Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

SAC เปิดโครงการ “Start! Art Curator” ค้นว่าที่หาภัณฑารักษ์รุ่นใหม่

ศุภโชค ดิ อาร์ต เซ็นเตอร์ (S.A.C.) เปิดโครงการ “Start! Art Curator” รับสมัครหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มีความสนใจในงานภัณฑารักษ์ มอบโอกาสในการส่งโครงงานเพื่อพิจารณานิทรรศการศิลปะร่วมสมัย สร้างประสบการณ์ให้กับภัณฑารักษ์หน้าใหม่เพื่อเป็นก้าวแรกสู่วงการศิลปะ กับโอกาสในการสร้างสรรค์นิทรรศการร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพในการทำงานจริง และจัดแสดงในปี พ.ศ. 2564

คุณจงสุวัฒน์ อังคสุวรรณศิริ ผู้บริหารศุภโชค ดิ อาร์ท เซ็นเตอร์ ได้กล่าวว่า “หอศิลป์ของเรามีเป้าหมายในการเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสพัฒนาฝีมือและมีพื้นที่ในการแสดงงานของตัวเอง ผลักดันให้ศิลปินไทยรุ่นใหม่ให้ได้ก้าวเข้ามาในวงการศิลปะ ซึ่งที่ผ่านมาทาง SAC ได้สนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ทั้งในไทยและสากลได้แสดงผลงานในพื้นที่มาแล้วตลอด 8 ปี และในปีนี้ เราจึงอยากต่อยอดไปสู่การพัฒนาบุคลากรในวงการศิลปะ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการนี้ที่จะช่วยพัฒนาคนรุ่นใหม่ที่มีความใฝ่ฝันที่จะก้าวเข้ามาในวงการศิลปะแต่ยังขาดประสบการณ์และวิธีการทำงานวิชาชีพทางด้านการจัดนิทรรศการ ให้ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับทีมงานของ SAC เรียนรู้กระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ตลอดจนการลงสนามการทำงานนิทรรศการจริงที่ผุ้สมัครใช้ในการนำเสนอ จัดแสดงเป็นนิทรรศการในปี พ.ศ. 2564”

ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ นอกจากจะได้มีโอกาสได้พัฒนานิทรรศการของตนเองแล้ว ตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการ ทางโครงการยังมีการอบรมและกิจกรรม Workshop พิเศษอื่น ๆ ที่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับความรู้และพัฒนาความสามารถจากมืออาชีพตัวจริงได้เข้ามาให้คำแนะนำให้กับผู้ร่วมโครงการผ่านการบอกเล่าประสบการณ์ตรงจากการทำงาน

สำหรับคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องมีอายุไม่เกิน 30 ปี ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ หรือมีเอกสารสัญญาผูกพันธ์กับพื้นที่ทางศิลปะอื่นๆ สามารถเข้าร่วมอบรมและดำเนินงานตามตารางตลอดโครงการได้ และมีแผนนิทรรศการ, รายชื่อศิลปิน, แนวความคิด, และแผนการจัดสรรงบประมาณสำหรับสร้างสรรค์นิทรรศการที่ต้องการนำเสนอ ผู้ที่ได้รับคัดเลือก จะได้รับร่วมงานเพื่อสร้างสรรค์นิทรรศการในปี พ.ศ. 2564
สามารถส่งโครงการนิทรรศการเพื่อพิจารณาได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ที่ chol@sac.gallery หรือสอบถามข้อมูลและรายละเอียเพิ่มเติมได้ที่ facebook.com/sacbangkok


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชี้ช่องรวย จับมือ สสว. ,ซีพี รีเทลลิงค์ และ 15 แฟรนไชส์ สานพลังช่วย “คนตัวเล็ก”

ชี้ช่องรวย โดย คุณวิมลณ์เกศ สุวพัฒน์ธุนากร ผู้อำนวยการฝ่าย SME Solution บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (คนที่ 3 จากขวา) จับมือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คุณวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สสว. (คนที่ 3 จากซ้าย) ร่วมกับผู้บริหาร บริษัท ซีพี รีเทลลิงค์ จำกัด คุณปภาดา ศิริวริศธารา ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ (คนแรกจากขวา) คุณนุชรัตน์ พรพุทธษา ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส ด้านธุรกิจแฟรนไชส์ (คนที่ 2 จากขวา) และ คุณชานนท์ เเสงมณี เจ้าของแฟรนไชส์ TORO FRIES (คนที่ 2 จากซ้าย) ในฐานะตัวแทน 15 พันธมิตรแฟรนไชส์ ร่วมประชาสัมพันธ์โครงการ “ชี้ช่องรวย มอบอาชีพ สร้างชีวิตสู้โควิด19” เพื่อมอบอาชีพฟรีแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ได้มีกำลังใจสู้พลิกฟื้นชีวิตใหม่ โดยเปิดลงทะเบียนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 และประกาศรายชื่อผู้โชคดี วันที่ 25 กรกฎาคม 2563 นี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท ฉลองครบรอบ 25 ปี มอบความแฮปปี้สุดๆ ให้ธุรกิจคุณเดินหน้าต่อได้ไม่สะดุด

ออฟฟิศเมทจัดเซอร์ไพรส์ฉลองครบรอบ 25 ปี กับแคมเปญ #OfficeMateHappy25thAnniversary เดินหน้ามอบความแฮปปี้สุดๆ ให้ธุรกิจของคุณเดินต่อได้ไม่สะดุด!!…คนทำธุรกิจห้ามพลาด เพราะออฟฟิศเมทจัดเต็ม ให้คุณช้อปสนุก คุ้มจัดหนัก ประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม 2563 พบกับโปรโมชั่น “Happy Brand Days” สินค้าแบรนด์ดัง ถูกเฮ เฮ เทหมดหน้าตัก ไอเทมยอดฮิตจากแบรนด์ดังหมุนเวียนสับเปลี่ยนมาทั้งลดทั้งแถมทุกสัปดาห์   โดยให้คุณช้อปได้สบายกระเป๋ากับโปรโมชั่น “Happy ผ่อน 0%” นานสูงสุด 10 เดือน* กับพันธมิตรบัตรเครดิตชั้นนำ พิเศษ!…ลูกค้าองค์กรรับสินค้าไปใช้ก่อน จ่ายทีหลัง กับเครดิตเทอมนาน 30 วัน*

