาดของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการขาย พร้อมโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่าจะช่วยสานต่อความสำเร็จในการทำตลาดของ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา และสามารถผลักดันยอดขายโดยรวมให้เติบโตได้กว่า 16,700 ล้านบาท” นายทาคาชิ ฟูจิกิ กล่าวทิ้งท้าย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ยคว้ารางวัล 2563 Gartner Peer Insights Customers’ Choice ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย

เซิ่นเจิ้น ประเทศจีน/ 21 กุมภาพันธ์ 2563 – หัวเว่ย ผู้จัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีและสมาร์ทดีไวซ์ชั้นนำระดับโลก ได้รับรางวัล Gartner Peer Insights Customers’ Choice ในฐานะผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายทั้งแบบมีสายและแบบไร้สาย ประจำเดือนมกราคม ปี 2563 โดยหัวเว่ย ซึ่งเป็นผู้จัดหาเทคโนโลยีเพียงรายเดียวที่ไม่ได้มาจากทวีปอเมริกาเหนือ ได้รับคะแนนเรทติ้งสูงถึง 4.7/5 ดาว ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 จากการให้คะแนนทั้งหมด 196 ครั้ง

การ์ทเนอร์ ได้นิยามตลาดโครงสร้างพื้นฐานระบบเครือข่ายทั้งแบบมีสายและแบบไร้สายไว้ว่าหมายถึงตลาดที่มีผู้จัดหาฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เครือข่ายทั้งแบบมีสายและไร้สายที่ทำให้อุปกรณ์ดีไวซ์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายหรือไวไฟขององค์กรได้ รางวัล Gartner Peer Insights เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการรีวิวและให้คะแนนเรทติ้งซอฟต์แวร์และบริการด้านไอที ซึ่งมีสมาชิกเป็นทั้งผู้ประกอบอาชีพในด้านไอทีและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านเทคโนโลยี โดยมีรีวิวที่ได้รับการตรวจสอบกว่า 215,000 รายการ ครอบคลุมกว่า 340 ตลาด รางวัล Gartner Peer Insights Customers’ Choice ยังเป็นการมอบเกียรติแก่ผู้จัดจำหน่ายที่ได้รับคะแนนจากลูกค้าอย่างล้นหลาม เพื่อช่วยเป็นข้อมูลประกอบในการเลือกซื้อสินค้าแก่ผู้นำด้านไอทีขององค์กรต่าง ๆ อีกด้วย

จากข้อมูลของ Gartner Peer Insights บริการเครือข่ายสำหรับองค์กรของหัวเว่ยได้รับการรีวิวจากลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ถึง 196 รายการ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ Ethernet Switch และ Campus Core Switch, Access Point ทั้งแบบภายในและภายนอกอาคาร รวมถึงแพลตฟอร์มเครือข่ายระบบคลาวด์และอื่น ๆ ของหัวเว่ย และผลตอบรับจากลูกค้าพบว่า ผลิตภัณฑ์และโซลูชันสำหรับใช้ในองค์กรของหัวเว่ยได้รับการยอมรับและชื่นชมทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และง่ายในการบริหารจัดการ

มร. จ้าว จื้อเผิง ประธานบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์เครือข่ายสำหรับใช้ในองค์กรของหัวเว่ย กล่าวว่า “วัตถุประสงค์เดียวของเราคือการจัดหาโซลูชันและผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด ที่ตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า เราจึงยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้รับรางวัล Gartner Peer Insights Customers’ Choice ประจำเดือนมกราคม 2563 และในอนาคตข้างหน้า เราจะยังคงยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลักมุ่งพัฒนานวัตกรรม พร้อมเดินหน้าช่วยให้ลูกค้าได้ใช้งานเครือข่ายสำหรับองค์กรที่มีการเชื่อมต่ออย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลให้รวดเร็วยิ่งขึ้น เราขอขอบคุณสำหรับคำติชมจากลูกค้าใน Gartner Peer Insights”

ตัวอย่างรีวิวจากลูกค้าที่มีส่วนช่วยให้หัวเว่ยได้รับเกียรติในครั้งนี้

“เราได้รับประสบการณ์ที่ดีในการนำมาใช้กับโครงการขนาดใหญ่ โดยได้ติดตั้ง Access Point กว่า 12,000 จุดในมหาวิทยาลัย 55 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทั้ง Core Switch, Aggregation Switch และ Access Switch ประสบการณ์โดยรวมในการใช้งาน Access Point ของหัวเว่ย ถือว่ายอดเยี่ยมมาก“ – รีวิวจากลูกค้าในแวดวงการศึกษา
“ผลิตภัณฑ์ WLAN ของหัวเว่ยมีคุณภาพสัญญาณดีเยี่ยม ครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้าง และมีเสถียรภาพ ระหว่างการใช้งานผลิตภัณฑ์ WLAN ของหัวเว่ย มีการขัดข้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์นี้ถือว่ามีข้อได้เปรียบด้านราคาอย่างเห็นได้ชัดและยังมีบริการหลังการขายอีกด้วย” – รีวิวจากประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ในอุตสาหกรรมค้าปลีก

