Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซิสโก้จับมือ NVIDIA เปิดตัวนวัตกรรม AI ครอบคลุมทั้งลูกค้ากลุ่ม Neocloud, กลุ่มเอ็นเตอร์ไพรซ์ และผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม

กรุงเทพฯ,  31 ตุลาคม 2025 — ซิสโก้ (NASDAQ: CSCO) ได้ประกาศความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพื่อเร่งการพัฒนา AI ที่ปลอดภัยและรองรับการขยายตัวได้ในทุกกลุ่มตลาด โดยมีไฮไลท์สำคัญคือ Cisco N9100 ซึ่งเป็น data center switch แรกที่พัฒนาร่วมกับ NVIDIA โดยใช้ NVIDIA Spectrum-X Ethernet switch silicon ด้วยสวิตช์ใหม่นี้ Cisco จึงสามารถนำเสนอ Reference Architecture ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน NVIDIA Cloud Partner สำหรับการใช้งานบน neocloud และ sovereign cloud สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร โซลูชัน Cisco Secure AI Factory with NVIDIA จะช่วยเสริมการป้องกันและการมองเห็นตลอดการใช้งาน AI ด้วยการผสานรวมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการสังเกตการณ์ใหม่ และเพื่อปูทางในการเชื่อมต่อยุคใหม่ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซิสโก้, NVIDIA และพาร์ทเนอร์รายอื่นๆ ได้ร่วมกันเปิดตัว AI-native wireless stack for 6G เป็น ‘ครั้งแรกของอุตสาหกรรม’ นวัตกรรมทั้งหมดนี้ มอบความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกันให้แก่ลูกค้ากลุ่ม neocloud กลุ่มลูกค้าองค์กร และผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อช่วยให้สามารถสร้าง จัดการ และรักษาความปลอดภัยให้กับโครงสร้างพื้นฐาน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จีตู ปาเทล, ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของซิสโก้ กล่าวว่า “เรากำลังยืนอยู่บนจุดเริ่มต้นของการสร้างดาต้าเซนเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โครงสร้างพื้นฐานที่จะมาเป็นพลังขับเคลื่อนแอปพลิเคชัน agentic AI และนวัตกรรมแห่งอนาคต จำเป็นต้องอาศัยสถาปัตยกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดในปัจจุบัน ทั้งด้านพลังงาน การประมวลผล และประสิทธิภาพของเครือข่าย ซิสโก้และ NVIDIAได้จับมือกันเป็นผู้นำในการกำหนดนิยามของเทคโนโลยีที่จะมาขับเคลื่อนดาต้าเซนเตอร์ที่พร้อมสำหรับ AI (AI-ready data center) ในทุก ๆ องค์กร ตั้งแต่กลุ่ม neocloud ที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ กลุ่มผู้ให้บริการระดับโลก (global SP) ไปจนถึงองค์กรระดับเอนเตอร์ไพรซ์ และอื่น ๆ อีกมากมาย”

“NVIDIA Spectrum-X Ethernet ส่งมอบประสิทธิภาพของ accelerated networking สำหรับ Ethernet” Gilad Shainer, SVP of Networking ที่ NVIDIA กล่าว “การทำงานร่วมกับ Cisco’s Cloud Reference Architectures และหลักการออกแบบ NVIDIA Cloud Partner ลูกค้าสามารถเลือกปรับใช้ Spectrum-X Ethernet โดยใช้ Cisco N9100 series ใหม่ล่าสุดหรือ Cisco Silicon One based switches เพื่อสร้างเครือข่าย AI แบบเปิดที่มีประสิทธิภาพสูง”

จีลาด เชนเนอร์, รองประธานอาวุโสฝ่ายเครือข่ายของ NVIDIA กล่าวว่า “NVIDIA Spectrum-X Ethernet มอบประสิทธิภาพของ accelerated networking ให้กับ Ethernet ด้วยการทำงานร่วมกับ Cloud Reference Architectures ของซิสโก้และหลักการออกแบบ NVIDIA Cloud Partner ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกปรับใช้ Spectrum-X Ethernet โดยใช้ Cisco N9100 series ใหม่ล่าสุด หรือสวิตช์ที่ขับเคลื่อนด้วย Cisco Silicon One เพื่อสร้างเครือข่าย AI แบบเปิดที่มีประสิทธิภาพสูง”