คุณจิตรลดา หาญวรวงศ์ชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และคุณวรพรรณ ชุณหศรีวงศ์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด ออฟฟิศเมท ขอมอบความสุขให้ธุรกิจไทยก้าวต่อแบบไม่สะดุด จัดแคมเปญใหญ่ฉลองครบรอบ 25 ปี ที่เคียงข้างธุรกิจไทยเสมอมา โดยตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม 2563    พบกับโปรโมชั่น “Happy Brand Days สินค้าแบรนด์ดัง ถูก เฮ เฮ เทหมดหน้าตัก”…ให้คุณสุขขั้นสุดกับสินค้าแบรนด์ดังกว่า 50 แบรนด์ที่ขนขบวนไอเทมยอดฮิตที่ธุรกิจต้องใช้ มาหมุนเวียนจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ “ลดแหลก แจกหนัก!!!” ครบครันทั้งอุปกรณ์สำนักงาน ไอที แก็ดเจ็ต อิเล็กทรอนิกส์ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ทำความสะอาด และอุปกรณ์นิรภัยในโรงงาน ใครเล็งไอเทมไหนไว้ เชิญปักวันช้อปได้เลย!

• วันที่ 1 ก.ค. 63 – 31 ก.ค. 63
–  เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Furradec ลดสูงสุด 70% และเมื่อช้อปเก้าอี้แบรนด์ Furradec, Serta, Modena, FurIntrend, ErgoTrend, Rockwood, GreenLine ที่ร่วมรายการครบ 3,500 บาท/ใบเสร็จ รับฟรี Gift Voucher Central มูลค่า 100 บาท 1 ใบ
–  สินค้าไอทีแบรนด์ Casio, Panasonic, Olympia ลดสูงสุด 30%*
–  ช้อปสินค้าอุปกรณ์นิรภัยที่ร่วมรายการครบ 999 บาท/ใบเสร็จ ฟรี! หน้ากาก Commy พร้อมแผ่นกรอง 3 ชิ้น 2 แพ็ค มูลค่า 150 บาท

• วันที่ 1 ก.ค. 63 – 15 ก.ค. 63
–  เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Furradec ทุกชิ้นทั้งแบรนด์ลดเพิ่ม 10%
–  สินค้าไอทีแบรนด์ neo ลดสูงสุด 50%
–  ช้อปสินค้า Nestle Professional ครบ 1,250 บาท/ใบเสร็จ รับฟรีร่ม 22 นิ้ว มูลค่า 120 บาท

• วันที่ 6 ก.ค. 63 – 12 ก.ค. 63
–  ช้อปอุปกรณ์สำนักงานแบรนด์ one & me.style ที่ร่วมรายการ ครบ 800 บาท/ใบเสร็จ รับส่วนลด 250 บาท
–  ช้อปเครื่องเขียนแบรนด์ Rotring, Liquid Paper, Paper Mate, Sharpie ครบ 600 บาท/ใบเสร็จ รับส่วนลด 125 บาท
–  ช้อปผงหมึก Canon ครบ 6,000 บาท/ใบเสร็จ รับส่วนลด 10%

• วันที่ 13 ก.ค. 63 – 19 ก.ค. 63
–  ช้อปสินค้า 3M, Scotch, Post-it ทุกชิ้นทั้งแบรนด์ ครบ 700 บาท/ใบเสร็จ รับส่วนลด 250 บาท
–  ช้อปปริ้นเตอร์อิงค์แท็งค์ HP รุ่นที่ร่วมรายการ ฟรี! กระดาษถ่ายเอกสารออฟฟิศเมท 5 รีม มูลค่า 439 บาท
–  ช้อปกระดาษถ่ายเอกสาร Double A ครบ 5 กล่อง/ใบเสร็จ รับส่วนลด 5%

• วันที่ 15 ก.ค. 63 – 31 ก.ค. 63
–  สินค้าไอทีแบรนด์ Remax ลดสูงสุด 50% และแบรนด์ MI ลดสูงสุด 30%

• วันที่ 25 ก.ค. 63 – 31 ก.ค. 63
–  เครื่องใช้ไฟฟ้า anitech รุ่นที่ร่วมรายการ ลดสูงสุด 50%
–  ช้อปสินค้า Scott และ Kleenex ครบ 1,990 บาท/ใบเสร็จ ฟรี! กระดาษชำระ Scott Select Pack 24 ม้วน 1 แพ็ค มูลค่า 150 บาท

ชวนคุณมาเซฟเงินในกระเป๋ากับ “Happy ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน*”…เลือกผ่อนสบายใจนาน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 10 เดือน หรือเลือกรับเครดิตเงินคืนเมื่อชำระเต็มจำนวน กับบัตรเครดิตชั้นนำที่ร่วมรายการ อาทิ บัตรเครดิต Central The1, SCB, KBank, KTC และ  Krungsri  (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) และสำหรับลูกค้าองค์กร ออฟฟิศเมทขอมอบสิทธิพิเศษทางการเงิน “เครดิตเทอมนาน 30 วัน*” ให้คุณช้อปสินค้าไปใช้ก่อน จ่ายเงินทีหลัง…ช้อปสบายๆ ได้ทุกช่องทางการขาย ทั้งที่ร้านออฟฟิศเมททุกสาขา ช่องทางออนไลน์ officemate.co.th, Mobile App, Chat & Shop ที่Line: @OfficeMate และ Contact Center 1281 ออฟฟิศเมทบริการส่งฟรีถึงออฟฟิศ/บ้าน* เพียงช้อปครบ 499 บาท (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เร็ว แรง ไร้จุดอับสัญญาณ ทุกการเชื่อมต่อกับ AirEngine 6760 X1 Series

