พลาสวูดคืออะไร? พลาสวูดคือแผ่นชีทชนิดแข็งที่ผลิตขึ้นจาก PVC (Poly Vinyl Chloride) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาทดแทนการใช้ไม้ธรรมชาติ แผ่นพลาสวูดมีผู้ผลิตหลายราย แต่โดยปกติจะมีขนาดความกว้างมาตรฐานที่ 120 เซนติเมตร
ป้ายกำกับ: plastwood
หากคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับจดหมายและเอกสาร ไม่ควรพลาดโครงงานนี้ ตู้รับจดหมายกันฝนพร้อมมีแสงไฟแสดงสถานะจดหมายในตู้ติดสว่างในยามค่ำคืน
ชวนท่านนักประดิษฐ์สร้างตู้รับจดหมายกันน้ำสำหรับเกาะรั้วแบบมีไฟเตือนสถานะเมื่อมีจดหมายเข้า โดยใช้วงจรง่ายๆ ทำได้ทุกคน (ขอให้ใช้หัวแร้งเป็นก็พอ)
หลายท่านคงเคยเห็นโคมไฟสนามโซลาร์เซลที่ปัจจุบันมีขายกันตามห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป สนนราคาก็ประมาณหนึ่งร้อยบาทปลายๆ จนถึงหลายร้อยบาทหรือหลักพันก็มี (แต่หลักพันนี่ไม่เคยใช้ครับ) โคมไฟเหล่านี้เหมาะสำหรับใช้ประดับสวนเพื่อความสวยงามและบอกตำแหน่งเป็นหลัก ที่น่าสนใจก็คือ ราคาค่าตัวของมันสุดแสนจะถูก เหมาะที่เราจะเอามารื้อประกอบเป็นสิ่งประดิษฐ์ของเรา ว่าแล้วก็มาดูอุปกรณ์ที่จะต้องใช้กันก่อนเลยครับ
เตรียมวัสดุและอุปกรณ์
1. ชุดโคมไฟโซลาร์เซลล์ (คลิกสั่งซื้อ)
2. แลตชิ่งรีเลย์ เบอร์ AL-D 5 W-K (คลิกสั่งซื้อ)
3. กะบะถ่าน AA 3 ก้อน (คลิกสั่งซื้อ)
4. แบตเตอรี่ AA 3 ก้อน
5. ไมโคร (ลิมิต) สวิตช์แบบมีก้าน 2 ตัว
6. แผ่นพลาสวูดหนา 5 มม. (ขนาดที่ต้องใช้ดูจากรูปที่ 1)
7. เสารองโลหะยาว 1 นิ้ว 6 ตัว
8. สกรู 3×15 มม. 6 ตัว
9. แผ่น PVC สีขาวหนา 0.5 มม. แบบโปร่งแสง 1 แผ่น
10. กาวซิลิโคนสีขาว หรือใส (สั่งซื้้อคลิก)
11. กาวร้อน (สั่งซื้อคลิก)
12. ปืนยิงกาวร้อน (สั่งซื้อคลิก)
หมายเหตุ : แลตชิ่งรีเลย์มีจำหน่ายที่ บริษัท อีเลคทรอนิคส์ ซอร์ซ จำกัด โทร : 0-2623-9460-6
รูปที่ 1 รูปวาดส่วนประกอบของตู้รับจดหมาย
รูปที่ 2 แสดงการเชื่อมต่อวงจรกับอุปกรณ์จริง
หลักการทำงาน
จากรูปที่ 2 แสดงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยการทำงานเริ่มจากไมโครสวิตช์ SW1 ตรวจจับการเปิดปิดฝาช่องใส่จดหมาย และ SW2 ตรวจจับการเปิดปิดฝาด้านหลังตู้ ปกติไมโครสวิตช์จะถูกกดอยู่ยังไม่มีกระแสไฟจ่ายให้กับขดลวดของรีเลย์ จนกระทั่งบุรุษไปรษณีย์มาเปิดฝาเพื่อใส่จดหมายช่วงเวลานี้เองก้านสวิตช์ SW1 จะถูกยกขึ้นทำให้มีกระแสไฟไหลผ่านขั้ว C และ NC ไปเลี้ยงขดลวดที่ 1 ของแลตชิ่งรีเลย์ที่ขา 10 ทำให้หน้าสัมผัสที่ขา 2 และ 3 ของแลตชิ่งรีเลย์ต่อถึงกันและยังคงต่อค้างอยู่อย่างนั้นแม้ SW1 จะถูกกดลงตามเดิมแล้วก็ตาม แต่ LED จะยังไม่ทำงานจนกว่าแสงสว่างภายนอกจะมืดลง