Portfolio สำหรับ AI Workload ทุกประเภท

เครือข่าย Ethernet ทั้งแบบ back-end และ front-end จำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะก้าวทันนวัตกรรม AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว, สามารถผสานรวมกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมได้อย่างไร้รอยต่อ, ทั้งยังต้องง่ายต่อการปรับใช้และจัดการ โดย Cisco N9100 series switches (ซึ่งจะเปิดให้สั่งซื้อได้ก่อนสิ้นปีนี้) มาพร้อมตัวเลือกระบบปฏิบัติการ Cisco NX-OS หรือ SONiC ซึ่งช่วยยกระดับ Ethernet สำหรับเครือข่าย AI และมอบความยืดหยุ่นที่มากขึ้นให้แก่ลูกค้า neocloud และ sovereign cloud ในการสร้าง AI infrastructure ของตนเอง ด้วย N9100 เป็นพื้นฐานสำคัญ ซิสโก้จะนำเสนอ Reference Architecture ที่สอดคล้องกับมาตรฐาน NVIDIA Cloud Partner นอกจากนี้ พอร์ตโฟลิโอโซลูชัน Nexus data center switching ของซิสโก้ ยังมอบโมเดลการทำงานแบบ unified operating model ผ่าน Cisco Nexus Dashboard ครอบคลุมตั้งแต่ Silicon One, Cloud-scale ASICs และล่าสุดคือสวิตช์ที่สร้างบน Spectrum-X Ethernet switch silicon

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้า neocloud และ sovereign cloud ตัว Cisco Cloud Reference Architecture ยังอ้างอิงตามหลักการออกแบบของ NVIDIA Cloud Partner reference architecture และใช้โซลูชัน Cisco Silicon One รวมถึง Cloud-scale ASIC ของซิสโก้อีกด้วย โดย Reference architecture นี้ จะประกอบด้วย Cisco 8223 ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด ซึ่งขับเคลื่อนด้วย Silicon One P200 รองรับการปรับใช้ได้กับทุกเครือข่าย NVIDIA BlueField-4 DPUs และ NVIDIA ConnectX-9 SuperNICs

Cisco Secure AI Factory ร่วมกับ NVIDIA: สร้างขึ้นเพื่อประสิทธิภาพ ความปลอดภัย ความยืดหยุ่น

ตั้งแต่การเปิดตัวที่ GTC ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568 โซลูชัน Cisco Secure AI Factory ร่วมกับ NVIDIA ได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมในการนำเสนอสถาปัตยกรรมที่ครอบคลุมสำหรับโครงสร้างด้าน AI สำหรับองค์กร ชูจุดเด่นด้านความปลอดภัย และการสังเกตการณ์เป็นสำคัญ โดยไม่สูญเสียประสิทธิภาพ โดยมี Cisco AI PODs และ Cisco Silicon One-powered Nexus switching เป็นรากฐานสำคัญ ในวันนี้ซิสโก้ได้นำเสนอความสามารถและฟีเจอร์ใหม่ ๆ ครอบคลุมด้านต่าง ๆ ดังนี้:

