Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Adobe Creative Visual Report เผยเทรนด์ครีเอทีฟ และแรงบันดาลใจ ที่มีบทบาทมากที่สุดในปี 2567

  • Calming Rhythms, Wonder and Joy, Dynamic Dimensions และ The New Nostalgia คือเทรนด์ครีเอทีฟระดับโลกที่กำลังมาแรงและจะสร้างผลกระทบมากที่สุดในปี 2567
  • Generative AI กำลังเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคทดลอง เล่นสนุก และจินตนาการด้านความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่
  • รายงานครีเอทีฟเทรนด์ของอะโดบีเผยว่า ผู้บริโภคกำลังให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลในทุก ๆ ด้านของชีวิต โดยเทรนด์ต่าง ๆ สะท้อนทั้งความรวดเร็วและความผ่อนคลาย

กรุงเทพฯ, 11 มกราคม 2567 – อะโดบี (Nasdaq: ADBE) เปิดเผยรายงานครีเอทีฟเทรนด์ Adobe Creative Trends Report ประจำปี 2567 คาดการณ์ครีเอทีฟวิช่วลและธีมที่จะสร้างผลกระทบในปี 2567 อะโดบีผู้นำวงการด้านความคิดสร้างสรรค์ ได้ศึกษาสไตล์การออกแบบ ธีมด้านวัฒนธรรม พฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยีล้ำสมัย และข้อมูลอุตสาหกรรมสต็อกทั่วโลก เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน เพื่อระบุ 4 เทรนด์การออกแบบที่จะนำทางคอนเทนต์ดิจิทัล และส่งผลต่อวงการถ่ายภาพ วิดีโอ สื่อโซเชียล บล็อก และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยเทรนด์ที่น่าสนใจในปี 2567 ได้แก่ ‘Calming Rhythms’, ‘Wonder and Joy,’ ‘Dynamic Dimensions,’ และ ‘The New Nostalgia’ 

ในโลกยุคปัจจุบันที่ถูกดิสรัปชัน และต้องการคอนเทนต์และความคิดสร้างสรรค์อย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคต่างหันมาใช้เทคโนโลยีเพื่อปลุกพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์และไอเดียในรูปแบบใหม่ ๆ และด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Generative AI ทุกคนไม่ว่าจะมีทักษะมากน้อยเพียงใด ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ตรงกับสไตล์และรสนิยมของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ส่งผลให้ไอเดียกลายเป็นจริงได้เพียงปลายนิ้ว

ความปรารถนาของผู้บริโภคในการทดลอง เล่นสนุก และจินตนาการการปลุกพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์แบบใหม่ในรายงานครีเอทีฟเทรนด์ประจำปี 2567 ได้มีการผสมผสานโลก 2D และ 3D รวมถึงความนิยมภาพแฟนตาซีที่สร้างสรรค์ด้วย AI และภาพถ่ายสวยงามที่เรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์ที่ชวนให้เกิดความอัศจรรย์ใจไว้ด้วยกัน

เบรนดา มิลลิส หัวหน้าฝ่าย Consumer and Creative Insights ของอะโดบี กล่าวว่า “ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ แลนสเคปด้านความคิดสร้างสรรค์ก็สะท้อนภาพโลกยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง เทรนด์ครีเอทีฟในปีนี้ บ่งบอกชัดเจนว่า ทั้งผู้สร้างสรรค์และผู้บริโภคต่างโหยหาวิช่วลที่สร้างแรงบันดาลใจ สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุดของจินตนาการ”

4 เทรนด์ครีเอทีฟในปี 2567:

Calming Rhythms 

ในยุคที่ความเครียดและสุขภาพจิตจัดเป็นเรื่องที่โลกให้ความสำคัญ วิช่วลที่ผ่อนคลายและชวนให้สงบ ได้รับความนิยมมากขึ้นจากแบรนด์และองค์กรต่างๆ โดยถูกนำไปใช้ในสถานที่ทำงาน ร้านค้า บรรยากาศกลางแจ้ง แพลตฟอร์มโซเชียล และแอปพลิเคชันทั่วโลก ภาพเคลื่อนไหวแบบ Calming Rhythms มีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่พื้นหลังแบบเรียบง่าย ไปจนถึงรูปทรงที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ มักมาพร้อมกับเสียงและเพลงที่ฟังแล้วสบายใจ เทรนด์นี้มักเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ ASMR ซึ่งมียอดวิวบน TikTok ถึง 912.6 พันล้านวิว ติด #asmr  โดยทั่วไปจะเป็นภาพที่ผ่อนคลาย จับคู่กับเสียงต่าง ๆ ชวนให้รู้สึกสงบและผ่อนคลาย สามารถเพิ่มอิโมชั่นที่ลงตัวให้กับโปรเจกต์ครีเอทีฟด้วยเพลงที่ใช่ด้วย ฟีเจอร์ใหม่ ‘Find Similar’ ใน Adobe Stock Audio สำหรับโพสต์โซเชียล วิดีโอ และพอดแคสต์

