Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ไพโอเนียร์” เปิดตัวจอทีวีติดรถยนต์แห่งปี 2020 กับ “Smart Unit Receiver” เพื่อไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่สนุก สะดวก ให้คุณไม่พลาดทุกการอัพเดทบนโลกออนไลน์

บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดความบันเทิงติดรถยนต์คุณภาพระดับโลก จัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีแห่งปี 2020 ในงาน Thailand International Motor Expo 2019 พร้อมเปิดตัวเครื่องเล่นพร้อมจอติดรถยนต์มัลติมีเดียรุ่นใหม่ล่าสุด Smart Unit Receiver หน้าจอขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบเหนือระดับครั้งแรกในโลกที่เครื่องเล่นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS 9 ลิขสิทธ์แท้ รวมถึงได้มาตรฐานการผลิต In-Car Specification พร้อมยกระดับสู่การเป็นสุดยอด World First Japanese Brand ที่พัฒนาหน้าจอทีวีติดรถยนต์แบบถอดแยก เสมือนการใช้งานแท็บเล็ตได้เป็นรายแรก เพื่อให้คุณใช้แอพพลิเคชันชื่อดังที่ชื่นชอบได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถใช้งานเครื่องเล่นได้ทั้งในรถยนต์และถอดใช้ในบ้านหรือสำนักงานได้อย่างสะดวกสบาย

มร.ไดสุเกะ ทาเคคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36 ในปีนี้ว่า “ทุกวันนี้เจ้าของรถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ขับขี่ หากแต่ยังมีความหลงใหลในเทคโนโลยีอันทันสมัย และมีความต้องการในการใช้แอพพลิเคชันที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และอัดแน่นด้วยความบันเทิงอยู่ตลอดเวลา และเรามีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับร้านติดตั้งเครื่องเสียงคุณภาพระดับท็อปคลาสอย่างร็อคเก็ตซาวด์ เพื่อจัดแสดงสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องเสียงติดรถยนต์ให้ผู้ที่สนใจได้เยี่ยมชมในบูธไพโอเนียร์และร็อคเก็ตซาวด์”

“โดยในปีนี้ไพโอเนียร์ในฐานะผู้นำความบันเทิงติดรถยนต์ของโลก มีความภาคภูมิใจในการเปิดตัว Smart Unit Receiver เครื่องเล่นพร้อมหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ที่ให้คุณเพลิดเพลินไปกับโลกโซเชียล อาทิ รับชม YouTube หรือใช้งานแผนที่นำทางอย่าง Google Map รวมถึงอีกหลากหลายแอพพลิเคชันผ่านระบบปฏิบัติการ Android OS ลิขสิทธ์แท้บน Play Store ซึ่งมีความพิเศษตรงที่หน้าจอสามารถถอดออกจากตัวเครื่องเล่นได้ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานทั้งในบ้าน รถยนต์ หรือแม้กระทั่งในสำนักงานได้ตามต้องการ รวมถึงจอทีวีพร้อมเครื่องเล่นของไพโอเนียร์ ผลิตภายใต้มาตรฐาน In-Car Specification รองรับการใช้งานภายใต้สภาวะที่อุณหภูมิสูงหรือแรงสั่นสะเทือนจากการขับขี่ได้อย่างราบรื่น รวมถึงมีคุณภาพเสียงระดับโลกตามมาตรฐานไพโอเนียร์ ซึ่งทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่รถยนต์ สนุก ปลอดภัย และสะดวกสบายกว่าเดิม” มร.ไดสุเกะ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน นายพลวัฒน์ ก่อเกียรติตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร็อคเก็ตซาวด์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ทางร็อคเก็ตซาวด์ได้รวบรวมสุดยอดเทคนิคการติดตั้งความบันเทิงติดรถยนต์มาจัดแสดงมากมายเช่นที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อรองรับการติดตั้งระบบต่างๆ ของเครื่องเสียงติดรถยนต์ให้สามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันใหม่ๆ บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทุกรุ่น จึงได้นำรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งเครื่องเสียงมาโชว์มากกว่า 10 คัน อาทิ Mazda 3, Honda Civic, Toyota Fortuner, MG ZS และ Benz CLS 250 เป็นต้น”

