Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ปรับกลยุทธ์ สู่ Online Exhibition กับงานรับสร้างบ้านออนไลน์ 2020

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด19 สู่การจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ (Online Exhibition) กับงานรับสร้างบ้านออนไลน์ 2020 จัดเต็มโปรโมชั่น แบบบ้านทุกระดับราคา และข้อเสนอดีๆ จากบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำเช่นเดิม พร้อมลุย 20-31 มีนาคม นี้ ทาง www.hba-th.org

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่มีการแพร่ระบาดออกสู่วงกว้างมากยิ่งขึ้นในประเทศไทย และในหลายๆ ประเทศทั่วโลกว่า จากสถานการณ์นี้ ทำให้ประชาชนตื่นตัวและเฝ้าจับตาสถานการณ์ เตรียมความพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านเองจึงไม่นิ่งนอนใจในการเลื่อนการจัดงานรับสร้างบ้าน Focus 2020 ในปีนี้ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสในพื้นที่สาธารณะต่างๆ ขึ้น แต่ด้วยเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อน ทุกธุรกิจต้องดำเนินต่อ ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจึงได้ปรับกลยุทธ์สู่การจัดงานแสดงสินค้าออนไลน์ หรือ Online Exhibition ขึ้น บนเว็บไซต์ของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน www.hba-th.org เพื่อให้ผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน ต้องการคำปรึกษากับบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ ยังคงสามารถใช้บริการได้เช่นเดิมอยู่ เช่นเดียวกับการจัดงานเหมือนครั้งที่ผ่านมา

“สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน และบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีส่วนทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อน จึงไม่ควรนิ่งนอนใจในสถานการณ์เช่นนี้ ผมและคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ จึงได้ลงมติปรับกลยุทธ์กระตุ้นตลาดด้วยระบบออนไลน์ แทนการจัดงานแสดงสินค้าเช่นเดิม เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค และการรับผิดชอบต่อส่วนรวมเป็นหลัก ถึงแม้ตลาดรับสร้างบ้านจะเป็นสินค้า High Involvement ที่ผู้บริโภคต้องใช้เวลาตัดสินใจ มีการไตร่ตรอง และตรวจสอบถึงความเชื่อมั่นในบริษัทและสินค้า ก่อนก็ตาม แต่ด้วยบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ล้วนเป็นบริษัทชั้นนำ ที่มีประสบการณ์และผลงานที่ดีอย่างยาวนาน จึงทำให้ผู้บริโภคสามารถเชื่อมั่นในคุณภาพ และการบริการสร้างบ้านแล้วต้องได้บ้าน เช่นเดิม รวมถึงผู้บริโภคยังคงใช้บริการ สอบถามปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ โปรโมชั่นที่จัดขึ้นมาเพื่องานรับสร้างบ้านออนไลน์ 2020 ในครั้งนี้อีกด้วย” นายวรวุฒิ กล่าว

งานรับสร้างบ้านออนไลน์ 2020 จัดขึ้นบนเว็บไซต์ www.hba-th.org ระหว่างวันที่ 20-31 มีนาคม 2563 นี้ โดยมีบริษัทรับสร้างบ้านเข้าร่วมกว่า 14 บริษัท ได้แก่ บริษัท ดับบลิว เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท ซีคอน จำกัด, บริษัท มาสเตอร์แปลน101 จำกัด, บริษัท อาร์ตเทค โฮม จำกัด, บริษัท ลีอาร์คีเทค จำกัด, บริษัท แอดวานซ์โฮม จำกัด, บริษัท รอแยล เฮ้าส์ จำกัด, บริษัท แลนดี้โฮม จำกัด, บริษัท อยุธยาสร้างบ้าน จำกัด, บริษัท เนเชอรัลโฮม จำกัด, บริษัท อเรย์ คอนสทรัคท์ชั่น จำกัด, บริษัท ออลเฮ้าส์ จำกัด, บริษัท สตรองแลนด์ จำกัด และ บริษัท บีคอมพลีท จำกัด โดยผู้ปลูกจองสร้างบ้านออนไลน์ จะได้รับส่วนลดพิเศษกับบริษัทรับสร้างบ้านที่มาร่วมในครั้งนี้ ติดตามรายละเอียดและตรวจสอบโปรโมชั่นระหว่างวันที่ 20 – 31 มีนาคม 2563 ได้ที่ www.hba-th.org


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 เร่งองค์กรให้ก้าวสู่ยุคเครือข่ายไร้สายเต็มรูปแบบ

กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร / 13 มีนาคม 2563 — หัวเว่ยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีส์ AirEngine Wi-Fi 6 รวม 10 รุ่น ในงานเปิดตัวอุปกรณ์และโซลูชัน ปี 2563 ของหัวเว่ย ณ กรุงลอนดอน ช่วยให้องค์กรก้าวเข้าสู่ยุคเครือข่ายไร้สายอย่างสมบูรณ์ เร่งกระบวนการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัลให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วผ่านการสร้างเครือข่ายองค์กรแบบไร้สายที่เชื่อมต่อกันอย่างเต็มรูปแบบ ยกระดับการทำงานในองค์กร สายการผลิต และบริการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ใหม่นี้ ผลิตภัณฑ์เรือธงรุ่น AirEngine8760 AP มีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 10.75 Gbps ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมถึงสองเท่า สร้างมาตรฐานใหม่ให้แก่ผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 6


มร. ชิว เหิง ประธานฝ่ายการตลาด และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์

เปิดตัวอุปกรณ์ AirEngine Wi-Fi 6 ซีรีส์ใหม่

ในงาน หัวเว่ยได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ 3 ซีรีส์ ได้แก่ AirEngine 8700, AirEngine 6700 และ AirEngine 5700 ครอบคลุมการใช้งานทั้งภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งจะช่วยพัฒนาประสบการณ์การใช้งานเครือข่ายได้อย่างมีนัยสำคัญในสถานการณ์ดังต่อไปนี้

สถานการณ์ที่มีการใช้งานเครือข่ายหนาแน่นสูง เช่น สำนักงาน ห้องประชุม สนามกีฬา อาคารผู้โดยสาร และสถานีรถโดยสารสาธารณะ
การใช้งานวิดีโอความละเอียดสูง (HD) เช่น การสอนแบบเสมือนจริงหรือเพิ่มความเสมือนจริง (VR/AR) และการประชุมผ่านทางวิดีโอ 4K/8K
การใช้งานในโรงงานที่ควบคุมด้วยเครือข่ายไร้สาย เช่น รถขนส่งอัตโนมัติ (AGV)
การใช้งานแบบผสมผสานทั้ง IoT และ Wi-Fi เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และองค์กรอัจฉริยะ
การให้บริการเครือข่ายสาธารณะสำหรับพื้นที่ภายนอกอาคาร เช่น บริเวณลานโล่ง และถนนต่าง ๆ