Wonder and Joy

ผู้บริโภคกำลังหันไปหาภาพหรือวิช่วลที่สร้างความรู้สึกประหลาดใจ ความสุข และความมหัศจรรย์ เพื่อเป็นกลไกในการรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่ท้าทายในปัจจุบัน เทรนด์ “Wonder and Joy” ขยายไปสู่การสื่อสารและประสบการณ์ของแบรนด์ทุกประเภท ตั้งแต่ความสุขง่าย ๆ ของการเป็น “ผู้ใหญ่ที่ยังคงหัวใจเด็ก” ไปจนถึงประสบการณ์ท่องเที่ยวหรูหรา และการสร้างสภาพแวดล้อมด้วย AI รายงาน Happiness Report ประจำปี 2565 เผยว่า 80% ของผู้คนให้ความสำคัญกับสุขภาพเพื่อทำให้ตนเองมีความสุข ขณะที่ 79% เน้นความสัมพันธ์ส่วนตัว และ 53% สนใจประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความสุข ครีเอเตอร์สามารถใช้ Adobe Firefly ชุดโมเดล generative AI เชิงสร้างสรรค์ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ ในการ จินตนาการ สร้างความสนุก และแสดงออก ด้วยข้อความง่าย ๆ

Dynamic Dimensions

ด้วยกระแสของมัลติเวิร์ส เกม VR และ AR ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น การผสมผสานทรัพยากรและไดเมนชั่นต่าง ๆ ทำให้โลกมีโมชั่น  Dynamic Dimensions” ได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานองค์ประกอบต่าง ๆ และสร้างประสบการณ์วิช่วลที่ทรงพลังโดยการผสาน 2D กับ 3D เข้าด้วยกันผ่านวิดีโอ เพลง และภาพประกอบ ตามรายงานครีเอทีฟเทรนด์ของ Adobe ในปี 2567 คนรุ่นใหม่จะมีมุมมองต่อความเปราะบางหรือความอ่อนไหวที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้น โดยการแสดงออกทางอารมณ์และแสดงความคิดเห็นด้านสุขภาพจิตที่เป็นปกติทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ผู้บริโภคสามารถสัมผัสประสบการณ์ ใน Dynamic Dimensions ด้วยเทมเพลทใหม่ ๆ จาก Adobe Premiere Pro และ After Effects ซึ่งมีแอนิเมชั่นโมชั่นกราฟิกส์ที่หลากหลาย

ความโหยหารูปแบบใหม่

เริ่มต้นด้วยความหลงใหลในยุค 90s ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ ดีไซน์ และเทคโนโลยี โดยคนเกือบทุกยุคสมัยมีความทรงจำในยุคนั้นได้อย่างลึกซึ้ง มีมุมมองและการตีความของสไตล์วินเทจใหม่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการใช้ภาพแนวไฮเปอร์เรียลลิสติกในอดีตด้วย AI โดยเทรนด์ “The New Nostalgia” นี้จะผสมผสานความชื่นชอบสไตล์วินเทจของผู้บริโภคกับการตีความแบบร่วมสมัยอย่างมีรสนิยม โดยรายงานได้ระบุว่า 50% ของ Gen Z ในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลียต้องการดิสคอนเน็คจากโทรศัพท์ พวกเขากำลังหันไปหาของเก่า ๆ และงานอดิเรกในอดีต เช่น การถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิทัล ที่ทำให้พวกเขารู้สึกผูกพันกับโลกความจริงมากขึ้น ครีเอเตอร์สามารถลองใช้ Adobe Express แอปสร้างสรรค์คอนเทนต์ AI-first แบบออลอินวัน เพื่อออกแบบเทรนด์เรโทรได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยสามารถเลือกจากเทมเพลทนับพันแบบ

ติดตามเทรนด์ครีเอทีฟปี 2567 ฉบับเต็มได้ที่นี่

อะโดบีนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมที่สุดในทุกหมวดหมู่ความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย การออกแบบ วิดีโอ 3D และเทคโนโลยีเสมือนจริง ปลุกพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์สำหรับทุกคน ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.adobe.com

วิธีการวิจัย

เพื่อค้นหาเทรนด์ที่กำลังเติบโตในคอมเมอร์เซียลและการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค อะโดบีได้ใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของคอมมูนิตี้ Creative Cloud เพื่อระบุเทรนด์ความคิดสร้างสรรค์ที่สำคัญที่สุดสำหรับปี 2567 รายงานนี้พัฒนาขึ้นผ่านการวิจัยอย่างละเอียดโดยใช้ข้อมูลภายในและภายนอก นอกจากนี้ Adobe Stock ยังทำการสัมภาษณ์ในทุกภาคส่วนเพื่อระบุความต้องการด้านวิช่วลของอุตสาหกรรมและแบรนด์ที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งสนับสนุนผลการศึกษาเทรนด์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

เกี่ยวกับ Adobe

Adobe กำลังเปลี่ยนแปลงโลกผ่านประสบการณ์ดิจิทัล ข้อมูลเพิ่มเติม: www.adobe.com


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE ร่วมแสดงความยินดี AIS มีลูกค้าใช้ AIS Playbox ครบ 1 ล้านราย

  • AIS Playbox  นวัตกรรมแห่งความบันเทิง ในระบบปฏิบัติการ Android TV ศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่เหนือระดับจาก ZTE และ AIS
  • AIS Playbox นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถพิเศษ ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android TV ตอบสนองความบันเทิงได้ครบทั้ง AIS PLAY, Netflix และฟีเจอร์ต่าง มากมาย 

แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น หรือ ZTE ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ในฐานะหนึ่งในผู้ส่งมอบอุปกรณ์ AIS PLAYBOX รายหลัก ได้จัดงานร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มีลูกค้าใช้ กล่อง AIS Playbox  ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android TV จำนวน 1 ล้านราย   พร้อมมอบของที่ระลึก Playbox Android TV และเราเตอร์ สีทองให้เอไอเอส เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา 

