Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เอชพี อิงค์ ร่วมกับ “ตำหนักศิลป์” ส่งมอบประกาศนียบัตร ให้กับ “ห้างเซ็นทรัล” ในฐานะพันธมิตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

“ห้างเซ็นทรัล” ปลื้มเอชพี อิงค์ ผู้นำเทคโนโลยีการพิมพ์ระดับโลก มอบรางวัลรักษ์โลก
ENVIRONMENTAL EXCELLENCE เผยพันธมิตรสำคัญ “ตำหนักศิลป์”
มีส่วนช่วยตอบโจทย์งานพิมพ์คุณภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เอชพี อิงค์ ร่วมกับ “ตำหนักศิลป์” ส่งมอบประกาศนียบัตร ENVIRONMENTAL EXCELLENCE ให้กับ “ห้างเซ็นทรัล” ในฐานะพันธมิตรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมตอกย้ำนโยบายรักษ์โลกอย่างยั่งยืน ด้วยการเลือกใช้นวัตกรรมหมึกพิมพ์กระดาษเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษและนำกลับมารีไซเคิลได้

มร. เนล เวสท์ธอฟ ผู้อำนวยการ กลุ่มธุรกิจลาร์จฟอร์แม็ท เกรทเทอร์ เอเชีย และ อินเดีย บริษัท เอชพี อิงค์ กล่าวว่า “เอชพี อิงค์ มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้มอบเกียรติบัตรแก่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ซึ่งถือเป็นการมอบให้กับลูกค้าของคู่ค้าเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในฐานะเป็นผู้ที่มีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเลือกใช้หมึกพิมพ์กระดาษ Latex Printing Technology ซึ่งเป็นหมึกพิมพ์ที่มีส่วนผสมของน้ำ 100% จึงมีความปลอดภัยกับทุกคน อีกทั้งยังใช้งานร่วมกับเครื่องพิมพ์ HP Latex ทำให้ช่วยให้ลดมลพิษจำนวนมาก ด้วยเทคโนโลยี HP Latex ซึ่งได้พัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์เรื่องการลดปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งจากสารเคมีที่เกิดจากน้ำหมึกและคุณภาพอากาศภายในอาคาร สำหรับทั้งการผลิต การพิมพ์และการแสดงผล นวัตกรรมใหม่จาก HP Latex คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นตลอดอายุการใช้งาน ตั้งแต่การออกแบบ การผลิตตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์และผู้ใช้”

ด้าน นางสาวปิยวรรณ ลีละสมภพ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด ในเครือกลุ่มเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า ห้างเซ็นทรัล เป็นองค์กรธุรกิจ ที่มีความตั้งใจร่วมรับผิดชอบสังคม และสิ่งแวดล้อมมานานอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ “เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ” (Central Love the Earth) รณรงค์ลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกในห้างฯ ซึ่งห้างเซ็นทรัล นับเป็นห้างฯแรกในประเทศไทยที่ริเริ่มเรื่องนี้ จนกระทั่งในปี 2562
ห้างเซ็นทรัลได้ก้าวสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกในประเทศไทย ที่ปลอดการใช้ถุงพลาสติก 100% ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มโครงการ จนก้าวสู่ปีที่ 12 ถึงวันนี้ ในส่วนของห้างเซ็นทรัลทุกสาขา สามารถลดปริมาณการใช้ถุงพลาสติกได้ถึง 98 ล้านใบ นอกจากนี้ยังรวมถึงมาตรการประหยัดพลังงาน และการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ซึ่งภายใต้แคมเปญ CENTRAL Love The Earth นี้เอง ได้เป็นแนวนโยบายให้เราลงลึกทุกรายละเอียด ในการบริหารจัดการ ที่จะส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม แม้กระทั่งการเลือกใช้บริการบริษัทฯ ผู้พิมพ์สื่อต่างๆ ภายในห้างเซ็นทรัล จะต้องมีคุณสมบัติ สามารถพิมพ์บนกระดาษไม่ว่าจะเป็นแบบม้วน หรือแบบแผ่น เพื่อทดแทนการพิมพ์ลงบน พลาสติก PP Board หรือสติ๊กเกอร์พีวีซี ซึ่งมีวัตถุดิบหลักในการผลิตจากเม็ดพลาสติก ที่ต้องใช้เวลาในการย่อยสลายหลายร้อยปี”