  • Security และ Observability: ตอนนี้ Cisco AI Defense ได้ผสานรวมกับ NVIDIA NeMo Guardrails แล้ว เพื่อส่งมอบความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งสำหรับแอปพลิเคชัน AI โดยCisco AI Defense พร้อมให้บริการแล้ว สำหรับการปรับใช้ data-plane แบบ on-premises ซึ่งช่วยให้ทีม security และ AI สามารถปกป้องโมเดลและแอปพลิเคชัน AI พร้อมทั้งจำกัดข้อมูลที่ละเอียดอ่อนไม่ให้หลุดรอดออกไปจากดาต้าเซนเตอร์ขององค์กร นอกจากนี้ Splunk Observability Cloud ยังช่วยให้ทีมสามารถติดตามประสิทธิภาพ คุณภาพ ความปลอดภัย และต้นทุนของ AI application stack ได้ รวมถึงให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ (real-time insights) เกี่ยวกับสถานะความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐาน AI เมื่อทำงานร่วมกับ Cisco AI PODs ในขณะที่ Splunk Enterprise Security ช่วยต่อยอดการมองเห็นนี้ เพื่อปกป้อง AI workloads
  • Core AI Infrastructure: Cisco Isovalent ผ่านการตรวจสอบแล้วว่ารองรับ inference workloads บน AI PODs ซึ่งช่วยยกระดับ Kubernetes networking ให้มีประสิทธิภาพสูงระดับ enterprise โดย Cisco Nexus Hyperfabric AI ที่มาพร้อม cloud-managed Cisco G200 Silicon One ใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับ high-density 800G Ethernet พร้อมให้บริการ เพื่อเป็นตัวเลือกการปรับใช้ใน AI PODs เช่นเดียวกัน Cisco UCS 880A M8 rack servers ที่ใช้ NVIDIA HGX B300 และ Cisco UCS X-Series modular servers ที่มาพร้อม NVIDIA RTX PRO 6000 Blackwell Server Edition GPUs เองก็พร้อมให้บริการแล้วในฐานะส่วนหนึ่งของ AI PODs ทั้งหมดนี้จะช่วยสนับสนุนการใช้งาน GPU ประสิทธิภาพสูงสำหรับ workloads ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น generative AI fine-tuning inference และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • การขยายอีโคซิสเต็ม: ซอฟต์แวร์ NVIDIA Run:ai เปิดให้บริการแล้วผ่านซิสโก้และพาร์ทเนอร์ ซึ่งนำเสนอความสามารถด้าน intelligent AI workload และ GPU orchestration โดยโซลูชัน Nutanix Kubernetes Platform (NKP) ได้กลายเป็น Kubernetes platform ที่รองรับการใช้งานอย่างเป็นทางการ และโซลูชัน Nutanix Unified Storage (NUS) ก็เป็นตัวเลือก storage ที่รองรับการใช้งานเช่นกัน โดยมีโซลูชัน Nutanix Enterprise AI (NAI) ทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อช่วยให้การสร้างและการดำเนินงาน containerized inference services ง่ายยิ่งขึ้น
  • ความพร้อมภาครัฐ: ซิสโก้กำลังร่วมมือกับ NVIDIA พร้อมทั้งปรับแนวทางให้สอดคล้องกับ NVIDIA AI Factory for Government ที่เปิดตัวใหม่ ซึ่งเป็น reference design แบบ full-stack end-to-end สำหรับ AI workloads ที่ต้องปรับใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอย่างเข้มงวด

AI-native Wireless Stack แรก ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีหลักจาก Cisco

ในขณะที่การพัฒนาการใช้งาน AI ขยายตัวจากสมาร์ทโฟนไปสู่อุปกรณ์อัจฉริยะอื่น ๆ มากขึ้น เช่น แว่นตา AR รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ และหุ่นยนต์ แน่นอนว่าเครือข่ายไร้สายต้องเผชิญกับความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นในการรองรับการเชื่อมต่อหลายพันล้านจุด ซึ่งต้องใช้ทั้งขนาดและประสิทธิภาพในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อตอบรับความท้าทายนี้ ซิสโก้, NVIDIA และพาร์ทเนอร์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมรายอื่น ๆ ได้พัฒนา American AI-RAN stack เป็น ‘ครั้งแรก’ สำหรับเครือข่ายมือถือ ที่ผสานรวมความสามารถด้าน sensing และการสื่อสารเข้าไว้ด้วยกัน โดยมีการจัดโชว์เคสพรีวิวแอปพลิเคชัน pre-6G หลายรายการ ภายในงาน NVIDIA GTC DC โซลูชันนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมสามารถผสาน AI เข้ากับเครือข่ายมือถือของตนได้ โดยเริ่มจากบริการ 5G advanced และเป็นการวางรากฐานสำหรับ 6G ต่อไป Stack นี้เป็นการรวม user plane function และ 5G core software ของซิสโก้ เข้ากับ NVIDIA AI Aerial platform เพื่อสร้างรากฐานที่รองรับการทำงานของ physical AI และ integrated sensing ด้วยประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่เหนือชั้น

