Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สัมมนาฟรีอัพเดทเทรนสินค้าแบรนด์หรูปี 2563 Luxellence Center

สัมมนาฟรีอัพเดทเทรนสินค้าแบรนด์หรูปี 2563 Luxellence Center เชิญท่านร่วมฟังสัมมนาอัพเดทเทรนสินค้าแบรนด์หรู What’s New in the Luxury World 2020

When: พุธที่ 22 มกราคม 2563, เวลา 13:00 – 16:00 น
Where: Luxellence Learning Center (สาทรใต้)

• Topic 1: แนวโน้มในอนาคตของตลาดสินค้าลักชัวรี่ในปี 2020
(Global Foresight Outlook in Luxury 2020)
Speaker: ดร.ฐิติพร สถาวรมณี, ผู้อำนวยการ Luxellence Center
• Topic 2: เจาะลึกข้อมูลผู้บริโภคหนุ่มสาวสินค้าลักชัวรี่ในประเทศไทย
(A Look into Young Thai Luxury Consumers)
Speaker: ปัทมา จอมศิริวัฒนา, ผู้อำนวยการ, Stamina Asia
• Topic 3 (Panel Discussion): การประยุกต์เทรนด์ธุรกิจโลกให้เข้ากับธุรกิจในประเทศได้อย่างไร
(How do Business Approach Global Trends with Local Implications?)
Speaker: สุธีรพันธุ์ สักรวัตร, EVP Head of Marketing ธนาคารไทยพาณิชย์
Moderator: ขวัญตา ศิริวัจนางกูร, Managing Partner, Luxellence Center
——–
• • รายละเอียดเพิ่มเติม: Website: https://www.luxellencecenter.com/what-s-new-in-the-luxury-world-2020
• • สำรองที่นั่งออนไลน์เท่านั้นที่:
https://www.eventbrite.com/e/luxellence-seminar-series-whats-new-in-the-luxury-world-in-2020-tickets-86644511065

• • สถานที่อบรม
Luxellence Learning Center อาคารปัญจภูมิ 1 ชั้น 3
MAP: https://goo.gl/maps/L154iYbfj7B2

• • หมายเหตุ
ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการอบรม
บรรยายเป็นภาษาไทย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค บรรลุเป้าหมายโครงการสร้างความยั่งยืน ระหว่างปี 2561-2563 ล่วงหน้าหนึ่งไตรมาส ด้วยคะแนน 7.08/10

• ความก้าวหน้าของเสาหลักด้านสภาพภูมิอากาศ จะช่วยสนับสนุนพันธสัญญาใหม่เรื่องของสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง ตามที่ได้มีการเปิดเผยในงาน Climate Action Summit ณ กรุงนิวยอร์ก
• ภายในไม่กี่วันหลังงาน Global Safety Day กลุ่มธุรกิจของชไนเดอร์ ได้ประกาศอัตราการรักษาอุบัติเหตุจากการทำงานซึ่งอยู่ที่ 0.70 ดีขึ้นจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปี 2562 ถึง 24 เปอร์เซ็นต์
• ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการคัดเลือกจากดัชนี DJSI World เป็นปีที่ 7 ในทำเนียบท็อป 100 บริษัททั่วโลกของ Equileap ที่มุ่งสร้างความเสมอภาคทางเพศ และท็อป 10 อันดับใน Change the World ของฟอร์จูน

นับเป็นปีที่ 5 แล้วที่ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น ได้มีการประกาศผลการดำเนินงานพร้อมกันทั้งด้านการเงิน และที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงิน ซึ่งในแต่ละไตรมาส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มีการตีพิมพ์ ตัวบ่งชี้ 21 รายการจากโครงการสร้างผลลัพธ์จากความยั่งยืนของชไนเดอร์ หรือ Schneider Sustainability Impact ที่จะมีการวัดความก้าวหน้าเกี่ยวกับการดำเนินงานตามพันธสัญญาด้านการสร้างความยั่งยืนที่มุ่งมั่นสำหรับปี 2561-2563 ให้สอดรับกับพันธสัญญาของ COP21 และเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ ทั้งกลุ่มธุรกิจสามารถทำคะแนนรวมตั้งแต่ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ได้ 7.08 จาก 10 นับเป็นการบรรลุเป้าหมายโครงการสร้างผลลัพธ์จากความยั่งยืนที่ตั้งเป้าอยู่ที่ 7 จาก 10 ภายในสิ้นปี 2562 นับว่าบรรลุเป้าหมายล่วงหน้าได้ก่อนถึงหนึ่งไตรมาส

กิลเลส เวอร์มอท เดสโรชส์ รองประธานบริหารอาวุโสฝ่ายความยั่งยืน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ให้ความเห็นว่า “ในไตรมาสนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เพิ่มพันธสัญญาต่อเป้าหมายในการพัฒนาความยั่งยืนของสหประชาชาติได้อย่างมีนัย เริ่มจากการเข้าร่วมใน Business for Inclusive Growth ในการทำธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างทั่วถึง (Business for Inclusive Growth) โดยร่วมมือกับบริษัทอื่นอีก 33 แห่ง เพื่อนำทางไปสู่การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำพร้อมทั้งส่งเสริมความหลากหลายในสถานที่ทำงานและซัพพลายเชนทั้งในระยะกลางและระยะยาว ทั้งนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะนำโซลูชัน EcoStruxureTM มาช่วยให้บรรลุเป้าหมายขององค์กรพร้อมช่วยให้ลูกค้าอีกจำนวนมากลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยนับตั้งแต่มีการเปิดตัวโครงการสร้างผลลัพธ์จากความยั่งยืน Schneider Sustainability Impact บริษัทฯ ก็ได้ช่วยให้ลูกค้าหลายรายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ได้มากถึง 88 ล้านตัน ซึ่งการที่กลุ่มธุรกิจนำเสนอแนวทางใหม่ในการเข้าถึงพลังงาน ก็จะช่วยให้อีกหลายล้านคนทั่วโลกในประเทศที่กำลังพัฒนาสามารถตอบสนองความต้องการพื้นฐานด้านพลังงานได้ด้วยเช่นกัน”

