เมื่อวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 ศิษย์เก่าหลักสูตรสุดยอดผู้

เมื่อวันเสาร์ที่ 25 เมษายน 2563 ศิษย์เก่าหลักสูตรสุดยอดผู้
ด้วยสถานการณ์การแพร่
โดยมี สำนักงานสาธารณสุข จังหวัดนครปฐม เป็นตัวแทนรับมอบในส่วนของจั
บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ธุรกิจออฟฟิศเมท ขอร่วมเคียงข้างคนไทย #สู้โควิด-19 ไปด้วยกัน พร้อมส่งต่อความห่วงใยให้แก่ลู
ลูกค้าสามารถขอรับ Face Shield ได้ที่ร้านออฟฟิศเมท 10 สาขา ที่เปิดให้บริการ ได้แก่ ร้านออฟฟิศเมทสาขาสิรินธร, ยูไนเต็ดเซนเตอร์, จัสมิน, สุขุมวิท อโศก, รอยัลซิตี้ อเวนิว, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, โรบินสัน ฉะเชิงเทรา, โรบินสัน สระบุรี, เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย และ เซ็นทรัลพลาซา นครศรีธรรมราช วันนี้ – 30 เมษายน 2563 #ออฟฟิศเมทเป็นกำลังใจให้ทุ
รศ. ดร.สุรพันธ์ ยิ้มมั่น คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ ผศ.ดร.พีรพงษ์ พรวงษ์ทอง รองคณบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา พร้อมด้วยทีมนักวิจัย คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดเผยถึงการพัฒนาตู้อบฆ่าเชื้อด้วยยูวี ว่าเป็นการร่วมมือระหว่างคณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. กับโรงเรียนช่างฝีมือทหาร ร่วมพัฒนานวัตกรรมตู้อบฆ่าเชื้อด้วยยูวี เพื่อมอบแก่โรงพยาบาลเพื่อใช้ต่อสู้กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
การพัฒนาตู้อบฆ่าเชื้อด้วยยูวี นวัตกรรมใหม่เพื่อการกำจัดเชื้อ ลดการระบาด แก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยในโรงพยาบาล ตู้อบฆ่าเชื่อประกอบด้วยหลอดกำเนิดรังสียูวี 8 วัตต์ จำนวน 2 หลอด โดยการทดสอบผลของการฉายยูวีโดยใช้ตู้อบฆ่าเชื้อด้วยยูวีต่อลักษณะของเส้นใยของหน้ากากอนามัย ไม่มีผลต่อเส้นใย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงการทดสอบประสิทธิภาพการกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมโครเมตรหรือใหญ่กว่ายังพบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับการกรองอนุภาคของหน้ากากอนามัย N95 มีประสิทธิภาพใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ Escherichia coli และยังพบว่าความเข้มของรังสีที่ติดตั้งในตู้อบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียบนหน้ากาก N95 ได้ภายในระยะเวลา 1 นาที แสดงให้เห็นว่าตู้อบฆ่าเชื้อด้วยยูวีมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรคบนหน้ากากอนามัยในระยะเวลาอันสั้น และอาจจะนำมาประยุกต์ใช้ในการฆ่าเชื้อบนอุปกรณ์การแพทย์ที่ทำจากวัสดุต่างๆ ได้อีกด้วย
อุปกรณ์นี้ตั้งระยะเวลาในการทำงานและมีระบบตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อมีการเปิดตู้เพื่อป้องกันการรั่วไหลของรังสียูวี ทั้งยังผ่านการทดสอบความปลอดภัยทางไฟฟ้าของเครื่องมือแพทย์ตามมาตรฐานสากล IEC 60601 และมีความปลอดภัยจากการใช้รังสี การประกอบเครื่องทำได้ง่ายใช้วัสดุภายในประเทศซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าเครื่องมือดังกล่าวที่มีราคาสูงจากต่างประเทศ
สำหรับตัวต้นแบบนี้ ติดต่อได้ที่ คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โทรศัพท์ 0-2555-2000 ต่อ 4209 หรือ 062-193-6445 ในเวลาราชการ หรืออีเมล์ research@sci.kmutnb.ac.th
ขวัญฤทัย ข่าว / วิลัยพร ถ่ายภาพ
บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน) ธุรกิจออฟฟิศเมท ขอร่วมเคียงข้างบุ
คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล พร้อมด้วย คุณสุพัตรา จิราธิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์และภาพลักษณ์ กลุ่มเซ็นทรัล และคุณวิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท ร่วมมอบหน้ากากป้องกันละอองฝอย (Face Shield) จำนวน 1,000 ชิ้น พร้อมเจลแอลกอฮอล์ จำนวน 100 ขวด ให้แก่ทีมแพทย์โรงพยาบาลรามาธิ
ทั้งนี้ ออฟฟิศเมทส่งมอบหน้ากากป้องกั
เหริน เจิ้งเฟย เผยบริษัทกำลังเร่งพั
กรุงเทพฯ/ 24 เมษายน 2563 – บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ จำกัด ระบุสายการผลิตของบริษัทกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้วกว่า 90% พร้อมเร่งเดินหน้าทำให้ซัพพลายเชนกลับมามั่นคงและดำเนินไปได้อย่างราบรื่นท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย เผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า “ทีมนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ และวิศวกรกว่า 20,000 คนต้องทำงานล่วงเวลาในช่วงวันหยุดตรุษจีน เพราะเรากำลังแข่งกับเวลาเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่”
แม้จะไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเทคโนโลยีดังกล่าว แต่ซีอีโอบอกกับเซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ว่า งานที่พัฒนาอยู่นั้นจะทำให้หัวเว่ยรักษาการเป็นผู้นำในการแข่งขันระดับโลกไว้ได้ นายเหรินยังกล่าวด้วยความมั่นใจว่าบริษัทจะรอดพ้นจากทั้งวิกฤตการแพร่ระบาดและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก อย่างไรก็ดีภารกิจหลักของเขาในปีนี้ คือการรักษาตำแหน่งผู้ผลิตอุปกรณ์ 5G เบอร์หนึ่งของโลกเอาไว้ “สหรัฐฯ จะออกมาตรการกีดกันเพื่อควบคุมการค้าของเราต่อไปอีก เราจึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่มาตรการเหล่านั้นจะออกมา” นายเหริน กล่าว
การดำเนินการผลิตและการพัฒนาของหัวเว่ยกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้วกว่า 90% ผู้ก่อตั้งของหัวเว่ยได้ กล่าวเสริมว่าตอนนี้ซัพพลายเชนส่วนใหญ่ของบริษัทกลับมาราบรื่นเหมือนเดิมแล้ว ในขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสทำให้เกือบทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในสภาวะชัตดาวน์ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหัวเว่ยในตอนนี้คือการดูแลช่วยเหลือลูกค้าและสนับสนุนรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในการต่อสู้กับโรคระบาด โดยที่ความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงานทุกคนของหัวเว่ยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
KI Sugar Group หรือบริษัท อุตสาหกรรมโคราช จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำ
นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้สนับสนุนเงินจำนวน 12,000,000 บาท ในการสร้างอาคารผู้ป่วยใน ให้กับโรงพยาบาลจักราช จังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นสาธารณกุศลให้
เซินเจิ้น ประเทศจีน/ 21 เมษายน 2563 – วันนี้ หัวเว่ย ได้ประกาศผลการดำเนิ