แอคเซสพอยต์ความเร็วสูง Wi-Fi 6 สำหรับใช้ภายในอาคารรุ่นใหม่ล่าสุด AirEngine 6760-X1 และ AirEngine 6760-X1E มาตรฐาน IEEE 802.11ax ตอบโจทย์ความต้องการของยุคดิจิทัลทรานสฟอร์เมชั่น การันตีคุณภาพสัญญาณที่ครอบคลุมทุกพื้นที่แบบไร้จุดอับ เหมาะสำหรับติดตั้งในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากและมีความซับซ้อนของพื้นที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า สำนักงาน สนามกีฬา รวมถึงทางเดินในอาคาร

คุณสมบัติเด่น:
Smart Antenna: เป็นเทคโนโลยีเฉพาะของหัวเว่ยซึ่งช่วยรักษาความเสถียรของสัญญาณได้ตลอดเวลา รวมถึงในขณะที่ผู้ใช้งานเคลื่อนที่ พร้อมลดสัญญาณรบกวนโดยอัตโนมัติ และให้ระยะการครอบคลุมที่กว้างกว่า

  • IoT Slot แบบ Built-in: รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ อาทิเช่น BLE 5.0, ZigBee, RFID และ Thread
  • Triple Radio (Dual 5GHz ): รองรับการใช้งาน 3 คลื่นความถี่ ได้แก่ 2.4GHz (4×4) + 5GHz (4×4) + 5GHz (4×4) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้มากขึ้น
  • Right to Use RTU: สามารถอัพเกรดจากความเร็ว 8.35Gbps ที่ 10 spatial stream ให้เป็นความเร็วสูงสุดถึง 10.75Gbps ที่ 12 spatial stream โดยการอัพเกรดความสามารถด้วย RTU license
  • บริหารจัดการได้ทุกรูปแบบ: สามารถเลือกการทำงานได้ในโหมดสแตนด์อโลน หรือจะเป็นการทำงานร่วมกับ Controller รวมถึง การทำงานร่วมกับระบบบริหารจัดการผ่าน Cloud ได้ด้วย
  • ความเร็วระดับ 10 Gbps: เพิ่มความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อด้วยความเร็ว 10 Gbps โดยรองรับได้ทั้งสาย UTP และสายไฟเบอร์ออพติค

ข้อมูลเพิ่มเติม: e.huawei.com/th, ช่องทางติดต่อ: Facebook.com/HuaweiEnterpriseThailand


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ศัพท์เทคนิคที่ใช้ในพื้นที่ EEC – TOD EECi EECd คืออะไร

EEC คือ การพัฒนาในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ โดยใช้แนวคิด TOD, EECi, EECd ที่เป็นศัพท์เฉพาะในการอธิบาย ซึ่งเป็นแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ การลงทุน EEC เพื่อให้เกิดกิจกรรมที่สอดคล้องกับที่เป้าหมายที่ได้ตั้งไว้

TOD : การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit-Oriented Development)
TOD เป็นแนวคิดการพัฒนาศูนย์กลางที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรม บริเวณสถานีขนส่งมวลชน (transit station) หรือโดยรอบเส้นทางระบบขนส่งมวลชน (transit corridor) โดยเน้นการออกแบบการเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อเอื้อการลงทุน EEC
การออกแบบพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพจะลดการเดินทางโดยใช้เครื่องยนต์ และเน้นการเดินทางโดยเท้า หรือจักรยานแทนที่ ซึ่งจากแผนการพัฒนาพื้นที่ลงทุน EEC จะมีจุดที่เป็น TOD นี่ ตัวอย่างได้แก่ พื้นที่พัทยา ซึ่งจากแนวทางของ สนข. การคมนาคมภายในเมืองพัทยาจะถูกร้อยเรียงเป็นระบบตั้งแต่รถไฟความเร็วสูงรถขนส่งรับช่วงจากสถานีรถไฟรางเบา ตลอดจนที่จอดรถยนต์ จักรยานยนต์ และเส้นทางพิเศษสำหรับจักรยาน มีการจัดแบ่งประเภทพื้นที่ใหม่ให้เหมาะสม เช่น การจัดพื้นที่ริมหาดพัทยาให้ปลอดมลภาวะปราศจากรถยนต์ เพื่อพัฒนาสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวคุณภาพสูงต่อไป

EECi : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation)
EECi เป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศนวัตกรรมที่เหมาะสมในการลงทุน EEC ที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการทำวิจัยพัฒนาและนวัตกรรมร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย รวมถึงชุมชนในพื้นที่ เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับและพัฒนาอุตสาหกรรมเดิม รวมไปถึงส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้น

EECd : เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand: EECd)
EECd เป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ที่จะเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุนด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลของภูมิภาค EEC เน้นให้เกิดการลงทุน EEC ทางธุรกิจดิจิทัลควบคู่กับการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัลเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลไทย ตลอดจนยกระดับการลงทุน EEC และพัฒนาอุตสาหกรรมไอซีทีเดิมไปสู่อุตสาหกรรมดิจิทัลยุคใหม่ (New S-Curve Digital Industry)

โดยแนวคิดของ TOD จะมีความแตกต่าง จาก EECi และ EECd คือ TOD จะเน้นการพัฒนาพื้นที่การลงทุน EEC โดยรอบ และในส่วนของ EECi และ EECd จะเป็นการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ลงทุน EEC เป็นหลัก ซึ่งเป็นแนวคิดการจัดพื้นที่เพื่อประโยชน์จากการอยู่รวมกัน (agglomeration economics) ตามแนวคิดทางด้านผังเมือง การดำเนินกิจการไปแนวทางเดียวกันในพื้นที่เดียวกัน ทำให้เกิดการประหยัดด้านเวลาในการเดินทางภายใน รวมไปถึงการสร้างแรงดึงดูดให้เกิดการติดต่อประสานงานกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องจากภายนอกได้ แต่อย่างไรก็ตามแนวคิดทั้ง 3 ของการลงทุน EEC นี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นประโยชน์จากการอยู่ร่วมกันที่เน้นในเชิงอุตสาหกรรม มากกว่าเชิงที่อยู่อาศัย และพาณิชยกรรม