ปัจจุบันองค์กรจำนวนมากเริ่มใช้งานหรือกำลังพิจารณาการใช้ Wi-Fi 6 เป็นเทคโนโลยีหลักสำหรับเครือข่ายขององค์กร มร. แทม เดลล์โอโร ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารเดลล์โอโร กรุ๊ป กล่าวถึง Wi-Fi 6 ว่า “เราเห็นว่า Wi-Fi 6 เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากตลาดเริ่มเปลี่ยนจากกลุ่มผู้ใช้เทคโนโลยีใหม่รุ่นแรก ๆ ไปสู่ตลาดวงกว้างแล้วในปี 2563 นี้ ส่วนโรงงานต่าง ๆ ตอนนี้ก็เริ่มมีการใช้งานเทคโนโลยี Wi-Fi 6 ในรุ่นถัดไปที่มีฟีเจอร์ที่สมบูรณ์ในราคาที่สูงกว่า Wi-Fi5 หรือ Wi-Fi 4 ไม่มากนัก”

ในขณะที่เราเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคเครือข่ายไร้สายอย่างเต็มรูปแบบ เครือข่าย Wi-Fi 6 จำเป็นต้องมีคุณลักษณะที่ชัดเจน 3 ประการ คือ ความเร็วสูง เชื่อมต่อได้ตลอดเวลา และความเร็วระดับ 100 Mbps ในทุกพื้นที่

หัวเว่ยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ซีรีส์ AirEngine Wi-Fi 6 รวมถึง Access Point 10 รุ่น
ความเร็วสูง: AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยมีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 10.75 Gbps สูงกว่าเครือข่ายแบบมีสาย ที่ระดับการเข้าถึงเครือข่ายองค์กรเป็นครั้งแรก

ในอนาคตจะมีจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ในองค์กรเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 10 เท่า และอุปกรณ์แต่ละชิ้นจะต้องใช้แบนด์วิดท์ (ความกว้างช่องสัญญาณ) อย่างน้อย 50 Mbps สำหรับแอปพลิเคชันวิดีโอความคมชัดสูง (HD) เช่น วิดีโอ 4K ด้วยเหตุนี้ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยจึงออกแบบให้มีจำนวนเสารับส่งและ Spatial Stream มากที่สุดในอุตสาหกรรม (16 Transmit 16 Receive และ 16 Spatial Streams) ทำให้อัตราการส่งข้อมูลทำได้สูงสุดถึง 10.75Gbps สองเท่าของค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม

เชื่อมต่อตลอดเวลา: AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย โดดเด่นด้วยความครอบคลุมของสัญญาณที่มากกว่า, ไม่มีอัตราการสูญเสียข้อมูล และมีความหน่วงต่ำระดับ Ultra-Low ตอบโจทย์ความต้องการด้านคุณภาพเครือข่ายองค์กรเพื่อให้ระบบที่มีความสำคัญสูงสุดทำงานได้อย่างราบรื่นและไม่มีการหยุดชะงัก

ทั้งนี้เพื่อช่วยให้องค์กรเชื่อมต่อบริการสำคัญ ๆ กับเครือข่าย Wi-Fi ได้ ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi6 ของหัวเว่ยใช้เสาอากาศอัจฉริยะที่แตกต่างจากแบรนด์อื่น เพื่อการครอบคลุมที่เสถียรยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับอุปกรณ์ Wi-Fi 6 อื่น ๆ ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยให้สัญญาณที่แรงกว่าเท่าตัว และครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นร้อยละ 20 พร้อมรับประกันความแรงของสัญญาณในพื้นที่บริเวณสุดระยะครอบคลุม นอกจากนี้ เทคโนโลยี Lossless Roaming ที่ไม่มีใครเทียบเท่าของหัวเว่ยพร้อมรับประกัน Zero Packet Loss ป้องกันข้อมูลสูญหาย พร้อมอัตราความสำเร็จของการโรมมิ่งข้อมูลร้อยละ 100 ช่วยให้ปฏิบัติการและการทำงานในสำนักงานแบบไร้สายมีความเสถียรมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยใช้เทคโนโลยี Dynamic Turbo (เทคโนโลยีเร่งความเร็วการใช้งานอัจฉริยะ) เพื่อให้มีความหน่วงข้อมูลระดับ Ultra-Low หรือเพียง 10 ms ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมครึ่งหนึ่ง โดยค่าความหน่วงต่ำระดับนี้ทำให้การใช้งาน VR, AR และวิดีโอระดับ HD มีความเสถียรยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ความเร็วคงที่ระดับ 100 Mbps ในทุกพื้นที่: ด้วยเทคโนโลยี 5G ระดับนวัตกรรมของหัวเว่ย ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายความเร็ว 100 Mbps ครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในองค์กร ได้อย่างต่อเนื่องในระดับการใช้งานที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของอุปกรณ์ประเภทนี้ในอุตสาหกรรม

ในอุตสาหกรรม Wi-Fi นั้น การรับประกันแบนด์วิดท์ไม่ให้เกิดการขัดข้องและให้อุปกรณ์แต่ละชิ้นสามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมมาโดยตลอด และเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าว ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย ได้ผสมผสานเทคโนโลยี 5G ที่ล้ำหน้าเข้าไปในเครือข่าย Wi-Fi ทำให้ในสถานการณ์ที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายเป็นจำนวนมาก อุปกรณ์เชื่อมต่อแต่ละชิ้นจะสามารถรับส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วเสถียรระดับ 100 Mbps ในทุกพื้นที่ ทุกเวลา

“เราเชื่อว่าการยกระดับเครือข่ายไร้สายไปเป็น Wi-Fi 6 จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดในกระบวนการทรานสฟอร์มด้านดิจิทัลขององค์กร ซึ่งแตกต่างจาก Wi-Fi รุ่นก่อนหน้าเป็นอย่างมาก หัวเว่ยได้นำเทคโนโลยี 5G ระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม มาใช้กับผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย ทั้งเสาอากาศ อัลกอริทึม และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ก้าวหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยจะช่วยสร้างเครือข่ายไร้สายคุณภาพสูงให้องค์กรได้ “มร. จ้าว จื้อเผิง ประธานกลุ่มเครือข่ายองค์กร แผนกผลิตภัณฑ์ดาต้าคอม ของหัวเว่ย กล่าว “เราคาดว่าเครือข่ายองค์กร Wi-Fi 6 คุณภาพสูงนี้ จะช่วยดำเนินการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลขององค์กร ทั้งการใช้งานในรูปแบบสำนักงาน โรงงาน และบริการ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยกระดับประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานให้ดีขึ้น ในอนาคต เราจะเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมร่วมกับลูกค้าต่อไปเพื่อสร้างเครือข่ายองค์กรอัจฉริยะเต็มรูปแบบที่ใช้งานง่าย โดยมี AirEngine เป็นตัวช่วยเร่งให้เกิดการเข้าสู่ยุคเครือข่ายองค์กรแบบไร้สายเต็มรูปแบบให้เร็วที่สุด”