ขณะที่ นายสาธิต ชัยยะพัฒนพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตำหนักศิลป์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด กล่าวว่า ตำหนักศิลป์เป็นผู้ผลิตป้ายโฆษณารายใหญ่และสื่อประชาสัมพันธ์ภายในห้างสรรพสินค้า ดำเนินธุรกิจมาไม่ต่ำกว่า 40 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญในการเลือกหาสิ่งที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุกด้านเรื่องการพิมพ์ เช่น กรณีของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ที่มีแนวคิดในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดมลพิษ เริ่มตั้งแต่ปี 2558 ตำหนักศิลป์จึงได้พัฒนากระดาษรีไซเคิลที่ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดมี พร้อมทั้้งจัดหาเครื่องพิมพ์ และหมึกพิมพ์ที่ปลอดมลพิษจนมีโอกาสได้พบกับ Latex Printing Technology จาก HP ทำให้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สื่อโฆษณาภายในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลทุกชิ้น จะถูกพิมพ์ลงบนกระดาษทดแทนวัสดุอื่นที่ย่อยสลายได้ยาก

โดยช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2558 ถึงปี 2562 ตำหนักศิลป์ ได้ผลิตสื่อโฆษณาในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล โดยใช้หมึกพิมพ์และกระดาษม้วนไปแล้วกว่า 40 ตัน ปริมาณคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย อันเป็นสาเหตุการเกิดสภาวะโลกร้อน) จากกระบวนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 30TonCo2eq และสื่อโฆษณาบนกระดาษชีท ที่เริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2562 ใช้หมึกพิมพ์และกระดาษไปแล้ว 75 ตัน ปริมาณคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ จากกระบวนการผลิตอยู่ที่ประมาณ 50TonCo2eq

สำหรับการพิมพ์บนกระดาษทั้งสองแบบใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ HP Latex Printing Technology พิมพ์ลงกระดาษได้โดยตรง และหมึกพิมพ์ HP Latex ได้รับมาตรฐานความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม UL ECOLOGO และ GREENGUARD Children & Schools CertifiedSM และผ่านมาตรฐานความปลอดภัย AgBB เกรดที่ใช้กับโรงพยาบาล ส่วนกระดาษที่ใช้พิมพ์ก็สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 95% ส่วนปริมาณคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ ลดลง 4-5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับการพิมพ์บนพลาสติกพีพีบอร์ด และสติ๊กเกอร์พีวีซี ซึ่งจะค่าคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ จะสูงถึง 400 TonCo2eq และปริมาณน้ำหมึกที่ใช้ยังมากกว่าเป็นเท่าตัว ที่สำคัญนำกลับมารีไซเคิลได้เพียง 20% เท่านั้น HP Latex Printing Technology ที่บริษัทตำหนักศิลป์ได้นำมาใช้พิมพ์ชิ้นงานอยู่ นอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยลดปริมาณคาร์บอน ฟุตพริ้นท์ และนำกลับมารีไซเคิลได้ 95% ตอบโจทย์ของ “เซ็นทรัล เลิฟ ดิ เอิร์ธ” ได้เป็นอย่างดี

นับเป็นการผนึกกำลังของผู้ประกอบการทางธุรกิจที่ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CAT จับมือ PEA พัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน พร้อมต่อยอดพัฒนาสู่ 5G

พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA ร่วมลงนามความร่วมมือว่าด้วยการพัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ณ ห้องประชุม 808 อาคารสำนักงานใหญ่ CAT ถนนแจ้งวัฒนะ

ความร่วมมือในการพัฒนาธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมระหว่าง CAT และ PEA ในครั้งนี้ ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการนำโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่แต่ละองค์กรมีอยู่ โดยเฉพาะเสาโทรคมนาคมและเสาไฟฟ้า เพื่อนำไปให้บริการแก่ผู้ประกอบการโทรคมนาคมใช้ดำเนินการในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะส่งผลให้ทั้งสองหน่วยงานได้ทราบถึงแนวทางในการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจ และสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ที่มีอยู่ในเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงช่วยลดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ซ้ำซ้อน อีกทั้งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเร่งพัฒนาคุณภาพบริการแก่ภาคธุรกิจและภาคประชาชนได้เร็วขึ้น

พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง PEA กับ CAT ถือเป็นจุดเริ่มต้นและเป็นนิมิตหมายอันดีของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทั้งสองแห่งที่จะนำศักยภาพที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ร่วมกันเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของชาติในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในด้านโทรคมนาคม โดยปัจจุบัน CAT มีเสาโทรคมนาคมราว 20,000 ต้นที่พร้อมสำหรับให้ผู้ประกอบการได้ใช้งาน ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการลดความซ้ำซ้อนในการลงทุนและยังช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนในการจัดสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคม ซึ่งเท่ากับเป็นการช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาบริการด้วยเทคโนโลยี 5G ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาภาพรวมในด้านต่าง ๆ ของประเทศและการให้บริการแก่ประชาชนในที่สุด”

นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA กล่าวว่า “PEA หวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน โดยใช้สินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดร่วมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการก้าวสู่ยุค 5G ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ ที่จะพลิกโฉมทุกสิ่งทุกอย่างให้ Smart ตั้งแต่ระดับบุคคลที่มีวิถีชีวิตประจำวันแบบ Smart Life ไปจนถึงระดับเมืองสู่ Smart City และระดับประเทศที่พัฒนาเป็น Smart Country”


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. จัดงานเทคโนฯ นิทรรศ KMUTNB OPEN HOUSE 2020

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) จัดงานกิจกรรมเปิดบ้าน มจพ. เทคโนฯ นิทรรศ KMUTNB OPEN HOUSE 2020 ระหว่างวันที่ 30 มกราคม 2563 – 1 กุมภาพันธ์ 2563 ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เพื่อค้นหาคณะที่ใช่ สาขาที่ชอบ มีกิจกรรมมากมายในงาน ทั้งนี้ มจพ. มีหลักสูตรการเรียนการสอน หลักสูตรร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ ติดอันดับ TOP TEN มหาวิทยาลัยในประเทศไทยและติดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำโลก (THE World University Rankings 2020) ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพการเรียนการสอนและการสร้างผลงานวิจัยเพื่อนำไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในระดับนานาชาติ

ขอเชิญชวน นักเรียน นักศึกษา และบุคคลทั่วไป เข้าร่วมกิจกรรม KMUTNB OPEN HOUSE 2020 โดยกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย 1) การจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และทคโนโลยี การประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมต่างๆ ณ หอประชุมประดู่แดง 2) งาน Open House เปิดบ้านให้เยี่ยมชมทุกคณะ ณ มจพ.กรุงเทพมหานคร มจพ.วิทยาเขตปราจีนบุรี และ มจพ.วิทยาเขตระยอง 3) บูธแนะนำหลักสูตรหลากหลายสาขา และ 4) กิจกรรม Work shop

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้างาน ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 16.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0-2555-2000 ต่อ 1166, 2091

ขวัญฤทัยข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ฟรี! มจพ. จัดสัมมนา “เส้นทางอาชีพสู่วิศวกรซ่อมบำรุงอากาศยาน”

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) โดยวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาเทคโนโลยีวิศวกรรมซ่อมบำรุงอากาศยาน ร่วมกับ บริษัท ไทย แอร์โรสเปซ อินดัสทรีส์ จำกัด จัดงานสัมมนา “เส้นทางอาชีพของวิศวกรซ่อมบำรุงอากาศยาน” ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 08.30-13.00 น.

ณ หอประชุมเบญจรัตน์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กรุงเทพฯ เพื่อนำเสนอกิจกรรมการพัฒนานักศึกษา และความร่วมมือของสาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมซ่อมบำรุงอากาศยานกับหน่วยงานภายนอก รวมถึงให้องค์ความรู้ด้านเส้นทางอาชีพของวิศวกรซ่อมบำรุงอากาศยานแก่นักเรียน นักศึกษา ที่สนใจศึกษาต่อในวิชาชีพ ที่สำคัญ เสริมสร้างความเข้าใจในกฎระเบียบของประเทศไทยและนานาชาติในการก้าวสู้วิศวกรซ่อมบำรุงอากาศยาน สร้างโอกาสในการทำงานทั้งในและต่างประเทศ อาชีพของวิศวกรซ่อมบำรุงอากาศยานยังรวมถึงอาชีพสนับสนุนอื่นๆ เช่น ช่างซ่อมบำรุงอากาศยาน สำหรับในระดับอุดมศึกษาสามารถเรียนในคณะวิศวกรรมการบินและอวกาศ เป็นต้น สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาได้ที่ https://forms.gle/do1YCpvmLjov6xAW7 หรือสแกนคิวอาร์โค้ด

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

โครงการ 50 ปี 50 สนาม Vi-Pafe

“โครงการ 50 ปี 50 สนาม Vi-Pafe” เพื่อเป็นการคืนประโยชน์ให้กับสังคม และเพิ่มปริมาณการใช้ยางพาราภายในประเทศ สำหรับโรงเรียน ชุมชน หรือหน่วยงานที่สนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถดาวน์โหลดใบสมัครโครงการพร้อมกรอกรายละเอียดส่งมาที่

คุณณัฐพงษ์ ม่วงศรี แผนกการตลาด (50 ปี 50 สนาม)
บมจ. อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย)
157 หมู่ 5 ถนนพหลโยธิน ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 13170

โดยมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกสนามดังนี้
1.แบบและสีเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
2.ขนาดสนาม

2.1 สนามเด็กเล่นอยู่ระหว่าง 50-75 ตารางเมตร
2.2 สวนสุขภาพไม่เกิน 100 ตารางเมตร

3.พื้นเดิมต้องเป็นพื้นคอนกรีตพร้อมปรับระดับ
โดยโรงเรียน ชุมชน หรือหน่วยงานที่สนใจ สามารถส่งใบสมัครได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
– ทาง Pafe Vi-Pafe
– บมจ. อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) โทร 02-996-1471 ต่อ 515,583
– ณัฐพงษ์ โทร 092-261-4812


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ ผุดไอเดียเจ๋ง เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ ให้เป็นป่าชายเลน

คณะผู้บริหารและพนักงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ประเทศไทย ร่วมใจผุดแคมเปญเพื่อสังคมต้อนรับปีใหม่ ด้วยโครงการ “เปลี่ยนของขวัญของคุณ ให้เป็นของขวัญโลก” ซึ่งนับเป็นแนวคิดริเริ่มที่ไม่เหมือนใคร โดยการลดการแจกของขวัญปีใหม่ที่ทางชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะมอบให้กับลูกค้าและเปลี่ยนมูลค่าให้เป็นต้นกล้าโกงกาง เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลน เป็นกำแพงธรรมชาติลดแรงคลื่นกระทบฝั่ง โดยกิจกรรมปลูกป่าชายเลนกำลังจะมีขึ้นเร็วๆ นี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวเว่ยเตรียมสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ 5G ในยุโรป

กรุงเทพฯ/ 13 มกราคม 2563 – หัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ ผู้ผลิตอุปกรณ์ 5G อันดับหนึ่งของโลก มีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ 5G ขนาดใหญ่ในยุโรป เพื่อสานสัมพันธ์ความร่วมมือกับประเทศในยุโรปให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย บอกกับ The Globe and Mail เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า การสร้างโรงงานในอนาคตในยุโรปเป็นการตอบโจทย์แผนการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศของบริษัท เนื่องจากธุรกิจอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยตอนนี้มุ่งเน้นการทำสัญญากับโอเปอเรเตอร์ในภูมิภาคดังกล่าวเป็นส่วนใหญ่

ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี มร. เหลียง หัว ประธานคณะกรรมการของหัวเว่ย กล่าวยืนยันคำกล่าวของมร. เหริน ว่าบริษัทกำลังวางแผนที่จะผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ของตัวเองที่โรงงานแห่งใหม่ในยุโรปในอนาคตจริง “เรากำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดโรงงานในยุโรปเพื่อผลิต 5G” มร. เหลียง ประกาศ “ส่วนประเทศที่เราจะตั้งโรงงานนั้นจะขึ้นอยู่กับผลการศึกษาดังกล่าว” เขากล่าวเสริม แม้ว่าจะยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน แต่ มร. เหลียง ก็บอกใบ้ให้ว่าการตัดสินใจอาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้

แม้ว่าต้นทุนค่าแรงและดำเนินการของโรงงานในยุโรปจะสูงกว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือเม็กซิโก มร. เหริน ก็ยืนยันว่า เพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับนานาประเทศในทวีปยุโรป ต้นทุนไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล “ต้นทุนไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องนำมาคิด เราต้องคิดเรื่องยุทธศาสตร์ต่างหาก” มร. เหริน อธิบาย พร้อมเสริมว่าโรงงานในอนาคตของหัวเว่ย จะมีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าแรง มร. เหริน เชื่อว่าโรงงาน 5G ขนาดใหญ่จะเพิ่มความเชื่อมั่น ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพ รวมถึงช่วยกระชับความร่วมมือกับประเทศในยุโรปให้แนบแน่นยิ่งขึ้น

หัวเว่ยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่เข้มแข็งและมั่นคงกับผู้ให้บริการเครือข่ายในยุโรป เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดเผยว่าสัญญา 5G เชิงพาณิชย์เกือบ 60% ของบริษัทมาจากยุโรป ในปี 2561 หัวเว่ยสร้างรายได้ถึง 204,500 ล้านหยวน (889,000 ล้านบาท) จากธุรกิจในยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดนอกประเทศจีนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยคิดเป็น 28% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทในปีดังกล่าว