ผลงานโดดเด่นในไตรมาส
สภาพภูมิอากาศ
– ตัวบ่งชี้เรื่อง “การคืนทุนที่เพิ่มขึ้น ในส่วนบริการด้านพลังงานและความยั่งยืนของเรา” แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้น +20.2 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 การเติบโตที่สูงมาจากธุรกิจด้านประสิทธิภาพพลังงานร่วมกับภาคเอกชนในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยธุรกิจการจัดหาพลังงาน มีส่วนสำคัญที่สร้างการเติบโตเช่นกัน โดย Energy & Sustainability Services มุ่งเป้าเพื่อเพิ่มยอดขาย 25 เปอร์เซ็นต์ในปี 2563 จากยอดขายในปี 2560

เศรษฐกิจหมุนเวียน
– สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 96 เปอร์เซ็นต์ของกระดาษแข็ง และแท่นวางสินค้า เพื่อการแพ็คสำหรับขนส่ง ล้วนมาจากแหล่งรีไซเคิล หรือสถานที่ที่ได้รับการรับรองในเรื่องดังกล่าว ผลลัพธ์ของประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมมาจากทีมงานที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการสื่อสารที่ชัดเจนกับซัพพลายเออร์ในภูมิภาคและมีการปรับ part numbers ในระบบภายในของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ให้เป็นแบบเรียลไทม์ บางภูมิภาคมีการปรับได้อย่างเหมาะสมอยู่แล้ว ในขณะที่ภูมิภาคที่เหลือก็แสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงที่ดีขึ้น มีการดำเนินการภายในภูมิภาคได้อย่างถูกต้องเหมาะสมโดยมุ่งเน้นที่ KPI เช่นเพิ่มการใช้ไม้รีไซเคิล พร้อมการศึกษาเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานของแท่นวางสินค้า เพื่อช่วยลดความจำเป็นในการซื้อของดังกล่าวเพิ่ม

สุขภาพ และความเสมอภาค
– MIR ของไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 0.70 ดีขึ้นกว่าเป้าที่ตั้งไว้สำหรับปี 2562 ถึง 24 เปอร์เซ็นต์ และดีขึ้นกว่าปี 2561 ถึง 26 เปอร์เซ็นต์ ศักยภาพที่โดดเด่นมาจากความพยายามร่วมกันของพนักงานชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั้งหมดและการปรับปรุงเรื่องของกิจกรรมจากทีมดูแลความปลอดภัยทั่วองค์กร นอกจากนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมีแคมเปญประจำปีชื่อ Global Safety Day เพื่อโปรโมทความสำคัญของความปลอดภัยทั้งในสถานที่ทำงานและที่บ้าน ซึ่งได้มีการเฉลิมฉลองไปเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม หัวข้อสำหรับปีนี้คือ “S.A.F.E. First บ่งบอกถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน” ทั้งนี้ Global Safety Day จะดึงพนักงานเข้ามามีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองพันธสัญญาเรื่องของวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย โดยในปีนี้ แคมเปญดังกล่าวได้สร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ฉุกเฉินในแต่ละประเภทที่แตกต่างกันไป พร้อมกับสอนเกี่ยวกับความร่วมมือในการเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มว่าอาจเกิดขึ้นและสร้างความเสียหายได้

จรรยาบรรณ
– ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2562 ได้มีการตรวจสอบซัพพลายเออร์ทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การเฝ้าระวังเรื่องของสิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม (Human Rights & Environment) ซึ่งเป็นโปรแกรม 3 ปี และเพิ่มเป้าในการตรวจประเมินที่ไซต์งานจาก 300 เป็น 350 แห่ง พร้อมกับที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้มีการติดตามอย่างดีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในภาพรวม และเพื่อให้สอดคล้องกับงานวิสัยทัศน์และงานด้านกลยุทธ์ของกลุ่มธุรกิจ รวมถึงสอดรับกับกฎหมาย 2017-French law ว่าด้วยเรื่องของเฝ้าระวังภัยขององค์กร Corporate Duty of Vigilance ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ให้คำมั่นสัญญาว่าจะติดตั้งแผนงานการเฝ้าระวัง เรื่องดังกล่าวยังรวมถึงการระบุและบริหารจัดการซัพพลายเออร์ที่สุ่มเสี่ยงมากที่สุดในแง่ของแนวทางปฏิบัติเรื่องแรงงาน สุขภาพและความปลอดภัย รวมถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งการทำแผนที่เชื่อมโยงความเสี่ยง (risk mapping) ของซัพพลายในแต่ละปี จะใช้เครื่องมือในการทำ mapping ของผู้เชี่ยวชาญค่ายอื่นซึ่งได้รับการยอมรับ โดยกระบวนการในการบริหารจัดการความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจ ชไนเดอร์นั้นจะรวมถึงการดำเนินงานเพื่อควบคุมหลังจากที่มีการตรวจสอบ โดยเน้นที่การปรับปรุงและหยุดยั้งการดำเนินการที่ไม่สอดคล้องตามเกณฑ์