ซิสโก้และ NVIDIA ร่วมขับเคลื่อน AI ไปข้างหน้า

ความร่วมมือระหว่างซิสโก้และ NVIDIA ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงผลักดันจากวิสัยทัศน์ร่วมกันต่ออนาคตที่ขับเคลื่อนด้วย AI ที่ต้องรองรับการขยายตัว มีความสามารถในการสังเกตการณ์ และมีความปลอดภัย ความก้าวหน้าที่ประกาศในวันนี้ ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นของซิสโก้ในการพัฒนานวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งจะช่วยเร่งการนำ AI ไปปรับใช้ ในกลุ่มองค์กร ลูกค้ากลุ่ม neoclouds และผู้ให้บริการโทรคมนาคม

มุมมองจากอุตสาหกรรม

เซียวเฮ ฮู, ซีอีโอของ Infrawaves กล่าวว่า “ความท้าทายที่แท้จริงของโครงสร้างพื้นฐาน AIไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพ แต่คือการรักษาการดำเนินงานให้ราบรื่น ในขณะที่สามารถขยาย GPU จากหลักสิบไปสู่หลักพัน แนวทางของซิสโก้ที่ใช้ NX-OS และ Nexus Dashboard ได้สร้าง ‘single pane of glass’ หรืออินเทอร์เฟซแบบรวมศูนย์ ที่แสดงข้อมูลและเครื่องมือจากหลายแหล่งเข้าไว้ใน มุมมองเดียว ที่ครอบคลุม AI fabric ทั้งหมดของเรา ไม่ว่าเราจะกำลังเพิ่มประสิทธิภาพ inference latency ในส่วน front-end หรือเพิ่ม training throughput ให้สูงสุดในส่วน back-end ซึ่งความเรียบง่ายในการบริหารจัดการนี้ ส่งผลโดยตรงต่อการปรับใช้ระบบที่รวดเร็วขึ้น ขณะที่ TCO ที่ต่ำลง”

ยี เลือง ซัน, หัวหน้าฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานของ GMI Cloud กล่าวว่า ” Cisco N9100 series ที่ขับเคลื่อนด้วย NVIDIA Spectrum-X Ethernet switch silicon มอบโซลูชันสำหรับโครงสร้างพื้นฐานแบบเปิด (open infrastructure) ที่มีประสิทธิภาพสูงตอบโจทย์ความต้องการด้าน AI cloud ของเรา ความสามารถในการรัน NX-OS หรือ SONiC ภายใต้โมเดลการทำงานแบบ unified operating บน Nexus Dashboard นั้น มอบความยืดหยุ่นที่มากขึ้นให้แก่ลูกค้า พร้อมความเรียบง่ายในการบริหารจัดการ นี่คือระบบเครือข่ายระดับ enterprise-grade ที่มีทั้งความสามารถในการปรับขยายและความคล่องตัวของคลาวด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI workloads ยุคใหม่ต้องการอย่างแท้จริง”


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Schneider Electric ร่วมมือ NVIDIA ออกแบบศูนย์ข้อมูล AI ขับเคลื่อนเส้นทางสู่โลกอนาคต

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการบริหารจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ได้ประกาศความร่วมมือกับ NVIDIA เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล และปูทางสู่ความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยี Edge AI หรือการประมวลผลของ AI ที่เอดจ์ รวมถึง Digital twin