นาย อู๋ ซิน รองประธาน แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น และรองผู้จัดการทั่วไป ZTE STB Product Line กล่าวว่าในการจัดงานฉลองความสำเร็จครั้งนี้ ระหว่าง AIS และ ZTE  ได้มีตัวแทนมาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในรายละเอียดด้านความร่วมมือกัน จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับ One Millionth AIS Playbox Commemorative ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จ จากความมุ่งมั่นของ ZTE และ AIS  ที่ร่วมกันทำงานในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี

AIS Playbox  นวัตกรรมแห่งความบันเทิง ในระบบปฏิบัติการ Android TV  ที่ส่วนหนึ่งใช้ศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่เหนือระดับจาก ZTE และ AIS จนสามารถสร้างมาตรฐานความเป็นเลิศในตลาด ได้สำเร็จ โดย AIS Playbox มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถพิเศษมากมาย ในการขับเคลื่อนความบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ เช่น AIS PLAY, Netflix และ ฟีเจอร์ต่าง ๆ บนระบบปฏิบัติการ Android TV ทั้งนี้ ZTE ได้นำความเชี่ยวชาญด้านระบบปฏิบัติการ Android TV มาผสานกับแนวคิดเชิงนวัตกรรมของ AIS ในด้าน Set Top Box เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน

สำหรับ ZTE จะยึดมั่นการทำงาน คือความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการให้บริการลูกค้าและจะให้ความร่วมมือกับ AIS ในฐานะพันธมิตรธุรกิจ เพื่อค้นหานวัตกรรม และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มั่นใจว่าการร่วมมือกันกับ AIS จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาด และขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วว. จัดสัมมนาฟรี ! การดูแลเครื่องมือวัดมาตรฐานสากล & AI Chatbot

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)  โดย ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา (ศทม.) จัดสัมมนาฟรี !  จำนวน  2  เรื่อง ดังนี้

1) การดูแลเครื่องมือวัดตามมาตรฐานสากล  (เครื่องชั่ง เครื่องแก้ว ไฮโดรมิเตอร์) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00-12.00 .
2) Application of AI Chatbot  for Testing and Calibration Laboratories  ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 10.00-12.00 .

ผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนา สามารถลงทะเบียนภายในงาน Thailand Industrial Fair and Food PACK ASIA 2024 งานแสดงสินค้าเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์อาหาร  ณ ไบเทค บางนา หรือสอบถามรายละเอียด ได้ที่ ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. โทร.0 2577 9036


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Thoughtworks ชี้ธุรกิจต้องคำนึงถึงกลยุทธ์ ความปลอดภัย และความรับผิดชอบในการใช้ AI Solutions

กรุงเทพ 10 มกราคม 2567 – Thoughtworks (NASDAQ: TWKS) บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่ผสานกลยุทธ์ การออกแบบ และวิศวกรรมเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมดิจิทัล ได้เผยแพร่รายงาน ‘Looking Glass’ ล่าสุดฉบับที่ 4 เพื่อแนะแนวทางให้ธุรกิจสามารถขับเคลื่อนองค์กรไปได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม และค้นหาโอกาสใหม่ๆ โดยมี 5 มุมมองสำคัญ ที่วิเคราะห์เทรนด์เทคโนโลยี พร้อมชี้โอกาสสำคัญทางธุรกิจและคำแนะนำที่สามารถปรับใช้ได้จริง

Generative Artificial Intelligence (GenAI) กำลังเข้าไปอยู่ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ เนื่องจากได้รับการพัฒนาออกมามากขึ้น เข้าถึงได้มากขึ้น และนำไปใช้งานได้มากกว่าเดิม ดังนั้น การมีกลยุทธ์ด้านข้อมูลที่แข็งแกร่งและเป้าหมายที่ชัดเจนจึงมีความจำเป็นเพื่อสร้างโอกาสอันได้เปรียบ อย่างไรก็ตาม GenAI (AI) ไม่ได้แยกแยะว่าผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นดีหรือแย่ ด้วยเหตุนี้การตัดสินใจผิดพลาดจึงเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งกว่าก่อนใช้ AI ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการทำให้ข้อมูลสามารถสืบค้นได้ เข้าถึงได้ มีความน่าเชื่อถือ ทำงานร่วมกันได้ และนำกลับมาใช้ได้ และทั้งหมดนั้นต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและตระหนักถึงความเป็นส่วนตัว แพลตฟอร์มข้อมูลที่พัฒนาขึ้นโดยมุ่งแก้ไขปัญหาของผู้ใช้งานเป็นหลัก จึงเป็นรากฐานขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จ

เรเชล เลย์ค็อก ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของ Thoughtworks กล่าวว่า “แพลตฟอร์มข้อมูลช่วยให้ธุรกิจสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึก สร้างระบบ AI ที่เชื่อถือได้ ควบคุมความเสี่ยง อีกทั้งยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้าง บริหารจัดการ และบังคับใช้หลักธรรมาภิบาลข้อมูล (Data Governance) ซึ่งประเด็นหลังคือหนึ่งในความท้าทายใหญ่ที่สุดที่หลายองค์กรเผชิญอยู่ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายไม่ได้จบเพียงเท่านั้น การควบคุมแนวทางและผลลัพธ์ของระบบ AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวปฏิบัติในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบคือเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด”