การพัฒนา
– ไตรมาส 3 ของปี 2562 มีผู้ด้อยโอกาสจำนวน 236,491 คนได้รับการฝึกอบรมเรื่องการบริหารจัดการพลังงาน ในกว่า 45 ประเทศ อีกทั้งยังมุ่งเป้าการฝึกอบรมให้ได้ 1 ล้านคนภายในปี 2568 ซึ่งโปรแกรมจะเน้นความสำคัญในเรื่องของ การเป็นผู้ประกอบการ (entrepreneurship) การรวมผู้หญิงไว้ในสายอาชีพด้านพลังงาน และการฝึกอบรมให้กับผู้อบรม (training of trainers) โดยช่วยให้ผู้เข้าร่วมโปรแกรมเข้าถึงการสร้างธุรกิจหรืองานที่มีความชำนาญได้ดีขึ้นในอนาคต ความท้าทายหลักอยู่ที่การดำเนินรอยตามนโยบายในการเป็นพันธมิตรระยะยาว ร่วมกับผู้เล่นทั้งในระดับประเทศและระดับโลกที่สามารถจัดทำโครงการหลายๆ โครงการซ้ำได้ ทั้งนี้ NGO ADEI (Action Development-Education-International) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ไม่แสวงผลกำไร ที่ดูแลเรื่องของการพัฒนาการศึกษานานาประเทศ หลังจากที่ได้จัดทำศูนย์พัฒนาขึ้น 2-3 แห่งในประเทศแทนซาเนีย และสาธารณรัฐบุรุนดี ก็ได้ยืนยันถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจัดทำหลักสูตรระยะสั้นในศูนย์แห่งใหม่ 3 แห่งในประเทศรวันดา

สาระสำคัญ
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ประกาศพันธสัญญาการดำเนินการด้านภูมิอากาศขึ้น 3 ฉบับในงาน Climate Week NYC ด้วยการสาธิตถึงความเป็นกลางด้านคาร์บอนในการขยายระบบนิเวศ ภายในปี 2568 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการปลดปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินงานเป็นศูนย์ ภายในปี 2573 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายตามฐานทางวิทยาศาสตร์บนหลักของเหตุและผล พร้อมกับดึงซัพพลายเออร์ให้เข้ามามีส่วนร่วมในซัพพลายเชนที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ (net-zero supply chain) ภายในปี 2593
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นหนึ่งใน 99 ผู้ลงนามในสัญญา French Business Climate Pledge 2019
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ให้คำมั่นสัญญาในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้วยการเข้าร่วมการประชุม G7 ในความริเริ่ม “การทำธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างทั่วถึง” หรือ “Business for Inclusive Growth” ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างองค์กรข้ามชาติ 34 แห่งที่ขับเคลื่อนโดย OECD
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เปิดตัว ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อการเข้าถึงพลังงาน (Access to Energy products) ได้แก่ Mobiya Lite, Mobyia Front และ Homoya Pay As You Go เพื่อมาเสริมสายผลิตภัณฑ์ที่นำเสนอ เพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานด้านพลังงานของชุมชนชนบทในประเทศกำลังพัฒนา
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นส่วนหนึ่งใน DJSI World Index ติดต่อกันเป็นปีที่ 7
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค อยู่ในทำเนียบท็อป 100 ของการจัดอันดับ Equileap’s Ranking 2019 ซึ่งออกแบบมาเพื่อส่งเสริมความโปร่งใสเรื่องความเสมอภาคทางเพศในสถานที่ทำงาน ซึ่งกลุ่มธุรกิจชไนเดอร์ฯ ได้รับการจัดอันดับเป็นที่หนึ่งในภาคอุตสาหกรรม และเป็นที่ 5 ในกลุ่มบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 9 ใน Fortune’s Change the World list 2019 โดยได้รับการยอมรับในเรื่องของเทคโนโลยีด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน รวมถึงนวัตกรรมธุรกิจหมุนเวียนในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ยาวนาน สามารถซ่อมและนำกลับมาผลิตใหม่ได้เมื่อครบอายุการใช้งาน
– โปรแกรม Global Mobility ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยอมรับด้วยรางวัลเหรียญทองแดงในการประกาศรางวัลยอดเยี่ยม Human Capital Management Excellence Awards ของ Brandon Hall Group ในประเภท Best Unique หรือ Innovative Workforce Management Program
– ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการจัดให้เป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในปี 2562 (2019 Best Workplaces) ในสาย Manufacturing & Production โดย Great Place to Work และ Fortune


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ประธานคณะกรรมการของหัวเว่ยคาดรายได้ปี 2019 โตขึ้น 18% แม้ต้องเผชิญกับการแบนของสหรัฐฯ

“แม้รัฐบาลสหรัฐฯ จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เราเป็นรอง แต่สุดท้ายเราก็ยังหาทางรอดออกมาได้” มร. อีริค สวี กล่าว

กรุงเทพฯ/ 3 มกราคม 2563 — มร. อีริค สวี ประธานคณะกรรมการ หมุนเวียนตามวาระของหัวเว่ย ได้เผยแพร่ข้อความอวยพรปีใหม่แก่พนักงานของบริษัท พร้อมขอบคุณสำหรับการทำงานหนักอย่างทุ่มเทในช่วงปีแห่งความท้าทาย อีกทั้งยังย้ำให้พนักงานเตรียมพร้อมหากต้องเผชิญความยากลำบากในปีที่จะมาถึง “รัฐบาลสหรัฐฯ จะพยายามยับยั้งการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ของเรา แต่หัวเว่ยจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อความอยู่รอดและความสำเร็จ” เขากล่าวย้ำ หัวเว่ยยังคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทในปี 2562 จะอยู่ที่ 850 พันล้านหยวน (3.6 ล้านล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้นราว 18% จากปีก่อนหน้า

