ฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่
โดยฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลั
ฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่
โดยฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลั
มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 41 ปลื้มยอดขาย 4 วันโกยยอด 3,500 ล้านบาท หลังกำลังซื้อผู้บริโภคตัวจริ
มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 41 ปลื้มยอดขายหลังกำลังซื้อยั
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 เปิดเผยถึง ความสำเร็จของการจัดงานมหกรรมบ้
“ตั
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ประธานจัดงานฯ กล่าวเพิ่มเติม จากผลสำรวจของผู้เข้าชมงานครั้
สำหรับงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 จัดโดย 3 สมาคมหลักทางด้านอสังหาริมทรั
โครงการ “มิชลินรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย ใส่หมวกนิรภัย” เป็นกิจกรรมเพื่อชุมชนที่บริษัท สยามมิชลิน จำกัด และ FIA (International Automobile Federation) จัดขึ้นเป็นประจำมาเป็นระยะเวลา 5 ปีแล้ว โดยเป็นส่วนหนึ่
ในปีนี้ ทางบริษัทฯ นำโดยนาย เสกสรรค์ ไตรอุโฆษ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เดินทางไปจัดกิจกรรมส่งเสริ
“SmartHeart presents Thailand International Pet Variety Exhibition ครั้งที่ 9 ตอน Shopaholic”
มหรรมสัตว์เลี้ยงที่เฟี๊ยชที่สุ
สำหรับสัตว์เลี้ยงผู้เลอโฉม แพ็คเกจตรวจสุขภาพสัตว์เลี้
คนรักสัตว์ห้ามพลาด หนึ่งปีมีครั้งเดียว ของแท้ต้องอิมแพ็คจัดเท่านั้น พบกัน วันที่ 3 – 6 ตุลาคม 2562 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ฮอลล์ 7- 8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
กดปุ่มเปิดงานใหญ่แห่งปี “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41”
กว่า 1,000 กว่าโครงการแข่งโปรโมชั่นสุดพิ
กระตุ้นเศรษฐกิจ – เพิ่มโอกาสผู้บริโภคซื้อบ้าน – คอนโดฯ ระหว่าง 12-15 ก.ย.นี้ ชั้น 5 สยามพารากอน
เปิดแล้วงานแสดงที่อยู่อาศั
วันนี้ (12 กันยายน 2562 ) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล ประธานจัดงานมหกรรมบ้
นอกจากนี้ภายในงานมีสถาบั
“งานมหกรรมบ้านและคอนโดเป็นกิ
ในปีนี้งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41 ได้จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Amazing Deals” …. สุดยอดข้อเสนอสำหรับคนอยากมีบ้
ทั้งนี้ “งานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 41” มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 15 กันยายนนี้ ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้
บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี/ 11 กันยายน 2562 – ในงาน ITU Telecom World 2019 หัวเว่ยได้เปิดตัวรายงานเชิงลึก “การใช้งาน 5G” ในระหว่างงานฟอรั่ม “5G+Gigabit: Connecting an Intelligent Future” โดยมี มร. จ้าว โห้วหลิน เลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ และ มร. ลาสซโล พัลโควิคส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของฮังการี ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงาน
รายงานเชิงลึกฉบับดังกล่าวคาดการณ์ถึงลักษณะการใช้งาน 5G ในด้านการขยายศักยภาพของบรอดแบนด์ มีเดีย เอ็นเตอร์เทนเมนต์ การผลิตภาคอุตสาหกรรม และการขนส่งอัจฉริยะ ทั้งยังเรียกร้องให้องค์กรอุตสาหกรรมและหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกช่วยกันส่งเสริมให้เกิดการร่วมสร้างมาตรฐานและกำหนดคลื่นความถี่ ทรัพยากรที่เพียงพอ และสภาพแวดล้อมการทำธุรกิจที่ดีอย่างจริงจัง ให้พร้อมสำหรับการติดตั้งและการใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์ในรูปแบบต่าง ๆ
มร. หยาง เชาปิน ประธานบริหาร กลุ่มผลิตภัณฑ์ 5G ของหัวเว่ย เปิดตัวรายงานเชิงลึกเรื่อง “การใช้งาน 5G”
ที่งานฟอรั่ม ซึ่งหัวเว่ย เทคโนโลยี่ จัดขึ้นในระหว่างงานประชุม ITU Telecom ประจำปี ภายใต้ธีม “5G+Gigabit: Connecting an Intelligent Future” มร. จ้าว โห้วหลิน เลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ และ มร. ลาสซโล พัลโควิคส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของฮังการี ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของเน็ตเวิร์ก 5G