5 มุมมองสำคัญในรายงาน Looking Glass ประจำปี 2567 ประกอบด้วย

  • AI อยู่ในทุกที่: ความสามารถในการผสานการทำงานเข้ากับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อช่วยให้คนทำงานได้ดีขึ้น จะเป็นกุญแจหลักสู่ความสำเร็จของธุรกิจในอนาคต องค์กรจะต้องใคร่ครวญให้ดีว่าเทคโนโลยีใดก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและจะมีแนวทางใช้เทคโนโลยีนั้นอย่างไร
  • สร้างมูลค่าจากข้อมูลและแพลตฟอร์ม AI ให้เกิดขึ้นจริง: ในขณะที่ธุรกิจจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ด้าน AI แพลตฟอร์มข้อมูลซึ่งสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เชื่อถือได้และข้อมูลที่เป็นปัจจุบันคือสิ่งสำคัญสำหรับทุกองค์กร แม้ว่าองค์กรเหล่านั้นไม่ได้วางแผนสร้างแอปพลิเคชัน GenAI ในระยะสั้นก็ตาม
  • การมีปฏิสัมพันธ์ที่ก้าวล้ำขึ้นไปอีก: ทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่การเชื่อมต่อสื่อสารกับผู้ใช้งานด้วยเสียง (Voice Interfaces) ไปจนถึงเทคโนโลยีภาพเสมือนจริง (Extended Reality) จะทำให้โซลูชันที่มีอยู่สร้างประสบการณ์ใช้งานที่หลอมรวมและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องพลิกมุมคิดใหม่ต่อแนวทางการสร้างปฏิสัมพันธ์ เรียนรู้ และสร้างความพึงพอใจให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
  • การบรรจบกันของโลกจริงและดิจิทัลที่เร็วยิ่งขึ้น: ซอฟต์แวร์เป็นแกนหลักของทุกอย่างตั้งแต่ยานพาหนะไปจนถึงเครื่องใช้ภายในบ้าน และไม่ใช่เฉพาะองค์กรที่เชื่อมต่อกับสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ที่ต้องเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกเสมือนเท่านั้น แต่เราคาดว่าสิ่งนี้จะส่งผลต่อองค์กรใดก็ตามที่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัลเต็มรูปแบบด้วยเช่นกัน
  • ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความรับผิดชอบ: องค์กรจำเป็นต้องวางมาตรการป้องกันอย่างแข็งแกร่งในด้านความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และความยั่งยืน และผสานเข้าไปในแนวทางการปรับใช้งานเทคโนโลยี

Thoughtworks ทำการอัปเดตรายงาน Looking Glass เป็นประจำทุกปี เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสำคัญ และประโยชน์ทางธุรกิจ ผู้สนใจ สามารถติดตามข่าวสารล่าสุด และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจและอุตสาหกรรม ได้ที่ www.thoughtworks.com/insights/business

ติดตามข้อมูลข่าวสารของ Thoughtworks ได้ทาง website   Twitter LinkedIn และ YouTube


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วว. ถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการ/เทคนิคการผสมสารฝนหลวงทางเลือก ให้แก่บุคลากรกรมฝนหลวงและการบินเกษตร

ดร.ประทีป  วงศ์บัณฑิต  รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านพัฒนาอย่างยั่งยืน  สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม  (อว.)  เป็นประธานเปิดการประชุมถ่ายทอดองค์ความรู้วิธีการและเทคนิคการผสมสารฝนหลวงทางเลือก  ให้แก่บุคลากร กรมฝนหลวงและการบินเกษตร  นำโดย นายฉันติ  เดชโยธิน  ผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์บรรยากาศประยุกต์  เพื่อเป็นแนวทางในการผลิตสารฝนหลวงทางเลือก  พร้อมนำไปขยายผลและพัฒนาด้านอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไป ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ โครงการการใช้สารฝนหลวงทางเลือกสำหรับการปฏิบัติการฝนหลวง จากพระราชดำริส่วนพระองค์ใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อสร้างฝนเทียมสำหรับบรรเทาความแห้งแล้งให้กับเกษตรกร

วว. โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมวัสดุ  (ศนว.)  ได้มีโอกาสร่วมนำความรู้ความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยในการวิจัยและพัฒนาสารฝนหลวงทางเลือก เพื่อร่วมสืบสานและต่อยอดโครงการในพระราชดำริดังกล่าว จากการวิจัยและพัฒนาสารฝนหลวงทางเลือกของ วว. ร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ประสบผลสำเร็จในการพัฒนาสารฝนหลวงทางเลือกสูตร AR23 ซึ่งผ่านการทดลองในห้องปฏิบัติการและทดลองนำขึ้นปฏิบัติการฝนหลวงไปแล้วนั้น ผลการทดลองที่ได้แสดงให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากในการนำสารฝนหลวงทางเลือกที่พัฒนาขึ้น ไปใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวงในสภาวะอากาศที่มีความชื้นสัมพัทธ์ต่ำกว่า 60% ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มโอกาสในการขึ้นปฏิบัติการได้  โอกาสนี้ ดร.อาริสา  ใจอยู่  นักวิจัยอาวุโส  นายบวร  นฤทัย และนางสาวณัฐพร  ชิติชัยรัตนภูมิ  นักวิจัย  ศนว. ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายถ่ายทอดความรู้ฯ  ในวันที่  9  มกราคม 2567  ห้องประชุม RD 2-3  วว. เทคโนธานี คลองห้า .ปทุมธานี


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันแต่งตั้ง “แอนเดอร์ส เรียน” เป็นประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย คนใหม่