ท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก หัวเว่ยได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อดูแลความปลอดภัยของพนักงาน บริษัทยังได้ทำงานกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรอย่างใกล้ชิดเพื่อร่วมหารือถึงปัญหาด้านการผลิต ทั้งนี้บริษัทได้กลับมาเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจและการผลิตอย่างเต็มกำลังแล้ว ธุรกิจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และผลประกอบการในภาพรวมของบริษัทในไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2563 ก็เป็นไปตามคาดการณ์
ในช่วงวิกฤตด้านสาธารณสุขเช่นนี้การเชื่อมต่อเครือข่ายกลายมาเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดของทุกชีวิต การดูแลรักษาเครือข่ายให้ดำเนินได้ตามปกติถือเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุดในตอนนี้ หัวเว่ยกำลังทำงานอย่างเต็มความสามารถร่วมกับผู้ประกอบการโทรคมนาคมเพื่อให้เครือข่ายมีความมั่นคงและปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ด้วยการร่วมแรงร่วมใจ เราจะให้บริการที่สอดรับความต้องการด้านเครือข่าย ที่ปรับเปลี่ยนไปเพราะการเว้นระยะห่างทางสังคม ผู้คนมากมายเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้การสื่อสารผ่านเครือข่าย การศึกษาทางไกล และอีคอมเมิร์ซมากขึ้น จนกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หัวเว่ยและบริษัทพันธมิตรได้เร่งเปิดตัวแอปพลิเคชันทางการแพทย์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี 5G และ AI หลายรูปแบบ เราใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการสื่อสารมาต่อสู้กับการแพร่ระบาด และรักษาชีวิตของผู้ติดเชื้อ การตรวจวินิจฉัยทางเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เพื่อวิเคราะห์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ด้วยเทคโนโลยี AI ช่วยลดเวลาในการประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลจาก 12 นาที เหลือเพียง 2 นาที เพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการวินิจฉัยของแพทย์ ระบบให้คำปรึกษาผ่านทางวิดีโอทางไกลที่ขับเคลื่อนด้วย 5G ช่วยลดความขาดแคลนของผู้เชี่ยวชาญในแนวหน้า และเพิ่มประสิทธิผลของการวินิฉัยโรคและการรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤต อุปกรณ์ถ่ายภาพความร้อนที่ควบคุมด้วย AI สามารถจับอุณหภูมิความร้อน ช่วยยกระดับการป้องกันการติดเชื้อและการควบคุมดูแลพื้นที่สาธารณะให้ปลอดโรค นอกจากนี้ หัวเว่ยกำลังเดินหน้าจัดหาและส่งมอบหน้ากากอนามัย ชุดตรวจ และอุปกรณ์ป้องกันอื่น ๆ ไปยังหลากหลายประเทศและองค์กรที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและในกลุ่มประเทศอาเซียน หัวเว่ยได้ร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน บังกลาเทศ กัมพูชา สปป. ลาว และอีกหลายประเทศ เพื่อช่วยดูแลแก้ปัญหาด้านการสื่อสารระหว่างการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาทำให้การเชื่อมต่อและบริการที่สำคัญดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
เมื่อวันที่ 16 เมษายน ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ของประเทศไทย ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของคณะแพทย์และบุคลากรในการดูแล รักษา และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ที่โรงพยาบาลศิริราช พร้อมติดตามผลการใช้งานโซลูชัน AI เพื่อวิเคราะห์โรคโควิด-19 ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหัวเว่ย ประเทศไทย ได้ส่งมอบให้แก่โรงพยาบาล โดยรัฐบาลไทยมีแผนที่จะนำโซลูชันดังกล่าวไปใช้ในอีกหลายโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพการให้บริการสาธารณสุขและช่วยลดภาระของบุคลากรทางการแพทย์
เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนโดย AI และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G นี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิฉัยภาพเอกซเรย์ของผู้ป่วยสามารถวินิจฉัยภาพเอกซเรย์ปอดของคนไข้ได้อย่างแม่นยำ จากการเก็บข้อมูลจากดาต้าเบสที่มีภาพเอกซเรย์ของคนไข้กว่า 20,000 ภาพ ซึ่งเป็นผู้ป่วยโควิด-19 กว่า 4,000 ราย นอกจากนี้ ระบบเพื่อการติดต่อสื่อสารทางไกลยังจะช่วยลดการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ช่วยขยายความสามารถในการควบคุมโรคในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
“เราอยากให้โรคระบาดสิ้นสุดโดยเร็วที่สุด และหวังว่าผู้ป่วยทุกๆ คนจะได้รับการรักษาและกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงอีกครั้ง การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นดั่งเครื่องเตือนใจว่าเราทุกคนบนโลกต่างต้องเผชิญความท้าทายนี้ไปพร้อมๆ กัน และเราต้องรวมมือกันเพื่อเอาชนะวิกฤตครั้งนี้ให้ได้ ไวรัสนั้นแพร่กระจายอย่างไม่มีขอบเขต ไม่มีเป้าหมายที่เจาะจง ไม่เลือกชนชาติ สีผิว หรือความยากดีมีจน” นายอีริค สวี ประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย กล่าว
เมล็ดพันธุ์ที่รอดพ้นพายุโหมกระหน่ำย่อมงอกงาม เบ่งบาน และผลิดอกออกผล แม้ตอนนี้เราจะยังไม่รู้ว่าวิกฤตจากโรคระบาดครั้งนี้จะคลี่คลายได้อย่างไร แต่หัวเว่ยเชื่อว่าหากเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เราก็จะผ่านพ้นความท้าทายครั้งนี้ไปด้วยกัน
หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยน ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 – 1 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ = 7.0915 หยวน (อ้างอิงจากเอเจนซี่ส์)
สมัครเรียนปริญญาโท สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) อยู่ที่ไหนก็สมัครเรียนได้ CONTACT ME โทรปุ๊บรอรับส่วนลดการศึกษาปั๊บ หลักสูตรที่ก้าวทันทุกเทรนด์ธุ
“เปิดสัมภาษณ์ออนไลน์ แบบ VDO Conference” อยู่ที่ไหนก็สมัครเรียนได้ สะดวก ปลอดภัย เเจ้งผลสัมภาษณ์วันถัดไป แบ่งชำระค่าเทอมได้ 22 งวด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คุณเพ็ญนภา กมลาสน์มรกต (เพ็น) โทร 06-18514414 E-mail: phennaphakam@pim.ac.th
คุณอมรรัตน์ ไกรทองสุข (น้ำฝน) โทร 084 9272693 E-mail: amornrutkri@pim.ac.th
Panyapiwat MBA Fanpage https://www.facebook.com/
Website www.pim.ac.th
เรื่องโดย : ขวัญฤทัย
รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ ที่จะเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสผู้ป่วยให้กับคุณพยาบาล และนี่คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ผลงานของ นายเกียรติศักดิ์ เพ็ชรมาก และ นางสาวกนิษฐา โกอินต๊ะ นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) สาขาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ภาควิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม โดยมีผศ.ดร.ดวงกมล โพธิ์นาค เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
คุณสมบัติของระบบรถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ
• ตัวรถเข็นใช้บอร์ด Arduino Mega เป็นหน่วยประมวลผลหลัก และพัฒนาโค้ดด้วยภาษา C++
• มีโมดูล ESP8266 เป็นตัวเชื่อมต่อ WiFi
• รถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะมีขนาดกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 60 เซนติเมตร สูง 65 เซนติเมตร