นอกจากนี้ร็อคเก็ตซาวด์และไพโอเนียร์ยังจัดโปรโมชั่นสมนาคุณสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าคนรักเครื่องเสียงติดรถยนต์โดยเฉพาะ เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงกับแคมเปญ New Year Celebration Sale 2020 ที่ยกขบวนมาทั้ง ฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท โดยส่งรายละเอียดเพื่อรับบัตรได้ทางไลน์แอพพลิเคชั่น @pioneerth การผ่อน 0% นาน 10 เดือน และส่วนลดมากกว่า 40% ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเป็นเจ้าของเครื่องเสียงติดรถยนต์ไพโอเนียร์ในรุ่นที่ต้องการ

ลูกค้าที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของผลิตภัณฑ์สุดล้ำและโปรโมชั่นสุดพิเศษ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ไพโอเนียร์ โทร. 02-717-0300 หรือ Line @pioneerth, เว็บไซต์ www.pioneer-thailand.com, เฟสบุคแฟนเพจ PioneerElectronicsThailand และยูทูปแชนแนล Pioneer TH หรือ ไมโครโซต์ Pioneer Certified Installer www.pioneerpci.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

‘บมจ. แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้’ เผยทำกำไรสุทธิ 570 ล้านบาท จาก 3 ไตรมาส พร้อมเปิดแผนหนุนพลังงานทดแทนไทยให้เติบโตจากการขยายกำลังการผลิต

‘บมจ. แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้’ ผู้นำด้านพลังงานสะอาด หรือ ACE ระบุกำไรสุทธิตลอด 3 ไตรมาสว่ามีมูลค่าเท่ากับ 570 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 140.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561 โดยมีแหล่งที่มาของกำไรจากการขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น การควบคุมต้นทุนในการจัดหาเชื้อเพลิง และการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต พร้อมได้เปิดเผยแผนเพิ่มกำลังการผลิตและปัจจัยบวกจากการคืนสัญญา PPA

บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE สรุปการดำเนินงานตลอด 3 ไตรมาส โดยระบุว่า มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและการให้บริการ และรายได้จากสัญญาเช่าการเงินภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 จำนวน 3,707.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการดำเนินงานในช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่มีรายได้ 3,571.6 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลมีตัวเลขรายได้ จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 7.5 ล้านบาท จากการบริหารให้สามารถเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตสะสมรวมเก้าเดือนสำหรับ ปี 2562 มากกว่า ปี 2561 ทั้งนี้ กำไรสุทธิตลอดทั้ง 3 ไตรมาสมีมูลค่าเท่ากับ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561

โดยนายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ถือเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตไฟฟ้าชีวมวลส่งขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครายใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความสามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ เช่น โรงไฟฟ้าขยะชุมชน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้ารูปแบบอื่น เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2567 และกำหนดวิสัยทัศน์เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต้นแบบของโลกที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้ถือหุ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE กล่าวว่า ปัจจุบัน บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 14 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 212.18 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งสิ้น 166.5 เมกะวัตต์ และมีการขายไฟฟ้าให้ภาคเอกชนอีก 2.73 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่ามีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ขยะชุมชน และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ก๊าซธรรมชาติ ที่เป็นพอร์ตธุรกิจหลัก

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อยู่ระหว่างขอคืนสัญญาขายไฟฟ้า และอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมการเข้าซื้อหุ้น รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 209.19 เมกะวัตต์ และมีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟผ. และ กฟภ. รวม 168.71 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงไฟฟ้า 19 โครงการ ดังกล่าว แยกเป็น 1.โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 8 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 100.29 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟผ. และ กฟภ. รวม 80.71 เมกะวัตต์ และขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเอกชน 2.29 เมกะวัตต์ 2.โครงการที่อยู่ระหว่างการขอคืนสัญญาขายไฟฟ้า 10 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 99 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟภ. รวม 80.00 เมกะวัตต์ และ 3.โครงการที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นอีก 1 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 9.90 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟภ. รวม 8.00 เมกะวัตต์ ที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