สำหรับท่านที่ต้องการลงทุนใน EEC เราให้คำปรึกษาเรื่องต้นทุนที่ดิน อาคาร ซึ่งเป็นเงินก้อนโต ทาง AREA EEC ให้บริการประเมินราคา ศึกษาตลาดคู่แข่ง วางแผน วิเคราะห์ พัฒนา การลงทุน EEC สามารถติดต่อ บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA EEC) เบอร์โทร 02-295-3905 ต่อ 114

ขอบคุณที่มา : Tooktee.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

EATON (อีตั้น) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟรุ่นล่าสุด “5V” เจาะกลุ่มผู้ใช้งานในสำนักงานและบ้าน พร้อมรับกระแส New Normal

บริษัท อีตั้น อิเล็คทริค (ประเทศไทย) จำกัด (EATON) นำโดยนายปริญญา พงษ์รัตนกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย(เสื้อฟ้าขาว) เปิดตัวเครื่องสำรองไฟรุ่นล่าสุด “5V” โดยนำเสนอจุดเด่นทางด้านการทำงานแบบ Line interactive เจาะกลุ่มผู้ใช้ในสำนักงานเพื่อการใช้งานกับคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ อุปกรณ์โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต และอุปกรณ์จุดจำหน่ายสินค้า (POS)

รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้งานในบ้านที่ต้องการปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความสำคัญ ก็สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ, Full HD TV, อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต และอื่นๆ เพื่อรองรับกระแสการทำงานแบบ New Normal ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งเครื่องสำรองไฟฟ้า 5V นี้ ถือว่าคุณสมบัติครบในราคาคุ้มค่า ที่มาพร้อมเต้ารับแบบสากล(universal outlets) ทำให้การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆเป็นไปอย่างง่ายดายเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานแม้จะประสบปัญหาคุณภาพไฟฟ้าเช่น ไฟตก ไฟเกินหรือไฟดับ โดยมีนายนพคุณ วิศิษฎ์รัฐกุล ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อินแกรม ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด(เสื้อดำ) ตัวแทนจำหน่ายหลักอย่างเป็นทางการของแบรนด์ EATON ร่วมเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆนี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. โชว์นวัตกรรมตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) สนับสนุนสร้างนวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19 โดยการผนึกกำลังของคณะและส่วนงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ร่วมกับศิษย์เก่า องค์กรเครือข่ายพันธมิตรของมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับความท้าทาย ตอบโจทย์ และพลิกวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือสังคม นักศึกษา และสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แนวหน้าทุกคนได้เข้าถึงงานวิจัย-นวัตกรรมช่วยเหลือสู้ภัยเชื้อไวรัสโควิด-19

นวัตกรรมที่สร้างมาจากองค์ความรู้ด้านการวิจัยของมหาวิทยาลัยและได้ส่งมอบใช้งานแล้ว ได้แก่ ตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก โดยเมื่อที่ 19 มิถุนายน 2563 ณ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร รศ.ดร.สันชัย อินทพิชัย รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากิจการมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ประธานพิธีส่งมอบตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก พลตรี ธไนนิธย์ โชตนภูติ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร เป็นผู้รับมอบ เพื่อเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยในการคัดกรองโรคได้ โดยมี อาจารย์ ดร.เต็มสิริ ทรัพย์สมาน รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ภาควิชาวิศวกรรมการผลิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. หัวหน้าโครงการ “ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก” ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมคณะผู้บริหารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร ร่วมพิธีดังกล่าว

อาจารย์ ดร.เต็มสิริ ทรัพย์สมาน เปิดเผยว่า นวัตกรรมตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก ก่อนหน้านี้ได้ออกแบบตู้ตรวจโรคความดันบวกเป็นตู้ต้นแบบแล้ว จัดสร้างด้วยเงินรายได้ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. โดยตู้ต้นแบบได้ไปทดลองที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแล้ว ได้ผลการตอบรับที่ดีจากทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แผนถัดไปก็จะสร้างตู้และมอบให้แก่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ต่อไป สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง กอปรกับความต้องการตู้ฆ่าเชื้อโรคโควิด-19 ก็ยังมีความต้องการอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ มจพ. มีนโยบายเพื่อการระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลต่าง ๆ สอดรับกับความต้องการตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก ที่ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารใช้ประโยชน์ในการตรวจคัดกรองคนไข้หาเชื้อโรคโควิด-19 ใช้งบประมาณจัดสร้างตู้ละ 75,000 บาทและค่าขนส่งตู้ละ 10,000 บาท ซึ่งบริษัทที่ช่วยจัดสร้างตู้ดังกล่าว เป็นหนึ่งในทีมวิจัยด้วย ทั้งนี้ ตู้นี้ได้รับบริจาคเครื่องปรับอากาศจากบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์-มหาจักร แอร์ คอนดิชั่นเนอร์ส จำกัด หรือ (MACO) ร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา ระยะเวลาในการจัดสร้างประมาณ 1 เดือน โดยมีทีมงานวิจัย ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก มาจากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย (1) รศ.ดร.อุดมเกียรติ นนทแก้ว คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. หัวหน้าทีม (2) อาจารย์ ฐิฎิมา อัมพวรรณ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มจพ.ออกแบบสติกเกอร์ตู้ (3) ผศ.ดร.ยอดชาย เตียเปิ้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา นักวิจัย (4) อาจารย์ ดร.ไทยทัศน์ สุดสวนสี มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ นักวิจัย (5) ดร.ธาเนตร แสงสว่างมาตุ้ม บริษัท Turbo Fluid Corporation จัดสร้าง ทดสอบ และติดตั้ง และ (6) คุณสุรชัย คงอุไร บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์-มหาจักร แอร์คอนดิชั่นเนอร์ส จำกัด หรือ (MACO) บริจาคเครื่องปรับอากาศ

ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก เป็นตู้กรองอากาศที่สามารถป้องกันอันตรายและการปนเปื้อนจากการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน มีคุณสมบัติพิเศษและจุดเด่นของนวัตกรรมใหม่ จะคงความดันภายในที่ 7.47 ปาสคาล ซึ่งหมายถึงตู้ขณะทำการตรวจเชื้อต้องมีความดันเป็นบวก โดยจะดูดอากาศเข้าภายในตู้ผ่านแผ่นกรอง HEPA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงความดันในตู้ให้เป็นบวก ที่ 7.47 ปาสคาล ซึ่งจะทำให้อากาศจากภายนอกไม่สามารถเข้าไปในตู้ในช่องทางอื่นได้ บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในตู้จะไม่ได้รับเชื้อโควิด-19 ขณะทำการตรวจผู้ป่วย ทำให้อากาศที่ไม่ได้กรองภายนอกก็จะไม่สามารถเข้าไปได้ กล่าวคือความดันบวก : เมื่อต้องการตรวจเชื้อโดยแพทย์อยู่ด้านใน เหมาะกับการใช้งานกับคนไข้นอก OPD ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก โดยติดตั้งภายนอกอาคารที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ทำให้การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 มีความปลอดภัย สำหรับใช้ตรวจวินิจฉัย (Swab) โดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ด้านการออกแบบทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งสำหรับผู้ป่วย 1 คน ต่อ 1 ห้อง ขนาดตู้กว้าง 1.2 x ยาว 1.2 x สูง 2.5 เมตร แบบติดตั้งภายนอกอาคาร ระบบบําบัดอากาศ HEPA Filter อุปกรณ์แสดงผลความดันบรรยากาศ และอุปกรณ์สื่อสารระหว่างภายในและภายนอก ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก เป็นห้องตรวจเชื้อความดันบวกแบบเคลื่อนที่ (Positive Pressure) ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อขณะทำการตรวจวินิจฉัย จึงปลอดภัยต่อแพทย์และเจ้าหน้าที่ โครงสร้างผลิตจากโลหะปลอดสนิม ผนังด้านหน้า-ด้านข้าง ทำจาก Plexiglass แผงควบคุมใช้ไฟแสดงการทำงาน ปุ่มเปิด-ปิดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานเครื่องปรับอากาศ ส่วนการสื่อสารใช้ผ่านอินเตอร์คอมหรือไมโครโฟน และติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก อีกหนึ่งความปลอดภัย ที่ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวกที่พัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัย จาก มจพ. หากหน่วยงานใด สนใจสามารถติดต่อผ่าน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ.

โอกาสนี้ขอเชิญศิษย์เก่า ผู้ปกครองและผู้มีจิตศรัทธาทุก ๆ ท่าน ร่วมบริจาคสมทบทุนกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ต้านภัยโควิด-19 เพื่อนำเงินบริจาคร่วมจัดทำนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี ชื่อบัญชี “กองทุนพัฒนามหาวิทยาลัยและต้านภัยโควิด มจพ.” ธนาคารกรุงเทพ สาขา มจพ. เลขที่บัญชี 907-3-50043-2 ใบเสร็จรับเงินในการบริจาคสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า

“ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก” ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ นอกจากจะตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยแล้ว ความสะดวกในการใช้งาน ทั้งการติดตั้งและเคลื่อนย้าย ใช้งานได้จริง เป็นสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องการ เพื่อการใช้งานอย่างไม่มีข้อจำกัด โดย มจพ. ได้จัดสร้างและส่งมอบตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวกนี้ให้แก่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร สำหรับใช้ประโยชน์ เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านแรกของการต่อสู้กับวิกฤติการณ์ COVID-19”

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

PouchNATION เปิดตัวสายรัดข้อมือตรวจวัดอุณหภูมิสำหรับภาคธุรกิจและครัวเรือนเพื่อช่วยบรรเทาการระบาดของ COVID-19

ประเทศสิงคโปร์ (24 มิถุนายน 2563) – ในฐานะผู้นำเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการมวลชน ระบบชำระเงินแบบไร้การสัมผัส และการวิเคราะห์พฤติกรรม PouchNATION ซึ่งเป็นผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่น่าตื่นเต้น ซึ่งเกิดจากการต่อยอดเพิ่มเติมจากผลิตภัณฑ์สำหรับสวมใส่ดั้งเดิมของบริษัท PouchPASS เป็นนวัตกรรมใหม่ของสายสายรัดข้อมือในการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายอย่างต่อเนื่อง ด้วยการใช้เทคโนโลยีบลูทูธ (Bluetooth) เพื่อบันทึกและซิงค์ข้อมูลอุณหภูมิของร่างกายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือหรือผ่านแดชบอร์ดเมื่อมีจำนวนผู้ใช้งานจำนวนมาก ฟีเจอร์สำคัญของ PouchPASS คือสามารถใช้เครื่องมือในการติดตามตัว (Contact tracing) และคัดกรองระยะเริ่มต้นของผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนสามารถตรวจสุขภาพด้วยตนเองได้ เพื่อช่วยบรรเทาและลดการแพร่กระจายของ COVID-19

สายรัดข้อมือ PouchPASS และแอปพลิเคชัน
อิลยา คราฟซอพ ซีอีโอ PouchNATION กล่าวว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเราสร้างธุรกิจเพื่อเป็นผู้นำด้านการใช้เทคโนโลยีสายรัดข้อมือในการบริหารจัดการมวลชนสำหรับงานอีเวนต์และสถานที่จัดงานและให้บริการด้านต่างๆ ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในทุกๆ ปีเราดำเนินงานอีเวนต์หลายร้อยงาน โดยใช้เทคโนโลยีของเราในการบริหารจัดการผู้เข้าร่วมงานหลายล้านคนทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งให้ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก ระบบจำหน่ายตั๋วและการบริหารจัดการมวลชน การระบาดของไวรัส COVID-19 นับเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตการทำงานของเรา เมื่อเราเข้าใจถึงความรุนแรงของสถานการณ์ เราจึงตัดสินใจปรับเปลี่ยนความรู้และทรัพยากรของเราไปทิศทางที่จะเป็นการปกป้องชีวิตและสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้นสำหรับอนาคต