• โครงรถเข็นใช้เหล็กกล่องขนาด 1×1 นิ้ว
• ใช้แผ่นอะคริลิก สีขาวขุ่น หนา 5 มิลลิเมตร เป็นแผ่นปิดโครงรถเข็น
• ใช้มอเตอร์เกียร์ขนาด 12V ความเร็วรอบ 50rpm จำนวน 2 ตัว ในการขับเคลื่อน
• ลิ้นชักบรรจุยามีขนาด 16 x 10 x 22 ซ.ม. (กว้าง x ยาว x สูง)
• ส่วนระบบฐานข้อมูลใช้โฮสต์ Firebase ในการเก็บข้อมูลตำแหน่งยา และใช้ SQL ในการเก็บประวัติการจ่ายยา
• ใช้ภาษา HTML ภาษา PHP และ JavaScript ในการสร้างส่วนของเว็บแอปพลิเคชั่น
• ใช้แหล่งจ่ายไฟจากแบตเตอรี่ 12V 20A
• มีวงจรรักษาระดับแรงดันเมื่อแบตเตอรี่มีแรงดันไฟต่ำ
• มีวงจรประจุแบตเตอรี่ในตัว เมื่อต้องการประจุแบตเตอรี่ใหม่สามารถเสียบปลั้กไฟ 220 โวลต์ ได้ทันที ทำให้สะดวกในการประจุแบตเตอรี่ใหม่ และระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อประจุแบตเตอรี่เต็มแล้ว
สำหรับงบประมาณที่ใช้ประมาณสองหมื่นบาท ใช้ระยะเวลาในการประดิษฐ์ต้นแบบ 4 เดือน นับว่าเป็นนวัตกรรมการจ่ายยาที่ยกระดับมาตรฐานการดูแลผู้ป่วย โดยนำเอาเทคโนโลยีด้านเว็บแอปพลิเคชั่นมาผสมผสานกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ มาช่วยในการการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยในโรงพยาบาล
การทำงานของรถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะ
เมื่อเริ่มใช้งานพยาบาลจะกดสวิตช์เลื่อนลิ้นชักออกมาเพื่อนำยาใส่ลงในลิ้นชักแต่ละช่องของรถเข็น แล้วจึงระบุข้อมูลตำแหน่งของยาและเตียงผู้ป่วยลงในฐานข้อมูลผ่านหน้าเว็บแอปพลิเคชั่น จากนั้นรถเข็นจะทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยโมดูล ESP8266 เพื่อดึงข้อมูลตำแหน่งยาและเตียงผู้ป่วย จะวิ่งไปยังเตียงของผู้ป่วยโดยอัตโนมัติ จากนั้นรางลิ้นชักที่บรรจุยาอยู่จะเลื่อนออกอัตโนมัติโดยอาศัยมอเตอร์เกียร์ เป็นตัวส่งกำลังให้ลิ้นชักทำการเปิด – ปิด โดยภายในลิ้นชักจะมีตัวตรวจจับ (sensor) มือของผู้ป่วยในการหยิบยา
เมื่อลิ้นชักเปิดแล้วระบบจะหน่วงเวลาเพื่อรอให้ผู้ป่วยหยิบยา 2 นาที หากไม่ได้หยิบยาในระยะเวลาที่กำหนดระบบจะปิดลิ้นชักและวิ่งไปจ่ายยายังเตียงถัดไป แต่หากผู้ป่วยรับยาแล้วลิ้นชักจะทำการปิดและไปจ่ายยายังเตียงถัดไปเช่นกัน ในขณะที่รถเข็นกำลังเคลื่อนที่ไปจ่ายยา หากพบสิ่งกีดขวางในระยะน้อยกว่า 50 เซนติเมตร รถเข็นจะหยุดและส่งสัญญาณเสียงเตือน และเมื่อไม่มีสิ่งกีดขวางจะเคลื่อนที่ต่อโดยอัตโนมัติ
ระบบของรถเข็นยังได้ออกแบบการใช้งานเป็น 2 ระดับ คือระดับผู้ใช้งาน และผู้ดูแลระบบ ในส่วนของผู้ใช้งานก็คือพยาบาลจะสามารถเพิ่มตำแหน่งจ่ายยา และเรียกดูประวัติการจ่ายยาของผู้ป่วยได้ และในส่วนของผู้ดูแลระบบจะสามารถเพิ่มข้อมูลตำแหน่งยา เรียกดูประวัติการจ่ายยา สมัครสมาชิก และระบบการจัดการสมาชิก
และนี่คือนวัตกรรมรถเข็นจ่ายยาอัจฉริยะต้นแบบ ที่สามารถเพิ่มความสะดวกในการจ่ายยาให้ผู้ป่วยในโรงพยาบาล ที่ช่วยลดภาระเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานอย่างพยาบาล และที่สำคัญลดความเสี่ยงการติดเชื้อ COVID-19 หรือโรคติดต่ออื่นๆ ได้เป็นอย่างดี ตลอดจนสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาในเชิงพาณิชย์
สอบถามรายละเอียดได้ที่
ภาควิชาคอมพิวเตอร์ศึกษา คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)
หรือที่ ผศ.ดร.ดวงกมล โพธิ์นาค โทรศัพท์ 064-639-4888 หรือนายเกียรติศักดิ์ เพ็ชรมาก โทรศัพท์ 0907080272 และนางสาวกนิษฐา โกอินต๊ะ โทรศัพท์ 0907796372