หัวเว่ยมุ่งมั่นบูรณาการนวัตกรรม AirEngine Wi-Fi 6 เข้ากับรูปแบบใช้งานของลูกค้าแต่ละราย เพื่อเพิ่มประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ

สำหรับการใช้งานในสำนักงาน ผลิตภัณฑ์ AirEngine ของหัวเว่ยจะช่วยเร่งให้เกิดการพัฒนาสำนักงานอัจฉริยะได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พนักงานสามารถเปลี่ยนการสื่อสารผ่านเสียงและข้อความแบบเดิม ในสถานที่ทำงานแบบที่มีที่ตั้งปกติ ไปเป็นการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าด้วยวิดีโอ HD และการสื่อสารแบบหลายหน้าจอได้จากที่ใดก็ได้

ในด้านการศึกษา ผลิตภัณฑ์ AirEngine จะช่วยส่งเสริมการเรียนการสอนด้วยการใช้เทคโนโลยี AR/VR ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว รูปแบบการเรียนของนักเรียนจะเปลี่ยนไป จากการเรียนจากหนังสือแบบเดิมไปสู่การเรียนรู้เชิงปฏิสัมพันธ์ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะทำให้นักเรียนมีส่วนรวมในการเรียนรู้มากขึ้น และช่วยสร้างทรัพยากรการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับนักเรียนในพื้นที่ห่างไกล ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียมทางด้านการศึกษา

ในภาคการผลิตและโลจิสติกส์ ผลิตภัณฑ์ AirEngine ของหัวเว่ย จะช่วยให้โรงงานและการกระจายสินค้าแบบไร้คนควบคุมเป็นไปได้จริง หุ่นยนต์อัจฉริยะจะเข้ามาควบคุมงานด้านจักรกลที่ซ้ำซากและอันตราย ซึ่งจะช่วยพัฒนาโรงงานสู่ยุคการผลิตอัตโนมัติ

ในงานด้านบริการสาธารณะ AirEngine ของหัวเว่ย จะช่วยยกระดับคุณภาพของบริการ ส่งเสริมหน่วยงานด้านบริการสาธารณะ ให้สามารถให้บริการออนไลน์ที่มีความเฉพาะเจาะจงตามผู้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา รวมทั้งสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้ใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

หัวเว่ยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Wi-Fi 6 เชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมในปี 2560 นับตั้งแต่นั้น ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และถูกนำไปใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วโลกอย่างรวดเร็ว หัวเว่ยครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งในตลาด Wi-Fi 6 ทั่วโลก (ยกเว้นในอเมริกาเหนือ) และในประเทศจีน จากผลการสำรวจส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi 6 ภายในอาคาร ระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 โดย Dell’Oro Group

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Huawei AirEngine Wi-Fi 6


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. โชว์นวัตกรรมหน้ากากอนามัย เสริมแผ่นเส้นใยนาโนกรองฝุ่นและไวรัส 96.55%

รศ.ดร.นพวรรณ ชนัญพานิช หัวหน้าศูนย์วิจัยบูรณาการนาโน สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและอาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เจ้าของผลงานและนวัตกรรม “หน้ากากอนามัยเสริมแผ่นเส้นใยนาโน” ที่สามารถกรองฝุ่นและไวรัสได้ดี โดย Handmade “หน้ากากอนามัยเสริมแผ่นเส้นใยนาโน” มีคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยทั่วไป คือมีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นที่อนุภาคเล็กกว่า 0.5 ไมครอน ได้ถึง 96.55% จากการทดสอบก่อนผ่านแผ่นกรอง และหลังผ่านแผ่นกรอง ที่ใช้ได้จริง save ได้ดีเยี่ยม เหมาะกับสถานการณ์เช่นนี้ที่หน้ากากอนามัยขาดแคลนเป็นอย่างมาก นวัตกรรมหน้ากากอนามัยเสริมแผ่นเส้นใยนาโน มีขนาดความกว้าง 14.5 และยาว 15 ซม. สามารถ DIY ได้ด้วยตนเอง

นวัตกรรม”หน้ากากอนามัย เสริมแผ่นเส้นใยนาโน” ผลงานชิ้นนี้การันตีถึงคุณภาพ และความปลอดภัย และมีสมบัติพิเศษจา ทดสอบแล้วมีประสิทธิภาพการกรองฝุ่นที่อนุภาคเล็กกว่า 0.5 ไมครอน ได้ถึง 96.55% ขณะก็ได้ผลิตแจกจ่ายให้กับบุคลากรของมหาวิทยาลัย กลุ่มเสี่ยง และโรงพยาบาล

สามารถสอบถามได้ที่ ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โทร 02-555-2000 ต่อ 4802-4 (วันเวลาราชการ)
ส่วนเบอร์มือถือส่วนตัวของ รศ.ดร.นพวรรณ ชนัญพานิช โทร. 089-205-9561


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“อะโคนาติก” รุกตลาด “แอร์เคลื่อนที่” และ “พัดลมไอเย็น” เปิดแคมเปญ ช้อปคลายร้อน แจกทอง สนั่นเมือง เริ่มตั้งแต่วันนี้ – 31 พฤษภาคม 2563

อะโคนาติก รุกตลาด “แอร์เคลื่อนที่” และ “พัดลมไอเย็น” ต้อนรับฤดูร้อน จับมือพันธมิตร เพาเวอร์บาย, บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส, ไทยวัสดุ และ ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ จัดแคมเปญ “ช้อปคลายร้อน..แจกทองสนั่นเมือง” จัดหนัก แจกรางวัลมากมาย ได้แก่ สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมทีวี ACONATIC Android TV 65″ จำนวน 10 รางวัลๆ ละเฉียดแสน นอกจากนี้ ยังรางวัลเด็ดอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท เมื่อช้อป อะโคนาติก “แอร์เคลื่อนที่” หรือ “พัดลมไอเย็น” ผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายระดับชั้นนำ เริ่มตั้งแต่วันนี้ แล้วถึง 31 พฤษภาคม 2563