คูณ แวน กีน ผู้อำนวยการหน่วยปฏิบัติการผลิตภัณฑ์ใหม่ กล่าวว่า PouchNATION เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคมาโดยตลอด และการใช้ RFID เป็นการเปิดใช้งานระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด การระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Geolocation) การจำหน่ายตั๋ว การพัฒนาระบบ POS ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมของเราซึ่งสามารถรายงานข้อมูลการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างละเอียด สำหรับคนที่รู้จักเราบวกกับสปิริต “เราทำได้” ก็คงไม่แปลกใจที่เราสามารถนำความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ การปฏิบัติได้งานจริงและข้อมูลเชิงลึก พร้อมด้วยประสบการณ์ด้านการบริหารจัดการมวลชน งานอีเวนต์ สถานที่และการทำงานร่วมกับผู้จัดงานในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มาพัฒนาให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของเรา

กรณีศึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในประเทศจีนและยุโรประบุว่าอาการบ่งชี้หลักของผู้ป่วย COVID-19 คือ มีอาการไข้ถึง 89.1% ดังนั้นการเพิ่มเครื่องมือในการวัดอุณหภูมิร่างกายเข้าไปในสายรัดข้อมือของเราจึงเป็นการเพิ่มความมั่นใจในอีกระดับให้กับผู้ร่วมงานและผู้จัดงานเมื่อกิจกรรมและธุรกิจกลับมาเปิดตัวอีกครั้ง เทคโนโลยีนี้สามารถใช้งานได้อย่างไม่จำกัด อาทิ ในการกีฬา ภายในอาคารสถานที่ กิจกรรม โรงงาน โรงเรียน โรงพยาบาล เรือนจำ ระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้เราต้องการให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงการใช้งานผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ ดังนั้นการกำหนดราคาจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเราในการเปิดตัว PouchPASS

ฟีเจอร์บน PocuhPASS แอปพลิเคชั่น
สร้างด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงแต่ง่ายในการใช้งาน


แอปพลิเคชัน PouchPASS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างต่อเนื่องในระยะไกลโดยไม่ต้องมีการสัมผัสระหว่างบุคคล ข้อมูลอุณหภูมิร่างกายที่วัดได้จากเซ็นเซอร์บนสายรัดข้อมือจะถูกซิงค์โดยอัตโนมัติแบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยีบลูทูธที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือและเครือข่ายบลูทูธในพื้นที่ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บบนคลาวด์ซึ่งสามารถเรียกดูข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน PouchPASS บนมือถือและแดชบอร์ดได้ เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ที่หลากหลายตั้งแต่การใช้งานส่วนบุคคล ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ อาทิ โรงเรียน โรงงาน ห้างสรรพสินค้า สนามบิน สถาบันและองค์กรต่างๆ ที่ต้องการตรวจสอบความปลอดภัยด้านสุขภาพของพนักงานและเพื่อให้การเปิดธุรกิจเปิดดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง และการใช้ PouchPASS จะช่วยให้องค์กรลดชั่วโมงการทำงานในการวัดและบันทึกอุณหภูมิในหลายๆครั้งต่อวันซึ่งเป็นมาตรฐานที่รัฐบาลหลายแห่งตั้งข้อกำหนดไว้

ฟีเจอร์บน PocuhPASS แดชบอร์ด

เต็มเปี่ยมด้วยข้อมูลแต่มีความเป็นส่วนตัว 100%

ผู้ใช้งานสามรถเปิดใช้งานบริการพิกัดข้อมูลสถานที่ (Location service) บนโทรศัพท์มือถือเพื่อแชร์ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ (Geolocation) ให้กับสมาชิกครอบครัวและเพื่อนร่วมงานได้ และเมื่อมีการเชื่อมต่อระหว่างสายรัดข้อมือ แอปพลิเคชันและเครือข่ายบลูทูธในพื้นที่ ข้อมูลอุณหภูมิจะถูกจัดเก็บผ่านการเชื่อมต่อทั้งหมดและสามารถดูข้อมูลผ่านออนไลน์แดชบอร์ด นอกจากนี้ผู้ใช้งานจะเป็นผู้กำหนดเองว่าข้อมูลไหนที่ต้องการจะแชร์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ตลอดเวลา

คูณ แวน กีน กล่าวเพิ่มเติมว่า มีข้อกังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลจากการใช้งานระบบต่างๆ จำนวนมากในตลาด เช่น ระบบจดจำใบหน้า การเช็คอินตำแหน่งด้วย QR แอปพลิเคชันใช้ติดตามตัว ฯลฯ PouchPASS จึงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณ และคุณเท่านั้นที่จะเป็นคนควบคุมและกำหนดว่าข้อมูลส่วนบุคคลส่วนใดที่คุณอยากจะแชร์

คงทนและทนทานด้วยราคาที่คุ้มค่า
ด้วยอัลกอริทึมที่มีความอัจฉริยะในการเปรียบเทียบค่าที่ได้จากเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิกับค่ามาตรฐาน จึงทำให้ผลการวัดอุณหภูมิมีความแม่นยำสูง ซึ่งการให้ข้อมูลการวัดอุณหภูมิที่มีความน่าเชื่อถือนั้นคือหัวใจสำคัญในระบบของแอปพลิเคชัน PouchPASS
ปลอกของสายรัดข้อมือผลิตจากซิลิโคนและโพลีคาร์บอเนต (PC) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง และยังมีผิวสัมผัสที่นุ่มลื่น มีความยืนหยุ่นจึงทำให้รู้สึกสบายเมื่อสวมใส่ และส่วนประกอบอีกหนึ่งชิ้นที่สามารถถอดออกจากสายได้คือ บลูทูธบีคอน (BLE 5.0) ที่มาพร้อมกับเซ็นซอร์วัดอุณหภูมิแบบดิจิทัลซึ่งมีการรับรองตามมาตรฐานอุปกรณ์การแพทย์และมาตรฐาน CE