โลกกำลังเร่งนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ การเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศ โอเปอเรเตอร์ 35 รายใน 20 ประเทศทั่วโลกได้เปิดให้บริการ 5G แล้ว และอีก 33 ประเทศได้มีการจัดสรรคลื่นความถี่ 5G เรากำลังเข้าสู่ยุคของ 5G อย่างแท้จริง
ในอนาคต 5G จะเปิดพื้นที่ตลาดและโอกาสการลงทุนมากมายเป็นล้านล้านรายการ ในปี 2578 เทคโนโลยี 5G จะสร้างผลิตผลทางเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นมูลค่าถึง 12.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งร้อยละ 80 จะเกี่ยวเนื่องกับ 5G โดยเฉพาะ รายงานเชิงลึกฉบับนี้ได้พูด 5G ใน 4 แง่มุมด้วยกัน คือ การใช้งานใหม่ๆ มาตรฐาน คลื่นความถี่ และระบบนิเวศในอุตสาหกรรม
ด้วยความก้าวหน้าของการเปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ การใช้งาน 5G ในรูปแบบใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นมากมาย รวมถึง Enhanced Mobile Broadband, เอ็นเตอร์เทนเมนต์บนสื่อ, การผลิตภาคอุตสาหกรรม, การขนส่งอัจฉริยะ เป็นต้น เครือข่าย 5G สามารถให้บริการเน็ตเวิร์กระดับกิกะบิตประสิทธิภาพสูงและประสบการณ์การใช้งานที่เยี่ยมยอดให้แก่ผู้ใช้ การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและความเป็นอัจฉริยะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงยุค 5G ทั้งสองสิ่งเป็นตัวอย่างของประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ซึ่งก็คือ การเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมหลายพันรูปแบบ และการพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น
การกำหนดมาตรฐานให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วโลกจะช่วยผลักดันให้การใช้งาน 5G เชิงพาณิชย์มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยขณะนี้ 3GPP เป็นตัวช่วยกำหนดมาตรฐานหลักของ 5G และหลังจากที่มีการประกาศมาตรฐานฉบับแรก ๆ เราก็ได้เห็นผู้ประกอบการโทรคมนาคมเปิดให้บริการเครือข่ายเชิงพาณิชย์ และการใช้การบริการ eMBB ที่สมบูรณ์บนเครือข่าย 5G มาตรฐานอันเป็นหนึ่งเดียวทั่วโลกยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาทิ มาตรฐานฉบับที่ 16 (ปี 2020) และฉบับที่ 17 (ปี 2021) เทคโนโลยี 5G ยังคงก้าวหน้าต่อไป อันจะนำไปสู่การพัฒนาอีโคซิสเต็มในอุตสาหกรรมและการใช้งาน 5G รูปแบบใหม่ ๆ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น
การจัดสรรคลื่นความถี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับหน่วยงานกำกับดูแล การผสานรวมคลื่นความถี่ทั่วโลกจะช่วยลดความซับซ้อนและต้นทุนในการดำเนินการ 5G สำหรับซัพพลายเออร์ ผู้ประกอบการด้านโทรคมนาคม พันธมิตรในอุตสาหกรรม และแม้แต่ผู้ใช้เอง การกระจายคลื่นความถี่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศยังคงเป็นรูปแบบที่หน่วยงานกำกับดูแลของหลายๆ ประเทศพยายามผลักดัน ในขณะเดียวกัน การซิงโครไนซ์เครือข่ายก็ควรจะได้รับการพิจารณาด้วย เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานคลื่นความถี่และลดการแทรกแซงของสัญญาณ
5G ต้องการอีโคซิสเต็มที่มั่นคงและโปร่งใสเพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ ความสำเร็จเชิงพาณิชย์และการเติบโตในด้านความคุ้มค่าในยุค 5G รวมไปถึงความเข้มแข็งของอีโคซิสเต็ม 5G ขึ้นอยู่กับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างโอเปอเรเตอร์ เวนเดอร์ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรม และหน่วยงานกำกับดูแลที่สนับสนุนด้านนวัตกรรมการใช้งาน
บริษัท ลอนดรี้บาร์ ไทย จำกัด ผู้ร่วมทุนแบรนด์ ลอนดรี้บาร์ (LAUNDRYBAR) ร้านสะดวกซักครบวงจรแบบบริการตัวเอง 24 ชั่วโมง พร้อมให้บริการฟรี น้ำยาซักผ้า น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำยาฆ่าเชื้อ แบรนด์อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเปิดให้บริการมาแล้วกว่า 520 สาขาทั่วโลก นำโดย นายชานนท โตวิกกัย กรรมการบริหาร และนางสาวพิมลวรรณ ชีวเกรียงไกร ผู้บริหารฝ่ายการตลาด พร้อมด้วย มิสเตอร์ พอล อัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนางซานดร้า ฉั่ว ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ลอนดรี้บาร์ จัดงานเปิดตัวมาสเตอร์แฟรนไชส์รายเดียวในประเทศไทย และร้านลอนดรี้บาร์แฟล็กชิพเมกาสโตร์ ณ ถนนศรีนครินทร์ ซอย 42 ตรงข้ามซีคอนสแควร์ เมื่อเร็วๆ นี้ โดยบริษัทฯ ได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาทในการรุกตลาด และมั่นใจว่าจะขยายแฟรนไชส์ได้กว่า 300 สาขาทั่วประเทศ ภายใน 3 ปี เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและกลุ่มนักลงทุน