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลและเทคโนโลยี AI ขั้นสูงของ NVIDIA เพื่อแนะนำดีไซน์ต้นแบบเพื่อการอ้างอิงของศูนย์ข้อมูล AI ที่เปิดเผยสู่สาธารณะเป็นครั้งแรก ดีไซน์เหล่านี้เตรียมไว้เพื่อกำหนดมาตรฐานใหม่สำหรับการปรับใช้ AI และดำเนินงานภายในระบบนิเวศของศูนย์ข้อมูล ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของวิวัฒนาการในอุตสาหกรรม

เนื่องจากแอปพลิเคชัน AI กำลังเป็นที่นิยมและได้รับการยอมรับจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ อีกทั้งต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าการประมวลผลแบบเดิม ทำให้ต้องใช้พลังการประมวลผลเพิ่มขึ้นทวีคูณ การที่ AI มาแรงจึงกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและสร้างความซับซ้อนในการออกแบบและการดำเนินงานศูนย์ข้อมูล พร้อมกับที่ผู้ดำเนินการศูนย์ข้อมูลต้องทำงานเพื่อสร้างและดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกที่ให้พลังงานเสถียรด้วยความรวดเร็ว เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและรองรับการปรับขยายได้

“เรากำลังปลดล็อกอนาคตของ AI เพื่อองค์กรต่างๆ” ปานกาจ ชาร์มา รองประธานบริหาร แผนกพลังงานที่ปลอดภัยและธุรกิจศูนย์ข้อมูล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “การผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านโซลูชันศูนย์ข้อมูลของเราเข้ากับความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี AI ของ NVIDIA คือการที่เรากำลังช่วยให้องค์กรต่างๆ ก้าวข้ามข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูล และปลดล็อกศักยภาพของ AI ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ความร่วมมือระหว่างเรากับ NVIDIA นับเป็นการปูทางสู่อนาคตที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ที่ให้ความยั่งยืน และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยขุมพลังของ AI”

การออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ล้ำยุคเพื่อเป็นต้นแบบในการอ้างอิง

ในเฟสแรกของความร่วมมือ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะนำเสนอดีไซน์ต้นแบบเพื่อการอ้างอิงสำหรับศูนย์ข้อมูลล้ำยุคที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับคลัสเตอร์การประมวลผลแบบเร่งความเร็วของ NVIDIA และสร้างเพื่อการประมวลผลข้อมูล การจำลองทางวิศวกรรม การออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ การออกแบบตัวยาโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วย รวมถึง generative AI ซึ่งจุดมุ่งเน้นพิเศษคือการกระจายพลังงานได้สูง มีระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว และระบบควบคุมที่ออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าทดสอบการใช้งานได้ง่ายและให้การทำงานที่น่าเชื่อถือสำหรับคลัสเตอร์ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นพิเศษ โดยภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริคตั้งเป้าที่จะมอบเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นแก่เจ้าของศูนย์ข้อมูลและผู้ปฏิบัติงานเพื่อผสานรวมโซลูชัน AI ใหม่ที่ล้ำหน้าเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างราบรื่น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และให้ความมั่นใจในการดำเนินงานตลอดช่วงอายุการใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือ

เพื่อตอบสนองความต้องการด้านเวิร์กโหลดของ AI ที่เพิ่มขึ้น ดีไซน์ต้นแบบเพื่อการอ้างอิงนี้ จะนำเสนอกรอบการทำงานที่แข็งแกร่งสำหรับการนำแพลตฟอร์มการประมวลผลแบบเร่งความเร็วของ NVIDIA มาใช้ในศูนย์ข้อมูล ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพ ให้ความสามารถในการปรับขยายการทำงาน และให้ความยั่งยืนโดยรวม ทั้งนี้ คู่ค้า วิศวกร และผู้นำศูนย์ข้อมูลสามารถใช้การดีไซน์อ้างอิงเหล่านี้สำหรับห้องต่างๆ ของศูนย์ข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งจะต้องรองรับการใช้งานใหม่ๆ ของเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มีความหนาแน่นสูง รวมถึงการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ที่ปรับปรุงอย่างสมบรูณ์เพื่อให้เหมาะสำหรับคลัสเตอร์ AI ที่ระบายความร้อนด้วยของเหลว