เมื่อเดือนพฤศจิกายน มร. เหริน ได้กล่าวกับ CNN Business ว่า แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากสหรัฐฯ เขามั่นใจว่าประเทศต่าง ๆ ในยุโรปจะตัดสินใจเองว่าจะเลือกใช้อุปกรณ์ 5G ของบริษัทใด “ผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคมหลายรายในยุโรปใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยมานานกว่า 10 ปี พวกเขาจึงเข้าใจเราเป็นอย่างดี” มร. เหริน กล่าว “ลูกค้าของเราจะโน้มน้าวรัฐบาลในประเทศของตนให้เลือกหัวเว่ย และอนุญาตให้เราเข้าไปทำธุรกิจที่ประเทศนั้น ๆ ได้” เขากล่าวทิ้งท้าย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เดลล์โอโร กรุ๊ป เผย Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยมีส่วนแบ่งการตลาด เป็นอันดับหนึ่งทั่วโลก

เซิ่นเจิ้น ประเทศจีน/ 10 มกราคม 2563 – หัวเว่ยครองส่วนแบ่งตลาด Wi-Fi 6 เป็นอันดับหนึ่งของโลก (ไม่รวมตลาดอเมริกาเหนือ) จากรายงานข้อมูลส่วนแบ่งตลาดอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Access Point แบบใช้งานภายในอาคารรุ่น Wi-Fi 6 ทั่วโลก ที่จัดทำโดยเดลล์โอโร กรุ๊ป (Dell’Oro Group) ผู้นำด้านการวิเคราะห์และวิจัยตลาดระดับโลก ช่วงระหว่างไตรมาสที่ 3 ของปี 2561 ถึงไตรมาสที่ 3 ของปี 2562

เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2561กลุ่ม Wi-Fi Alliance ได้ประกาศระบบการตั้งชื่อรุ่น Wi-Fi แบบใหม่ โดยมาตรฐาน IEEE 802.11ax ได้มีชื่อเรียกที่ง่ายขึ้นเป็น Wi-Fi 6 ซึ่งเป็นรุ่นพัฒนามาจาก Wi-Fi 5 ที่มีแบนด์วิดท์ต่อผู้ใช้สูงสุดและการรองรับจำนวนผู้ใช้พร้อมกันเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า รวมถึงมีค่าความหน่วง (Latency) ลดลงมากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับ Wi-Fi 5 ด้วยประสิทธิภาพที่ดีขึ้นมากมายหลายเท่าทำให้องค์กร โรงเรียน โรงพยาบาล และผู้นำในแวดวงต่าง ๆ จำนวนมาก เลือกใช้ Wi-Fi 6 เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดบนเครือข่ายขององค์กร และรองรับการใช้งานที่ล้ำสมัย เช่น การประชุมผ่านวิดีโอความคมชัดสูงระดับ 4K/8K การเรียนการสอนแบบอินเทอร์แอ็กทีฟด้วยเทคโนโลยี VR และ AR การแพทย์ทางไกล และหุ่นยนต์อัจฉริยะ

รายงานล่าสุดของเดลล์โอโร กรุ๊ป เป็นเครื่องยืนยันความเป็นที่นิยมของ Wi-Fi 6 ที่เพิ่มขึ้นในองค์กรระดับโลก รายงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผลประกอบการโดยรวมของตลาด Wi-Fi 6 ทั่วโลกเติบโตขึ้นอย่างมากในสามไตรมาสแรกของปี 2562 คิดเป็น 30 เท่าจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2561 โดยในช่วงระยะเวลาเดียวกัน รายได้ของตลาด Wi-Fi 4 และ Wi-Fi 5 ปรับลดลงเล็กน้อย การเปลี่ยนแปลงของตลาดนี้ชี้ให้เห็นว่าปี 2562 เป็นปีแรกที่มีการนำ Wi-Fi 6 มาใช้ในเชิงพาณิชย์

หัวเว่ยเป็นผู้นำในตลาด Wi-Fi 6 ด้วยผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 หัวเว่ยเป็นผู้บุกเบิกในการนำเครือข่าย Wi-Fi 6 มาติดตั้งใช้งานในระดับองค์กรเป็นรายแรกของอุตสาหกรรมในนครเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่ต้นปี 2561 และตั้งแต่นั้นมา ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย ซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย ก็ได้กลายเป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ในการสร้างเครือข่าย Wi-Fi 6 ที่ครอบคลุมแบบไร้ช่องโหว่ รวดเร็ว ไม่มีสะดุดและปราศจากการเชื่อมต่อที่ล้มเหลวระหว่างการโรมมิ่ง ตัวอย่างลูกค้า Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย ได้แก่ เซิ่นเจิ้น เมโทร ประเทศจีน, สนามกีฬาบาเซิล เซนต์ จาคอบ พาร์ค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, ธนาคารอากอส ประเทศอิตาลี, มหาวิทยาลัยมอนดรากอน ประเทศสเปน และมหาวิทยาลัยโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้