H.E. Mr. Georg Schmidt (เกออร์ก ชมิดท์) เอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน ประจำประเทศไทย เป็นประธานกิตติมศักดิ์ พร้อมด้วยประธานร่วม 2 ฝ่าย คือ ศ.ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และProf. Dr. Edmund Haberstroh ตัวแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยอาเค่น ประชุม TGGS Advisory Board Meeting ประจำปี ในวันพุธที่11 กันยายน พ.ศ. 2562 ณ ห้องประชุม ราชพฤกษ์ อาคารนวมินทรราชินี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ซึ่งมีตัวแทนเข้าร่วมประชุมจากอุตสาหกรรมที่สำคัญเช่น ปตท. บางจาก ปูนซีเมนต์ไทย Western Digital Siemens Covestro BMW BASF B.Grimm Robert Bosch Tuv Rheinland Schaeffler Energy Absolute สภาอุตสาหกรรมไทย หอการค้าเยอรมัน-ไทย เป็นต้น และตัวแทนจากภาครัฐ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตเยอรมัน DAAD สถาบัน Goethe การไฟฟ้าทั้งสาม สอวช. เป็นต้น
สืบเนื่องจากบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย–เยอรมัน (TGGS) จัดการเรียนการสอนหลักสูตรนานาชาติทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ตามรูปแบบของมหาวิทยาลัยอาเค่น (RWTH Aachen University) สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี เพื่อผลิตมหาบัณฑิตและดุษฎีบัณฑิตที่มีศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ที่สอดคล้องกับความต้องการจริงของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยีให้กับองค์กรอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยดำเนินการภายใต้สัญญาข้อตกลงความร่วมมือทางด้านวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และมหาวิทยาลัยอาเค่นมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2547
เพื่อการกำกับดูแลกิจการและการดำเนินงานของบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย–เยอรมัน (TGGS) ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ จึงได้จัดการประชุม TGGS Advisory Board Meeting เป็นประจำปีทุกปี ในการประชุมดังกล่าวได้รายงานผลการดำเนินงาน การหารือเกี่ยวกับแนวทางการทำการศึกษาและวิจัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรม วิสัยทัศน์และทิศทางการบริหารงานของบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย–เยอรมัน (TGGS) นอกวาระปกติแล้วยังมีการหารือเตรียมความพร้อมกิจกรรมฉลองครบรอบการก่อตั้ง 15 ปี ของบัณฑิตวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติสิรินธร ไทย–เยอรมัน (TGGS) ซึ่งจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2563 อีกด้วย
ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ
กรุงเทพฯ ประเทศไทย/ 9 กันยายน 2562 – วันนี้ อินโนสเปซและหัวเว่ยลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อความร่วมมือในการพัฒนานวัตกรรมและอีโคซิสเต็มสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทย
บันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าวลงนามโดยนายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานที่ปรึกษา บริษัท อินโนสเปซ และมร. เติ้ง เฟิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย ประเทศไทย บันทึกฉบับนี้มีระยะเวลาสองปีและมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการสนับสนุนการพัฒนาระบบอีโคซิสเต็มสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทย ผ่านการแบ่งปันความรู้ การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยี และการจัดหาบริการและการสนับสนุนเพื่อการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ
ในฐานะผู้จัดหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมไอซีทีชั้นนำระดับโลก หัวเว่ย ร่วมกับอินโนสเปซ จะช่วยกันสร้างโอกาสให้แก่สตาร์ทอัพไทยได้แลกเปลี่ยน พัฒนา และรวบรวมความรู้ ข้อมูล และประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อค้นหาความสามารถใหม่ ๆ ในด้านบิ๊กดาต้า, 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) และบริการคลาวด์ ผ่านแพลตฟอร์มที่มีอยู่ของหัวเว่ย
ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย มร. เจมส์ อู๋ ประธานบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ให้เกียรติมาเป็นสักขีพยานในการลงนามระหว่างอินโนสเปซและหัวเว่ย เพื่อฉลองความร่วมมือระหว่างสองบริษัทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย
“วันนี้ผมต้องขอขอบคุณหัวเว่ยอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือประเทศไทยในการทรานสฟอร์มสู่ยุคดิจิทัล พร้อมมอบแพลตฟอร์มเทคโนโลยีให้สตาร์ทอัพปัจจุบันและที่กำลังจะเกิดใหม่ในประเทศของเรา” ดร. สมคิด กล่าว ระหว่างพิธีลงนาม
มร. เติ้ง เฟิง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หัวเว่ย ประเทศไทย กล่าวย้ำอีกครั้งว่า หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้ผลักดันนโยบายประเทศไทย 4.0 ด้วยการเป็นพันธมิตรด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ดีที่สุด เป็นผู้ให้บริการด้านการทรานสฟอร์มอุตสาหกรรมต่าง ๆ สู่ดิจิทัลและความเป็นอัจฉริยะ เป็นผู้นำร่องด้านชีวิตแบบสมาร์ท รวมถึงมีความมุ่งมั่นในการฝึกอบรมบุคลากรด้านไอซีทีและสร้างระบบอีโคซิสเต็มในอุตสาหกรรมอีกด้วย
มร. เติ้ง กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกชื่นชมและยินดีให้การสนับสนุนวิสัยทัศน์และความทุ่มเทของอินโนสเปซ ทางด้านการบ่มเพาะสตาร์ทอัพและการสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกันในประเทศไทย จากการก่อตั้งธุรกิจของเราและสร้างระบบอีโคซิสเต็มด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เรามีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมของไทย เพื่อช่วยขยายธุรกิจของพวกเขาไปสู่ระดับโลกและแบ่งปันประโยชน์แก่กันและกัน”
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช (แถวที่ 1 ซ้าย) ประธานที่ปรึกษา บริษัท อินโนสเปซ (ประเทศไทย) จำกัด มร. เติ้ง เฟิง (แถวที่ 1 ขวา) กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย ดร. สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (แถวที่ 2 ซ้าย) รองนายกรัฐมนตรี และ มร. เจมส์ อู๋ (แถวที่ 2 ขวา) ประธานบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
หัวเว่ยเป็นผู้จัดหาโครงสร้างพื้นฐานไอซีทีและสมาร์ทดีไวซ์ชั้นนำระดับโลก ที่มีความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มอิสระในการใช้ชีวิต ทำให้ทุกครอบครัวสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และสร้างแรงบันดาลใจทางด้านนวัตกรรมให้แก่องค์กรทุกรูปแบบและทุกขนาดในประเทศไทยมาเป็นเวลาร่วม 20 ปี ผ่านความร่วมมือแบบเปิดกว้างกับพันธมิตรในระบบอีโคซิสเต็ม
ฝ่ายเทคโนโลยีงานเชื่อม สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส จัดฝึกอบรมหลักสูตร “ผู้ตรวจสอบการเชื่อมสากล”รุ่นที่ 8/2562 (International Welding Inspection Personnel : IWI-C Class 8/2019) ภายใต้คณะอนุกรรมการบริหารโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงสำหรับอุตสาหกรรม New Growth Engineer ตามนโยบาย Thailand 4.0 และการปฏิรูปการอุดมศึกษาไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยได้รับอนุมัติจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ในการเข้าร่วมโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ ปีงบประมาณ 2561
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างบุคลากรทางด้านงานเชื่อมในระดับผู้ตรวจสอบงานเชื่อมสากล สำหรับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อให้ได้การรับรองมาตรฐานการผลิตที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากลเป็นผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ตามแผนยุทธศาสตร์ของสมาคมกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ โดยอบรมระหว่างวันที่ 9 กันยายน – 24 ธันวาคม 2562 ณ ห้องอบรม 704 ชั้น 7อาคารสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส
ขวัญฤทัย ข่าว/อัชณี ถ่ายภาพ