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประกาศแต่งตั้ง มร.แอนเดอร์ส เรียน ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย โดย มร.แอนเดอร์ส เข้ารับตำแหน่งต่อจาก มร.อิกอร์ มอเรล ที่จะไปรับตำแหน่งเป็น Head of Global Journey Transformation ที่ อีริคสัน กรุ๊ป

ก่อนเข้ารับบทบาทใหม่ในประเทศไทย มร.แอนเดอร์ส เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานฝ่ายขายที่อีริคสัน ดูแลลูกค้า Indosat Ooredoo Hutchinson ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารชั้นนำในประเทศอินโดนีเซีย โดย มร.แอนเดอร์ส และทีมงาน ช่วยทำให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสัญชาติอินโดนีเซียสามารถดำเนินโครงการรวมเครือข่าย Radio Access Network ได้สำเร็จก่อนกำหนด และเปิดตัวเครือข่าย 5ในเมืองจาการ์ตา โบกอร์ ทังเกอรัง และเบกาซี มร.แอนเดอร์ส ยังได้นำประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมากกว่า 23 ปี รวมถึงบทบาทของความเป็นผู้นำอาวุโสในตลาดต่าง ๆ มากมาย เช่น นอร์เวย์ บังคลาเทศ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย มาขับเคลื่อนกับบทบาทใหม่

มร.นันซิโอ เมอร์ทิลโล หัวหน้าตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียและอินเดียของอีริคสันกล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ทำงานในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างกว้างขวางของ มร.แอนเดอร์ส จะสามารถช่วยสนับสนุนผู้ให้บริการไทยเพื่อเร่งกระบวนการนำ 5G มาใช้มากขึ้น พร้อมมอบประโยชน์จากการเชื่อมต่อได้อย่างเต็มที่ให้กับทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ผมต้องขอบคุณ มร.อิกอร์ มอเรล สำหรับการวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้แก่อีริคสันในประเทศไทย ผ่านการร่วมมือกับลูกค้า อุตสาหกรรม และผู้เล่นรายอื่น ๆ ในระบบนิเวศของเรา”

ก่อนหน้าการทำงานกับอีริคสันอินโดนีเซีย มร.แอนเดอร์ส เคยประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเป็นผู้นำทีม dtac มามากกว่า ปี และยังร่วมทำงานกับ เทเลนอร์ เอเชีย เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค

ในโอกาสกลับมาประเทศไทยพร้อมบทบาทใหม่ในฐานะประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย มร.แอนเดอร์ส เผยว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับบทบาทใหม่ในฐานะประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ตลาดไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นตลาดที่ผู้คนใช้เวลาบนออนไลน์เฉลี่ยต่อวันสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เราคาดว่าจะเห็นปริมาณการใช้ดาต้าเพิ่มขึ้นสองเท่าในอีกสองปีจากนี้ ผมจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมอีริคสัน ประเทศไทย และระบบนิเวศทั้งหมดในประเทศ เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และชาวไทย ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของอีริคสัน และผมพร้อมเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของเราในตลาดนี้”

สอดคล้องกับข้อมูลจาก มร.แอนเดอร์ส ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรก ๆ ที่นำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในภูมิภาค และตลาดยังมอบโอกาสมหาศาลเพื่อขยายการใช้ 5G และช่วยผู้ให้บริการบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ มอบประสบการณ์และสร้างคุณค่าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

“อีริคสันดำเนินกิจการในประเทศไทยมายาวนาน เราจะใช้ศักยภาพจากรากฐานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งที่สร้างขึ้นในประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่องผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล ทีมงานที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญที่สุด เพื่อนำเสนอโซลูชั่นชั้นนำและบริการที่เหมาะสมที่สุดและสามารถแข่งขันได้” มร.แอนเดอร์ส กล่าวเพิ่มเติม

จากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลาถึง 117 ปี อีริคสันได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารของไทยเพื่อให้บริการการเชื่อมต่อเครือข่ายเทคโนโลยีมือถือตั้งแต่ยุค 2G, 3G, 4G และ 5G ในปัจจุบัน แก่ผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย

ปัจจุบัน อีริคสันเปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้ว 157 เครือข่ายใน 66 ประเทศทั่วโลก ซึ่งอีริคสันยังได้รับการยอมรับด้านความเป็นผู้นำ 5G จากรายงานของนักวิเคราะห์อิสระสำคัญ ๆ อาทิ Gartner 5G Magic Quadrant 2023 (เป็นผู้นำปีที่สามติดต่อกัน) และในรายงาน Frost Radar Global 5G Infrastructure นอกจากนี้อีริคสันยังครองอันดับหนึ่งในรายงานของ ABI Research ล่าสุด ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของผู้ให้บริการโทรคมนาคม


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วิทยาลัยนานาชาติ มจพ. เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา 2567

วิทยาลัยนานาชาติมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)  เปิดรับสมัครนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษา 2567 โครงการโควตาเรียนดี TCAS รอบที่ 1 ครั้งที่ 2 หลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการค้าระหว่างประเทศและธุรกิจโลจิสติกส์ (หลักสูตรนานาชาติ)

