เปิดตัว JOBYES เว็บไซต์หางานแห่งใหม่ กับแคมเปญ One for Many หนึ่ง เรซูเม่ของผู้สมัครมีค่าเท่ากั
“เป้าหมายของเว็บไซต์ Job yes นอกจากจะก้าวขึ้นไปเป็นเว็บไซต์
เว็บไซต์หางาน จ็อบเยส มีพาร์ทเนอร์สำคัญคือบริษัทจั
เปิดตัว JOBYES เว็บไซต์หางานแห่งใหม่ กับแคมเปญ One for Many หนึ่ง เรซูเม่ของผู้สมัครมีค่าเท่ากั
“เป้าหมายของเว็บไซต์ Job yes นอกจากจะก้าวขึ้นไปเป็นเว็บไซต์
เว็บไซต์หางาน จ็อบเยส มีพาร์ทเนอร์สำคัญคือบริษัทจั
งานนวัตกรรม “ระบบต้นแบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบพึ่งพาตนเอง” (HYBRID RENEWABLE POWER SYSTEM) คว้ารางวัลชนะเลิศ ระดับนานาชาติที่ได้รับในการตีพิมพ์วารสารนานาชาติ (HUTCHISON’S MEDALS AND PRIZES) ผลงานอาจารย์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ กทม. และคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง เป็นรางวัลระดับ INTERNATIONAL ที่มี IMPACT ผลงาน HUTCHISON MEDAL ของ ICHEME เป็นงานวิจัยร่วมของ CHE และ CPE ทั้งนี้จะมีพิธีมอบรางวัลในที่ประชุม ICHEME โดยจะจัดขึ้นในปี 2562 นวัตกรรมต้นแบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบพึ่งพาตนเองนี้ ตอบโจทย์ในเรื่องเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอัจฉริยะ และพลังงานทางเลือกที่นำระบบชุดควบคุมเทคโนโลยีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอัจฉริยะ เทคโนโลยีเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ และเทคโนโลยีการกักเก็บไฟฟ้าจากระบบแบตเตอรี่ชนิดลิเธี่ยม สามารถผลิตกระแสฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยมีราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่า FT เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในการหันมาใช้พลังงานสะอาด
ทีมนักวิจัย ประกอบด้วย (1) ผศ.ดร.ปิยะพงศ์ หรรษ์ภิญโญ (2) รศ.ดร. ภาวนี นรัตถรักษา (3) อาจารย์บพิธ ฉุยฉาย (4) คุณ อภิชาติ มีชัย (5) คุณ เกษียร สุขีโมกข์ (6) อาจารย์ สมพล โคศรี (7) ผศ.ดร. ชัยวัฒน์ ประไพนัยนา (8) DR. PEAM CHEALI ASSOCIATE PROFESSOR และ (10) DR. GÜRKAN SIN
“ระบบต้นแบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบพึ่งพาตนเอง” ที่มาและปัญหาคือ ปัญหาของค่า FT เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระปัญหาอัตราค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นตาม ส่งผลให้ประชาชนหันมาติด SOLAR PV PANEL เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังพบเจอปัญหาที่ไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชม. เพราะประสิทธิภาพของ SOLAR PV SYSTEM นั้นขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ อันเนื่องมาจากสภาวะอากาศแปรปรวนท้องฟ้ามีเมฆปกคลุม และความเข้มแสงน้อย และถึงแม้ว่าจะมีการนำเทคโนโลยีแบตเตอรี่เข้ามาช่วยกักเก็บไฟฟ้า แต่ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติอยู่ดี นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เกิดนวัตกรรมผสมผสาน ระบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบพึ่งพาตนเอง
ประกอบด้วย
1.) เทคโนโลยีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอัจฉริยะจากชีวมวลเหลือทิ้ง (SMART SYNGAS GENERATOR)
2.) เทคโนโลยีเซลล์พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีใช้อยู่ทั่วไป (CONVENTIONAL SOLAR PV PANELS)
3.) เทคโนโลยีการกักเก็บไฟฟ้าจากระบบแบตเตอรี่ชนิดลิเทียม (LITHIUM-ION BATTERIES) และ
4.) ระบบชุดควบคุมอัจฉริยะ (SMART CONTROL SYSTEM)
หลักการทำงาน มี 3 ส่วนคือ
1. ON SUNSHINE DAYS
2. ON CLOUDY DAYS และ
3. AT THE NIGHT TIMES