“เราร่วมมือกับ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพื่อนำเสนอดีไซน์ต้นแบบเพื่อการอ้างอิงของศูนย์ข้อมูล AI โดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลเร่งความเร็วรุ่นใหม่ของ NVIDIA” Ian Buck รองประธาน Hyperscale และ HPC ของ NVIDIA กล่าว “ความร่วมมือครั้งนี้ช่วยให้องค์กรต่างๆ มีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อให้ได้ประโยชน์จากศักยภาพของ AI ช่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้ครอบคลุมทั่วทุกอุตสาหกรรม”

Roadmap แห่งอนาคต

นอกเหนือจากดีไซน์ต้นแบบเพื่อการอ้างอิงของศูนย์ข้อมูล AVEVA ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Schneider Electric จะเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม Digital Twin เข้ากับ NVIDIA Omniverse เพื่อมอบสภาพแวดล้อมที่เป็นหนึ่งเดียวสำหรับการจำลองที่เสมือนจริงและในการทำงานร่วมกัน การผสานรวมดังกล่าวจะช่วยให้ทั้งนักออกแบบ วิศวกร และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ประสานการทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น ช่วยเร่งการออกแบบและช่วยให้ใช้งานระบบที่ซับซ้อนได้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยลดค่าใช้จ่ายและลดเวลาในการนำเสนอสู่ตลาด

“เทคโนโลยี NVIDIA ช่วยต่อยอดศักยภาพของ AVEVA ในการสร้างประสบการณ์การทำงานร่วมกันในเชิงลึกได้อย่างสมจริงที่รองรับด้วยข้อมูลที่มีคุณภาพจำนวนมากและความสามารถของ Digital Twin ที่ชาญฉลาดของ AVEVA” Caspar Herzberg ซีอีโอของ AVEVA กล่าว “เรากำลังร่วมกันสร้างระบบเสมือนจริงด้านอุตสาหกรรมที่จำลองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งคุณสามารถจำลองกระบวนการ จำลองผลลัพธ์ และสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง การผสมผสานระหว่างความฉลาดทางดิจิทัลและผลลัพธ์ที่ได้จริง จะให้ศักยภาพในการปฏิรูปการดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ให้ความปลอดภัยมากขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น”

ในความร่วมมือกับ NVIDIA ชไนเดอร์ อิเล็คทริควางแผนที่จะสำรวจกรณีการใช้งานและแอปพลิเคชันใหม่ๆ ทั่วทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม และเดินหน้าวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีพร้อมกำหนดอนาคตของเทคโนโลยี


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซีเมนส์จับมือเอ็นวิเดีย ขับเคลื่อนเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรม

โรแลนด์ บุช ซีอีโอของซีเมนส์ และเจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเอ็นวิเดีย ที่งานเปิดตัว Siemens Xcelerator เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี

7 กรกฎาคม 2565 – ซีเมนส์ (Siemens) ผู้นำระบบอัตโนมัติและซอฟต์แวร์สำหรับอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีอาคาร และการคมนาคมขนส่ง และเอ็นวิเดีย (NVIDIA) ผู้บุกเบิกเทคโนโลยีกราฟิกเร่งความเร็วและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประกาศขยายความร่วมมือเพื่อรองรับเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มการใช้งานเทคโนโลยี Digital Twin ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งจะช่วยยกระดับระบบอัตโนมัติภาคอุตสาหกรรมไปสู่มาตรฐานใหม่