เมื่อถึงยามค่ำที่เรากลับถึงบ้านก็จะพบกับแสงสว่างจาก LED ที่เตือนเราว่ามีจดหมายอยู่ในตู้และเปิดฝาหลังตู้หยิบจดหมายก้าน SW2 จะถูกยกขึ้นทำให้มีกระแสไฟไปเลี้ยงขดลวดที่ 2 ของแลตชิ่งรีเลย์ที่ขา 1 และ 5 หน้าสัมผัสที่ขา 2 และ 3 จะแยกออกจากกันทำให้ LED ดับลง การทำงานของวงจรก็มีเพียงเท่านี้ ที่เหลือก็งานฝีมือล้วนๆ
การสร้างตู้จดหมายเกาะรั้ว
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตู้รับจดหมายนี้ออกแบบเผื่อเอาไว้สำหรับบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่ส่วนมากเหล็กสำหรับทำรั้วจะใช้เหล็กกล่องขนาดไม่เกิน 2 นิ้ว และที่สำคัญรั้วต้องเปิดแบบบานพับไม่ใช่รั้วแบบเลื่อนเหมือนบ้านเดี่ยว เอาล่ะครับก่อนอื่นทำการตัดแผ่นพลาสวูดตามแบบในรูปที่ 1 ให้ครบจากนั้นประกอบตามขั้นตอนต่อไปนี้
(1) นำแผ่น A1 , B1 และ B2 ประกอบกันยึดด้วยกาวร้อนเพื่อใช้เป็นโครงสร้างหลักดังรูปที่ 3 (ในรูปเป็นตัวต้นแบบยังไม่ได้แยกแผ่น A2 ออกมา)
(2) นำแผ่น C1 และ C2 ประกอบด้านบนสำหรับเป็นช่องรับจดหมายดังรูปที่ 4
(3) นำแผ่น E1, E2 และ E3 ติดด้านในตรงช่องของแผ่น A2 เพื่อกัน ฝาตู้ด้านหลังดังรูปที่ 5.2 และ 5.3
(4) ตัดเศษพลาสวูดเป็นแท่งขนาดกว้าง 0.5 ซม. ยาว 3 ซม. จากนั้นเหลาให้เป็นแท่งทรงกลมสำหรับใช้เป็นก้านกดไมโครสวิตช์ดังรูปที่ 6.2 หรืออาจใช้ไม้ตะเกียบกลมมาตัดก็ได้เช่นกัน
(5) เจาะรูด้านขวาของแผ่น C2 ให้มีขนาดเท่ากับก้านพลาสวูดทรงกลมที่ทำจากขั้นตอนที่ 4 โดยให้ก้านพลาสวูดสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงรูได้คล่อง จากนั้นนำเศษพลาสวูดขนาดเล็กติดเข้ากับก้านพลาสวูดทรงกลมด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 7.3 นำไมโครสวิตช์มาติดตั้งยึดด้วยปืนยิงกาว ใช้นิ้วทดลองกดเบาๆ เมื่อปล่อยมือ ก้านพลาสวูดจะต้องสามารถกระเด้งขึ้นเองได้สะดวก
(6) ติดเศษพลาสวูดสำหรับเป็นตัวดันก้านไมโครสวิตช์ SW2 ที่แผ่น A2 ด้วยกาวร้อน (ฝาหลังตู้) ดังรูปที่ 8.1 แล้วติดตั้งไมโครสวิตช์ SW2 กับแผ่น A1 ด้วยปืนยิงกาวดังรูปที่ 8.2
(7) ติดตั้งแผ่น D1 ไว้ด้านบน โดยยึดด้วยบานพับเข้ากับด้านหลังตู้ (A1) ดังรูปที่ 9.2 จากนั้นติด D2, D3 และ D4 เป็นกันสาดด้านล่างแผ่น D1 ในตำแหน่งด้านซ้าย ขวา และหลัง
