Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ศูนย์สะเต็มศึกษา มจพ. จัดการแข่งขัน “KM STEM Robotics Competition ครั้งที่ 2

ทีมหุ่นยนต์ PKK จากโรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน มจพ. คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการแข่งขัน KM STEM Robotics Competition ครั้งที่ 2 มีอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์คฑาวุฒิ อุชชิน สมาชิกทีมหุ่นยนต์ PKK ประกอบด้วย นายภูรี พลับจุ้ย นายพีรณัฐท์ โพธิ์เงิน จัดโดยศูนย์สะเต็มศึกษา มจพ.

มีเป้าหมายเน้นที่นักเรียน นักศึกษา และบุคลากรทางการศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์สื่อกลางในการถ่ายทอดความรู้ด้านวิทยาการ STEM มีความคิดริ่มเริ่มสร้างสรรค์นำไปต่อยอดเป็นนักประดิษฐ์ และสร้างนวัตกรรมต่อไป และขอบคุณทีมงานทุกท่าน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้สนับสนุนเงินรางวัลในการแข่งขัน ได้แก่บริษัท AppliCAD (สุดยอดเทคโนโลยี 3D ต้อง AppliCAD) Prapas Applicad รวมถึงคณะกรรมการสะเต็มศึกษา มจพ. เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 ณ โรงเรียนเตรียมวิศวกรรมศาสตร์ ไทย-เยอรมัน มจพ.

ขวัญฤทัย ข่าว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ภาพข่าวคณะอุตสาหกรรมเกษตร มจพ. วิทยาเขตปราจีนบุรี จัดอบรมเชิงปฏิบัติการทางวิทย์

คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตปราจีนบุรี ได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ โครงการ “การฝึกทักษะปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์” โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนในโครงการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ห้องเรียนพิเศษวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม โรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุง จังหวัดปราจีนบุรี โดยคณะอุตสาหกรรมเกษตรได้จัดกิจกรรมแบ่งเป็น 2 รอบ

รอบที่ 1 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 44 คน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 เวลา 08.30 – 16.30 น.

รอบที่ 2 นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ 5 จำนวน 56 คน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2563 เวลา 08.00 – 16.00 น.

 

นอกจากนี้คณะอุตสาหกรรมเกษตร ได้ประชาสัมพันธ์ข้อมูลความพร้อมด้านอุปกรณ์ เครื่องมือการแปรรูป เครื่องมือการวิเคราะห์คุณภาพ และศักยภาพของบุคลากรของคณะอุตสาหกรรมเกษตรในการจัดการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร โภชนาการ การจัดการ และนวัตกรรมและเทคโนโลยีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมทั้งพัฒนาความร่วมมือด้านการพัฒนาทางวิชาการระหว่างคณะอุตสาหกรรมเกษตรและโรงเรียนปราจิณราษฎรอำรุงต่อไป

ขวัญฤทัย ข่าว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สพอ. เปิดหลักสูตร ผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำ ปี 2563

สำนักพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดหลักสูตรผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำ ปี 2563 ทั้งในส่วนของ มจพ. กรุงเทพฯ และ ณ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม อ. มาบตาพุด จ. ระยอง หลักสูตรผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำ ค่าลงทะเบียนเข้าอบรม ท่านละ 5,900 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างอุปกรณ์และส่วนควบคุมต่าง ๆ ของหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจถึงหลักการทำงานของหม้อน้ำหรือหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน ตลอดจนอุปกรณ์และส่วนควบคุมต่าง ๆ เพื่อให้มีความสามารถในการควบคุมการใช้หม้อน้ำหรือหม้อต้มได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุของหม้อน้ำหรือหม้อต้มและวิธีการแก้ไขป้องกันอุบัติเหตุดังกล่าว เพื่อให้ตระหนักถึงอุบัติเหตุอันตรายที่เกิดขึ้น ตลอดจนจะต้องทราบถึงหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ควบคุมหม้อน้ำหรือหม้อต้มที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่ผ่านการอบรมและผ่านการสอบมาตรฐานสามารถนำวุฒิบัตรไปยื่นขอขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำต่อกรมโรงงานอุตสาหกรรม สอบถามรายละเอียดการขึ้นทะเบียน เพิ่มเติมได้ที่สำนักเทคโนโลยีความปลอดภัย กรมโรงงานอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0-2202-4222 หรือ 0-2202-4217 สำหรับหลักสูตร ผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำ ปี 2563 มีดังนี้

1) การจัดอบรมผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำปี 2563 ณ สำนักพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม มจพ. รุ่นที่ 5/63 วันที่ 6 – 10 ตุลาคม 2563 และรุ่นที่ 6/63 วันที่ 23 – 28 พฤศจิกายน 2563 สถานที่ฝึกอบรม สำนักพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)