มร. สวี ได้กล่าวว่า ธุรกิจหลักของบริษัททุกกลุ่มมีการเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม หัวเว่ยเป็นผู้นำในการติดตั้งใช้งานเทคโนโลยี 5G เชิงพาณิชย์ระดับโลก ด้วยการคว้าสัญญาเชิงพาณิชย์เพื่อติดตั้งเครือข่าย 5G ไปแล้วกว่า 50 ฉบับทั่วโลก ธุรกิจเอ็นเตอร์ไพรส์ยังคงช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลให้แก่หลากหลายอุตสาหกรรม กว่า 700 เมืองและบริษัทชั้นนำในลิสต์ Fortune Global 500 ถึง 228 แห่ง ได้เลือกหัวเว่ยเป็นพันธมิตรในการทรานสฟอร์มด้านดิจิทัล และจากการส่งมอบสมาร์ทโฟนตลอดทั้งปีกว่า 240 ล้านเครื่อง มร. อีริค สวี กล่าวว่าธุรกิจคอนซูมเมอร์ของหัวเว่ยก็ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง นอกเหนือจากสถิติยอดขายสมาร์ทโฟนที่น่าประทับใจแล้ว ยอดขายอุปกรณ์ Wearables ในปี 2019 ของบริษัทยังเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 243% ด้วยยอดการจัดส่ง 5.9 ล้านชิ้น และครองส่วนแบ่งทางการตลาด 13% ทั่วโลก

ในข้อความอวยพร มร. สวี ยังได้กล่าวว่าตนรู้สึกซาบซึ้งที่พนักงานทุกคนตั้งใจทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน และยังได้กล่าวชื่นชมทีมงานที่ต้องทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืนเพื่อ “อุดรูรั่วบนเครื่องบินที่ผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชนลำนี้” เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โฆษกของหัวเว่ยได้ประกาศว่าบริษัทจะให้โบนัสมูลค่ารวม 2 พันล้านหยวน (8.6 พันล้านบาท) แก่พนักงาน แทนคำขอบคุณที่ได้ช่วยให้บริษัทผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบาก หลังจากที่สหรัฐฯ ได้ประกาศแบนหัวเว่ย

ในช่วงท้ายของข้อความอวยพร มร. สวี ได้กล่าวย้ำว่า ปี 2563 จะเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย เพราะเขาคาดว่า ชื่อของหัวเว่ยจะยังอยู่ในบัญชีดำของสหรัฐฯ ต่อไป “ความพยายามของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการโจมตีหัวเว่ยถือเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว” เขากล่าว พร้อมย้ำว่า หัวเว่ยมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสได้เสมอ “ปีนี้ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของเราในการพัฒนาตนเองและเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเคย” เขากล่าวให้กำลังใจพนักงาน

ในอีก 5 ปีข้างหน้า หัวเว่ยจะมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและได้เตรียมงบประมาณไว้ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (60,000 ล้านบาท) เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชันคุณภาพที่น่าเชื่อถือสำหรับผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“เซีอีโอหัวเว่ยกล่าว “ถ้ากูเกิลไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานกับหัวเว่ยเราก็มีแผนสำรองรอไว้อยู่แล้ว

มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการบริหารของหัวเว่ย กล่าวกับ CNN เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า หากกูเกิลไม่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ให้กลับมาทำธุรกิจกับหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งจะเป็นการกีดกันไม่ให้ดีไวซ์รุ่นใหม่ ๆ ของหัวเว่ยใช้ Google Mobile Services (GMS) บริษัทก็จำเป็นต้องเอาอีโคซิสเต็มของตัวเองมาใช้แทน “ผมเชื่อว่าในอีก 2 – 3 ปีข้างหน้า เราจะสร้างอีโคซิสเต็มที่จะใช้ร่วมกันทั่วโลกเองได้สำเร็จ” มร. เหริน กล่าว

มร. เหรินในวัย 75 ปีแสดงความคิดเห็นว่า นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากๆ ไม่ใช่แค่สำหรับหัวเว่ย แต่สำหรับพวกเราทุกคนด้วย เขาหวังว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะ “พักเรื่องการเมืองไว้ก่อน” และคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทอเมริกันเป็นหลัก หัวเว่ยเชื่อมั่นในระบบโกลบอลซัพพลายเชนที่ทุกประเทศเกื้อหนุนกันเพื่อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย มร. เหริน กล่าวว่าเขานับถือสหรัฐอเมริกาในฐานะชาติที่ยิ่งใหญ่และทุกคนที่หัวเว่ยได้เรียนรู้อะไรมากมายจากความสำเร็จของสหรัฐฯ ความนับถือนั้นจะยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่เพื่อความอยู่รอด บริษัทจำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมในกรณีที่บริษัทอเมริกันไม่ได้รับอนุญาตให้จัดส่งชิ้นส่วนให้หัวเว่ย “หากบริษัทอเมริกันไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจกับเรา เราก็ยังมีออปชั่นอื่น” มร. เหริน กล่าวยืนยันและเสริมว่า “และเมื่อเราพบว่าทางเลือกใหม่แข็งแกร่งพอและไว้วางใจได้ ผมคิดว่าเราอาจจะไม่กลับไปหาบริษัทอเมริกันแล้วก็ได้”

หลังจากสหรัฐฯ ประกาศแบนหัวเว่ยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หัวเว่ยมุ่งมั่นพัฒนาและดำเนินธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันที่จะเป็นอิสระจากเทคโนโลยีของอเมริกาแบบ 100% เมื่อเดือนกรกฏาคม มร. จาง หมิงกัง รองประธานกรรมการบริหารของหัวเว่ย ประเทศฝรั่งเศส ได้คาดการณ์ว่า วันประกาศอิสรภาพจะมาถึงในปี 2564 แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหัวเว่ยจะบรรลุเป้าหมายนั้นเร็วกว่าที่คาดไว้มาก รายงานของ UBS และ Fomalhaut Techno Solutions พบว่า Huawei Mate 30 สมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นล่าสุดของหัวเว่ย ไม่ใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์จากอเมริกาเลย เช่นเดียวกับสถานีฐาน 5G อันล้ำสมัยของหัวเว่ย มร. เหริน กล่าวย้ำเมื่อเดือนกันยายนว่า ขณะนี้หัวเว่ยผลิตสถานีฐาน 5G ที่ปราศจากชิ้นส่วนของอเมริกาได้เดือนละ 5,000 ชุด เป็นการตอกย้ำว่าบริษัทอยู่ได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