นักวิจัย มจพ. ปลื้ม คว้า 1 ทอง 2 ทองแดง งาน SIIF2019 กรุงโซล เกาหลีใต้

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เป็นปลื้ม คว้า 1 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง จากงานแสดงผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์นานาชาติ Seoul International Invention Fair 2019 หรือ SIIF 2019 ที่ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ณ COEX กรุงโซล เกาหลีใต้

ผลงานที่ได้รับรางวัลมี 1 เหรียญทอง 1 Special Prize (ซาอุฯ) ได้แก่
ผลงานชื่อ Anti-Ant and insect Masterbatch – มาสเตอร์แบช ผลิตภัณฑ์ป้องกันมดและแมลง โดย รศ.ดร.ระพีพันธ์ แดงตันกี

TGGS 2 เหรียญทองแดง ได้แก่
1. Simulation Pregnancy Box Model – หุ่นจำลองการตั้งครรภ์มารดา โดยนายอาวุธ แจ้งมณี นายพุฒิพัฒน์ แสงทอง อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.พยุง เดชอยู่ คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์

2. Catta Eco Litter – ผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลัง โดยนส.นิษฐา ทรายแก้ว นส.กมลชนก ปัญโญ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.พีรพงษ์ พรวงศ์ทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)

ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับทุกท่าน ที่สร้างชื่อเสียงมาสู่รั้ว มจพ. อีกครั้ง

ขวัญฤทัย ข่าว -ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร เซ็นสัญญาแต่งตั้งบริษัทตัวแทนขายต่างชาติ

บริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรู Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร ใกล้ MRT สุทธิสาร หลังตลาดภัทร โดย นายวรวุฒิ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ที่4 จากซ้ายมือ)บริษัท แม็กซิมัส เอสเตท จำกัด ทำพิธีลงนามเซ็นสัญญากับนางสาวนัชชรี ภูริปรีชา กรรมการบริหาร(ที่3 จากซ้ายมือ) แต่งตั้ง Shinyu Real Estate เพื่อเป็นตัวแทนรับผิดชอบการขายในตลาดต่างประเทศทั้งหมด

โครงการ Maxxi Prime รัชดา-สุทธิสาร เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น “ราคาจับต้องได้” ทำเลทองย่านรัชดา ตั้งอยู่ห่างจาก สถานี MRT สุทธิสารเพียง 400 เมตร ออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เพียบพร้อมสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มองหาความคุ้มค่าที่สุดบนถนนรัชดา ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษและข้อมูลโครงการ http://maxxicondo.com/maxxiprime สอบถามเพิ่มเติม โทร. 099 269 9588หรือ add line : http://nav.cx/2bjcRVj


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท บุกใต้ปักหมุดเปิดสาขาใหม่เมืองตรัง เดินหน้าเสิร์ฟสินค้าเพื่อธุรกิจ ให้ช้อปกันอย่างหรอยแรง…!!!

ออฟฟิศเมท บุกภาคใต้ ปักหมุดเปิดสาขาใหม่ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง พร้อมเสิร์ฟความครบครันทั้งสินค้าอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ ให้เหล่านักช้อปและภาคธุรกิจได้ช้อปกันอย่างหรอยแรง…!!! พร้อมอัดโปรโมชั่นพิเศษ! ฉลองเปิดสาขาตรังแบบปังๆ

นางสาววิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท กล่าวว่า ออฟฟิศเมท เร่งเครื่องเดินหน้ามอบความสะดวกให้ภาคธุรกิจทั่วไทย ล่าสุดได้เปิดสาขาใหม่ในภาคใต้ที่โรบินสันไลฟ์สไตล์ จังหวัดตรัง ด้วยทำเลศักยภาพที่เป็นเมืองธุรกิจและท่องเที่ยว มีผู้ประกอบการ SME, องค์กรขนาดเล็กใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น ร้านอาหาร โรงแรม และรีสอร์ท ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ออฟฟิศเมท สาขาโรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง ครบครันไปด้วยสินค้าเพื่อการดำเนินธุรกิจให้ช้อปได้อย่างสะดวก โดยจัดหมวดหมู่สินค้าให้ช้อปได้ง่าย พร้อมตกแต่งสร้างบรรยากาศร้านให้น่าเดินโดยใช้เรื่องราวเอกลักษณ์ของเมืองตรังมาผสมผสานอย่างลงตัว พร้อมตอบโจทย์ธุรกิจทุกประเภทและทุกขนาดองค์กรแล้ววันนี้ ด้วยสินค้าเครื่องเขียน อุปกรณ์สำนักงาน แฟ้ม กระดาษ สินค้าไอที แก็ดเจท จำพวกเครื่องปริ้นท์ เม้าส์ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องนับธนบัตร และเฟอร์นิเจอร์เพื่อธุรกิจให้ได้เลือกสรรจำนวนมาก นอกจากนี้ยังให้คุณช้อปสินค้าได้มากกว่าที่เห็นในร้านรวมกว่า 20,000 รายการ โดยสั่งผ่านช่องทางออนไลน์กับพนักงานในร้านออฟฟิศเมทได้อย่างง่ายและรวดเร็ว พร้อมบริการส่งฟรีถึงที่ เพียงช้อปครบ 499 บาทขึ้นไป (*ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) อีกทั้งยังมีบริการที่โดนใจเหล่านักธุรกิจออนไลน์ อย่างบริการรับส่งพัสดุด่วนทั่วไทย OfficeMate x Kerry Express ให้บริการภายในร้านอีกด้วย

พิเศษฉลองเปิดร้านออฟฟิศเมทสาขาใหม่… เฉพาะสาขา โรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง วันนี้ – 31 ม.ค. 63 ให้คุณช้อปสินค้าแบบสบายกระเป๋ากับโปรโมชั่นผ่อน 0% นาน 3 เดือน ได้ทุกชิ้นทั้งร้าน กับบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิต ไทยพาณิชย์ (*ยอดซื้อขั้นต่ำ 1,500 บาท ขึ้นไป) และสำหรับลูกค้าที่ช้อปสินค้าที่ท็อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และ เพาเวอร์บาย สาขาโรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง รับคูปองส่วนลดซื้อสินค้าที่ร้านออฟฟิศเมทลดรวมมูลค่ากว่า 400 บาท (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) พิเศษสำหรับลูกค้าองค์กร!… วันนี้ – 11 มี.ค. 63 ช้อปครบ 5,000 บาท รับ Cash Voucher มูลค่า 100 บาท 3 ใบ สำหรับแบ่งใช้ 3 เดือน และช้อปครบ 20,000 บาท รับ Cash Voucher 200 บาท จำนวน 5 ใบ สำหรับแบ่งใช้ 5 เดือน (*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด)


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ทีมนักวิจัย มจพ. คว้ารางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ปี’63 จากสภาวิจัยแห่งชาติ

ทีมนักวิจัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) คว้ารางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2563 จากสภาวิจัยแห่งชาติ

สืบเนื่องจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้ประกาศผลรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ : รางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2563 เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ดังนี้

จากคณะครุศาสตร์ มจพ. ได้รับรางวัลผลงานวิจัย ระดับดี (สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย)
ผลงานวิจัยเรื่อง “โครงการพัฒนาการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม เพื่อปฏิรูปภาคการใช้น้ำเกษตรกรรมของประเทศไทย” (Water Sustainable Management for Agriculture Revolution in Thailand, Water SMART)

โดยมี ผศ.ดร. ภานุวัฒน์ ปิ่นทอง หัวหน้าโครงการ พร้อมทีมงาน และจากสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส มจพ. ได้รับรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ระดับดี (สาขาการศึกษา)

ผลงานเรื่อง “ชุดชิ้นงานสำหรับตรวจสอบแบบไม่ทำลาย” (NDT Flaws Specimens Kit)

โดยมีนายสมศักดิ์ ปามึก หัวหน้าโครงการ พร้อมทีมงาน ทั้งนี้ ทีมนักวิจัยจะเข้าร่วมพิธีมอบรางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2563 ต่อไป มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ขอแสดงความยินดี กับนักวิจัยทุกท่าน.