ระบบต้นแบบฯ มีลักษณะที่โดดเด่น โดยสามารถใช้ร่วมกับระบบผลิตกระแสไฟฟ้าได้หลากหลาย เช่น เครื่องกำเหนิดไฟฟ้าชีวมวล กังหันลม กังหันน้ำ และแผงโซลาร์เซลล์ สามารถผลิตกระแสฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ลดต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยมีราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่า FT ที่ภาครัฐซึ่งเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ระบบสามารถปรับเปลี่ยนเพื่อผลิตความร้อน เพื่อนำมาใช้ภายในครัวเรือได้ และระบบง่ายต่อการใช้งาน มีวิศวกรดูแล ให้คำปรึกษา และรับประกัน 3 ปี นอกจากนี้ยัง พบว่า ระบบ HYBRID RENEWABLE POWER SYSTEM สามารถเพิ่มเสถียรภาพ (STABILITY) และความน่าเชื่อถือ (RELIABILITY) ให้กับระบบพลังงานทางเลือก เพื่อพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนของธรรมชาติ อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคในการหันมาใช้พลังงานสะอาด เพิ่มมากยิ่งขึ้น ในการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอัจฉริยะ ยืนยันด้วยหลักฐานทางวิชาการของแบบจำลอง โดยวางกรอบการทำงานให้ทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายสำรอง รับมือกับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ผลของการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศ โดยผสมผสานระบบ (SYNCHRONIZED SYSTEM) การจ่ายกระแสชาร์ตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบกักเก็บพลังงานโดยตรง เพื่อรักษาระดับ SOC และรักษาเสถียรภาพของการทำงานของประจุภายในแบตเตอรี่ และในบางครั้งทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายหลัก หากเกิดเหตุล่มของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่พ่วงกับระบบกักเก็บพลังงาน มุ่งพัฒนาและปรับปรุงระบบโครงข่ายไฟฟ้าแบบพึ่งพาตนเอง
สอบถามรายละเอียด นวัตกรรมได้ที่ ผศ.ดร.ปิยะพงศ์ หรรษ์ภิญโญ 080-044-9344 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.icheme.org/knowledge/medals-and-prizes/publications
เอดิสัน มอเตอร์ สตาร์ทอัพไทย – สตาร์เลียน โรงงานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ – เวิลด์ลีส สินเชื่อเช่าซื้อ – ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย Sustainable Banking ผนึกกำลังผลักดันพลังงานสะอาดหวังเปลี่ยนเพื่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอันยั่งยืน ด้วยการร่วมสนับสนุนมอเตอร์ไซค์พลังงานไฟฟ้า ที่เพิ่งเปิดตัวในงาน Mobile & EV Expo จัดโดย DTAC เพื่อบุกเบิกกระแสรถไฟฟ้าให้เกิดขึ้น ล่าสุด กลุ่มซีไอเอ็มบี ไทยได้เข้ามาเป็นผู้นำปล่อยกู้ ‘สินเชื่อไร้ฝุ่น’ โดยสนับสนุนสินเชื่อทั้งมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Edison Motors แบรนด์ของสตาร์ทอัพไทย และ TAILG (ไถ่หลิน) มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแบรนด์ดังติดอันดับ 2 ของจีน ซึ่งทั้ง 2 แบรนด์นี้ได้จับมือกับทางสตาเลียน ให้เป็นโรงงานผู้ผลิต โดยทุกภาคส่วนร่วมมือกันสนับสนุนรถไฟฟ้า พร้อมแหล่งทุน โดยหวังผลักดันพลังงานสะอาด เพื่อสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่
นายณัฐพัชร เลิศวิริยะสวัสดิ์ Co-Founder/ CEO บริษัท เอดิสัน มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน 99% ของรถจักรยานยนต์ในประเทศไทยใช้พลังงานน้ำมัน แม้จักรยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ EV) จะเข้ามาไทยกว่า 10 ปีแล้วก็ตาม เป็นที่มาของการก่อตั้ง Edison Motors สตาร์ทอัพคนไทยขึ้นอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ภายใต้การนำของสองวิศวกรรุ่นใหม่ในปี 2560 ที่ต้องการสร้างรถ EV เพื่อเปลี่ยนมุมมองเดิมของตลาดที่มองว่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าขับขี่ได้เพียงระยะใกล้ ใช้เวลาชาร์จนาน ประสิทธิภาพโดยรวมน่าผิดหวัง ไม่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
“เรานำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีที่สุดจากทุกมุมโลกผสานเข้ากับเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการก้าวสู่การเป็นสัญลักษณ์ระดับโลกแห่งวงการรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เกิดเป็นมอเตอร์ไซค์ EV รุ่น Edison VOLTA ที่สามารถขับขี่ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระยะทางไกล 150 กิโลเมตร โดยใช้เวลาชาร์จไฟฟ้าไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง ขับขี่ได้เร็วขึ้น ยั่งยืนขึ้น มีความคุ้มค่า ประหยัดต้นทุนพลังงานทั้งของผู้ใช้เองและส่วนรวมในระยะยาว ทั้งจากต้นทุนพลังงานไฟฟ้าที่ถูกกว่าน้ำมัน รวมถึงต้นทุนด้านการซ่อมบำรุง และสมรรถนะการใช้งานที่ดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดีต่อชั้นบรรยากาศและไม่สร้างมลพิษทางเสียงอีกด้วย EV เป็นทางออกอันสมบูรณ์แบบเพื่ออนาคตที่ดีกว่า รถ EV 1 คัน ช่วยประหยัดต้นทุนพลังงานได้ 0.92บาท/กิโลเมตร ลดมลพิษ CO2ได้ 3.5g/km ถ้ามีคนใช้ EV เพิ่มเป็น 10,000 คัน จะช่วยประหยัดต้นทุนพลังงานได้ 9,200 บาทต่อกิโลเมตร ลดมลพิษ CO2ได้ 35,000 g/km ยังไม่รวมถึง NOx ที่เป็นแก๊สอันตรายต่อสุขภาพและทำให้เสียชีวิตได้ โดยรถน้ำมันผลิตอยู่ที่ 1.8g/km” นายณัฐพัชร กล่าว
ยิ่งไปกว่านั้น Edison VOLTA มาพร้อมนวัตกรรมด้านคุณสมบัติใหม่ของตัวรถ ทั้งระบบ Battery Swap System (BSS) ทำให้รถชาร์จไฟฟ้าได้ทั้งแบบ on-board และ off-board ระบบ Body Swap Design (BSD) ส่งผลให้ตัวถังรถสามารถอัพเดทรุ่นและปรับแต่งแก้ไขได้ รวมไปถึงระบบเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน EDDI Connect บนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ เข้าถึงพลังของสมาร์ทโฟนไปพร้อมกับประสบการณ์การขับขี่ ต่อยอดธุรกิจได้ในอนาคต เพราะรองรับการติดตั้งแอปพลิเคชั่นจำเป็นและยอดฮิตที่ผู้บริโภคนิยมใช้ มี GPS ระบุตำแหน่ง ช่วยให้ธุรกิจนำไปบริหารจัดการได้ดีขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์
ล่าสุด รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า VOLTA ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพทางวิศวกรรมจากทีมงานสถาบันยานยนต์ไทยและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับการรับรองให้ใช้งานบนท้องถนนของไทยอย่างเป็นทางการ รวมถึงการทดสอบการขับขี่บนถนนเป็นระยะทางรวม 2,000 กิโลเมตรนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนรวม ซึ่งทางเอดิสันจับมือกับสตาร์เลียนให้เป็นโรงงานผลิตให้
นางอารีรัตน์ ศรีประทาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร The Stallions เปิดเผยว่า สตาร์เลียนเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนการผลิต Edison VOLTA ซึ่งหลังจากเปิดตัวไปเริ่มมีผู้สนใจเข้ามาสั่งจองแล้ว และคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการพัฒนาไม่เกิน 6 เดือน พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าได้ภายในเดือนกันยายน 2562 ขณะเดียวกัน สตาร์เลียนยังเป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ไถ่หลิง นำเข้าจากประเทศจีนอีกด้วย เนื่องจาก EV ยังไม่ได้รับความนิยมในวงกว้าง บริษัทจึงเสนอทางเลือกที่หลากหลาย ไปพร้อมกับการศึกษาตลาด เรียนรู้ผู้บริโภค และปรับตัว เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ทุกวันนี้ องค์กรส่วนใหญ่ต่างทำ CSR เพื่อตอบแทนสังคม แต่ความร่วมมือในครั้งนี้ ธุรกิจนี้เป็น CSR ในตัวเอง
“เราเข้ามาสนับสนุนสตาร์ทอัพคนไทย เราสัมผัสได้ถึง mindset ของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มุ่งธุรกิจอย่างเดียว แต่ตระหนักถึงผลประโยชน์รวมของสังคมและความยั่งยืน ยกตัวอย่าง การออกแบบตัวรถที่ยืดหยุ่นต่อการปรับเปลี่ยน เพียงเปลี่ยนหน้ากากก็เหมือนได้รถใหม่โดยไม่จำเป็นต้องซื้อรถใหม่ ในระยะแรกมอเตอร์ไซค์ EV มีสนนราคาตั้งแต่ 40,000-120,000 บาทต่อคัน ซึ่งเราได้รับความร่วมมือจากบริษัท เวิลด์ลีส ที่ตระหนักถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้” นางอารีรัตน์ กล่าว