2) การจัดฝึกอบรม หลักสูตรผู้ควบคุมประจำหม้อน้ำ ในจังหวัดระยองและพื้นที่ใกล้เคียง ณ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม รุ่นที่ 4/63 วันที่ 28-30 กันยายน 2563 และ วันที่ 1-3 ตุลาคม 2563 และรุ่นที่ 5/63 วันที่ 9-17 พฤศจิกายน 2563 สถานที่ฝึกอบรม ณ ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม มจพ. ต. มาบตาพุด อ.ระยอง จ.ระยอง

สอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) โทรศัพท์ 0-2555-2000 ต่อ 2616 และ 2617 E-mail : itditr@kmutnb.ac.thitditrr@gmail.com และสามารถสมัครอบรมออนไลน์

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

IAESTE Thailand รับสมัครนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติ

IAESTE Thailand (ไอเอสเต้) รับสมัครนักศึกษาโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติไปฝึกงาน ณ ต่างประเทศ โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษานานาชาติเพื่อการฝึกงานด้านเทคนิค (The International Association for the Exchange of Students for Technical Experience A.s.b.l.: IAESTE Thailand) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดรับสมัครสอบคัดเลือกนักศึกษาระดับปริญญาตรีปีที่ 3 – 4 และปริญญาโท-เอก อายุไม่เกิน 30 ปี เพื่อรับทุนฝึกงานด้านเทคนิคในต่างประเทศของโครงการ IAESTE Thailand ประจำปี 2564 ดังนี้

– รับสมัครระหว่างวันอังคารที่ 1 กันยายน – 30 ตุลาคม 2563 วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 18.00 น. และวันเสาร์ เวลา 09.00 – 16.00 น.
– ประกาศสถานที่สอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18.00 น.
– สอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 8 พฤศจิกายน 2563 เวลา 9.00 – 12.00 น.
– ประกาศผลสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษ วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18.00 น.
– สอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษและวิชาชีพเฉพาะทาง วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 12 – 13 ธันวาคม 2563 วันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 19 – 20 ธันวาคม 2563 ณ หอประชุมเบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี
การเรียกนักศึกษาสอบสัมภาษณ์จะเรียกตามลำดับการรายงานตัว
– ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่าน และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับทุนฝึกงาน วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 2564 (เรียงตามลำดับคะแนน ) เวลา 18.00 น.
– ประชุมผู้ปกครอง-นักศึกษาเพื่อรายงานตัว และการพิจารณาเลือกทุนฝึกงาน วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 9.00 – 16.00 น. ณ หอประชุมเบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี
– ชำระเงิน และรับทุนฝึกงาน วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ หอประชุม เบญจรัตน์ อาคารนวมินทรราชินี

นักศึกษาที่สนใจสมัครสอบคัดเลือกเพื่อขอรับทุน สามารถสอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ สำนักงาน IAESTE Thailand ชั้น 10 อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) โทรศัพท์ 02-555-2177, 02-555-2000 ต่อ 1025, 1193, 1194 หรือ Download ใบสมัครได้ที่ www.iaeste-thailand.org

ขวัญฤทัย ข่าว –ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. พร้อมตรวจประเมินหลักสูตรนำร่อง ABET Mock Visit โดยผู้ทรงคุณวุฒิจาก ATPAC

รองศาสตราจารย์ ดร.สุเมธ อ่ำชิต ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการและประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม 2563 เวลา 08.30 – 14.00 น. จะมีการตรวจรายงานการศึกษาตนเอง และพิจารณาความพร้อมของหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นหลักสูตรนำร่อง ภายใต้บันทึกความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดยมีวัตถุประสงค์ของความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนให้สถาบันอุดมศึกษาไทยได้รับการรับรองจาก Accreditation Board for Engineering and Technology (ABET) ซึ่งเป็นมาตรฐานหลักสูตรทางด้านวิชาชีพวิศวกรรมศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก

ทั้งนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ได้ประสานงานเพื่อเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากสมาคมวิชาชีพไทยในอเมริกาและแคนาดา (Association of Thailand Professionals in America and Canada : ATPAC) เป็น Mock Program Evaluator (MPEV) ในการตรวจรายงานการศึกษาตนเอง และพิจารณาความพร้อมของหลักสูตรนำร่องดังกล่าว ผ่านทางระบบวีดิทัศน์ทางไกล และที่ห้องประชุมราชพฤกษ์ มจพ. ซึ่งผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย

1. Professor Dr. Methi Wecharatana
John A. Reif, Jr. Department of Civil & Environmental Engineering
New Jersey Institute of Technology (NJIT)

2. Associate Professor Dr. Vira Chankong
Departments of Computer and Data Sciences, and Electrical, Computer, and Systems Engineering
Case Western Reserve University (CWRU)

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) มุ่งส่งเสริมให้หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาจาก Accreditation Board for Engineering and Technology (ABET) สหรัฐอเมริกา ซึ่งการผ่านมาตรฐานดังกล่าวจะเป็นการยกระดับคุณภาพหลักสูตรทางวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยให้ทัดเทียมกับนานาชาติ