เมื่อผู้สื่อข่าว CNN ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากกูเกิลไม่ได้ใบอนุญาตให้ทำธุรกิจกับหัวเว่ย ซีอีโอของหัวเว่ย กล่าวว่า “เรามีแผนสำรองรอไว้อยู่แล้ว” พร้อมเสริมว่าหัวเว่ยมีความตั้งใจและมีศักยภาพมากพอที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้จำหน่ายสมาร์ทโฟนอันดับ 1 ของโลก แต่ขั้นตอนดังกล่าวอาจ “ต้องใช้เวลาสักพัก” เขาได้เปิดเผยข้อมูลว่าบริษัทจะเร่งเครื่องวางกลยุทธ์เพื่อกลับเข้าสู่ตลาดต่างประเทศในปี 2563 โดย CNN ยังได้ขอความเห็นของ มร. เหริน เรื่องที่สหรัฐฯ พยายามล็อบบี้ไม่ให้ประเทศพันธมิตรในยุโรปใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยในเครือข่าย 5G มร. เหริน ได้กล่าวทิ้งท้ายว่าตนมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า “ทุกประเทศจะเห็นและตัดสินใจเลือกได้เอง”


 

Categories
Auto คุณทำเองได้ (DIY)

แบบการเชื่อมต่อสายวิทยุรถยนต์แบบ 2DIN กับปลั้กตรงรุ่นของ Toyota Avanza 2012

หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องการติดตั้งหรือเปลี่ยนเครื่องเล่นวิทยุรถยนต์ด้วยตัวเอง บทความนี้มีคำตอบให้คุณครับ หรือกระทั่งคนที่ติดแล้วแต่คอนโทรลพวงมาลัยดันใช้งานไม่ได้เราก็มีคำตอบให้เช่นกัน

ในที่นี้อ้างอิงกับเครื่องวิทยุรถยนต์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ยี่ห้อ Alpha Coustic รุ่น MP-1769 เชื่อมต่อสายกับรถยนต์ Toyota Avanza ปี 2012 รุ่น 1.5S

มาดูที่ผังการเชื่อมต่อสายกันเลย

ภาพการเชื่อมต่อสายระหว่างปลั้กตรงรุ่นและปลั้กของวิทยุเพื่อเตรียมนำไปติดตั้งกับตัวรถยนต์

จากภาพด้านบนจะเห็นสายที่เราต้องรอการนำไปเชื่อมต่อกับปลั้ก 20 PIN ที่ตัวรถดังรูปด้านล่าง

 

ภายแสดงสีของสายคอนโทรลพวงมาลัยของปลั้ก 20PIN ที่เราต้องนำสายจากเครื่องเล่นมาเชื่อมต่อ

สำหรับวิธีการทดสอบเครื่องเล่นและวิธีการบัดกรีไปจนถึงการเก็บสายสามารถ ดูได้ที่ https://youtu.be/XlYswuHAf7g


 

 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อจ. มจพ. ร่วมเวทีปราชญ์ชาวบ้าน เสวนา “นวัตกรรม เพิ่มราคายางพารา”

รศ.ดร. ระพีพันธ์ แดงตันกี รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและอุตสาหกรรมสัมพันธ์ สำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาจารย์สังกัดบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย-เยอรมัน (TGGS) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ได้รับเชิญเปิดเวทีปราชญ์ชาวบ้าน : เสวนา “นวัตกรรม เพิ่มราคายางพารา” ใน“งาน วันยางพาราบึงกาฬ 2563” ระหว่างระหว่าง 12-18 ธันวาคม 2562 จัดเต็มปีที่ 8 กิจกรรม-นวัตกรรมให้ความรู้ ตอกย้ำ “บึงกาฬโมเดล”

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

วิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้งหัวเว่ย: การพรั่งพรูของนวัตกรรมในโลกยุคใหม่

เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานคณะกรรมการบริหารของหัวเว่ยกล่าวไว้ว่า

“โลกยุคใหม่ต้องอาศัยความร่วมมือที่เปิดกว้างจากทั่วโลก”

วิสัยทัศน์ปี 2563

หัวเว่ยมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่ามนุษยชาติจะก้าวเข้าสู่โลกที่ชาญฉลาดในอีก 20-30 ปีข้างหน้า ปัจจุบันสังคมของเราเต็มไปด้วยการคิดค้นทฤษฎีและการสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างมากมายมหาศาล แน่นอนว่าโอกาสในการเติบโตมักตามมาด้วยความไม่แน่นอน โลกยังมีอีกหลายคำถามที่ยังรอคนมาตอบ ความร่วมมือที่เปิดกว้างจึงจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาที่เรายังคิดไม่ตก

ในวงการอิเล็กทรอนิกส์ ชิปจะมีขนาดลดลงเรื่อย ๆ จนอาจจะเหลือเพียงสามหรือแค่หนึ่งนาโนเมตรเท่านั้น วิวัฒนาการนี้จะยังคงเป็นไปในทิศทางที่เรายังไม่อาจคาดเดาได้ แม้กระทั่งกฎของมัวร์ก็กลับกลายเป็นเรื่องล้าสมัยไปแล้ว แต่ก่อนเราเคยเชื่อว่ากราฟีน (Graphene) จะเป็นตัวขับเคลื่อนวิวัฒนาการในยุคปัจจุบัน แต่ในวันนี้ เราไม่แน่ใจแล้วว่าความคิดนี้จะยังเป็นจริงอยู่ไหม