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DPU X มธบ. ปลื้ม หลักสูตรบล็อกเชนประสบความสำเร็จ ทั้งสาย Technical และ Non-Technical หวังขยายคอมมูนิตี้ด้านบล็อกเชนดันไอเดียธุรกิจใช้งานจริง

สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต (DPU X) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.)ร่วมกับ Smart Contract Thailand จัดอบรมหลักสูตร “Blockchain Appreciation for NON-Technical” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม และนายสถาพน พัฒนะคูหา CEO และผู้ก่อตั้ง Smart Contract Thailand ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับแนวหน้าของประเทศไทย เป็นวิทยากร

ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มธบ.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ DPU X ได้เปิดอบรมหลักสูตรบล็อกเชนภายใต้ชื่อ Geeks on the Block (Chain) Batch#1 ให้กับ Technical เพื่อสร้างความเข้าใจในพื้นฐานและแนวคิดของระบบบล็อกเชน โดยภายหลังการอบรมผู้เข้าอบรมสามารถเขียนโค้ดและนำไปปรับใช้ในองค์กรได้ นอกจากนี้ในหลักสูตรผู้เข้าอบรมยังได้ทำเวิร์คช็อปร่วมกัน เพื่อค้นหาไอเดียธุรกิจที่ใช้บล็อกเชนเป็นองค์ประกอบโดยมีหลายโปรเจคที่น่าสนใจ อาทิ TRAFFIX การจัดการปัญหาจราจรโดยดึงการใช้รถจากถนนเส้นหลักที่หนาแน่นไปสู่ถนนสายรองที่คล่องตัวมากกว่า หรือ Gross Domestic Happiness แนวคิดของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ให้คะแนนความสุขของคนในประเทศ เป็นต้น ทุกคนมีไอเดียแต่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องการบริหารธุรกิจ DPU X จึงเกิดแนวคิดในการจัดหลักสูตรอบรมบล็อกเชนขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ “Blockchain Appreciation for NON-Technical” เพื่อให้ตัวแทนองค์กร หรือเจ้าของธุรกิจ ซึ่งเขียนโค้ดไม่เป็น ได้เข้าใจวิธีการทำงานของบล็อกเชนรวมถึงกลยุทธ์และเทคนิคในการเลือกใช้บล็อกเชนให้เหมาะสมกับธุรกิจ รวมถึงนำไปปรับใช้และต่อยอดธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ดร.พัทธนันท์ กล่าวด้วยว่า คาดว่าหลังจากเปิดคอร์สอบรมบล็อกเชนให้กับ Technical และ Non-Technical ไปแล้ว จะเกิดการสร้างและขยายคอมมูนิตี้ทางด้านบล็อกเชน เพื่อให้กลุ่มคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน พบปะแลกเปลี่ยนไอเดียนำบล็อกเชนขยายต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมในด้านอื่นๆ และยังเป็นการส่งเสริมการเกิดธุรกิจแนวใหม่ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วย ทั้งนี้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีมานาน ปัจจุบันทุกภาคส่วนเริ่มนำไปปรับใช้ในธุรกิจหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมการขนส่ง อุตสาหกรรมทางด้านการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ข้อดีของเทคโนโลยีดังกล่าวจะโดดเด่นในเรื่องข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถบอกแหล่งที่มาของข้อมูลได้ แม้แต่หน่วยงานรัฐบาลยังนำบล็อกเชนมาบริหารการจัดส่งสินค้าทางการเกษตร เพื่อคำนวณผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดส่งผลให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายสถาพน พัฒนะคูหา CEO และผู้ก่อตั้ง Smart Contract Blockchain Studio ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับแนวหน้าของประเทศไทย กล่าวว่า บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก ซึ่งหากมีการดีไซน์อย่างถูกต้องแล้ว บล็อกเชนจะเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูง มีความน่าเชื่อถือ สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือนำไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ให้กับประเทศได้ ปัจจุบันบล็อกเชนถูกนำไปใช้หลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน สุขภาพ โลจิสติกส์ หรือแม้แต่วงการเกษตรกรรมยังสามารถใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาช่วยปรับโฉมธุรกิจ เพราะคนเริ่มกลัวสารเคมีจึงให้มูลค่าเพิ่มกับผัก ผลไม้ที่ปลอดสารพิษ การนำเทคโนลีบล็อกเชนมาใช้จะทำให้ผู้บริโภคสามารถรู้ถึงแหล่งที่มาของการผลิตที่ชัดเจนทำให้เพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ เหตุนี้ เจ้าของธุรกิจด้านการเกษตรจึงนำบล็อกเชนมาใช้กับระบบซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ลูกค้าเห็นแหล่งที่มาของสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านเทคโนโลยี  หรือแม้แต่หน่วยงานภาครัฐ ก็สามารถนำบล็อกเชนมาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อลดขั้นตอนการยื่นเอกสาร หรือใช้เป็นตัวเชื่อมแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเจ้าของข้อมูลและผู้ขอใช้ข้อมูล  โดยเจ้าของข้อมูลสามารถอนุญาตหรือปฏิเสธการให้ข้อมูลได้และยังทราบด้วยว่า ผู้ขอใช้ข้อมูลเป็นใครนำไปใช้ทำอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม บล็อกเชนกำลังมาเปิดโอกาสความเป็นไปได้ใหม่ๆให้กับธุรกิจต่างๆ กล่าวได้ว่าตอนนี้ บล็อกเชนได้รับการยอมรับ และมีการนำไปใช้จริงในวงกว้างมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญ คือ หน่วยงานหรือเจ้าของธุรกิจควรจะมีความเข้าใจถึงปัญหาที่ต้องการจะแก้และเข้าใจเทคโนโลยีนี้ก่อนนำไปใช้ ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การวิเคราะห์ได้ว่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างไร
“การจัดอบรมหลักสูตรบล็อกเชนในครั้งนี้เป็นความพยายามที่ SmartContract Blockchain Studio ได้ร่วมกับ DPU X  เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการและปรัชญาพื้นฐานของบล็อกเชน และเฟรมเวิร์คในการนำบล็อกเชนไปใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท  ในบางกรณีการนำบล็อกเชนมาใช้แบบทื่อๆอาจไม่เหมาะกับการใช้งาน เราถึงต้องมีการดีไซน์ และศึกษาให้เข้าใจพื้นฐานเพื่อให้รู้ว่าจะหยิบข้อดีมาใช้อย่างไร หรือหลีกเลี่ยงข้อเสีย เพื่อจะได้นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราและองค์กร” นายสถาพน กล่าว