(8) นำชุดโคมไฟสนามโซลาร์เซลมารื้อเอาเฉพาะแผงรับแสงอาทิตย์ และวงจร สำหรับกะบะถ่านต้องใช้คีมตัดค่อยๆ เล็มทีละนิดจดได้เฉพาะกะบะถ่านดังรูปที่ 10.4
(9) ติดตั้งแผงรับแสงอาทิตย์ไว้บนแผ่น D1 (หลังคา) บริเวณมุมขวาโดยเจาะรูสำหรับสอดสายลงไปด้านล่างและเจาะอีกรูที่แผ่น A1 (หลังตู้) สำหรับสอดสายเข้าในตู้ดังรูปที่ 11.2 ยึดแผงรับแสงอาทิตย์ด้วยปืนยิงกาว จากนั้นใช้กาวซิลิโคนยาแนวให้รอบแผ่นรับแสงอาทิตย์เพื่อกันน้ำเข้า
(10) ประกอบแผ่น J เข้ากับด้านหน้าดังรูปที่ 12.1 แล้วเจาะช่อง สี่เหลี่ยมสำหรับให้ LED ส่องแสงออกมาดังรูปที่ 12.2 จากนั้นตัดพลาสวูด เป็นกรอบนำแผ่น PVC สีขาวแบบโปร่งแสงติดกับช่องที่เจาะไว้ด้วยกาวร้อนแล้วแปะกรอบพลาสวูดทับลงไปอีกชั้น โดยขั้นตอนนี้อาจออกแบบเป็นรูปทรงอื่นเช่นวงกลม หรือฉลุลวดลาย ตามความชอบส่วนตัวได้เลย
(11) ติดตั้งกะบะถ่าน AA 3 ก้อนไว้ด้านล่างของแผ่น C1 ส่วนแลตชิ่งรีเลย์ก็หาที่เหมาะๆ ติดไว้ด้วยปืนกาว ส่วนชุดวงจรไฟแสดงสถานะติดไว้ใต้แผ่น C2 โดยให้ LED ยื่นออกมากึ่งกลางของช่องแผ่น J ที่เจาะไว้จากขั้นตอนที่ 10 ดังรูปที่ 13.2
เพิ่มเติมอีกนิดในรูปที่ 13.1 จะเห็นว่ามีแบตเตอรี่บรรจุไว้เพียง 2 ก้อน เป็นเพราะว่าขั้นตอนนี้ไมโครสวิตช์ถูกปล่อยลอยไว้ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงขดลวดรีเลย์ตลอดเวลาจึงต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน
(12) ประกอบแผ่น F , G ดังรูปที่ 14.1 และแผ่น H สำหรับปิดก้นตู้รับจดหมายด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 14.2
(13) ประกอบแผ่น L1 และ L2 เข้ากับแผ่น K ดังรูปที่ 15
(14) ประกอบชิ้นรั้วเข้ากับแผ่น i ด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 16
(15) เจาะรูสำหรับยึดเสารองโลหะที่แผ่น K ด้วยสว่านแล้วยึดสกรูขนาด 3×15 มม. ดังรูปที่ 17.1 อาจเจาะหลายรูหน่อยเผื่อตอนติดตั้งไปเจอเอาแนวเหล็กรั้วเข้าจะได้เลี่ยงไปยึดรูอื่นได้ จากนั้นเจาะรูที่แผ่น G ให้ตรงกับแนวเสารองโลหะดังรูปที่ 17.3 และ 17.4
(16) ประกอบชุดรั้วกับแผ่น K ที่เจาะรูและยึดเสารองโลหะไว้แล้วด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 18 ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการทำตู้รับจดหมายแล้วครับ
การติดตั้ง
นำตู้รับจดหมายไปคล้องกับรั้วดังรูปที่ 19.1 จากนั้นนำชุดยึดที่มีแนวรั้วสำหรับปลูกต้นไม้ไปประกบดังรูปที่ 19.2 เปิดฝาหลังตู้ขันสกรู 3×15 มม. เข้าไปดังรูปที่ 19.3 ก็เป็นอันเรียบร้อย ขั้นตอนสุดท้ายก็นำไม้ดอกสวยๆ ไปลงปลูกในกะบะดังรูปที่ 20