นายทวีพล เจริญกิตติคุณไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์ลีส จำกัด (WL) ผู้ให้บริการสินเชื่อรถจักรยานยนต์ ในกลุ่มธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมสนับสนุนรถ EV ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ แม้จะเป็นตลาดใหม่ แต่เป็นตลาดที่ต้องศึกษาเรียนรู้ไปด้วยกัน และตลาดคงเกิดไม่ได้หากขาดผู้ให้บริการสินเชื่อ ซึ่งบริษัทต้องการส่งเสริมพลังงานสะอาด จึงได้เตรียมโปรแกรม ‘สินเชื่อไร้ฝุ่น’ สำหรับเช่าซื้อรถจักรยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 1.5% ต่อเดือน ถูกกว่าอัตราดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ทั่วไปในท้องตลาด ที่ 1.9% ต่อเดือน ผ่อนนานสูงสุด 4 ปี โดยมีธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เป็นอีกหนึ่งช่องทางให้บริการสำหรับลูกค้าที่สนใจ
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการสินเชื่อไร้ฝุ่นสอดคล้องกับพันธกิจของธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และกลุ่มซีไอเอ็มบี ที่ต้องการทำ Sustainable Banking วันนี้ระบบขนส่งแห่งโลกยุคใหม่เพื่อความยั่งยืนจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้คิดค้น ผู้จำหน่าย ผู้สนับสนุนแหล่งทุน และที่สำคัญที่สุด คือ ผู้ใช้ กลุ่มเป้าหมายของเราในระยะแรก คือ ลูกค้าองค์กรและผู้ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง พร้อมรับเทคโนโลยีใหม่ แต่ในระยะยาว ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือ ทุกคน
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
Research and Development of Automated Storage and Retrieval System (AS/RS) Component ให้กับบริษัทระยองวิศวกรรมและซ่
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวิจั
เมื่อวันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 6.30 – 16.00 น. ณ บริษัท นวพลาสติกอุตสาหกรรม จำกัด จังหวัดระยอง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
กิจกรรมความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่
ขวัญฤทัย ข่าว/ดร.ปิยลักษณ์ ภาพถ่าย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
ขอเชิญคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาที่สนใจ เข้าร่วมฟังบรรยายพิเศษ ดังกล่าวได้ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติ่
ขวัญฤทัย ข่าว/วฉวีวรรณ ภาพถ่าย
คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
1. สื่อประกอบการเรียนการสอนนวั
2. การสอนวิชาทฤษฎี (กลุ่มสาขาวิชาอุตสาหการ/การผลิ
3. การสอนวิชาทฤษฎี ( กลุ่มสาขาวิชาคอมพิวเตอร์) และ
4. การแข่งขันประเภทรีวิ
โดยได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร. สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
การแข่งขันดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ การแข่งขันประเภทการสอนของกลุ่
(1) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
(2) คณะครุศาสตร์อุ
(3) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุ
(4) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
(5) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธั
(6) คณะครุศาสตร์อุ
(7) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอี
(8) คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุ
(9) คณะครุศาสตร์อุ
(10) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็
นางสุรางคณา วายุภาพ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุ
การจัดงานในครั้งนี้ ยังได้มีการเปิดตัว “Young talent Platform” เพื่อรองรับ Workforce โดยระดมสมองจากกลุ่มผู้เชี่
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการขับเคลื่
ขณะเดียวกัน ยังก่อให้เกิดความร่วมมือทางธุ
การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซดั
“เทรนด์การทำตลาดอีคอมเมิร์ซหลั
ทั้งนี้ ETDA ยังเตรียมต่อยอดความสำเร็
สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทั
โดยแนวคิดการออกแบบมาสคอต ประจำอาคารแสดงประเทศไทยนั้น ได้รับแรงบั
ชื่อมาสคอต ภายใต้ชื่อ“รัก” ในภาษาอังกฤษได้ดัดแปลงเขียนให้
สำหรับผู้สนใจเป็นส่วนหนึ่
สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดงานครบรอบ 20 ปี ชูแนวคิด “ขับเคลื่อนสู่มาตรฐานและนวัตกรรม” (Driving Toward Standardization and Innovation) พร้อมพิธีเปิดอาคารปฏิบัติการทดสอบ 5 หวังรองรับการขยายงานบริการมาตรฐานและทดสอบในอนาคต หนุนอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวสู่ Smart Electronics เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มเชื่อมโยงและต่อยอดไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น เช่น Smart Farming, Smart Health, Smart Factory, Smart Vehicle เผยข้อมูลส่งออกสินค้าไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ปี 2561 มีมูลค่า 62,108.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.16 คาดปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.26 หรือมีมูลค่าราว 64,133.26 ล้านเหรียญสหรัฐ เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดส่งออกหลักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ปาฐกถาพิเศษในงาน 20 ปี สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เรื่อง “อุตสาหกรรมไทยกับการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคตและนวัตกรรม (Thai Industry : Industry Transformation and Innovation)” ว่าสถานการณ์ของโลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงผันผวน โดยเฉพาะในเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่เข้ามามีบทบาทต่อการใช้ชีวิตของประชากรโลก และเข้ามามีบทบาทต่อภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นยุคที่เรียกว่า Disruptive Technology เทคโนโลยีจะเข้ามาก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้แต่ละประเทศต้องคิดกลยุทธ์เพื่อรักษาระดับความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศตนเอง โดยเร่งสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้กับประเทศในทุก ๆ ด้าน ต้องมีการปรับเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพ เป็นการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม และปรับเปลี่ยนจากการให้บริการพื้นฐานเป็นบริการที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูง
นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
“อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่สำคัญ ซึ่งไทยเป็นฐานการผลิตมานานกว่า 40 ปี และเป็นห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก จากการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปโดยเน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมมากขึ้น อุตสาหกรรมไฟฟ้าฯ จึงต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างสู่ Smart Electronics ให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมโยงไปกับแทบทุกอุตสาหกรรมในอนาคต โดยจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหลายๆ กลุ่มอุตสาหกรรมในรูปแบบต่างๆ อาทิ Smart Farming, Smart Health, Smart Factory, Smart Vehicle เป็นต้น
และเพื่อสนับสนุนให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมของประเทศไทยต่อยอดนวัตกรรมและงานวิจัยไปสู่ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูง กระทรวงฯจึงได้บูรณาการความร่วมมือจากหลายหน่วยงานจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Industry Transformation Center : ITC ) มีการแบ่งปันเครื่องจักรอุปกรณ์จากเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐมาให้บริการแก่ผู้ประกอบการเพื่อเป็นการลดต้นทุนการประกอบกิจการ เป็นศูนย์กลางที่ดึงความหลากหลายของหน่วยงานที่มีความชำนาญด้านการออกแบบและวิศวกรรมจากผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก จากสถาบันเครือข่ายผู้ประกอบการ จากสมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุนต่าง ๆ มาให้บริการแก่ภาคเอกชน ซึ่งมีสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นหน่วยร่วมที่สำคัญ และได้ดำเนินการจัดตั้งห้องปฏิบัติการด้านการออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Design Lab – EDL) เพื่อช่วยส่งเสริม พัฒนา และยกระดับผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะที่ครบวงจร ซึ่งถือเป็นหน่วยงานเครือข่ายของศูนย์ ITC ด้วย”
นายสมบูรณ์ หอตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวชี้แจงถึงข้อมูลสถานการณ์การส่งออกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ว่า ในปี 2561 ภาพรวมมีมูลค่าการส่งออก 62,108.53 ล้านเหรียญสหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.16 แบ่งเป็น 1) สินค้าไฟฟ้า 17,491.67 ล้านเหรียญสหรัฐ(+1.01%) 2) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ 38,063.26 ล้านเหรียญสหรัฐ (+4.27%) และ 3)สินค้าไฟฟ้ากำลัง 6,553.59 ล้านเหรียญสหรัฐ(+2.63%) ทั้งนี้สัดส่วนประเทศตลาดส่งออกหลักในภาพรวม 5 อันดับ ได้แก่ อาเซียน ร้อยละ 18.47(+5.38%) สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 17.89(-2.30%) สหภาพยุโรป ร้อยละ 14.46(+8.64%) ญี่ปุ่น ร้อยละ 11.50(+12.19%) และจีน ร้อยละ 9.03(-0.49%) ตามลำดับ
นายสมบูรณ์ หอตระกูล ผู้อำนวยการสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันเครือข่ายกระทรวงอุตสาหกรรม
โดยสินค้าไฟฟ้าที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ(+9.73%) โดยเฉพาะญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ส่วนสินค้าที่ปรับตัวลดลง อาทิ เครื่องอุปกรณ์สําหรับป้องกันวงจรไฟฟ้า(-3.19%) ปรับตัวลดลงในตลาดส่งออกหลัก อาทิ สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาค่อนข้างมาก ตู้เย็น(-6.59%) ปรับตัวลดลงในจีนค่อนข้างมาก และญี่ปุ่นเล็กน้อย กล้องถ่ายบันทึกภาพ (-3.93%)ปรับตัวลดลงในตลาดส่งออกหลัก อาทิ จีน สหภาพยุโรป และอาเซียน เป็นต้น เนื่องจากผลกระทบมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐอเมริกา และการตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐอเมริกา กับ จีน ทำให้ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหลายรายการปรับตัวลดลง
สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาดส่งออกหลัก ยกเว้นตลาดจีนมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย อาทิ ญี่ปุ่น(+9.56) จากเครื่องโทรศัพท์ วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี (Integrated Circuit) และเครื่องพิมพ์ เครื่องทำสำเนา เป็นต้น และสหภาพยุโรป(+8.91) จากอุปกรณ์ประกอบของเครื่องคอมพิวเตอร์ วงจรรวมและไมโครแอสแซมบลี (Integrated Circuit) และเครื่องพิมพ์ เครื่องทำสำเนา เป็นต้น ส่วนสินค้าไฟฟ้ากำลังปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาดส่งออกหลัก ยกเว้นตลาดสหรัฐอเมริกา อาทิ จีน(+19.71) จากแผงสวิตซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เครื่องเปลี่ยนไฟฟ้า และโซล่าเซลล์ เป็นต้น และญี่ปุ่น(+13.17) จากสายไฟฟ้า ชุดสายไฟ แผงสวิตซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า และเครื่องเปลี่ยนไฟฟ้า เป็นต้น
“สำหรับแนวโน้มปี 2562 ประมาณการว่าภาคการผลิตของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.97 โดยในส่วนของเครื่องใช้ไฟฟ้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.38 และอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.56 ส่วนการส่งออก ในภาพรวมคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.26 หรือมีมูลค่าราว 64,133.26 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าไฟฟ้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.97 และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.55 เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดส่งออกหลักจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอาทิ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และอาเซียน”
ปัจจุบันอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีสถานประกอบการรวมทั้งสิ้น 2,419 ราย แบ่งเป็นขนาดเล็ก 1,503 ราย ขนาดกลาง 530 ราย และขนาดใหญ่ 386 ราย โดยสถานประกอบการขนาดเล็กส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของผู้ประกอบการสัญชาติไทย มีการจ้างงานในอุตสาหกรรมรวมจำนวน 753,357 ราย ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
นายสมบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันไฟฟ้าฯ ได้จัดงานครบรอบ 20 ปี โดยชูแนวคิด “ขับเคลื่อนสู่มาตรฐานและนวัตกรรม” พร้อมจัดพิธีเปิดอาคารปฏิบัติการทดสอบ 5 และจัดแสดงนิทรรศการวิชาการ ภายในบริเวณศูนย์ปฏิบัติการและมาตรฐาน สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นิคมอุตสาหกรรมบางปู
ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา สถาบันฯได้มุ่งมั่นในการดำเนินงานตามภารกิจหลักเพื่อขับเคลื่อน ส่งเสริม และสนับสนุนงานวิชาการและงานบริการ ด้านการมาตรฐาน การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน ได้พัฒนาขีดความสามารถและขยายขอบข่ายการให้บริการด้านการมาตรฐานและการรับรองผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร ซึ่งได้มีการพัฒนาและขยายขอบข่ายการให้บริการด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์ หรือ Product Testing และการสอบเทียบ หรือ Calibration โดยห้องปฏิบัติการทดสอบและการสอบเทียบได้รับการรับรองตามระบบมาตรฐาน ISO/IEC 17025 การบริการด้านการตรวจคุณภาพโรงงาน หรือ Factory inspection โดยได้รับการรับรองตามระบบมาตรฐาน ISO/IEC 17020 และการบริการด้านการรับรองผลิตภัณฑ์ หรือ Product Certification โดยได้รับการรับรองตามระบบมาตรฐาน ISO/IEC 17065 นอกจากนี้ยังได้ดำเนินภารกิจด้านการมาตรฐานระหว่างประเทศ โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยรับรองและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ภายใต้ข้อตกลงร่วม ASEAN EE MRA ทั้งยังได้สมัครเข้าร่วมเป็นหน่วยรับรองและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของ IECEE CB Scheme ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้า (HOUS) กลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์ส่องสว่าง (LITE) และกลุ่มมาตรฐานความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า(EMC)
ขณะเดียวกันยังมีภารกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรม โดยได้ดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการและบุคลากร ฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ทั้งหลักสูตรด้านพื้นฐานทั่วไป หลักสูตรด้านการบริหารจัดการและผลิตภาพ หลักสูตรด้านเทคโนโลยี นับจนถึงปัจจุบัน มีผู้ผ่านการอบรม จำนวนทั้งสิ้นกว่า 190,000 คน รวมทั้งมีภารกิจหลักด้านการดำเนินการศึกษาวิเคราะห์วิจัยเพื่อสนับสนุนการกำหนดนโยบายของภาครัฐ และการพัฒนาจัดทำฐานข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และภารกิจในการบริการเกี่ยวกับระบบรับรองสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรให้แก่ผู้ประกอบการตามมาตรการของรัฐเพื่อสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันและบรรเทาผลกระทบจากข้อตกลงการเปิดเสรีทางการค้าภายใต้กรอบต่างๆ ด้วย
ทั้งนี้การจัดสร้างอาคารห้องปฏิบัติการทดสอบ 5 ขึ้น เพื่อรองรับการขยายขอบข่ายการให้บริการด้านการมาตรฐาน การทดสอบ และการรับรองผลิตภัณฑ์ของสถาบันฯในอนาคตได้อีกอย่างน้อย 3 – 5 ปี อาทิ การทดสอบอุปกรณ์ EV Charger การทดสอบเครื่องปรับอากาศระบบ Multi-Split รวมทั้งรองรับงานมาตรฐานอื่นๆ และ Smart Electronics เป็นต้น