นางสาวรับขวัญ ชลดำรงค์กุล ตัวแทนจาก บริษัท ลอร์เอ็กซ์เทค จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย กล่าวว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้ เพราะต้องการทราบว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนมีประโยชน์อย่างไร มีองค์ประกอบอะไรบ้างและสามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้จริงหรือไม่ สำหรับคอร์สที่ DPU X เปิดอบรมเป็นคอร์สสำหรับคนที่เขียนโค้ดไม่เป็น ซึ่งตรงกับสิ่งที่ตนอยากเรียนรู้พอดี ส่วนบรรยากาศในการอบรมดีมาก วิทยากรสามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ผู้เข้าอบรมได้แลกเปลี่ยนไอเดียทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง หลังจบคอร์สคาดว่าจะนำบล็อกเชนไปใช้ในธุรกิจของตนเอง เพื่อให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกวันนี้ เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าไม่รีบปรับตัวในการทำธุรกิจจะไปได้ยาก บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามามีบทบาทในหลายธุรกิจ หากศึกษาและทำความเข้าใจก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Power Sale รับเทศกาล 12:12

ปังทุกไอเทมลดสุงสุด 72% ผ่อน 0% นานสุงสุด 10 เดือน พบแบรนด์ลดเด็ดประจำวันจาก HP และ SHARP รวมไปถึงคูปองส่วนลด มูลค่ารวม 12 ล้านบาท รับก่อน ช้อปก่อน แจกคูปองทุก 7 โมงเช้า

เริ่มแล้วเทศกาลช้อปออนไลน์ส่งท้ายปีที่ Power Buy


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซิมโฟนี่ฯ ชวนพนักงาน “เปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นออกซิเจน เติมเต็มลมหายใจให้ชุมชน”

บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดย นายธีรรัตน์ ปัณฑรสูตร กรรมการผู้จัดการ และ มร.โลท์ ชี ควั่น, อเล็กซ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ พร้อมด้วยทีมพนักงานและอาสาสมัคร จัดโครงการ “เปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นออกซิเจน เติมเต็มลมหายใจให้ชุมชน” เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหาขยะพลาสติกที่เพิ่มมากขึ้น ให้ความรู้เรื่องการแยกขยะให้ถูกประเภท และนำขยะพลาสติกไปแลกเปลี่ยนเป็นรายได้เพื่อร่วมสมทบทุนซื้อต้นกล้าปลูกในพื้นที่เขตจตุจักร