สำหรับก้าวแรกของความร่วมมือในครั้งนี้ บริษัททั้งสองมีแผนที่จะเชื่อมต่อ Siemens Xcelerator ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มธุรกิจดิจิทัลแบบเปิด เข้ากับ NVIDIA Omniverse™ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการออกแบบ 3D และการทำงานร่วมกัน  โดยการเชื่อมต่อดังกล่าวจะช่วยรองรับเมตาเวิร์สในภาคอุตสาหกรรมที่ประกอบด้วยแบบจำลองดิจิทัลที่อ้างอิงหลักการทางฟิสิกส์จากซีเมนส์ และระบบ AI แบบเรียลไทม์จากเอ็นวิเดีย ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถดำเนินการตัดสินใจในเรื่องธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและมีความมั่นใจมากขึ้น

การเพิ่ม Omniverse ไว้ในระบบนิเวศพันธมิตรแบบเปิดของ Siemens Xcelerator จะช่วยกระตุ้นการใช้งาน Digital Twin ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิผลการทำงานและปรับปรุงกระบวนการผลิต รวมถึงการจัดการผลิตภัณฑ์ได้อย่างครบวงจร องค์กรธุรกิจทุกขนาดจะสามารถใช้ Digital Twin ร่วมกับข้อมูลการทำงานแบบเรียลไทม์ สร้างนวัตกรรมโซลูชั่น IoT ภาคอุตสาหกรรม ใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ได้รับจากระบบวิเคราะห์ข้อมูลที่เครือข่ายเอดจ์หรือคลาวด์ และตอบโจทย์ความท้าทายด้านวิศวกรรมในอนาคต โดยทำให้การเข้าถึงแบบจำลองเสมือนจริงที่มีรายละเอียดสูงเป็นไปได้ง่ายขึ้น

โรแลนด์ บุช ซีอีโอของซีเมนส์ กล่าวว่า “แบบจำลอง Digital Twin ที่อ้างอิงหลักฟิสิกส์และมีความเสมือนจริงในเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรม จะช่วยเพิ่มศักยภาพมหาศาลในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมและระบบเศรษฐกิจ ด้วยการสร้างโลกเสมือนที่ผู้คนสามารถโต้ตอบและทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกจริง  ภายใต้ความร่วมมือนี้ เราจะสร้างเมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรมสำหรับบริษัททุกขนาด  ตลอดช่วงเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยี Digital Twin ของเราช่วยให้ลูกค้าในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มประสิทธิผลการทำงาน และเป็น Digital Twin ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดในแวดวงอุตสาหกรรมในวันนี้ เมื่อ Siemens Xcelerator ถูกเชื่อมต่อกับ Omniverse เราจะสามารถสร้างเมตาเวิร์สแบบเรียลไทม์ที่สมจริง โดยเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน มีความครอบคลุมตั้งแต่เครือข่ายเอดจ์ไปจนถึงคลาวด์ ด้วยข้อมูลที่ละเอียดรอบด้านจากซอฟต์แวร์และโซลูชั่นของซีเมนส์”

เจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเอ็นวิเดีย กล่าวว่า “ซีเมนส์และเอ็นวิเดียมีวิสัยทัศน์ร่วมกันว่า

เมตาเวิร์สภาคอุตสาหกรรมจะช่วยขับเคลื่อน digital transformation อย่างเป็นรูปธรรม  และนี่เป็นเพียงก้าวแรกในความพยายามร่วมกันของเราที่จะทำให้วิสัยทัศน์ดังกล่าวเป็นจริงสำหรับลูกค้าของเรา รวมถึงทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลก การเชื่อมต่อเข้ากับ Siemens Xcelerator จะช่วยให้ระบบนิเวศ Omniverse และ AI ของเอ็นวิเดียเปิดไปสู่โลกใหม่ของระบบอัตโนมัติภาคอุตสาหกรรม ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยใช้โซลูชั่นด้านเครื่องจักรกล, ไฟฟ้า, ซอฟต์แวร์, IoT และ เอดจ์ของซีเมนส์”

ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการผสานรวมเทคโนโลยีและระบบนิเวศที่เกื้อหนุนกัน เพื่อสร้างเมตาเวิร์สสำหรับภาคอุตสาหกรรม  ซีเมนส์มีความพร้อมอย่างมากในการเชื่อมโยงโลกแห่งความเป็นจริงและโลกดิจิทัลเข้าด้วยกัน กล่าวคือเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีส่วนปฏิบัติการ (OT)  ซึ่งแพลตฟอร์ม Siemens Xcelerator เชื่อมต่อโดเมนต่าง ๆ ทั้งในส่วนของเครื่องจักรกล ไฟฟ้า และซอฟต์แวร์ โดยครอบคลุมกระบวนการผลิตและการจัดการผลิตภัณฑ์อย่างครบวงจร และรองรับการผนวกรวม IT และ OT เข้าด้วยกัน

NVIDIA Omniverse เป็นโลกเสมือนจริงที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีการสร้างแบบจำลองตามหลักฟิสิกส์ ครอบคลุมขอบเขตระดับอุตสาหกรรม และถือเป็นการเปิดใช้งานแบบจำลอง Digital Twin  ที่มีความแม่นยำสูงสุดเป็นครั้งแรก ส่วน NVIDIA AI ซึ่งถูกใช้งานโดยบริษัทต่าง ๆ กว่า 25,000 บริษัททั่วโลก เป็นเครื่องมืออัจฉริยะของ Omniverse บนคลาวด์และระบบอัตโนมัติที่เครือข่ายเอดจ์ NVIDIA Omniverse และ AI เป็นเครื่องมือในการประมวลผลที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการแสดงผลแบบจำลอง Digital Twin ที่ครบถ้วนสมบูรณ์จาก Siemens Xcelerator


เกี่ยวกับเอ็นวิเดีย

นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นในปี พ.ศ. 2536 เอ็นวิเดีย (NASDAQ: NVDA) คือผู้บุกเบิกด้านการเร่งความเร็วของการประมวลผล บริษัทฯ เริ่มพัฒนานวัตกรรมกราฟิก (GPU) เมื่อ พ.ศ.2542 และสร้างการเติบโตของตลาดเกมพีซี พร้อมเป็นผู้กำหนดนิยามใหม่ให้กับวงการคอมพิวเตอร์กราฟิกและจุดประกายให้กับ AI ยุคใหม่ ปัจจุบัน เอ็นวิเดีย เป็นบริษัทประมวลผลแบบ Full Stack ที่นำเสนอโซลูชั่นระดับศูนย์ข้อมูลที่กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรม ข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://nvidianews.nvidia.com/

เกี่ยวกับซีเมนส์

ซีเมนส์ เอจี (เบอร์ลินและมิวนิค) เป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ทางด้านอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง และการดูแลสุขภาพ ธุรกิจของบริษัทฯ ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการทรัพยากรในโรงงาน การบริหารห่วงโซ่อุปทาน ระบบอาคารอัจฉริยะและระบบโครงข่ายไฟฟ้า ไปจนถึงการขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด และการดูแลสุขภาพขั้นสูง บริษัทฯ พัฒนาเทคโนโลยีด้วยวัตถุประสงค์เพื่อมอบคุณค่าที่แท้จริงแก่ลูกค้า ซีเมนส์ช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมและตลาด เพื่อยกระดับการใช้ชีวิตของคนนับพันล้านโดยผสานโลกความจริงและโลกดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน ซีเมนส์เป็นผู้ถือหุ้นหลักในซีเมนส์ เฮลทิเนียร์ส ผู้นำระดับโลกด้านเทคโนโลยีการแพทย์และบริการดูแลสุขภาพดิจิทัล นอกเหนือจากนั้น ซีเมนส์ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยใน ซีเมนส์ เอนเนอร์ยี่ ผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตและนำส่งพลังงานไฟฟ้า

ในปีงบประมาณ 2564 ซึ่งสิ้นสุดเมื่อ 30 กันยายน 2564 ซีเมนส์มีพนักงาน 303,000 คนทั่วโลก กลุ่มธุรกิจของซีเมนส์สร้างรายได้ 62.3 พันล้านยูโร และมีผลกำไร 6.7 พันล้านยูโร ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.siemens.com


Exit mobile version