มร. สตีเว่น จ้าว ประธานบริหาร ฝ่าย Campus Network Domain กลุ่มผลิตภัณฑ์การสื่อสารข้อมูลของหัวเว่ย กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยเป็นที่นิยมและมีการใช้งานกันอย่างกว้างขวางในหลายภาคส่วน ทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ องค์กรขนาดใหญ่และอุตสาหกรรมการผลิต ผลิตภัณฑ์ AirEngine Wi-Fi 6 ของหัวเว่ยมีส่วนช่วยองค์กรทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สร้างเครือข่ายที่มุ่งเน้นประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรและการผลิต อันจะนำไปสู่การเปิดตัวบริการด้านดิจิทัลในสเกลใหญ่ และเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล

ความไว้วางใจที่ลูกค้ามอบให้แก่ Wi-Fi 6 ของหัวเว่ย เป็นแรงขับเคลื่อนให้หัวเว่ยมุ่งมั่นวิจัยและพัฒนา Wi-Fi 6 อย่างต่อเนื่อง โดยการดำเนินงานของหัวเว่ยเพื่อพัฒนา Wi-Fi 6 มีดังต่อไปนี้

โอซามา อาโบล มาจด์ ผู้เชี่ยวชาญจากหัวเว่ย ได้รับเลือกเป็นประธานของกลุ่มการทำงาน IEEE 802.11ax เมื่อปี 2557 และได้ร่วมแบ่งปันองค์ความรู้เพื่อกำหนดมาตรฐานการพัฒนาอุตสาหกรรม Wi-Fi 6 อย่างต่อเนื่อง
หัวเว่ยเป็นเวนเดอร์ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำเสนอการกำหนดมาตรฐานของ Wi-Fi 6 มากที่สุดจากบรรดาผู้ให้บริการอุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมด
เดือนตุลาคมปี 2560 หัวเว่ยเปิดตัว Access Point Wi-Fi 6 เชิงพาณิชย์เป็นเจ้าแรก ตั้งแต่นั้นมา หัวเว่ยก็ขยายพอร์ตโฟลิโอ Wi-Fi 6 ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันล้ำสมัยที่ปรับให้เหมาะกับการใช้งานในสถานการณ์ที่หลากหลายมาโดยตลอด
หัวเว่ยและ Wireless Broadband Alliance หรือ WBA ได้ร่วมกันออกแบบระบบการเรียนการสอนและกรณีศึกษาที่ใช้ Wi-Fi 6 ที่มหาวิทยาลัยมอนดรากอน ประเทศสเปน

ในอนาคต หัวเว่ยจะมุ่งมั่นทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มุ่งเน้นรูปแบบการใช้งานของแต่ละอุตสาหกรรม และส่งมอบโซลูชันเครือข่าย Wi-Fi 6 ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานดิจิทัลรูปแบบใหม่ หัวเว่ยจะยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชัน AirEngine Wi-Fi รุ่นใหม่ ๆ ที่ขับเคลื่อนโดย 5G ต่อไป เพื่อช่วยองค์กรสร้างสรรค์เครือข่ายอนาคตที่เชื่อมต่อกันโดยสมบูรณ์


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ออฟฟิศเมท ชวนช้อปรับปีใหม่ ลุ้น iPhone11 รวม 20 เครื่อง กับแคมเปญใหญ่ “Lucky Bill Lucky Bonus”

ออฟฟิศเมท จัดแคมเปญใหญ่ต้อนรับปีใหม่ เอาใจ SME จัดซื้อองค์กร และเหล่านักช้อป ให้ช้อปคุ้มกับสินค้าลดราคาแรงโดนใจ แล้วลุ้นฟินขั้นสุดรับเทศกาลแห่งความสุข กับ “Lucky Bill Lucky Bonus” #ออฟฟิศเมทใจดีแจกiPhone11ฟรี20เครื่อง ช้อปสินค้าอุปกรณ์สำนักงาน ไอที แก็ดเจ็ท เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงสินค้าเพื่อธุรกิจรายการใดก็ได้จากออฟฟิศเมททุกช่องทางการขาย ทุกใบเสร็จรับสิทธิ์ลงทะเบียนลุ้นรับ iPhone 11 (64 GB) รวมจำนวนทั้งสิ้น 20 รางวัล มูลค่ารวม 498,000 บาท ช้อปเท่าไหร่ก็มีสิทธิ์ลุ้น เพียงเก็บใบเสร็จเพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์ โดย Add Line: @OfficeMate และกรอกข้อมูลลงทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วน ตั้งแต่วันนี้ – 31 ม.ค. 63 ประกาศรายชื่อผู้โชคดี ในวันที่ 18 กพ. 63 ที่ Facebook: OfficeMate