ในปีนี้ ซิมโฟนี่ฯ มีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมทั้งบุคคลภายในองค์กร และบุคคลภายนอก โดยภายในองค์กรมีการปรับกิจกรรมภายในโดยให้พนักงานนำภาชนะที่ใช้ซ้ำได้มารับอาหารและเครื่องดื่มที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้ในกิจกรรมแต่ละเดือน แทนจากเดิมที่มีการจัดใส่กล่องโฟม หรือแก้วพลาสติก เพื่อเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรให้ใจสิ่งแวดล้อมและลดการใช้ขยะพลาสติก อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ร่ววมสนุกตอบคำถามเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลุ้นรับของรางวัลเป็นผลิตภัณฑ์จากฝางข้าวอีกด้วย

จากกิจกรรมที่จัดขึ้นภายในองค์กร เกิดเป็นการสานต่อสู่โครงการ “เปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นออกซิเจน เติมเต็มลมหายใจให้ชุมชน” เพื่อให้บุคคลภายนอกได้มีส่วนร่วมในการใส่ใจสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยซิมโฟนี่ฯ ได้มอบถังขยะแบบแยกประเภทขยะ วางไว้โดยรอบบริเวณพื้นที่อาคารซันทาวเวอร์สและอาคารซันพลาซ่า รวมทั้งได้จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์โครงการ นำโดยทีมผู้บริหาร พนักงาน และอาสาสมัครจากบริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เดินรณรงค์เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการแยกขยะให้ถูกประเภท ผ่านการสแกนแผ่นป้าย QR Code และแจกถุงผ้ารักษ์โลกเป็นของที่ระลึก นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากศูนย์อาหารชั้น 2 ของอาคารซัน ในการใช้ภาชนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สำหรับบรรจุอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อลดการใช้ขยะพลาสติกที่ไม่จำเป็น

ซิมโฟนี่ฯ มีความมุ่งหวังว่า โครงการ “เปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นออกซิเจน เติมเต็มลมหายใจให้ชุมชน” จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ทั้งพนักงานในบริษัทและบุคคลทั่วไปที่สนใจกิจกรรม ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการงดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวและสามารถแยกขยะได้ถูกประเภท เพื่อลดจำนวนขยะพลาสติกได้มากยิ่งขึ้น เมื่อสิ้นสุดโครงการ จะเก็บรวบรวมขยะพลาสติกทั้งหมด ไปเปลี่ยนเป็นรายได้เพื่อนำไปสมทบทุนซื้อต้นกล้ามาปลูกในพื้นที่เขตจตุจักร ส่งออกซิเจนคืนสู่สังคมต่อไป
ติดตามรายละเอียดและข่าวสารของกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ www.symphony.net.th


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CIBA_มธบ. ขนนวัตกรรมปลุกไอเดีย StartUp ในงาน Open House 2019