การรับสมัครโครงการโควตาเรียนดี TCAS รอบที่ 1 ครั้งที่ 2 สมัครได้ทางอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ วันที่ 1 ธันวาคม 2566 –วันที่ 15 มกราคม 2567  ที่เว็บไซต์ http://www.admission.kmutnb.ac.th  และค่าสมัคร 400.00 บาท (สี่ร้อยบาทถ้วน)   ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์  วันที่ 17 มกราคม 2567   การสอบสัมภาษณ์ ผู้สมัครต้องสามารถสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษได้ ทั้งนี้ ผู้สมัครต้องนำเอกสารดังต่อไปนี้ มายื่นในวันสอบสัมภาษณ์ 1. ประวัติผลงานของผู้สมัคร (Portfolio) เป็นภาษาอังกฤษ และ 2. เรียงความแสดงเจตจำนงในการเข้าศึกษา (Statement of Purpose) เป็นภาษาอังกฤษ (จำนวนคำไม่ต่ำกว่า 500 คำ)

รายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  https://www.inter.kmutnb.ac.th/tcas2024r12/#more-5734 หรือสอบถามได้ที่ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)  โทรศัพท์ 02-555-2000 ต่อ 2811, 2812

ขวัญฤทัย ข่่าว


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Metro Connect ร่วมมือ IBM Thailand จัดงาน Exploring IBM’s Newest Technology Advancements

บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด ร่วมกับ บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด จัดงานสัมนาในหัวข้อ “Exploring IBM’s Newest Technology Advancements” ในวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ณ.โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ เทอร์มินอล 21 โดย Mr. Varuch Rattanatumma, Assistant Vice President บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด ให้เกียรติกล่าวเปิดงาน และมีผู้เชี่ยวชาญร่วมบรรยายโซลูชั่นต่างๆ ดังต่อไปนี้

Mr. Kanoksak Ratchapat, Senior Security Technical Sales จาก บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายในห้วข้อ “Protect your data and enable digital transformation with a modernized data protection” โดยกล่าวถึง Gaudium Data Protection solutions จะเข้ามาช่วยในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการจะป้องกันรวมถึงกำหนด policy ในการเข้าถึงและเก็บข้อมูลการเข้าถึงข้อมูลทั้งจากบน on-premise และบน Cloud ที่สามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลที่เป็นความลับต่างๆ ขององค์กร โดยมีรายงานที่รองรับกับมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยและกฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งสามารถช่วยลูกค้าสะดวกในการตรวจสอบและรองรับการปฏิบัติตามข้อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

Mr.Tawan Soonthonarom, Presales Manager จาก บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด บรรยายในห้วข้อ “Real-time observability platform with performance and cost optimization platform” โดยพูดถึง Product Instana Observability (Instana) โซลูชันชั้นนำทางด้าน Application Performance Monitoring ที่ออกแบบมาเพื่อตอบรับกับความท้าทายในการจัดการแอปพลิเคชันสมัยใหม่อย่าง Micro Services และ Cloud Native เป็นต้น โดย Instana มีความสามารถในการสังเกตการณ์ (Observability) แอปพลิเคชันและระบบต่างๆได้อย่างอัตโนมัติ ช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับแอปพลิเคชันของคุณได้ทันท่วงที

Mr. Pipat Lekhachaiworakul, Technical Sales Specialist (IBM zSystems & LinuxONE) จาก บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายในห้วข้อ “How to Win the Commercial Battle Against Oracle with LinuxONE 4” ซึ่งจะพูดถึง IBM LinuxONE 4 ที่จะสามารถช่วยให้ลูกค้าลดค่าใช้จ่ายนี้ได้กว่า 78% แถมยังช่วยลูกค้าลดการใช้พลังงานและปริมาณคาร์บอนได้ถึง 80% ตอบโจทย์เรื่องของ Sustainability หรือ Green IT และยังช่วยให้ข้อมูลสำคัญมีความปลอดภัยสูงสุด

Mr.Thitiphat Phimsen, Brand Technical Specialist จาก บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด บรรยายในหัวข้อ “Modernize your business with IBM Power Systems” บรรยายถึง IBM Power Systems จะเป็นตัวช่วยให้องค์การของท่าน ในการเตรียมความพร้อมและก้าวข้ามผ่านทุกความท้าทาย เนื่องจากในโลกเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้การพัฒนาสิ่งต่างๆ ในโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลถึงปริมาณข้อมูลที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ซึ่งการจะวิเคราะห์และเข้าใจนั้น จำเป็นต้องการระบบประมวลผลที่รวดเร็วยิ่งกว่า เช่นเดียวกับภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่นับวันจะยิ่งถูกท้าทายมากขึ้น ดังนั้นการเลือกใช้งานโซลูชันเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสม สามารถกลายเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างระหว่างความสำเร็จและความล้มเหลวทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

Mr. Artit Srisawas, Presales จาก บริษัท เมโทรคอนเนค จำกัด บรรยายในหัวข้อ “Accelerate value by leveraging cloud-native infrastructure and containers on OpenShift” บรรยายถึง IBM Storage Fusion HCI ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานแบบ cloud-native และ containers บน OpenShift เพื่อสร้างความคุ้มค่า และการใช้งานข้อมูลให้เป็นไปอย่างเต็มศักยภาพ ลดความซับซ้อน โดยช่วยให้องค์กรสามารถจัดหา และจัดการโครงสร้างพื้นฐานแบบ cloud-native ได้อย่างง่ายดาย โดยรวมเอาทรัพยากรทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าไว้ในระบบเดียว องค์กรจึงไม่ต้องจัดการกับฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันหลายประเภทหรือซอฟต์แวร์หลายชนิด สามารถจัดสรรทรัพยากรให้กับแอปพลิเคชันได้อย่างเหมาะสม