นายอานนท์ บัวดี ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไฮไฟ โอเรียนท์ ไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “อะโคนาติก” แบรนด์คนไทยที่ได้รับการยอมรับและเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มียอดขายอันดับหนึ่งมายาวนาน 28 ปี โดยมีผลิต ภัณฑ์แอร์เคลื่อนที่ “อะโคนาติก” ทำยอดขายและมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งปีที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จจากแคมเปญ “อะโคนาติก ช้อปคลายร้อน” อย่างสูง ส่งผลให้เป็นแบรนด์ที่มียอดขายแอร์เคลื่อนที่ สูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย และเพื่อรับมือสภาวะเศรษฐกิจ จึงจับมือกับพันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ เพาเวอร์บาย, บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส, ไทยวัสดุ และ ตัวแทนจำหน่ายระดับชั้นนำทั่วประเทศ จัดแคมเปญ “อะโคนาติก ช้อปคลายร้อน..แจกทองสนั่นเมือง” ในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยอัดฉีดรางวัลใหญ่ ได้แก่ สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท พร้อมทีวี ACONATIC Android TV 65″ จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 99,974 บาท , รางวัลที่ 2 คือ ACONATIC TV 65″ จำนวน 10 รางวัลๆ ละ 21,900 บาท นอกจากนี้ ยังมีรางวัลเด็ดอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่าของรางวัลทั้งหมดแล้ว มีมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท มั่นใจว่า จะช่วยกระตุ้นยอดขายในช่วงที่ตลาดกำลังมีความต้องการเครื่องปรับอากาศสูงกว่าปกติ ทั้งนี้ มั่นใจว่าจะมียอดขายสูงเช่นปีที่ผ่านมา

ในปี 2563 นี้ อะโคนาติก มีผลิตภัณฑ์ “แอร์เคลื่อนที่” และ “พัดลมไอเย็น” อะโคนาติก ให้เลือกหลายรุ่น… หลายราคา ภายใต้คอนเซ็ปต์ ใช้ชีวิตคูล..คูล ได้ทุกวัน โดย ผลิตภัณฑ์แอร์เคลื่อนที่ [Portable Air Conditioner] สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกสบาย ไม่ต้องติดตั้ง เสียบปุ๊บ เย็นปั๊บ รับประกันการใช้งาน 3 ปี มีให้เลือก คือ รุ่น 7000 BTU, รุ่น 9000 BTU, รุ่น 12000 BTU และ รุ่น 15000 BTU ที่มีให้เลือก จำนวน 6 รุ่น ส่วนผลิตภัณฑ์ พัดลมไอเย็น [Air Cooler] เย็นจริง เย็นไว ด้วยระบบเสริมความเย็น มีให้เลือก จำนวน 4 รุ่น รับประกันมอเตอร์ 2 ปี สามารถผ่อน 0 % สำหรับ แคมเปญ “ช้อปคลายร้อน..แจกทองสนั่นเมือง” ลูกค้า จะได้รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลสร้องคอทองคำ และของรางวัลใหญ่ อื่นๆ เมื่อซื้อ ผลิตภัณฑ์อะโคนาติก “แอร์เคลื่อนที่” และ “พัดลมไอเย็น” เริ่มตั้งแต่ วันนี้ถึง 31 พฤษภาคม 2563 สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.aconatic.com หรือ Facebook.com/Aconatic World

ในการร่วมแคมเปญ “ช้อปคลายร้อน..แจกทองสนั่นเมือง” เมื่อซื้อสินค้าอะโคนาติกในหมวด “แอร์เคลื่อนที่” หรือ “พัดลมไอเย็น” แล้วให้ลูกค้ากรอกรายละเอียดใบรับประกันให้ครบถ้วน จากนั้นนำหย่อนใส่กล่องรับชิ้นส่วนที่ ร้านตัวแทนจัดจำหน่าย ได้แก่ เพาเวอร์บาย, บิ๊กซี, เทสโก้โลตัส, ไทยวัสดุ และ ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ รวมถึง สยามทีวี ตัวแทนจำหน่ายในภาคเหนือทั้งหมด เพียงเท่านี้ ก็ได้สิทธิ์ร่วมลุ้นรับรางวัลต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท ได้ทันที ทั้งนี้ กำหนดจับรางวัลและการประกาศผลผู้โชคดี จะมีการเผยแพร่ผ่านสื่อช่องทางต่างๆ รวมถึงการไลฟ์สดผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ซึ่งจะแจ้งกำหนดให้ลูกค้าทราบต่อไป


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

แคปปิตอล จีฯรุกตลาด Niche Market ส่งคอนโดฯ “MONTE RSU” เจาะนักศึกษา ม.รังสิต

“รังสิต” คืออีกทำเลทองของจังหวัดปทุมธานี มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีแหล่งชุมชนขนาดใหญ่หลายจุด เป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม แหล่งช้อปปิง (Shopping) การคมนาคมสะดวก เชื่อมต่อถนนเส้นหลัก วิภาวดีรังสิต สรงประภา เชื่อมต่อทางด่วน ทั้งทางพิเศษอุดรรัถยา และทางยกระดับอุตราภิมุข และยังมีการพัฒนาระบบคมนาคมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้า สายสีแดง บางซื่อ-รังสิต-ธรรมศาสตร์ ที่คาดจะเปิดให้บริการได้ในปี 2564 ซึ่งพื้นที่รังสิตยังถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งเศรษฐกิจ อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นเมืองมหาวิทยาลัย ด้วยเพราะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลังชื่อดังของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตรังสิต, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยรังสิต

นอกจากนี้ ในอนาคตยังมีโครงการใหญ่ๆที่จะเกิดในพื้นที่รังสิตอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ของบิ๊กค้าปลีกอย่างกลุ่มเซ็นทรัล ฯลฯ เหล่านี้คือปัจจัยทำให้เกิดการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างไม่หยุดนิ่ง ซึ่งก็รวมถึงบริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ที่ล่าสุดได้ปักหมุดคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยรังสิตภายใต้ชื่อโครงการ “MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)” เพราะมั่นใจในศักยภาพของทำเลที่ยังมีดีมานด์ และทำเลย่านนั้นยังไม่โอเวอร์ซัพพลาย… ทั้งยังเป็นคอนโดฯโครงการเดียว ใกล้ม.รังสิตที่สุด !