CIBA_มธบ. ขนนวัตกรรมปลุกไอเดีย StartUp โชว์ในงาน Open House 2019 เชิญชวนนักเรียน นักศึกษาร่วมเวิร์คช้อป ค้นหาตัวตนตามแนวที่ใช่คณะที่ชอบ พร้อมเรียนรู้ทักษะสำคัญในการอยู่รอดแห่งโลกอนาคตได้ตลอดงาน ระหว่างวันที่ 12-13 ธค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy: CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.)  เปิดเผยว่า   มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดงาน Open House 2019 ภายใต้ธีม “The Future Survivor” โดยนักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมงานจะได้เปิดประสบการณ์ค้นหาและเรียนรู้ทักษะสำคัญในการอยู่รอดแห่งโลกอนาคต กับ 6 วิทยาลัย และ 6 คณะ  พร้อมสัมผัสการเรียนการสอนจริงและเวิร์คช้อปจากทุกคณะ  ในส่วนของ CIBA นอกจากด้านวิชาการแล้วยังจะเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้แนวคิดการเป็นสตาร์ทอัพจากเกมต่างๆ อาทิ  เกมไททานิค  ซึ่งจะเป็นการจำลองการโดยสารเรือไททานิค เป็นการท้าทายของผู้เล่นที่จะทราบผลว่าตนเองจะรอดหรือไม่ได้ในตอนท้ายของเกม โดยสามารถดูได้จากการเลือกที่นั่งบนเรือ เกมนี้มีการนำข้อมูลจริงของเหตุการณ์มาวิจัยและประยุกต์มาเป็นเกม ซึ่งสามารถอธิบายและปรับใช้ในเชิงธุรกิจได้ โดยจากข้อมูลสามารถนำมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบในเชิงธุรกิจได้ว่าลูกค้ารายนี้ควรอนุมัติสินเชื่อหรือไม่อย่างไร หรือในมุมที่ว่าลูกค้ารายใดกำลังจะเปลี่ยนใจจากเราไปใช้บริการบริษัทคู่แข่งอย่างนี้เป็นต้น รูปแบบของเกม มีเหตุผลและรูปแบบวิธีคิดที่เหมือนกันเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจ โดยอาศัยจากข้อมูลของเหตุการณ์เรือไททานิคล่ม ซี่งเป็นทฤษฎีเดียวกันหมด

“เป็นโมเดลง่ายๆ เรียกว่า “ต้นไม้แห่งการตัดสินใจ”  เป็นการนำ Machine learning ส่วนหนึ่งของAI มาใช้   นักเรียน นักศึกษา น่าจะรู้จัก ไททานิค  หลังจากเล่นเกมเสร็จพอรู้ผล ก็จะมีการสรุปให้เค้าเห็นภาพ และก็จะค่อยๆอธิบายให้เข้าใจทฤษฎีว่า มันมีวิธีคิดวิธีเริ่มต้นแบบไหน โดยโยงเข้าสู่ธุรกิจจะทำให้เห็นภาพง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเกมเป่ายิงฉุบ ซึ่งไม่เหมือนเกมธรรมดา เป็นโมเดลเดียวกับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันที่ต้องรู้เขารู้เรา เป็นเรื่องของข้อมูลสถิติ โดยสองคนแข่งกัน แต่จะมีการให้ข้อมูลกับอีกคนด้านสถิติว่าหากเกมแรกแพ้เกมต่อไปต้องทำยังงัยต่อ ประเด็น คือ เราต้องการแสดงให้เห็นว่า ในการทำธุรกิจก็เหมือนกันใครมีข้อมูลมากกว่าคนนั้นได้เปรียบในการนำข้อมูลมาใช้เพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง เรียกว่าจะเป็นการเป่ายิงฉุบที่มีสีสันมาก” คณบดีCIBA กล่าว

ดร.ศิริเดชกล่าวด้วยว่า ภายในงานจะเน้นให้เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับวิชาที่นักศึกษาจะได้เรียน พยายามให้เขาเข้าใจในรูปแบบของการทำธุรกิจในเกมที่นำมายกตัวอย่างในงานนี้ นอกจากนี้ภายในงานจะมีการฝึกให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีโอกาสเขียนโปรแกรมอย่างง่ายในการสั่งงานหุ่นยนต์ทำงานด้านโลจิสติกส์เพื่อให้ทำงานสะดวกมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในงานขนส่งเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าสามารถใช้โรบอทด้านการตลาดได้เช่นกัน อาทิ การเขียนโปรแกรมให้โรบอทแสดงท่าทางหรือทำงานด้านต่างๆเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มาสนใจในธุรกิจของเราได้ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ถุงมืออัจฉริยะ อุปกรณ์ internet of thing (IOT) ที่ต้องสั่งงานด้วยเสียง พร้อมนี้ยังมีทุนการศึกษาและโปรโมชั่นมากมายตลอดงาน

“งาน Open House 2019”  พร้อมเปิดบ้านให้ชมตลอดทั้งวัน ระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  นักเรียน นักศึกษาที่สนใจร่วมงานได้ฟรี  ลงทะเบียนออนไลน์ร่วมงานก่อนใครได้ที่ https://openhouse.dpu.ac.th/ สอบถามรายละเอียดโทร. ต่อ 560, 722


Exit mobile version