สายรัดข้อมือ PouchBAND และสายรัดข้อมือ PouchBAND พลัส
สายรัดข้อมือ PouchBAND ทั้ง 2 รุ่นมีทั้งหมด 3 ขนาด คือ ขนาดเล็ก (11-16 ซม.) ขนาดกลาง (15-20 ซม.) และขนาดใหญ่ (18-23 ซม.) ลูกค้าสามารถเลือกสีที่หลากหลายจากสต็อกของเราได้เมื่อสั่งซื้อผลิตภัณฑ์จำนวนต่ำกว่า 1,000 ชิ้น แต่หากสั่งผลิตจำนวนมากกว่า 1,000 ชิ้นลูกค้าจะสามารถกำหนดสีและออกแบบการพิมพ์โลโก้ได้ตามความต้องการ นอกจากนี้สายรัดข้อมือ PouchBAND มีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่น 100% และป้องกันการซึมเข้าของน้ำได้ จึงทำให้สามารถสวมใส่ขณะล้างจานหรือแม้กระทั้งขณะอาบน้ำ อีกทั้งยังลดความยุ่งยากในการชาร์จไฟด้วยเพราะสายรัดข้อมือ PouchBAND ใช้พลังงานจากถ่านกระดุมลิเธียมรุ่น CR2032 ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนเองได้และสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องนานหลายเดือน

บรรจุภัณฑ์ของ PouchPASS
สายรัดข้อมือ PouchBAND รุ่นพลัสจะมี RFID ไมโครชิปซึ่งเป็นการรวมคุณลักษณะ NFC ฟีเจอร์ดั้งเดิมของ PouchNATION ใช้งานในส่วนของการควบคุมการเข้าออก การบันทึกเข้างานของผู้ร่วมกิจกรรม ระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด การทำงานเชื่อมต่อในการเปิดปิดล๊อคของประตู และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ โดยแนะนำให้อัพเกรดการใช้งานเป็นรุ่นนี้สำหรับการจัดกิจกรรม งานอีเวนต์ โรงเรียน และองค์กรที่มีการใช้งานร่วมกันระหว่างการเข้าออก การซื้ออาหาร และการจำหน่ายตั๋วของงานอีเวนต์

ราคาแพ๊คเกจสมาชิกใช้งานสายรัดข้อมือ PouchBAND และสายรัดข้อมือ PouchBAND พลัส มีราคาเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน หากท่านสนใจที่จะเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการใช้งานโซลูชั่นแนวหน้านี้ โปรดกรอกอีเมล์ของท่านบนเว็บไซต์ www.pouchpass.com เพื่อดูส่วนลดราคาพิเศษซึ่งมีจำนวนจำกัดเฉพาะผู้ซื้อกลุ่มแรกเท่านั้น

###################

PouchNATION เป็นบริษัทชั้นนำผู้ให้บริการเทคโนโลยีด้านการบริหารจัดการมวลชน ระบบชำระเงินแบบไร้การสัมผัส และการวิเคราะห์พฤติกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีเครือข่ายสำนักงานอยู่ใน 6 ประเทศทั่วภูมิภาค PouchNATION ประสบความสำเร็จในการใช้งานโซลูชั่นด้านการจำหน่ายตั๋ว การลงทะเบียน การควบคุมการเข้าออก กิจกรรมของแบรนด์ สำหรับงานอีเวนต์และสถานที่ที่มีคนจำนวนมากในธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ ตั้งแต่การกีฬา งานดนตรีไปจนถึงธุรกิจด้านการบริการ การจัดประชุมสัมมนา และการจัดนิทรรศการ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ธนาคารกรุงเทพชวนฟังประสบการณ์ 3 Gen 3 วงการ “Next Normal…รู้ก่อน รุกก่อน”

ครั้งแรกกับที่สุดของแขกรับเชิญ 3 Gens 3 วงการ ที่จะมาร่วมแชร์มุมมองอนาคตหลัง New Normal… ในหัวข้อ “Next Normal…รู้ก่อน รุกก่อน” ร่วมเปิดมุมมอง แสวงหาโอกาสทางธุรกิจ พร้อมรับมือโลกภายใต้มาตรฐานใหม่เต็มรูปแบบ กับ คุณเคน- นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ บรรณาธิการบริหาร The Standard คุณป้อม- ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ ตลาด ดอท คอม กรุ๊ป และ คุณวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ดำเนินรายการโดย คุณสุทธิชัย หยุ่น นักสื่อสารมวลชนแถวหน้า ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 เวลา 19.00 น. ห้ามพลาด!!! จับตาชมถ่ายทอดสด Full HD ผ่าน Webinar พร้อมถามตอบ Real Time

ลงทะเบียนรับชมฟรี แบบ Exclusive จำนวนจำกัด ที่นี่ : https://www.bangkokbanksme.com/en/sme-event-next-normal


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดิน พ.ศ.2537-2563

สำหรับปีที่ผ่านมานี้ แม้จะมีวิกฤตต่างๆ เข้ามามากมาย แต่ราคาที่ดินยังกระโดดพรวดขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งที่เศรษฐกิจไม่ดี

ทั้งนี้เพราะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆ เป็นจำนวนมากในขณะนี้ ประกอบกับอุปทานที่ดินมีจำกัด เนื่องจากความหย่อนยานของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ในทุกปี ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สำรวจการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินตัวอย่างในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจำนวนประมาณ 200 กว่าแปลง และตามสถานีรถไฟฟ้าอีกประมาณ 150 สถานี โดยสำรวจมาตั้งแต่ปี 2537 ส่วนข้อมูลก่อนหน้านั้นย้อนไปถึงปี 2528 เป็นการเก็บข้อมูลอื่นจากการประเมินค่าทรัพย์สินและการสำรวจวิจัยต่อเนื่อง การเก็บข้อมูลเช่นนี้จะทำให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถทราบการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินในย่านต่างๆ ในเวลาเดียวกัน เพื่อจะได้พิจารณาศักยภาพของที่ดินแต่ละแห่ง

รายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินแบ่งได้ดังนี้

ราคาที่ดินในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเพิ่มขึ้นถึง 66.8 เท่านับตั้งแต่ปี 2528 ถึงสิ้นปี 2563 ในระยะเวลาเพียง 35 ปี ทั้งนี้เพราะประเทศเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม

ราคาเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดในปี 2539 ที่ประมาณ 31.2 เท่า ในช่วงปี 2528-2539 หรือ 11 ปี ทั้งนี้เป็นเพราะประเทศไทยในขณะนั้นเริ่มเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ (Newly Industrialized Country) มีญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนหลังข้อตกลง Plaza Accord

อย่างไรก็ตามราคาที่ดินตกต่ำลงอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อนในยุควิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ทำให้ราคาลดลงเหลือ 25.9 เท่า จาก 31.2 เท่า ซึ่งเท่ากับราคาที่ดินลดลง 17% จากช่วงสูงสุดในปี 2539 ภายในเวลา 4 ปี (2539-2543) ของวิกฤติการณ์ดังกล่าว

ราคาที่ดินเริ่มฟื้นตัว และแม้จะมีวิกฤติ Hamburger Crisis ในสหรัฐอเมริกา ก็ไม่ทำให้ราคาที่ดินในประเทศไทยลดลง แต่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าในช่วงปี 2542-2563 ราคาที่ดินเพิ่มจากดัชนีที่ 25.9 เป็น 66.8 หรือ เพิ่มขึ้น 2.6 เท่านั่นเอง หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.6% ต่อปี

จะสังเกตได้ว่าราคาที่ดินฟื้นตัวเป็นอย่างมากเป็นในยุคเศรษฐกิจเฟื่องฟูคือปี 2547-2549 แต่หลังจากนั้นราคาที่ดินก็ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากการเมืองไทย ทำให้การลงทุนจากต่างประเทศน้อยลง และหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทน การลงทุนจริงจาก UNCTAD พบว่า ณ ปี 2561 ที่มีเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าในประเทศ (Foreign Direct Investment) จำนวน 154.7 พันล้านเหรียญสหรัฐนั้น ปรากฏว่า 50% ไปที่สิงคโปร์ 14% ไปที่อินโดนีเซีย 10% ไปเวียดนาม ส่วนไทยมีส่วนแบ่งเพียง 9% เท่านั้น

มีปรากฏการณ์พิเศษที่พึงให้ความสนใจก็คือ ในขณะที่เศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2560-2563 ตกต่ำมาก และพบกับภาวะโรคโควิด-19 ด้วย แต่ปรากฏว่าดัชนีราคาที่ดินที่ 51.6 ในปี 2560 น่าจะเพิ่มเป็น 66.8 ในปี 2563 หรือเพิ่มขึ้น 29% หรือเฉลี่ยปีละ 9% โดยเฉลี่ย ทั้งนี้เพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้าหลายสายในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความคาดหวังในอนาคตค่อนข้างดี จึงทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างสูง และที่ดินประมาณ 1/3 ของทั้งหมด อยู่ในแนวรถไฟฟ้า

ช่วงสิ้นปีปี 2561-2562 สำรวจพบว่า ราคาที่ดินในเพิ่มขึ้นสูงสุด โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 14% ทั้งนี้เพราะการก่อสร้างรถไฟฟ้ามีความชัดเจนมากขึ้นตามลำดับ ส่วนในช่วงสิ้นปี 2562-2563 ราคาก็ยังเพิ่มขึ้น แต่โดยเฉลี่ยแล้วเพิ่มขึ้น 8%

สำหรับราคาที่ดินที่แพงที่สุดในขณะนี้ คือบริเวณสยามสแควร์ ชิดลม เพลินจิต นานา ซึ่งเป็นไปตามแนวรถไฟฟ้า ราคาที่ดินจะเป็นเงินตารางวาละ 3 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3.3 ล้านบาทต่อตารางวา ณ สิ้นปี 2563 ณ ตารางวาละ 3.3 ล้านก็เท่ากับตารางเมตรละ 825,000 บาท หรือ ตารางฟุตละ 76,645 บาท หรือเป็นเงินตารางเมตรละ 26,613 เหรียญสหรัฐ หรือ 2,472 บาทต่อตารางฟุต

สำหรับการเปลี่ยนแปลงราคาที่ดิน ย่อมมีผลสอดคล้องกับแนวทางการประเมินค่าทรัพย์สินในแต่ละแปลงเริ่มจากการสำรวจราคาที่ดินที่มีการซื้อขายในฐานะเป็น “แปลงเปรียบเทียบ” เพื่อนำมาวิเคราะห์มูลค่าตลาดของทรัพย์สินที่จะทำการประเมิน วิธีการประเมินในที่นี้เรียกว่า วิธีการทดสอบสมมติฐานในการพัฒนาที่ดิน (hypothetical development analysis) โดยสมมติให้มีการพัฒนาที่ดินตามประโยชน์สูงสุดและดีที่สุด (highest and best uses) และหามูลค่าการพัฒนานั้น จากนั้นจึงลบด้วยต้นทุนการพัฒนาต่าง ๆ ทั้งที่เป็น hard และ soft costs เช่น ค่าก่อสร้าง ค่าดำเนินการ ภาษีและกำไรตามสมควร จึงได้เป็นมูลค่าที่ดินที่เหมาะสม

สำหรับท่านที่ต้องการทราบข้อมูลการให้บริการประเมินราคาที่ดิน สามารถติดต่อฝ่ายประเมินค่าทรัพย์สิน ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดของบริการได้ที่ โทร.02-295-3905 ต่อ 114 หรือ Email : area@area.co.th หรือ Line ID : @trebs หรือคลิก https://lin.ee/n0dWX94

ขอบคุณที่มา : area.co.th


 

Exit mobile version