การใช้งาน
บรรจุแบตเตอรี่ AA 3 ก้อน ลงในกะบะถ่านให้เรียบร้อย จากนั้นก็รอบุรุษไปรษณีย์มาเปิดตู้จดหมายแลตชิ่งรีเลย์ก็จะต่อหน้าสัมผัสให้กับ LED พอเวลากลางคืน LED ก็จะติดสว่างทำให้เรารู้ว่ามีจดหมายในตู้ และเมื่อเปิดฝาออกแลตชิ่งรีเลย์ก็จะตัดหน้าสัมผัสทำให้ LED ดับทันที
ลองทำดูนะครับสำหรับคนที่ชอบแต่งบ้านและไม่ต้องการเหมือนใคร และที่สำคัญแทบไม่ต้องใช้ทักษะทางอิเล็กทรอนิกส์เลยก็สร้างได้แล้ว
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เชื่อว่าผู้อ่านที่มีบ้านเป็นทาวน์เฮ้าส์หลายท่านคงเคยมีประสบการณ์ในการต่อเติมพื้นที่หลังบ้านให้กลายเป็นห้องครัวเหมือนกับผม ปัญหาก็คือท่อน้ำหลังบ้านที่ไม่เพียงแต่ส่งกลิ่นเหม็นเท่านั้น
วันดีคืนดีก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเลื้อยขึ้นมานอนอยู่ในครัวที่เราต่อเติมยังกับเป็นบ้านของตัวเอง
ลองดูตัวอย่างจากครัวที่ต่อเติมด้านหลังของบ้านผมเป็นตัวอย่างนะครับช่าง รับเหมาเดินท่อน้ำทิ้งจากรางน้ำฝนบนหลังคาเข้ามาในตัวบ้าน แทนที่จะฝังไว้ใต้พื้นแต่กลับปล่อยทิ้งไว้น่าตาเฉยโดยมีข้ออ้างสารพัดที่จะอธิบายกับเรา ตอนแรกก็ไม่ได้ติดใจอะไร พออยู่ๆไปฝนตกสิครับ สารพัดสิ่งไม่พึงประสงค์จากหลังคาก็ไหลเข้ามาในครัวเลอะเทอะไปหมด แถมบางวันเข้าบ้านมาต้องตกใจกับเจ้างูน้อยที่นอนอยู่ในครัว ผมเข้าใจว่ามันคงขึ้นมาจากท่อระบายน้ำที่ผมอยากจะปิดรูให้มิดชิด แต่ก็ปิดไม่ได้เพราะกลัวฝนตกแล้วน้ำจะไม่ระบายลงท่อ อ้อ อีกประการหนึ่งคือตอนฝนตกยังมีกลิ่นเหม็นขึ้นมาจากท่อระบายน้ำอีกต่างหาก แล้วจะทำยังไงดีล่ะครับงานนี้ หันไปหันมาเจอแผ่นพลาสวูด 5มม. ที่เตรียมไว้ทำโครงงานลงนิตยสาร the prototype electronics จึงปิ๊งไอเดียเลยครับ ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าพลาสวูดเป็นวัสดุที่สามารถตัด เจาะ เซาะ ง่ายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือพิเศษแต่อย่างใด แถมยังโดนน้ำได้ไม่ผุไม่เป็นเชื้อรา ผมจึงนำมันมาทำเป็นฝาปิดท่อน้ำแล้วก็จัดการฝังท่อน้ำให้มันมุดหัวลงไปในฝาท่อพลาสวูดซะเลย
แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนครับ ว่าผมทำไว้นานแล้ว แต่พอดีจะเจาะรูทำเป็นฝาเลื่อนเปิดปิดสำหรับเวลาล้างหรือเทน้ำทิ้งจะได้สะดวก เพราะเมื่อก่อนผมใช้วิธีดึงท่อออกมาแล้วค่อยเทน้ำทิ้งออกจึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไหนๆ จะทำแล้วก็เลยมาบอกต่อให้ท่านนักอ่านและรักการประดิษฐ์ได้ชมและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันไว้ครับ โดยจะขอเริ่มตั้งแต่การทำท่อน้ำเลยก็แล้วกัน