นายชัยรัตน์ พิรุฬหพัสต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวว่า
แม้ภาพโดยรวมตลาดที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในปี 2563 จะไม่ดี โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า Luxury ระดับราคาตั้งแต่1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.)ขึ้นไป ที่พบว่าในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา มีสินค้ากลุ่มนี้ออกมาสู่ตลาดค่อนข้างมากและเป็นทำเลที่อยู่ในเมือง แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนไทยที่มีเงินมีกำลังซื้อที่พร้อมจะซื้อในระดับราคาขายไม่เกิน 1 แสนบาทต่อตารางเมตร(ตร.ม.) ซึ่งเชื่อว่าตลาดกลุ่มนี้ยังไปได้เพียงแต่ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินจะต้องเลือกทำเลให้ถูกจุดตรงกับความต้องการของตลาดผู้บริโภค

สำหรับการเปิดตัวโครงการ “MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)”ราคาขายเฉลี่ย ต่อ ตร.ม. เพียง 60,000 บาท ทำเลใกล้รถไฟฟ้าสถานีหลักหก และมหาวิทยาลัยรังสิต นั้นเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเป็นโครงการ RARE PROJECT ในย่านนี้ ที่จัดเต็มด้วย Facilities พร้อมทั้ง Design ที่เอาใจวัยรุ่นและคนทำงาน ออกแบบฟังก์ชั่นการใช้สอยในห้องได้ลงตัว ในราคาที่จับต้องได้ทุกเพศทุกวัย เหมาะกับการอยู่เองและเหมาะกับการลงทุน โดยได้แบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้

· กลุ่มลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่หรือ Local demand ประมาณ 50 % เช่น นักศึกษา กลุ่มผู้ปกครอง
กลุ่มผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ หรือทำงานในย่านรังสิต,เมืองเอก, สรงประภา และแจ้งวัฒนะ เป็นต้น

· กลุ่มผู้ประกอบการเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าของธุริจขนาดใหญ่และเล็ก ฯลฯ ประมาณ 20 %

· กลุ่มนักลงทุน (Investors) ที่แท้จริงที่ชอบลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาว ที่ต้องการย้ายเงินลงทุนจากการลงทุนอื่นๆ เช่น จากพันธบัตร จากตลาดหุ้น ฯลฯ มาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงนักลงทุนหน้าใหม่ประมาณ 30 %

“เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดเพราะโครงการ MONTE RSU มีจุดเด่นใน Location ที่รายล้อมไปด้วยทุกไลฟ์สไตล์ ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยในช่วง Gen Y-Z อายุ 18-35 ปี ลงตัวทุกการใช้ชีวิต รวมถึงการมี Facilities และ ฟังก์ชั่นห้องที่ลงตัว” นายชัยรัตน์ กล่าวพร้อมกับย้ำว่าโครงการ MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)เป็นคอนโดที่เพิ่มค่าในอนาคตแน่นอน เพราะข้อจำกัดของผังเมืองฉบับใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงการใช้ประโยชน์ที่ดิน FAR 2-3 เท่า ขึ้นตึกสูงแทบไม่ได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวประกอบกับจุดเด่นต่างๆของโครงการเชื่อว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทั้ง Capital gain กำไรที่ได้จากการขาย, Rental yield กำไรจากการปล่อยเช่า โดยคาดว่าจะได้มากถึง 5-7% อัตราค่าเช่าประมาณ 7,000-12,000 บาทต่อเดือน

โครงการ “MONTE RSU (มอนเต้ รังสิต)” พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “Pround to live .. Pround to be Iconic” กล้าที่จะแตกต่าง สะท้อนทุกด้านที่เป็นคุณ ผสานทุกความแปลกใหม่ไปพร้อมกับคอนโดเพิ่มค่าในอนาคตด้วยจุดเด่นต่างๆ ดังนี้

1. Landmark แห่งใหม่ของรังสิต กับคอนโดแห่งแรกที่ใกล้มหาวิทยาลัยรังสิต, เมืองทองธานี และ สนามบินดอนเมือง
2. เอกลักษณ์ที่โดดเด่น ด้วย Design ล้ำสมัยภายใต้คอนเซ็ปต์ “Pround to live .. Pround to be Iconic”
3. Smart Facilities รองรับทุกไลฟ์สไตล์ สาหรับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
4. Smart Design ด้วย Function ห้องที่มีให้เลือกอย่างอิสระในแบบ Fully Furnished ทุกยูนิต

ทั้งนี้ โครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่ 3 ไร่กว่า พัฒาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 566 ยูนิต (รวมห้องพักเพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต) ราคาขายเฉลี่ย 60,000 บาท/ตร.ม. หรือราคาเริ่มต้นประมาณ 1-1.5 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท ประกอบด้วย 3อาคาร อาคารA จำนวน 210 ยูนิต , อาคาร B จำนวน 224 ยูนิต ,อาคารC จำนวน 132 ยูนิต มีห้องชุด 3 แบบให้เลือก ดังนี้ แบบ Studio Suited ขนาด 22 ตารางเมตร จำนวน82 ยูนิต แบบ 1 Bedroom Extra Bedroom Extra ขนาด 25 -26 ตารางเมตร จำนวน343 ยูนิต และแบบ 1 Bedroom Exclusive ขนาด 29 ตารางเมตร จำนวน 140 ยูนิต มีที่จอดรถ 181 คัน (จอดซ้อนคัน 48 คัน ) คิดเป็น 42% และมีที่จอดรถจักรยานยนต์รองรับอีกด้วย ในส่วนของ Facilities ก็มีให้ครบครัน ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดผู้บริโภคเป้าหมาย รองรับไลฟ์สไตล์ของนักศึกษา มีทั้ง Co-working space / Meeting Studio รองรับการเรียนรู้และความชิลล์ ห้อง GYM ดีไซน์ทันสมัย Game Zone และ Mini theater ที่แทบจะไม่ต้องออกไปทำกิจกรรมที่ไหนอีกแล้ว และที่สำคัญ ก็คือ ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง เริ่มเปิดขายในเดือนมีนาคม 2563 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้าง ไตรมาสที่ 2 ปี 2564 กำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จไตรมาสที่3 ปี 2565 (ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอ EIA )

พร้อมกันนี้นายชัยรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายการพัฒนาที่อยู่อาศัยไปยังแนวราบขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษารายละเอียดและเจรจาที่ดินอยู่ 2-3 แปลง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อเมริกันสแตนดาร์ด เผยโฉม Acacia SupaSleek ที่สุดของนวัตกรรมและดีไซน์ บาง เฉียบทุกมุมมอง

กรุงเทพฯ – 27 กุมภาพันธ์ 2563 – ความเป็นเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ เช่น การใช้น้ำ ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีทำให้เราสามารถแปลงห้องน้ำให้กลายเป็นพื้นที่พักผ่อนที่สะดวกสบาย ที่ซึ่งการออกแบบ ความสวยงาม และความยั่งยืนอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

ห้องน้ำแห่งอนาคตประกอบด้วยคุณสมบัติสำคัญหลายประการ ตั้งแต่การออกแบบที่ดี เทคโนโลยี ไปจนถึงความยั่งยืน ‘แนวโน้มที่มีหลายปัจจัยมารวมกัน’ เช่นนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมห้องน้ำอย่างแท้จริงและกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างรวดเร็วทั้งในสถานที่อยู่อาศัยและส่วนที่ใช้ในการต้อนรับ เทคโนโลยีเชิงนิเวศวิทยาต้องตอบโจทย์ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ในขณะที่การออกแบบห้องน้ำต้องคำนึงถึงการยกระดับ ‘ความเหนือกว่ามาตรฐาน’ ในพื้นที่ขนาดกะทัดรัด