ทั้งนี้ บริษัท เมโทรคอนเนค เป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ IBM ได้รับความไว้วางใจให้เป็นส่วนหนึ่งในการขยายตลาดสู่บริษัทคู่ค้า เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงการช่วยเหลือและส่งต่อความรู้ความชำนาญให้แก่บริษัทคู่ค้า เพื่อพัฒนาและต่อยอดโซลูชันที่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน

สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายการตลาด โทร.02-0894880 อีเมล์: mktmcc@metroconnect.co.th Website: https://www.metroconnect.co.th/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

AMD เปิดตัวเทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับรถยนต์ที่งาน CES 2024

AMD ประกาศเดินหน้าเต็มสูบเทคโนโลยีสำหรับวงการยานยนต์ เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ก่อนงาน CES 2024 และเตรียมโชว์เทคโนโลยีสุดล้ำร่วมกับพาร์ทเนอร์มากมาย การเปิดตัวนี้ตอกย้ำถึงความสำเร็จของการควบรวมกิจการ Xilinx เมื่อ 2 ปีก่อน ทำให้ AMD ขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์สำหรับตลาดยานยนต์อย่างก้าวกระโดด ครอบคลุมทุกด้านตั้งแต่ระบบข้อมูลความบันเทิงในรถ ไปจนถึงเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์สำหรับการตรวจจับวัตถุ การจอดรถอัตโนมัติ และอื่น ๆ อีกมากมาย

2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เปิดตัว ประกอบด้วย:

  • Versal AI Edge XA: ชิป 7 นาโนเมตรตัวแรกของ AMD ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานยานยนต์ นำเสนอมาตรฐานความทนทานและระบบความปลอดภัยขั้นสูงมาสู่วงการยานยนต์ นอกจากนี้ ด้วยเอ็นจิ้นด้าน AI ที่อยู่ภายใน Versal AI Edge XA ทำให้สามารถทำการจดจำรูปแบบของสัญญาณ การตรวจจับวัตถุ และอื่น ๆ อีกมากมาย

  • Ryzen Embedded V2000 Series: ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์เสนอประสิทธิภาพในระดับสูง รองรับการทำงานที่หลากหลายพร้อมกันได้อย่างลื่นไหลทั้งระบบข้อมูลความบันเทิงในรถและ IVX นำเสนอภาพกราฟิกส์คมชัด ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ได้รับการพัฒนา และรองรับซอฟต์แวร์ด้านยานยนต์


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

AI และนวัตกรรมใหม่เปิดบทธุรกิจไทยปี 2567

บทความโดย วีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย และเมียนมาร์

เศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. 2567 คาดว่าจะฟื้นตัวจากแรงขับเคลื่อนของภาคท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล[1] นอกจากนี้ ยังจะเป็นปีที่ AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะเปิดประตูให้กับธุรกิจไทยได้เติบโต

ในทศวรรษที่ผ่านมา มีการใช้งาน AI อย่างหลากหลายและเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม generative AI ก็ได้ทำให้ AI รุ่นใหม่ ๆ เป็นที่น่าจับตามอง บทความนี้จะสรุปเทรนด์ธุรกิจและเทคโนโลยีสำคัญที่จะเปิดบทใหม่ให้กับธุรกิจไทย ควบคู่ไปกับแนวทางการนำเทรนด์มาใช้:

1) AI กลายเป็นเทคโนโลยี “ที่ต้องมี”… แต่หลายองค์กรยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อุตสาหกรรม AI คาดว่าจะเติบโตจาก 95,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 1.8 ล้านล้านภายในปี พ.ศ. 2573 โดยจะเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจโลกในทศวรรษหน้า แต่หลาย ๆ บริษัท ยังไม่พร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ได้อย่างเต็มที่[2] นอกจากนี้ผลสำรวจ AI Readiness Index จัดทำโดยซิสโก้ พบว่ามีเพียง 1 ใน 5 (20%) องค์กรในประเทศไทยเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการปรับใช้และใช้ประโยชน์จาก AI โดย 74% ยอมรับถึงความกังวลอย่างรุนแรงเกี่ยวกับผลกระทบต่อธุรกิจหากไม่ปรับตัวในอีก 12 เดือนข้างหน้า[3]

ข่าวดีก็คือ ธุรกิจในไทยมองเห็นความเร่งด่วนในการคว้าโอกาสจาก AI กันมากขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมา เกือบทั้งหมด (99%) ยอมรับว่าองค์กรมีความตื่นตัวต่อการใช้เทคโนโลยี AI และองค์กรมากถึง 97% มีกลยุทธ์ AI ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วหรืออยู่ในกระบวนการพัฒนา อย่างไรก็ดี ยังพบช่องว่างสำคัญในเสาหลักต่างๆ ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ข้อมูล การกำกับดูแล บุคลากร และวัฒนธรรมองค์กร เช่น การทำให้แน่ใจว่าข้อมูลของพวกเขาพร้อมสำหรับ AI รวมถึงการสร้างบุคลากรด้าน AI ที่มีคุณภาพแผนการจัดการการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ในปี พ.ศ. 2567 บริษัทไทยจะต้องต่อสู้กับวิธีจัดการกับ AI ภายในองค์กร รวมถึงบุคลากรที่พร้อมใช้งานเทคโนโลยีนั้นด้วย