นวัตกรรมและการเป็นผู้นำของหัวเว่ยในกลุ่มธุรกิจเครือข่ายสำหรับองค์กร ทำให้หัวเว่ยได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคมายาวนาน

ในปี 2562 หัวเว่ยได้เปิดตัวโซลูชัน CloudCampus ซึ่งให้ความสำคัญกับประสบการณ์ผู้ใช้งานอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยโซลูชันนวัตกรรมดังกล่าวนี้ช่วยให้ลูกค้าดำเนินการบริหารจัดการแบบอัตโนมัติ การปฏิบัติงานและบำรุงรักษาระบบแบบอัจฉริยะ และการเปิดกว้างเต็มรูปแบบของเครือข่ายสำหรับองค์กร ซึ่งช่วยย่นระยะเวลาการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด (TTM) สำหรับบริการขององค์กรและสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานว่าจะได้ประสบการณ์ที่ดีและคุณภาพของบริการแบบเรียลไทม์
หัวเว่ยยังได้เปิดตัวสวิตช์เครือข่ายสำหรับองค์กร CloudEngine S series ซึ่งออกแบบมาสำหรับยุค Wi-Fi 6 ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ Core Switch สำหรับเครือข่ายองค์กรรุ่นเรือธงภายใต้ชื่อ CloudEngine S127000E ซึ่งมีสมรรถนะสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมหกเท่า ตอบโจทย์ความต้องการของเครือข่ายสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่จะพัฒนาต่อไปในอีกสิบปีข้างหน้า
ในด้าน WLAN ผลิตภัณฑ์ AirEngine ที่ใช้ 5G ของหัวเว่ย ได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการทั่วโลกในวงกว้าง จากรายงานล่าสุดของ Dell’Oro Group ผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยมีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่งทั่วโลก (ไม่รวมทวีปอเมริกาเหนือ) ตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2561 จนถึงไตรมาสที่สามของปี 2562

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ Huawei CloudCampus Solution

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: Gartner Peer Insights Customers’ Choice มาจากความคิดเห็นส่วนบุคคลซึ่งรวบรวมจากรีวิวและการให้คะแนนโดยผู้ใช้งานแต่ละคน ตลอดจนข้อมูลที่ได้มาตามระเบียบวิธีที่มีการบันทึกไว้ โดยข้อมูลทั้งหมดไม่ได้เป็นความคิดเห็นหรือการรับรองโดยการ์ทเนอร์หรือบริษัทในเครือแต่อย่างใด


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วารสาร Applied Science and Engineering Progress (ASEP) ได้รับการตอบรับเข้าสู่ฐานข้อมูล SCOPUS

วารสาร Applied Science and Engineering Progress (ASEP) ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ได้รับการตอบรับ (accepted) ให้เข้าสู่ฐานข้อมูลระดับนานาชาติ Scopus ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม 2562 วารสารนี้นับเป็นวารสารลำดับที่ 31 จากจำนวนวารสาร 40 วารสารในโครงการ TCI/TRF/SCOPUS Collaboration Project โดยมี ศ.ดร.ณรงค์ฤทธิ์ สมบัติสมภพ หัวหน้าโครงการ TCI/TRF/SCOPUS Collaboration Project

วารสาร Applied Science and Engineering Progress (ASEP) เป็นวารสารระดับนานาชาติหนึ่งเดียวของ มจพ. ดำเนินการโดย กองส่งเสริมวิชาการ สำนักงานอธิการบดี
กองบรรณาธิการประกอบด้วย ศ.ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ และมีบรรณาธิการจากผู้มีผลงานวิจัยทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเชค ไต้หวัน มาเลเซีย เยอรมันนี ญี่ปุ่น อินเดีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร

วารสาร Applied Science and Engineering Progress (ASEP) เป็นวารสารราย 3 เดือน (ปีละ 4 ฉบับ ฉบับที่ 1 มกราคม-มีนาคม ฉบับที่ 2 เมษายน-มิถุนายน ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน และฉบับที่ 4 ตุลาคม-ธันวาคม) ตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยที่เกี่ยวข้องในด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์และวิศวกรรม

สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองส่งเสริมวิชาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) โทร. 0-2555-2000 ต่อ 2237-40
ผู้สนใจส่งบทความรับการพิจารณาตีพิมพ์เผยแพร่ หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปที่ http://ojs.kmutnb.ac.th/index.php/ijst

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ม.เทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ฟินเทคอินโน และหัวเว่ย ลงนามสนับสนุนการพัฒนาสถาบันการศึกษา และบุคลากรในอีอีซี

กรุงเทพฯ ประเทศไทย/ 19 กุมภาพันธ์ 2563 — มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก ร่วมกับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ฟินเทคอินโน จำกัด ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ภายใต้ชื่อ “Technology and Innovation-Driven EEC-HDC and University” ผนึกกำลังพัฒนาสถาบันการศึกษาและบุคลากรในพื้นที่อีอีซี โดยเอ็มโอยูฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือกันสนับสนุนทางภาคการศึกษาของประเทศไทย ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ร่วมถ่ายทอดความรู้ทางด้านนวัตกรรมสมัยใหม่ ร่วมออกแบบโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยดิจิทัลทางการศึกษา ไปจนถึงการร่วมลงทุนกับสถานศึกษาหรือสถาบันทางการศึกษาเพื่อนำเอานวัตกรรมทางการศึกษามาใช้ประโยชน์ทางการเรียนการสอน และสร้างบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถที่ทัดเทียมและแข่งขันได้ในเวทีระดับโลก

ภายใต้เอ็มโอยูดังกล่าว ทั้งสามฝ่ายจะร่วมกันจัดหาโครงสร้างพื้นฐานและอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก อันได้แก่ คลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อการศึกษา ระบบการเรียนทางไกล ตลอดจนโซลูชันการจัดการพลังงานอัจฉริยะ รวมถึงจัดหาผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศมาให้ข้อมูลความรู้เพื่อช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตอีอีซี โดยมหาวิทยาลัยฯ จะจัดหานักศึกษารวมถึงคณาจารย์ในภูมิภาคมาเข้าร่วมโปรแกรมอบรมดังกล่าว ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเตรียมความพร้อมของนักศึกษาในการเข้าสู่โลกที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เพื่อให้สอดรับกับความต้องการบุคลากรที่มีทักษะขั้นสูงในเขตอีอีซีที่เพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยผ่านการพัฒนาการศึกษา


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 9 คัด 40 เยาวชนชาย เข้าค่ายอบรมปลูกปัญญาธรรม ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

พระนครศรีอยุธยา 16 กุมภาพันธ์ 2563 – เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มทรู ได้รับความเมตตาจาก พระเทพปวรเมธี, รศ.ดร. รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้โอวาทแก่เยาวชนและผู้ปกครองที่เข้าร่วม “ค่ายอบรมปลูกปัญญาธรรม” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 9 ภายใต้แนวคิด “ความรักจักรวาล” นอกจากนี้ พระครูปลัดสุวัฒนวชิรคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา และประธานเครือข่ายธรรมะอารมณ์ดี ยังได้ให้เกียรติร่วมเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้แก่เยาวชนและผู้ปกครองที่เข้าค่ายอบรมอีกด้วย ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จ.พระนครศรีอยุธยา

ในโอกาสนี้ ดร.เนตรชนก วิภาตะศิลปิน ผู้อำนวยการด้านการศึกษาและวิชาการ ในฐานะผู้อำนวยการผลิตโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้นำเยาวชนชาย อายุ 7-12 ปี พร้อมผู้ปกครอง จำนวน 40 ครอบครัว ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จากผู้สมัครทั้งหมดกว่า 5,700 คนทั่วประเทศ เรียนรู้วิถีวัด เข้าร่วมปฏิบัติธรรม รวมถึงกิจกรรมปลูกจิตสำนึกด้านคุณธรรมจริยธรรม และกิจกรรมสันทนาการ พร้อมเข้าสัมภาษณ์กับคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกผู้เข้ารอบสุดท้าย โดยจะประกาศชื่อ 12 ว่าที่สามเณร ปลูกปัญญาธรรม ปี 9 ในวันที่ 30 มีนาคมนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.truelittlemonk.com และwww.facebook.com/truelittlemonkthailand