คอลเลคชั่นล่าสุด “Acacia SupaSleek (อะคาเซีย ซูปาสลีก)” โดยอเมริกันสแตนดาร์ด ให้นิยามใหม่ของคำว่า ‘เพรียวบาง’ ทั้งในแง่เทคโนโลยีและการออกแบบสำหรับห้องน้ำยุคใหม่ในอนาคต โดยพัฒนาต่อยอดจากคอลเลคชั่น Acacia Evolution เพื่อให้ Acacia SupaSleek อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี HygieneClean ที่เป็นนวัตกรรมของเรา ในขณะเดียวกันก็ลดสัดส่วน รูปร่าง และรูปแบบให้เหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น สร้างเส้นสายที่เพรียวบางและสง่างามยิ่งขึ้นเพื่อให้ได้ห้องน้ำที่ดูทันสมัย ไร้กาลเวลา

คอลเลคชั่นนี้มาพร้อมกับอ่างล้างหน้าดีไซน์ขอบอ่างบางเฉียบเพื่อให้สอดรับกับทุกขนาดพื้นที่ในห้องน้ำ รวมทั้งเข้าได้ดีกับสุขภัณฑ์ต่างๆ ที่มาพร้อมฝาปิดถังเก็บน้ำที่เพรียวบางยิ่งขึ้น รวมถึงที่นั่งและฝารองนั่งที่มีดีไซน์ที่เรียบสวยสง่างามอีกขั้น โดยต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคที่นิยมความสมบูรณ์แบบ ผู้ซึ่งชื่นชอบความสะดวกสบายที่เทคโนโลยีมอบให้

การออกแบบที่เหนือชั้น: บางกว่าที่เคย
ความคิดและความรู้ด้านวิศวกรรมมากมายถูกนำไปใช้ในการผลิตชิ้นส่วนที่บางพิเศษเหล่านี้เพื่อให้ได้ ‘รูปลักษณ์แบบมินิมัลลิสต์’ โดยไม่ลดทอนความทนทานและประโยชน์ใช้สอย

ด้วยเทคโนโลยีเซรามิก ThinEdge ล่าสุด ทำให้อ่างล้างหน้า Acacia SupaSleek มีขอบที่เพรียวบางเป็นพิเศษเพียง 5 มม. แต่ก็ยังคงความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นเหมือนอ่างทั่วไป

องค์ประกอบของการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นสำคัญ ขอบที่ยกสูงขึ้นเป็นกรอบให้กับอ่างล้างหน้า ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกจากอ่าง รวมทั้งเส้นสายโค้งมนที่ดูนุ่มนวลของอ่างยังช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่าย และที่แตกต่างจากสะดืออ่างแบบเดิมๆ ในการใช้วัสดุโครเมียม สะดือระบายน้ำเซรามิกรูปหมอนทรงกลมของ Acacia SupaSleek ช่วยผสมผสานดูกลมกลืนเพื่อรูปลักษณ์ที่หรูหราสง่างาม

ความโฉบเฉี่ยวเพรียวบางไม่ได้จบเพียงแค่ที่อ่างล้างหน้าเท่านั้น ชุดโถสุขภัณฑ์ที่ครบครันก็มาพร้อมกับฝาถังเก็บน้ำที่บางและสวยสะดุดตายิ่งขึ้น เป็นรูปลักษณ์ที่ดูเรียบหรู กะทัดรัด แต่สวยอย่างมีรสนิยม ดึงดูดทุกสายตาของผู้อยู่อาศัยในเมือง ส่วนที่นั่งและฝารองนั่ง CrystaSleek เป็นนวัตกรรมที่โดดเด่น ด้วยการใช้กระบวนการฉีดขึ้นรูปที่เรียกว่า Dual Injection Molding Process ส่งผลให้ได้ดีไซน์ที่เพรียวบางแต่แข็งแรงทนทาน เข้ากับทุกสไตล์ห้องน้ำอย่างลงตัว

เทคโนโลยีที่มุ่งมั่นพัฒนาไม่หยุดยั้ง
ในขณะที่การออกแบบที่เน้นความเพรียวบางเป็นข้อความหลักที่สื่อออกไป เรื่องสุขอนามัยยังคงเป็นหนึ่งในความสำคัญสูงสุดของคอลเลคชั่นนี้ โดยถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยี HygieneClean ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยี Aqua Ceramic ที่คว้ารางวัลระดับโลก ช่วยป้องกันคราบสกปรกและคราบวงแหวนดำๆ ไม่ให้เกาะบนพื้นผิวเซรามิก และเทคโนโลยี ComfortClean ที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย E. coli ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเทคโนโลยี Power Rim ในโถสุขภัณฑ์แบบไร้ขอบช่วยให้มั่นใจในสุขอนามัยที่ดีขึ้นและความสะดวกง่ายดายในการทำความสะอาด ขณะเดียวกันก็เพิ่มพลังการชำระล้างด้วยระบบน้ำวน Double Vortex ที่มาพร้อมขีดความสามารถในการทำความสะอาดที่เหนือชั้น

ปณิธานอันมุ่งมั่นเพื่อความยั่งยืน
อเมริกันสแตนดาร์ด ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสู่ความยั่งยืนด้วยระบบการชำระล้าง Double Vortex ที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพในห้องน้ำที่ใช้ Acacia SupaSleek โดยระบบ Vortex Flush ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะจะช่วยให้แน่ใจได้ว่าเกิดประสิทธิภาพการชำระล้างสูงสุดโดยใช้น้ำในปริมาณน้อยที่สุด ทั้งนี้ ผู้ใช้จะประหยัดน้ำได้ 22,776 ลิตรในหนึ่งปีสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คน ระบบการชำระล้าง Double Vortex จะสร้างกระแสน้ำวนอันทรงพลังเพื่อกำจัดของเสียทั้งหนักและเบาด้วยกลไกการชำระล้างระบบสุญญากาศที่เกิดจากหัวฉีดพ่นน้ำด้านข้างสองตัว