คุ้มแบบนี้ห้ามพลาด!…รีบช้อปได้ที่ร้านออฟฟิศเมท และออฟฟิศเมท พลัส ทุกสาขาทั่วไทย, Contact Center 1281 หรือ ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ officemate.co.th, OfficeMate e-Procurement, Mobile App และ Chat & Shop ที่Line: @OfficeMate พร้อมบริการส่งฟรีถึงที่ เพียงช้อปครบ 499 บาทขึ้นไป (ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด)


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

นศ. CIBA_มธบ. นำองค์ความรู้พลิกฟื้นชุมชนคลองศาลากุลเกาะเกร็ด สร้างเงิน สร้างรายได้ ชุมชนยั่งยืน

นศ. CIBA_มธบ. นำองค์ความรู้พลิกฟื้นชุมชนคลองศาลากุลเกาะเกร็ด สร้างเงิน สร้างรายได้ ชุมชนยั่งยืน

ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นองค์ความรู้และเทคนิคที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ สืบทอดและเชื่อมโยงจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน การสั่งสมความรู้ ประสบการณ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน จะช่วยให้คนในรุ่นถัดไปปรับตัวและอยู่รอดได้ เฉกเช่นชุมชนคลองศาลากุล ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พื้นที่ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งกับชุมชนปากเกร็ด ชาวบ้านในชุมชนประกอบอาชีพ ทำไร่ ทำสวน เป็นหลัก บางครัวเรือนผลิตสินค้าพื้นถิ่น รวมถึงทำขนมไทยขายเป็นอาชีพเสริม บ้างก็นำสมุนไพรพื้นบ้านมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากชุมชนอีกฟากของเกาะที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำเครื่องปั้นดินเผา เดิมสินค้าที่ผลิตขึ้นในชุมชนคลองศาลากุลจะขายให้นักท่องเที่ยวเป็นหลัก ในพื้นที่วัดปรมัยยิกาวาส แต่ปัจจุบันไม่สามารถไปวางสินค้าขายได้ดังเดิม เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ

เมื่อช่องทางขายสินค้าในเกาะถูกตัดขาด ชาวบ้านจึงรวมตัวกันตั้งวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ของกลุ่มถูกคิดค้นมาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ ชาสมุนไพรหน่อกะลา ชาสมุนไพรรางแดง เป็นต้น นอกจากนี้ชาวบ้านยังช่วยกันหาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นการออกร้านตามห้างสรรพสินค้า หรือตามมหกรรมแสดงสินค้าต่างๆ แต่ด้วยอุปสรรคที่สำคัญคือ การเดินทางลำบากเพราะต้องนั่งเรือข้ามฟาก ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ที่ไม่ยั่งยืน เนื่องจากไม่มีพื้นที่ขายประจำส่งผลให้การค้าขายไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ชาวบ้านยังขาดองค์ความรู้และการจัดการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ชุมชนไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนได้

จากปัญหาข้างต้นทำให้ธนาคารออมสินเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) ผ่านโครงการ “ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น” ส่งเสริมให้นักศึกษานำองค์ความรู้ที่ได้เรียนจากภาคทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนารายได้และความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพ ผลิตภัณฑ์และบริการของวิสาหกิจชุมชนคลองศาลากุล ประกอบด้วย ชุมชนกระเป๋าผ้า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรและเบเกอรี่ 2 ผลิตภัณฑ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านนางรำ จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนดอกไม้ผ้าใยบัว และกลุ่มเกษตรกรทำสวนเกาะเกร็ด จากการลงพื้นที่เพื่อสำรวจและรับทราบปัญหา พบว่าชุมชนต้องการให้พัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้าให้มีความทันสมัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ยกระดับสินค้าชุมชนให้มีความน่าสนใจมากขึ้น รวมไปถึงสินค้าประเภทบริการ และการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวให้เชื่อมโยงกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับชุมชนด้วย

นางสาวธันย์ชนก ทองนิ่ม (พัฟ) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy :CIBA) ตัวแทนกลุ่มสมุนไพรชารางแดง เล่าว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาพบว่า ชารางแดง เป็นสินค้าที่มีคุณภาพราคาไม่แพง แต่ขายไม่ค่อยได้จึงต้องการให้ช่วยหาช่องทางจัดจำหน่าย ทางทีมจึงนำข้อมูลต่างๆกลับมาวิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุและหาวิธีแก้ไข พบว่าชารางแดงมีกลิ่นที่ฉุนเกินไป จึงได้คิดค้นในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ด้วยการลดไฟในการคั่ว วัดอุณหภูมิและเพิ่มการนวดใบชา จนได้สูตรที่ลงตัว ได้กลิ่นชาที่หอมละมุน หลังจากปรับสูตรและออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น จึงรู้สึกดีใจที่ได้นำความรู้ที่เรียนมา มาช่วยชาวบ้านได้จริง ทั้งนี้สิ่งที่ได้รับคือประสบการณ์หลายด้าน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การหาช่องทางการตลาด รวมถึงการทำงานเป็นทีม ซึ่งประสบการณ์และความรู้จากการลงพื้นที่จริงจะช่วยต่อยอดการทำงานหลังจบการศึกษาได้