2. AI ที่มีความรับผิดชอบจะเริ่มด้วยการทำงานอย่างมีจริยธรรม สนับสนุนด้วยความไว้ใจ และความโปร่งใส

แม้ว่า AI จะมีประโยชน์มหาศาล แต่ยังคงเป็นดาบสองคมที่มาพร้อมความเสี่ยง องค์กรจำเป็นต้องมีนโยบายและโปรโตคอลที่รัดกุม  เพื่อการจัดการข้อมูลและระบบ AI อย่างมีความรับผิดชอบ ขณะที่องค์กรไทยตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม แต่ก็ยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องปรับปรุง เช่น เรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลโดยผลสำรวจเผยว่า น้อยกว่าครึ่ง (43%) มีนโยบายและโปรโตคอล AI ที่ครอบคลุม และ 17% ขององค์กรยังมี bias โดยไม่มีกลไกอย่างเป็นระบบในการตรวจจับ data bias

เมื่อผลกระทบของ AI แพร่หลายมากขึ้น การกำกับดูแลยิ่งต้องพัฒนาต่อไป ทำให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องพัฒนากฎระเบียบ ปรับใช้นโยบายภายในที่แก้ไขเรื่องความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของข้อมูล และการใช้เทคโนโลยี AI รวมถึงการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งโดยสามารถจัดการช่องโหว่ที่อาจเกิดขึ้นจากระบบ AI รวมถึงการฝึกอบรมและยกระดับทักษะบุคลากรอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานยังคงมีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยง บริษัทที่สร้างแอปพลิเคชัน AI จะต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และสร้างความไว้วางใจโดยกระบวนการออกแบบนวัตกรรมที่ครบวงจรในผลิตภัณฑ์ บริการ และการดำเนินงานขององค์กร

3. ยุคใหม่ของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายที่ใช้งานง่ายจะเกิดขึ้น เพื่อสร้างความปลอดภัยและความอัจฉริยะให้กับธุรกิจ

ในขณะที่บริษัทต่างๆ หันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลยิ่งมีความสำคัญอย่างคาดไม่ถึง การสร้างเครือข่ายอัจฉริยะที่ทันสมัยกลายเป็นหัวใจสำคัญในการเติบโตของบริษัท ความยืดหยุ่นและการบูรณาการเครือข่ายกับ AI หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่กำหนดความสำเร็จ นอกจากนี้บริษัทต่าง ๆ จะตระหนักถึงความจำเป็นของแพลตฟอร์มความปลอดภัยแบบครบวงจรที่สามารถมองเห็นแบบ end-to-end โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความท้าทายด้านไซเบอร์ซิเคียวริตี้มีความซับซ้อนขึ้นในยุคของแอปพลิเคชันและมัลติคลาวด์ และพนักงานทำงานจากสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยใช้การเชื่อมต่อหลายรูปแบบ เข้าถึงข้อมูลข้ามแพลตฟอร์ม เครือข่ายจะมีบทบาทสำคัญในการให้ visibility ของผู้ใช้ อุปกรณ์ และเอนทิตีในระบบทั้งหมด ส่งผลให้สามารถเป็นจุดควบคุมเพียงจุดเดียวในการตรวจจับ ป้องกัน และแก้ไขภัยคุกคาม รวมถึงบังคับใช้กฎความปลอดภัยเพื่อจำกัดการแพร่กระจายของภัยคุกคามในเครือข่ายและลดเวลาการแยกภัยคุกคาม

4. ปี 2567 จะเป็นปีแห่งการต่อสู้กับวิกฤตการณ์โลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

เนื่องจากปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา เราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจำกัดอุณหภูมิโลกที่เพิ่มขึ้นไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ เมื่อใกล้ถึงจุดเปลี่ยนสำคัญนี้ บทบาทของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะยิ่งชัดเจนในการสร้างระบบวัดผลความก้าวหน้าที่แม่นยำและสม่ำเสมอ ทั้งภายในประเทศ ภายในกลุ่มอุตสาหกรรม และระดับโลก แรงกดดันต่อการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการจะยิ่งทวีความสำคัญ โดยหน่วยงานกำกับดูแลจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนแผนสู่ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม บริษัทต่างๆ จะเผชิญแรงกดดันในการพัฒนาความยั่งยืน โดยเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการจัดหาข้อมูลเชิงลึกให้กับองค์กรเพื่อให้มีการวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการวางแผนสร้างอาคารและพื้นที่ทำงานอัจฉริยะ ผู้ให้บริการ ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อเป้าหมายความยั่งยืนจะเร่งพัฒนาความยืดหยุ่นของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเวิร์กโหลดที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลดการใช้พลังงานไปพร้อมกัน

5. บุคลากรและการเปิดกว้างต่อการเปลี่ยนแปลงจะเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น

บริษัทไทยที่กำลังมุ่งสู่ยุคดิจิทัล จำเป็นต้องพัฒนาบุคลากรให้ทันกับการเติบโต แม้ว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในไทยจะเฟื่องฟู แต่ยังคงขาดแคลนบุคลากรเทคโนโลยี ทักษะเฉพาะทางในด้านต่าง ๆ เช่น ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ data science และเครือข่าย เป็นที่ต้องการอย่างมาก ซึ่งนับเป็นโอกาสให้บริษัทต่าง ๆ ผลักดันการพัฒนาบุคลากรเทคโนโลยีให้พร้อมก้าวสู่โลกอนาคต บริษัทต่าง ๆ ยังต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นในจุดมุ่งหมาย โดยส่งผลต่อความสามัคคีของทีมงานและความเชื่อมั่นต่อบริษัท โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ สิ่งนี้ยังช่วยให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่บริษัทเองก็ต้องปรับตัวเข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา


 

Exit mobile version