นอกจากนี้ดีไซน์ของสุขภัณฑ์ในคอลเลคชั่น Acacia SupaSleek นี้ยังสามารถเข้ากันได้ดีกับชุดก๊อกน้ำและฝักบัวต่างๆ ในคอลเลคชั่น Acacia Evolution ได้เป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์ที่ดูนุ่มนวล ขอบบาง บวกกับเทคโนโลยีที่ถือเป็นหัวใจสำคัญ ก๊อกน้ำถูกออกแบบด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดน้ำและพลังงาน ในขณะที่ระบบ Airnergize จะทำหน้าที่ลำเลียงอากาศเข้าไปผสมกับน้ำเพื่อให้ได้ความรู้สึกและสัมผัสกับละอองน้ำที่พ่นกระจายทั่วถึงแม้ว่าจะใช้น้ำน้อยกว่าเดิม

ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง ทุ่มเทให้กับผู้บริโภคด้วยรสนิยมการออกแบบอันชาญฉลาด Acacia SupaSleek เป็นคอลเลคชั่นที่นับว่าโดดเด่นที่สุดทั้งในแง่การออกแบบและเทคโนโลยี ซึ่งทั้งหมดนำไปสู่ความเพรียวบางอีกระดับ

กว่า 140 ปีในฐานะผู้บุกเบิกด้านการออกแบบและนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือสูงสุดของอเมริกันสแตนดาร์ดได้ช่วยให้ผู้บริโภคมีห้องน้ำในบรรยากาศที่เป็นมิตรและผ่อนคลาย ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้ส่งผลให้แบรนด์ของเราก้าวไปอยู่แถวหน้า ในขณะเดียวกันเราก็พยายามยกระดับมาตรฐานคุณภาพชีวิตด้วยการนำเสนอโซลูชั่นสำหรับห้องน้ำที่สวยงาม ตอบโจทย์การใช้งาน และปลอดภัยสำหรับทุกคน

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : American Standard Thailand หรือโทร. 02-102-2222 กด 1


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

แบรนด์ไทยร่วมส่งพลังบวกให้ผู้ประกอบการ เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดบ้านเชิญผู้ประกอบการเข้าสัมผัสโครงการสนับสนุนมากกว่าสิบโครงการ พร้อมเชิญ SME แบรนด์ไทย ที่เคยได้รับการสนับสนุนและประสบความสำเร็จร่วมส่งพลังบวกและแบ่งปันประสบการณ์เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ จุดประกายการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแบรนด์ เล็งผลเพิ่มมูลค่าการค้าให้ประเทศไทย ในงาน DITP Design Open House

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่างานเสวนาเพื่อสร้างความเข้าใจในการสร้างแบรนด์ไทยบนเวทีการค้าโลก (Value Creation Day: DITP Design Open House) เป็นหนึ่งในการดำเนินงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561 – 2580) ด้านการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน เพื่อช่วยผู้ประกอบการให้สามารถนำเอาอัตลักษณ์ และนวัตกรรมที่ต่อยอดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมมาสร้างมูลค่าเพิ่มตลอดกระบวนการ รองรับอุตสาหกรรมในอนาคต และตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศได้อย่างยั่งยื
“โครงการเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการของกรมส่งเสริมฯ มีอยู่หลากหลายโครงการและครอบคลุม รอบด้าน ตั้งแต่การคิด การออกแบบ การผลิต การสร้างแบรนด์ในเชิงสร้างสรรค์ ไปจนถึงการทำการตลาด วิเคราะห์แนวโน้มของตลาดโลก เพื่อสร้างมูลค่าและอัตลักษณ์ที่ชัดเจนโดดเด่นให้กับแบรนด์ของผู้ประกอบการ โดยแต่ละโครงการจะเหมาะกับผู้ประกอบการแต่ละราย หรือแต่ละขั้นของการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งหากผู้ประกอบการได้ทำความรู้จัก และเข้าใจโครงการต่างๆ จะเลือกเข้ารับบริการ หรือรับการสนับสนุนได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่รวดเร็ว ตรงจุด และก้าวหน้าไปได้ตามที่ตั้งใจไว้” นายสมเด็จ กล่าว

ภายในงานได้เชิญผู้ประกอบการที่เคยเข้าร่วมกิจกรรมสนับสนุนในโครงการของกรม มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ได้แก่ แบรนด์ Rubber Killer แบรนด์ Theptex แบรนด์ Diamondfresh และแบรนด์ THINKK STUDIO โดยผู้ประกอบการทั้ง 4 รายต่างมีความเป็นมาที่แตกต่างกัน ทั้งการเป็นนักออกแบบ ผู้ประกอบการด้านสินค้าเกษตร และ ผู้ประกอบการผลิตสินค้ายางพารา โดยเคยได้เข้าร่วมกิจกรรมของกรมมากกว่า 1 โครงการ และให้ความเห็นว่า การเข้าร่วมกิจกรรมของกรมเป็นเสมือนการติดอาวุธด้านความรู้ที่ไม่เคยได้จากที่ใด ตลอดจน การสนับสนุนให้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า และเจรจาธุรกิจการค้าทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการได้เติมเต็มทักษะที่ตนอาจไม่มีมาก่อน เช่น ทักษะด้านการเจรจา องค์ความรู้ในการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ มุมมองทางการตลาด และความเข้าใจในความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการได้กลับมาพัฒนาแบรนด์ให้แข็งแรงและประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น และนอกจากนี้ การเข้าร่วมกิจกรรมของกรมยังทำให้ได้เครือข่ายทางธุรกิจกับผู้ประกอบการรายอื่นที่จะสามารถช่วยเหลือกันได้ ถือเป็นการเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจอีกทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทั้งสี่ราย ยังได้สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ติดตามข่าวสารเพื่อพิจารณาเลือกโครงการสนับสนุนจากกรมที่เหมาะกับธุรกิจของตนเอง และนำองค์ความรู้ เครือข่าย ตลอดจนโอกาสในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆไปพัฒนาแบรนด์ไทย ให้มีมูลค่าสูง เกิดการขับเคลื่อนสร้างมูลค่าทางการค้า เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูง

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

โอกาสดีเยาวชนไทยคว้าประสบการณ์ทำงานระดับโลก“เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ”

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หน่วยงานหลักในการรับผิดชอบจัดแสดงนิทรรศการในงาน “เวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ” ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ระหว่างวันที่ 20 ตุลาคม 2563 –10 เมษายน 2564 ร่วมส่งเสริมและสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยและคนไทยที่มีความรู้ความสามารถกล้าแสดงออก ร่วมเป็นอาสาสมัครปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่ส่วนนิทรรศการ ภายใต้โครงการ “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์” ตลอดระยะเวลา 6 เดือน ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตที่จะได้สัมผัสประสบการณ์การปฏิบัติงานจริงบนเวทีระดับโลก ทั้งยังได้เป็นตัวแทนประเทศไทยในการร่วมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทยกับตะวันออกกลาง ได้นำเสนอเรื่องราวการพัฒนาเพื่อเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีดิจิทัลของไทย และสร้างมิตรภาพที่ดีกับเพื่อนชาวต่างชาติ พร้อมฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอาราบิกในการปฏิบัติงาน โดยผู้ที่รับการคัดเลือกเพื่อเป็นอาสาสมัครเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานยังได้รับค่าตอบแทนให้ด้วย