นายธนกร พ่วงกลิ่น(ออม) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการตลาด วิทยาลัย CIBA ตัวแทนกลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาหน่อกะลาบ้านนางรำ กล่าวว่า โจทย์คือช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น 50% ทางทีมได้รับมอบหมายให้ดูแลการออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาหน่อกะลา เนื่องจากแพ็กเกจเดิมใช้ต้นทุนสูง เราจึงช่วยกันออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่โดยใช้โทนสีที่เรียบง่ายใช้วัสดุที่เป็นกระดาษและนำรูปเจดีย์เอียงที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดมาเป็นจุดขาย หลังจากนั้นยังช่วยทำเพจและบูทเพจให้คนเห็นมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด ผลที่ได้รับหลังจากแก้ไขบรรจุภัณฑ์และบูทเพจกว่า 1 เดือนพบว่า มีการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์และหน้าร้านเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งเป็นผลที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากการสะท้อนปัญหาของชาวบ้านที่ไม่มีหน้าร้านประจำ ทำให้พวกเราช่วยหาช่องทางขายใหม่ขึ้นจนประสบความสำเร็จและตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ได้ไปคลุกคลีกับชาวบ้านทำให้นักศึกษาที่ร่วมโครงการได้ประสบการณ์ที่ดี จึงอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป

“ต้องขอบคุณโครงการนี้ ที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปสัมผัสงานจริง เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาและพัฒนาไปพร้อมกับชุมชน จากผลงานที่ช่วยกันสร้างขึ้น ทำให้ทางทีมงานได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย เพื่อไปร่วมโชว์ผลงาน ในพิธีส่งมอบโครงการออมสินยุวพัฒนรักษ์ถิ่นด้วย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง”นายธนกรกล่าว

นางสาวธนภรณ์ เลิศศรีเทียนทอง (นุ่น) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการตลาด วิทยาลัย CIBA ตัวแทนกลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาหน่อกะลา บ้านนางรำ กล่าวเสริมว่า บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ออกแบบใหม่นั้นวัตถุดิบที่นำมาผลิตสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 7-8 บาทต่อห่อ ส่งผลให้มีกำไรต่อชิ้นเพิ่มขึ้น สำหรับโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นโครงการที่น่าสนใจมาก ทำให้มีโอกาสได้นำความรู้ที่เรียนมาช่วยเหลือชุมชนได้จริง และชาวบ้านในชุมชนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป

นางสาวกนิษฐา เรืองฉาง(มุก) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการจัดการ วิทยาลัย CIBA ตัวแทนกลุ่มออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติกจักสาน กล่าวว่า การลงพื้นที่สำรวจผู้ประกอบการทำให้ทราบถึงปัญหาที่เขาต้องการให้ช่วย ส่วนปัญหาที่พบ ได้แก่ 1.ไม่มีสถานที่ขายสินค้า 2.รูปแบบของสินค้ายังไม่ตอบโจทย์ และ3.การจัดการขายยังไม่เป็นระบบ ทางทีมจึงนำความรู้ในสาขาการจัดการมาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการออกแบบคู่สีให้อยู่ในโทนเดียวกัน พร้อมแนะนำระบบการขายผ่านระบบออนไลน์ และจัดจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน โดยช่วยปรับภูมิทัศน์ให้กับศูนย์จักสานบนเกาะเกร็ด เพิ่มพื้นที่โชว์สินค้า ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดูวิธีการจักสานและซื้อสินค้าเป็นของที่ระลึก ถือเป็นการสร้างจุดขายสินค้าในระยะยาวได้ หลังจากแนะนำวิธีแก้ปัญหาด้วยการบูรณาการวิทยาการสมัยใหม่ร่วมกับภูมิปัญญาดั้งเดิม เกิดจุดเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูได้จากยอดขายและการสั่งสินค้าเข้ามาเป็นระยะ รวมถึงการสั่งสินค้าเป็นของชำร่วยในงานมงคลด้วย


 

Exit mobile version