ในอีกสองถึงสามทศวรรษข้างหน้า เราจะได้ประจักษ์การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ด้านเทคโนโลยีทางพันธุกรรม ซึ่งจะเร่งให้เกิดความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในแวดวงวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ และเวชศาสตร์นาโน แต่เรายังไม่ทราบแน่ชัดว่าการพัฒนาที่สำคัญเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของเราไปในรูปแบบใด วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับโมเลกุลสามารถนำไปใช้สังเคราะห์และสร้างสรรค์เป็นวัสดุที่ยังไม่มีมาก่อนในโลก ไม่มีทางที่จะบอกได้ว่าจะมีวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ ๆ แบบใดเกิดขึ้นมา แต่สิ่งที่เรารู้อย่างแน่ชัด คือจะมีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไปใช้อย่างกว้างขวาง แต่ก็ยังคาดเดาไม่ได้ว่า AI จะผลักดันสังคมให้ก้าวไปในทิศทางใดและสร้างความมั่งคั่งให้มากกว่านี้ด้วยวิธีใดบ้าง

การคิดค้นและการใช้งานอย่างแพร่หลายของระบบควอนตัมคอมพิวเตอร์จะกระตุ้นให้เกิดการล้นทะลักของการรับส่งข้อมูล ถึงแม้จะรู้ว่าโลกจะได้รับผลกระทบจากดาต้าจำนวนมหาศาล แต่สิ่งต่างๆ ก็อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็เป็นได้ นอกจากนี้แล้ว จะมีการนำเทคโนโลยีออปติกไปใช้อย่างแพร่หลายในโดเมนต่าง ๆ ด้วย

ความก้าวหน้าในการสร้างกฎข้อบังคับของเทคโนโลยีแต่ละแขนงกำลังสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในอัตราที่น่าประหลาดใจ แต่ผลลัพธ์ที่ได้จากความก้าวหน้าทางด้านสหวิทยาการนั้นกลับน่าประหลาดใจยิ่งกว่า นวัตกรรมแห่งอนาคตทั้งหลายเหล่านี้จะมาพร้อมกับการเติบโตอย่างมหาศาลของทราฟิกข้อมูล เรายังคาดการณ์ไม่ได้ว่าเราจะต้องใช้ที่จัดเก็บข้อมูลขนาดเท่าใด หรือระบบส่งถ่ายข้อมูล และการประมวลผลข้อมูลปริมาณขนาดใหญ่มหาศาลมากเพียงใด สิ่งที่เรารู้แน่ ๆ ก็คือว่า ข้อมูลจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จะถูกจัดเก็บและประมวลผลบนคลาวด์ แต่เราจะมีช่องทางจัดการกับข้อมูลจำนวนมากนี้ได้อย่างไร

สรุปสั้น ๆ คือ เรายังไม่รู้ว่าโครงสร้างของสังคมของเราจะเป็นอย่างไร เราจะปรับตัวรับมือกับมันอย่างไร หรือแม้แต่จะควบคุมมันอย่างไร แนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งหมดกำลังค่อยๆ เผยโฉมให้เราเห็น คลื่นลูกใหม่ทางนวัตกรรมเทคโนโลยีจะมีลักษณะเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ที่ขยายการพัฒนาออกไปสู่ศาสตร์อื่นๆ ที่หลากหลาย เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศได้กลายเป็นพื้นฐานสำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมในหลากหลายแนวทางปฏิบัติ แถมยังกลายเป็นรากฐานสำหรับการพัฒนาในทุกอุตสาหกรรมอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ เราต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของสังคมแห่งข้อมูลข่าวสารให้แข็งแกร่งมากขึ้น โดยโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นนั้นแบ่งออกเป็นด้านแข็ง (เทคโนโลยีที่จับต้องได้) และ ด้านอ่อน (กฎและทักษะที่เรานำไปใช้)

ในโครงสร้างพื้นฐานด้านแข็ง เรามีเครือข่ายออปติกและที่ขาดไม่ได้ก็คือ เทคโนโลยี 5G รวมไปถึง 6G ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดย AI จะต้องพึ่งเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารหลายรูปแบบ และจะพัฒนาต่อไม่ได้เลยหากไม่มีการขยายขีดความสามารถของเทคโนโลยีด้านข้อมูลไปเรื่อย ๆ หากจะเปรียบเทียบก็คือ AI เป็นดั่งรถแรง ๆ ที่วิ่งด้วยความเร็วสูงคันหนึ่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศก็ต้องเป็นไฮเวย์ที่มาคอยรองรับความแรงของรถคันนี้

สำหรับโครงสร้างด้านอ่อน เรามีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ มีกฎระเบียบและแนวทางปฏิบัติต่างๆ หัวใจสำคัญอยู่ที่บุคลากรที่มีความสามารถครบครัน เราจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ได้ต่อเมื่อทุกประเทศร่วมกันส่งเสริมและผลักดันการศึกษาอย่างเต็มที่ พร้อมกับการพัฒนาผู้มีความสามารถรอบด้านด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เปิดอิสระด้านการศึกษาและส่งเสริมอิสรภาพทางความคิด

ให้ดาต้านำทางเราไป

โลกปัจจุบันกำลังยืนอยู่หน้าประตูสู่โลกยุคใหม่อันชาญฉลาด หัวเว่ยต้องเลือกบทบาทหน้าที่ในโครงสร้างของสังคมใหม่ในอีก 20 ถึง 30 ปีข้างหน้านี้ เรารู้ว่าปริมาณทราฟิกของข้อมูลจะมีปริมาณมากมายเหลือล้นในอนาคต ดังนั้นแนวทางด้านกลยุทธ์ของเราจะเน้นในด้านของการจัดช่องทาง การกระจาย การจัดเก็บ และการประมวลผลข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลนี้ นี่จะเป็นสิ่งที่เราจะให้ความสำคัญในระยะยาว เราต้องมุ่งมั่นอยู่บนเส้นทางที่เลือก พร้อมๆ ไปกับการปรับตัวและพร้อมตั้งรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นบนทางสายดังกล่าวด้วย