โครงการ “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์” (THAILAND PAVILION AMBASSADOR) มีกำหนดเปิดรับสมัคร ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม–24 เมษายน 2563 โดยผู้สมัครจะต้องมีอายุ 18-30 ปี มีความรู้ความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ และหากมีความรู้ภาษาอาราบิกจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ที่สำคัญต้องมีทักษะทางการสื่อสารมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมแก่การเป็นตัวแทนของประเทศไทย มีความรับผิดชอบสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ และสามารถเริ่มปฏิบัติงานได้ทันที สมัครออนไลน์ได้ที่ WWW.EXPO2020DUBAITHAILAND.COM และมีกำหนดคัดเลือกอาสาสมัครในช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ประกาศผลในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม info@thailandexpo2020.com หรือ โทร.02 666-9333

สำหรับงานเวิลด์เอ็กซ์โป ถือเป็น 1 ใน 3 ของงานยิ่งใหญ่ระดับโลก เช่นเดียวกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคและฟุตบอลโลก อาคารแสดงประเทศไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่โซน Mobility บนพื้นที่ 3,606 ตารางเมตรหรือ 2.25 ไร่ ถือเป็นพื้นที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยเข้าร่วมในงานเวิลด์เอ็กซ์โป โดยอาคารแสดงประเทศไทยครั้งนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนสู่อนาคต” (Mobility for the future) เพื่อโชว์ความพร้อมในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางทางเทคโนโลยีดิจิทัล


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

รับสร้างบ้าน Focus 2020 เปลี่ยนวันจัดงาน ความปลอดภัยและสุขภาพของผู้เข้าชมงานต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ประกาศเลื่อนวันจัดงานรับสร้างบ้าน Focus 2020 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค ฮอลล์ 7 เมืองทองธานี เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงต้องการให้ความปลอดภัยของผู้เข้าชมงานมาเป็นอันดับแรก ย้ำ..ผู้บริโภคยังสามารถเชื่อมั่นในบริษัทรับสร้างบ้าน โดยสามารถเข้ารับคำปรึกษาและการบริการได้เช่นเดิม

นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศโดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร มีความวิตกกังวลถึงการระบาดในครั้งนี้เป็นอย่างมาก สังเกตได้จากการตื่นตัวทางด้านการรับข้อมูลข่าวสารในแต่ละวัน และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสในครั้งนี้อย่างเห็นได้ชัด ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านจึงไม่นิ่งนอนใจในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ จึงได้มีมติในคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ โดยลงความเห็นว่าเหมาะสมที่จะเลื่อนการจัดงานรับสร้างบ้าน Focus 2020 ที่จะจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม นี้ ออกไปก่อน และคอยเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

“งานรับสร้างบ้าน Focus 2020 เป็นงานแสดงที่รวบรวมบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำไว้มากที่สุด ที่ทางสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ได้จัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลากว่า 15 ปี โดยแต่ละปี จะมีการจัดงานรับสร้างบ้าน Focus ในช่วงเดือนมีนาคม และงานรับสร้างบ้าน Expo ในช่วงเดือนสิงหาคม ของทุกปี โดยในปีนี้ เราได้มีกำหนดการจัด งานรับสร้างบ้าน Focus 2020 ระหว่างวันที่ 12-15 มีนาคม นี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้า อิมแพค ฮอลล์ 7 เมืองทองธานี แต่เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต้องเฝ้าระวังและสังเกตการณ์กันแบบรายวัน ถึงแม้การจัดงานในครั้งนี้สมาคมฯ ได้เตรียมมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขภาพ รวมถึงการมอบประกันชีวิต COVID-19 ให้กับผู้จองปลูกสร้างบ้านในงานแล้วก็ตาม แต่ด้วยสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างมากและผู้บริโภคยังคงมีความกังวลในการเดินทางไปยังสถานที่สาธารณะต่างๆ คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ จึงได้มีการลงความเห็นแล้วว่า เพื่อความปลอดภัยและสุขภาพของผู้เข้าชมงานที่สมาคมฯ ได้กำหนดความสำคัญมาไว้เป็นอันดับหนึ่ง จึงมีมติให้เลื่อนวันจัดงานออกไปก่อน และยังไม่มีกำหนดวันที่จะจัดงานใหม่แต่อย่างใด ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์เช่นเดียวกัน และในส่วนของผู้ร่วมแสดง งานที่เป็นบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำกว่า 30 บริษัท ทางสมาคมฯ ได้มีการแจ้งและนำส่งจดหมายชี้แจงถึงรายละเอียดต่างๆ ไว้อย่างดี เพื่อความเชื่อมั่นในสมาคมฯ ต่อไป” นายวรวุฒิ กล่าว

ทั้งนี้ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ยังคงเป็นตัวกลางระหว่างผู้บริโภค และบริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำ ที่อยู่ภายใต้สมาคมฯ เช่นเดิม หากผู้บริโภคที่มีความประสงค์ต้องการปลูกสร้างบ้านหรือรับคำปรึกษา สามารถติดต่อขอรับบริการที่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านได้เช่นเดิม โดยสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hba-th.org


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์พลิกโฉมแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ ชูแนวคิด ‘จุดเริ่มต้น คนมีเครดิต’

กรุงเทพฯ – 3 มีนาคม 2563 : ‘เฟิร์สช้อยส์ จุดเริ่มต้นคนมีเครดิต’ : นางสาวณญาณี เผือกขำ (ขวา) กรรมการผู้จัดการ และนายอธิป ศิลป์พจีการ (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิตภายใต้แบรนด์กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ ประกาศพลิกโฉมแบรนด์ครั้งใหญ่ ชูแนวคิด ‘จุดเริ่มต้นคนมีเครดิต’ พร้อมเป็นผู้ช่วยสร้างเครดิตเพื่ออนาคตทางการเงินที่ดีของผู้บริโภคทุกคน พร้อมพัฒนาบริการทางการเงินรูปแบบใหม่เป็นรายแรกในประเทศไทย ที่ช่วยดูแลรักษาเครดิตทางการเงิน ผ่านแอปพลิเคชัน UCHOOSE หวังจุดประกายคนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญของการมีสุขภาพทางการเงินที่ดี ลดปัญหาหนี้ครัวเรือน พร้อมสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน ตั้งเป้ายอดบัตรใหม่ 355,000 บัญชี ยอดสินเชื่อใหม่และยอดใช้จ่ายผ่านบัตร 102,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2563


 

Exit mobile version