ขั้นตอนการทำเป็นฝาท่อน้ำทิ้ง
1.เริ่มจากนำแผ่นพลาสวูดมาวางทาบฝาท่อน้ำทิ้งเดิมแล้วตัดให้เท่ากับฝาท่อเดิมทุกประการ แล้วเจาะรูสำหรับต่อท่อน้ำทิ้งที่ลงมาจากหลังคาห้องครัวด้วยวงเวียนคัตเตอร์ แล้วลองสอดท่อน้ำทิ้งลงไปให้พอดีนะครับอย่างกว้างกว่าท่อมากนักเพราะจะทำให้ ยุงและแมลงต่างๆ ขึ้นมาจากท่อได้
2. ทำช่องสำหรับระบายน้ำยามที่ต้องการล้างทำความสะอาดครัว โดยการทำเป็นบานเลื่อนที่สามารถเปิดปิดได้ เริ่มจากการเจาะช่องเป็นวงกลมด้วยวงเวียนคัตเตอร์ขนาดจะเล็กหรือใหญ่แค่ไหน ก็ตามใจชอบเลยครับ แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ควรมีเส้นผ้านศูนย์กลางกว้างเกิน 4 นิ้ว เพราะจะทำให้ความแข็งแรงของแผ่นพลาสวูดลดลง
3. เริ่มการทำบานเลื่อนโดยตัดพลาสวูดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าให้กว้างกว่ารูวงกลม ที่เจาะไว้จากขั้นตอนที่2 ข้างละประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นทำบ่ารับบานเลื่อนโดยนตัดพลาสวูดเป็นแผ่นเล็กๆ สำหรับเป็นตัวบังคับบานเลื่อน และสำหรับเป็นบ่ากันไม่ให้หลาสวูดหลุดออกมา 2 ชิ้น
4. เมื่อได้ชิ้นส่วนตามต้องการแล้วก็มาเริ่มประกอบกันเลยครับ เริ่มจากนำแผ่นบานเลื่อนมาติดตั้งปุ่มสำหรับเป็นมือจับ ในที่นี้ผมใช้หมุดสแตนเลสซึ่งมีจำหน่ายที่โฮมโปรทุกสาขาครับ โดยเลื่อนแผ่นบานเลื่อนมายังตำแหน่งที่เหมาะสมและขันสกรูผ่านฐานรองลงไป สุดท้ายตามด้วยหัวหมุดสแตนเลสหมุนปิดเข้าไป ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วครับดังรูปด้านล่าง
จากนั้นนำแผ่นบานเลื่อนมาทาบกับรูที่เจาะไว้ แล้วนำชิ้นที่ใช้รักษาระยะและบังคับบานเลื่อนมาจัดวางให้มีลักษณะดังรูปด้านล่างนี้
5. ยึดชิ้นส่วนเข้าด้วยกันด้วยกาวร้อน จากนั้นใช้สกรูเกลียวปล่อยขันยึดอีกครั้งเพื่อเพิ่มความแข็งแรง เนื่องจากชิ้นส่วนนี้อาจต้องโดนน้ำอยู่เป็นประจำหากยึดด้วยกาวร้อนเพียง อย่างเดียวอาจทำให้กาวเสื่อมสภาพได้เร็วและหลุดออกมาได้
6. ถึงตอนนี้เราก็จะได้ช่องที่เป็นบานเลื่อนที่สามารถเลื่อนเปิดและปิดได้สะดวกสบายคุณแม่บ้านไปเลย
หวังว่าเทคนิคเล็กๆ นี้จะช่วยแก้ปัญหาที่เล็กๆ แต่ใหญ่สำหรับบางคนโดยเฉพาะผมได้นะครับ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