ฤดูใบไม้ผลิอันสดใสงดงามไม่ได้เกิดขึ้นจากการเบ่งบานของดอกไม้เพียงดอกเดียว ในสังคมของข้อมูลข่าวสารที่มีความเคลื่อนไหวตลอดเวลานี้ เราไม่ควรไปห้ามไม่ให้ดอกไม้ช่อใดหยุดแสดงความงดงามของตน ที่หัวเว่ย เรายังคงทำงานร่วมกับบริษัทมากมายทั่วโลกเพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง และแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน เรายึดมั่นและสนับสนุนโลกาภิวัฒน์มาโดยตลอดและจะยังคงเปิดกว้างและร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อแบ่งปันความสำเร็จกับทุก ๆ คนในโลกใบนี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ไพโอเนียร์” เปิดตัวจอทีวีติดรถยนต์แห่งปี 2020 กับ “Smart Unit Receiver” เพื่อไลฟ์สไตล์การขับขี่ที่สนุก สะดวก ให้คุณไม่พลาดทุกการอัพเดทบนโลกออนไลน์

บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดความบันเทิงติดรถยนต์คุณภาพระดับโลก จัดแสดงสินค้าและเทคโนโลยีแห่งปี 2020 ในงาน Thailand International Motor Expo 2019 พร้อมเปิดตัวเครื่องเล่นพร้อมจอติดรถยนต์มัลติมีเดียรุ่นใหม่ล่าสุด Smart Unit Receiver หน้าจอขนาด 8 นิ้ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบเหนือระดับครั้งแรกในโลกที่เครื่องเล่นมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android OS 9 ลิขสิทธ์แท้ รวมถึงได้มาตรฐานการผลิต In-Car Specification พร้อมยกระดับสู่การเป็นสุดยอด World First Japanese Brand ที่พัฒนาหน้าจอทีวีติดรถยนต์แบบถอดแยก เสมือนการใช้งานแท็บเล็ตได้เป็นรายแรก เพื่อให้คุณใช้แอพพลิเคชันชื่อดังที่ชื่นชอบได้ทุกที่ทุกเวลา สามารถใช้งานเครื่องเล่นได้ทั้งในรถยนต์และถอดใช้ในบ้านหรือสำนักงานได้อย่างสะดวกสบาย

มร.ไดสุเกะ ทาเคคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการร่วมงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 36 ในปีนี้ว่า “ทุกวันนี้เจ้าของรถยนต์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้ขับขี่ หากแต่ยังมีความหลงใหลในเทคโนโลยีอันทันสมัย และมีความต้องการในการใช้แอพพลิเคชันที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของตนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และอัดแน่นด้วยความบันเทิงอยู่ตลอดเวลา และเรามีความยินดีที่ได้ร่วมงานกับร้านติดตั้งเครื่องเสียงคุณภาพระดับท็อปคลาสอย่างร็อคเก็ตซาวด์ เพื่อจัดแสดงสุดยอดเทคโนโลยีเครื่องเสียงติดรถยนต์ให้ผู้ที่สนใจได้เยี่ยมชมในบูธไพโอเนียร์และร็อคเก็ตซาวด์”

“โดยในปีนี้ไพโอเนียร์ในฐานะผู้นำความบันเทิงติดรถยนต์ของโลก มีความภาคภูมิใจในการเปิดตัว Smart Unit Receiver เครื่องเล่นพร้อมหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ที่ให้คุณเพลิดเพลินไปกับโลกโซเชียล อาทิ รับชม YouTube หรือใช้งานแผนที่นำทางอย่าง Google Map รวมถึงอีกหลากหลายแอพพลิเคชันผ่านระบบปฏิบัติการ Android OS ลิขสิทธ์แท้บน Play Store ซึ่งมีความพิเศษตรงที่หน้าจอสามารถถอดออกจากตัวเครื่องเล่นได้ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานทั้งในบ้าน รถยนต์ หรือแม้กระทั่งในสำนักงานได้ตามต้องการ รวมถึงจอทีวีพร้อมเครื่องเล่นของไพโอเนียร์ ผลิตภายใต้มาตรฐาน In-Car Specification รองรับการใช้งานภายใต้สภาวะที่อุณหภูมิสูงหรือแรงสั่นสะเทือนจากการขับขี่ได้อย่างราบรื่น รวมถึงมีคุณภาพเสียงระดับโลกตามมาตรฐานไพโอเนียร์ ซึ่งทำให้ไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่รถยนต์ สนุก ปลอดภัย และสะดวกสบายกว่าเดิม” มร.ไดสุเกะ กล่าวเพิ่มเติม

ด้าน นายพลวัฒน์ ก่อเกียรติตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร็อคเก็ตซาวด์ จำกัด กล่าวว่า “ในปีนี้ทางร็อคเก็ตซาวด์ได้รวบรวมสุดยอดเทคนิคการติดตั้งความบันเทิงติดรถยนต์มาจัดแสดงมากมายเช่นที่ผ่านมา ทั้งนี้เพื่อรองรับการติดตั้งระบบต่างๆ ของเครื่องเสียงติดรถยนต์ให้สามารถทำงานร่วมกับแอพพลิเคชันใหม่ๆ บนโทรศัพท์สมาร์ทโฟนทุกรุ่น จึงได้นำรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่ติดตั้งเครื่องเสียงมาโชว์มากกว่า 10 คัน อาทิ Mazda 3, Honda Civic, Toyota Fortuner, MG ZS และ Benz CLS 250 เป็นต้น”

นอกจากนี้ร็อคเก็ตซาวด์และไพโอเนียร์ยังจัดโปรโมชั่นสมนาคุณสุดพิเศษให้แก่ลูกค้าคนรักเครื่องเสียงติดรถยนต์โดยเฉพาะ เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงกับแคมเปญ New Year Celebration Sale 2020 ที่ยกขบวนมาทั้ง ฟรีบัตรน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท โดยส่งรายละเอียดเพื่อรับบัตรได้ทางไลน์แอพพลิเคชั่น @pioneerth การผ่อน 0% นาน 10 เดือน และส่วนลดมากกว่า 40% ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเป็นเจ้าของเครื่องเสียงติดรถยนต์ไพโอเนียร์ในรุ่นที่ต้องการ