เกี่ยวกับโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม
โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม เป็นโครงการที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ และกลุ่มทรู จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 ซึ่งจะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย. – 17 พ.ค. 2563 เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนได้ศึกษาหลักธรรมคำสอน ปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม และปฏิบัติตนตามแนวทางพุทธศาสนา ซึ่งจะคัดเลือกเยาวชนที่ตั้งใจเข้าร่วมโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม เพื่อเรียนรู้ ปฏิบัติธรรม เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยจะถ่ายทอดสดในรูปแบบรายการธรรมะเรียลลิตี้ ทางช่องเรียลลิตี้ ทรูวิชั่นส์ เอชดี ช่อง 119 หรือ 333 และช่องเรียลลิตี้ ทรูวิชั่นส์ ช่อง 60 หรือ 99 รวมทั้งออกอากาศช่วงไฮไลท์ประจำวัน ทางทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และช่องทรูปลูกปัญญา ทรูวิชั่นส์ ช่อง 37 และ 111 ที่เปิดเป็นฟรีทูแอร์ให้ทั่วประเทศสามารถรับชมรายการผ่านอุปกรณ์และจานรับสัญญาณระบบอื่นๆ ได้แก่ PSI ช่อง 248 และ DTV ช่อง 315 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมรับชมรายการผ่านทางออนไลน์ได้ที่ www.truelittlemonk.com รวมถึงอีกหนึ่งช่องทางพิเศษ ผ่านแอปพลิเคชัน TrueID นอกจากนี้ ยังสามารถติดตามข่าวสารของโครงการได้ที่ www.facebook.com/truelittlemonkthailand อีกด้วย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท อาสาพาธุรกิจไทยประหยัดสู้เศรษฐกิจ

ออฟฟิศเมทพร้อมอาสาพาธุรกิจไทยประหยัด สู้เศรษฐกิจ!!! ออกแคมเปญใหม่ “#บอสการันตี” ด้วยการปรับราคาสินค้าจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการ ให้ถูกลงกว่าเดิม กว่า 200 รายการ และยืนราคาถูกนี้ถึง 31 ธันวาคม 2563 เพื่อช่วยกระตุ้นให้ SME และฝ่ายจัดซื้อองค์กรทั่วประเทศมีโอกาสได้เลือกสินค้าคุณภาพดี และราคาประหยัด ที่ช่วยคุมงบประมาณได้ โดยครอบคลุมสินค้าจำเป็นสำหรับธุรกิจ  อาทิ  อุปกรณ์สำนักงาน ปากกา กระดาษถ่ายเอกสาร แฟ้ม เม้าส์ คีย์บอร์ด ปลั๊กไฟ โต๊ะ และเก้าอี้สำนักงาน, กลุ่มสินค้า SME เช่น อุปกรณ์แพ็คกิ้ง เทปกาว กล่องพัสดุ ซองเอกสาร และปากกามาร์คเกอร์ ไปจนถึง กลุ่มสินค้านิรภัยส่วนบุคคลในโรงงาน เช่น รองเท้านิรภัย และถุงมือ เป็นต้น

ใครอยากได้ของถูกและดี ประหยัดชัวร์ ออฟฟิศเมทจัดให้! เพียงสังเกตสัญลักษณ์ #บอสการันตี #ออฟฟิศเมทการันตี  ได้ที่วารสารโปรโมชั่นประจำเดือน หรือที่ร้านออฟฟิศเมททุกสาขา หรือ   ช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ officemate.co.th, OfficeMate Mobile App และ Chat & Shop ที่ Line: @OfficeMate พร้อมบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ เพียงช้อปครบ 499 บาทขึ้นไป (*ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

SUSCO SMART MEMBER ฉลองครบรอบ 3 ปี รับคะแนนคูณ 2

ซัสโก้ ปลื้มยอดสมาชิก SUSCO SMART MEMBER เติบโตต่อเนื่อง จัดแคมเปญฉลองครบรอบ 3 ปี ตอบแทนสมาชิก จำนวนกว่า 1.2 ล้านราย รับคะแนนคูณ2 ทุกครั้งที่เติมน้ำมัน และแก๊ส LPG ทุกลิตร เริ่มตั้งแต่ 14 ก.พ – 31 มี.ค. 2563

นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในโอกาส ครบรอบ 3 ปี SUSCO SMART MEMBER ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรักจึงถือเป็นโอกาสดีที่ ซัสโก้ จะมอบคะแนนคูณ 2 เป็นการตอบแทนความรัก ความไว้วางใจที่ลูกค้าทุกท่านมีให้เสมอมา เมื่อเติมน้ำมันซัสโก้ หรือ เติมแก๊ส LPG ทุกลิตร เริ่ม 14 ก.พ.-31 มี.ค.นี้ และเชิญชวนผู้ที่ยังไม่เป็นสมาชิก สมัครสมาชิก SUSCO SMART MEMBER ผ่าน SUSCO Smart Member Application เพื่อรับสิทธิประโยชน์มากมาย ซึ่งในปีนี้ มีแผนที่จะจัดแคมเปญชิงโชคใหญ่ กิจกรรมแลกของรางวัลคะแนนพิเศษ รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าอื่นๆ ซึ่งสมาชิกจะเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นได้แล้วทั้งระบบ ios และ android