ลูกค้าที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของผลิตภัณฑ์สุดล้ำและโปรโมชั่นสุดพิเศษ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ไพโอเนียร์ โทร. 02-717-0300 หรือ Line @pioneerth, เว็บไซต์ www.pioneer-thailand.com, เฟสบุคแฟนเพจ PioneerElectronicsThailand และยูทูปแชนแนล Pioneer TH หรือ ไมโครโซต์ Pioneer Certified Installer www.pioneerpci.com


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

‘บมจ. แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้’ เผยทำกำไรสุทธิ 570 ล้านบาท จาก 3 ไตรมาส พร้อมเปิดแผนหนุนพลังงานทดแทนไทยให้เติบโตจากการขยายกำลังการผลิต

‘บมจ. แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้’ ผู้นำด้านพลังงานสะอาด หรือ ACE ระบุกำไรสุทธิตลอด 3 ไตรมาสว่ามีมูลค่าเท่ากับ 570 ล้านบาท ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 140.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561 โดยมีแหล่งที่มาของกำไรจากการขายไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น การควบคุมต้นทุนในการจัดหาเชื้อเพลิง และการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต พร้อมได้เปิดเผยแผนเพิ่มกำลังการผลิตและปัจจัยบวกจากการคืนสัญญา PPA

บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE สรุปการดำเนินงานตลอด 3 ไตรมาส โดยระบุว่า มีรายได้จากการขายไฟฟ้าและการให้บริการ และรายได้จากสัญญาเช่าการเงินภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าสำหรับงวดเก้าเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2562 จำนวน 3,707.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 135.8 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการดำเนินงานในช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่มีรายได้ 3,571.6 ล้านบาท โดยโรงไฟฟ้าชีวมวลมีตัวเลขรายได้ จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 7.5 ล้านบาท จากการบริหารให้สามารถเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้มีหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตสะสมรวมเก้าเดือนสำหรับ ปี 2562 มากกว่า ปี 2561 ทั้งนี้ กำไรสุทธิตลอดทั้ง 3 ไตรมาสมีมูลค่าเท่ากับ 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 140.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.8 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561

โดยนายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE เปิดเผยว่า บริษัทฯ ถือเป็นผู้นำด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย และเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตไฟฟ้าชีวมวลส่งขายให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาครายใหญ่ในประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความสามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอื่น ๆ เช่น โรงไฟฟ้าขยะชุมชน โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้ารูปแบบอื่น เช่น โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถด้านการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งรวมเป็นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 2567 และกำหนดวิสัยทัศน์เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดต้นแบบของโลกที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และผู้ถือหุ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ACE กล่าวว่า ปัจจุบัน บมจ.แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 14 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 212.18 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รวมทั้งสิ้น 166.5 เมกะวัตต์ และมีการขายไฟฟ้าให้ภาคเอกชนอีก 2.73 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่ามีความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล ขยะชุมชน และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ก๊าซธรรมชาติ ที่เป็นพอร์ตธุรกิจหลัก

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบันมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อยู่ระหว่างขอคืนสัญญาขายไฟฟ้า และอยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมการเข้าซื้อหุ้น รวมทั้งสิ้น 19 โครงการ ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 209.19 เมกะวัตต์ และมีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟผ. และ กฟภ. รวม 168.71 เมกะวัตต์ ทั้งนี้โรงไฟฟ้า 19 โครงการ ดังกล่าว แยกเป็น 1.โครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 8 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 100.29 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟผ. และ กฟภ. รวม 80.71 เมกะวัตต์ และขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเอกชน 2.29 เมกะวัตต์ 2.โครงการที่อยู่ระหว่างการขอคืนสัญญาขายไฟฟ้า 10 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 99 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟภ. รวม 80.00 เมกะวัตต์ และ 3.โครงการที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างพิจารณาความเหมาะสมในการเข้าซื้อหุ้นอีก 1 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 9.90 เมกะวัตต์ มีปริมาณไฟฟ้าเสนอขายตามสัญญา PPA กับ กฟภ. รวม 8.00 เมกะวัตต์ ที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

นักวิจัย มจพ. ปลื้ม คว้า 1 ทอง 2 ทองแดง งาน SIIF2019 กรุงโซล เกาหลีใต้

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เป็นปลื้ม คว้า 1 เหรียญทอง 2 เหรียญทองแดง จากงานแสดงผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์นานาชาติ Seoul International Invention Fair 2019 หรือ SIIF 2019 ที่ได้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ณ COEX กรุงโซล เกาหลีใต้

ผลงานที่ได้รับรางวัลมี 1 เหรียญทอง 1 Special Prize (ซาอุฯ) ได้แก่
ผลงานชื่อ Anti-Ant and insect Masterbatch – มาสเตอร์แบช ผลิตภัณฑ์ป้องกันมดและแมลง โดย รศ.ดร.ระพีพันธ์ แดงตันกี

TGGS 2 เหรียญทองแดง ได้แก่
1. Simulation Pregnancy Box Model – หุ่นจำลองการตั้งครรภ์มารดา โดยนายอาวุธ แจ้งมณี นายพุฒิพัฒน์ แสงทอง อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.พยุง เดชอยู่ คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์

2. Catta Eco Litter – ผลิตภัณฑ์ทรายแมวจากมันสำปะหลัง โดยนส.นิษฐา ทรายแก้ว นส.กมลชนก ปัญโญ อาจารย์ที่ปรึกษา ผศ.ดร.พีรพงษ์ พรวงศ์ทอง คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)

ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับทุกท่าน ที่สร้างชื่อเสียงมาสู่รั้ว มจพ. อีกครั้ง

ขวัญฤทัย ข่าว -ภาพ


 

Exit mobile version