สำหรับ ปีที่ผ่านมา ซัสโก้ มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้นหลายสาขา รวมทั้งมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง อาทิ แจกสินค้าพิเศษใช้คะแนนลดลงแลกสินค้าได้ไวขึ้น แคมเปญชิงโชค รวมไปถึงการจัดโปรโมชั่นกับพันธมิตรค่ายมือถือ และการโอนคะแนนกับ The1 ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว ทำให้มียอดสมาชิกทั่วประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2563 นี้ มั่นใจว่าจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5 แสนราย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อิฐมวลเบา “Q-CON” ได้ฉลากเบอร์ 5 นาน 3 ปีซ้อน การันตีประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงสุดจากกระทรวงพลังงาน

เมื่อเร็วๆ นี้ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตคอนกรีตมวลเบา ภายใต้แบรนด์ Q-CON ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในเครือเอสซีจี ผู้นำนวัตกรรมคอนกรีตมวลเบาของไทย กว่า 25 ปี ขึ้นรับมอบฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ในพิธีมอบฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงแก่ผู้ประกอบการ โครงการส่งเสริมเครื่องจักรอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงและวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงานโดยการติดฉลากจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยในปีนี้นับเป็นปีที่ 3 ที่ Q-CON ได้รับฉลากเบอร์ 5 ประหยัดพลังงาน นับเป็นการการันตีในประสิทธิภาพของอิฐมวลเบา Q-CON อย่างแท้จริง

โดยในงานนี้ นายนิคม วงค์คำคูณ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท คิว-คอน อีสเทอร์น จำกัด และนายธัญญา อิสรั่น ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและธุรการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนขึ้นรับมอบฉลากฯ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ผลิตคอนกรีตมวลเบาเพื่อจำหน่ายทั้งภายในและต่างประเทศ ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นด้านการป้องกันความร้อนจึงทำให้ อิฐมวลเบา Q-CON ได้รับฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ช่วยประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงครบทุกผลิตภัณฑ์ ทุกชั้นคุณภาพ คือชั้น G2 และ G4 ซึ่งหมายถึงอิฐ Q-CON ชั้นคุณภาพ G2 มีคุณสมบัติเป็นฉนวน สามารถกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคารได้อย่างดีเยี่ยม และชั้นคุณภาพ G4 ที่มีกำลังอัดสูง ทำให้มีความแข็งแรง รวมไปถึงการกันเสียง กันไฟ โดยอิฐมวลเบาของ Q-CON เป็นอิฐมวลเบาอบไอน้ำ (Autoclaved System) ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากประเทศเยอรมัน และ Q-CON ยังเป็นผู้ผลิตอิฐมวลเบารายแรกในประเทศไทย ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม ทั้งชั้นคุณภาพ G2 และ G4 และได้รับฉลากประหยัดพลังงานเบอร์ 5 ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560-2562 ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน ASTM C177-04 จากศูนย์วิจัยและปฏิบัติการทดสอบพลังงาน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

นายนิคม วงค์คำคูณ ผู้จัดการโรงงาน บริษัท คิว-คอน อีสเทอร์น จำกัด และนายธัญญา อิสรั่น ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและธุรการ บริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นตัวแทนขึ้นรับมอบฉลากฯ ยังกล่าวต่ออีกว่า การได้รับมอบฉลากประหยัดพลังงานประสิทธิภาพสูงติดต่อกัน 3 ปีซ้อนนั้น ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในประสิทธิภาพของอิฐมวลเบา Q-CON ว่าเป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับงานก่อผนัง ทั้งแข็งแรง ทนทาน ทนต่อความร้อน และสามารถกันความร้อนได้ ช่วยประหยัดพลังงาน และลดค่าไฟได้ดีกว่าวัสดุผนังประเภทอื่น ซึ่งเหมาะสมกับประเทศในเขตร้อนแบบประเทศไทย ประกอบกับต้นทุนค่าก่อฉาบ อิฐมวลเบาจะมีต้นทุนถูกกว่าวัสดุอื่นอีกด้วย

สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่ Q-CON หมายเลข 092-265-9392 หรือ www.qcon.co.th หรือ Facebook : อิฐมวลเบา Q-CON เพื่อบ้านเย็นอยู่สบาย


 

Exit mobile version