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. รับมอบเจลแอลกอฮอล์ จากบริษัท ซีพี ออลล์

ศ.ดร.สุชาติ เซี่ยงฉิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) รับมอบเจลแอลกอฮอล์ พร้อมด้วย ผศ.ดร.กฤษชัย ศรีบุญมา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาสิ่งแวดล้อมและกายภาพ อาจารย์ ดร.รักนรินทร์ แสนราช ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการคลังและกิจการทั่วไป และนางจารุวรรณ ศรีพงษ์พันธุ์กุล ผู้อำนวยการกองกลาง ร่วมกับ คุณจิร แก้วยา ผู้จัดการทั่วไป คุณสุปราณี สีนวลน้อย รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจลแอลกอฮอล์ 70% ขนาด 500 ml. ที่ผสมมอยเจอร์ไรเซอร์ช่วยถนอมมือ จำนวน 600 ขวด เพื่อมอบให้ นักศึกษา บุคลากรทางการศึกษา มีความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาด และนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

สืบเนื่องจากทางบริษัทฯ ได้มีกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยแรกๆ ที่เน้นในโครงการลดถุงพลาสติก การคัดแยกขยะ รวมถึงลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง โดยมีผู้บริหาร มจพ. และ ผู้บริหารของบริษัทซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2563 ณ ห้องประชุม 215 อาคารอเนกประสงค์ มจพ.

ขวัญฤทัย ข่าว/สมเกษ ถ่ายภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. วิทยาเขตระยอง จับมือ บ.ออกแบบเอกชนชั้นนำ เปิดหลักสูตรวิศวกรรมกระบวนการเคมี (CPET) พร้อมทุนบัณฑิตพันธุ์ใหม่ 4.0

รศ ดร. ปิยะพงศ์ หรรษ์ภิญโญ ประธานหลักสูตรสาขาวิชาวิศวกรรมกระบวนการเคมี (CPET) ภาควิชาวิศวกรรมกระบวนการเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง เปิดเผยว่า การเปิดรับสมัครเข้าศึกษาในหลักสูตรสาขาวิชาวิศวกรรมกระบวนการเคมี (CPET) พร้อมสนับสนุนทุนบัณฑิตพันธุ์ใหม่ 4.0 ให้กับนักศึกษาที่เข้ามาศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี หรือเรียกสั้น ๆ ว่าหลักสูตร CPet และเปิดรับสมัครนักศึกษามาตั้งแต่ปี 2557 โดยล่าสุดได้ปรับปรุงหลักสูตรให้สามารถเรียนร่วมกับโรงงานได้แล้วเสร็จเมื่อ ปี 2562 เป็นหลักสูตรในระดับปริญญาตรี เรียนจบแล้วจะได้รับวุฒิการศึกษาเป็นหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต (วศ.บ.) ได้รับทุนสนับสนุนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ภายใต้โครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่แบบ Degree และสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูงสำหรับอุตสาหกรรม (New Growth Engine) ตามนโยบาย Thailand 4.0 และการปฏิรูปอุดมศึกษาไทย เพื่อผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ สนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ครอบคลุมจนกระทั่งปีงบประมาณ 2562-2565 (4 ปี) หลักสูตรดังกล่าวเน้นการผลิตวิศวกรรมศาสตรบัณฑิตเฉพาะทางสาขาวิศวกรรมควบคุมให้กับภาคอุตสาหกรรมและภาคสังคมในพื้นที่ภาคตะวันออก โดยเป็นสาขาวิชาที่ตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมแถบนั้นเป็นอย่างดี ทั้งนี้นักศึกษาในชั้นปีที่ 3 ฝึกงานแบบสหกิจกับภาคอุตสาหกรรม 4 เดือน โดยจัดการเรียนการสอนที่บูรณาการกับการทำงาน (Work-integrated Learning : WIL) และนำโจทย์จากภาคอุตสาหกรรม มาให้นักศึกษาฝึกฝนในการแก้ปัญหาเป็นส่วนหนึ่งของปริญญานิพนธ์ (4 เดือน) ก่อนจบการศึกษา ระหว่างเรียนได้ทำงานจริง ปฏิบัติร่วมกับบริษัทชั้นนำ และยังได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทชั้นนำ หลักสูตร CPet นี้ตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรมดิจิทัลในยุคนี้จริง ๆ

ความโดดเด่นของหลักสูตร CPet ) ที่แตกต่างจากที่อื่นนั้นคือ

(1) เน้นความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายอุตสาหกรรมภาคตะวันออก จัดการเรียนการสอนแบบเชิงบูรณาการกับการทำงานจริงในการคาดหวังกับสมรรถนะและทักษะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ (Outcome-Based. Education (OBE) on workplace requirement) ผ่านโครงการสหกิจศึกษา (Co-operative internship) สำหรับนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ภาคการศึกษาที่ 1 (ระยะเวลา 4 เดือน ในการออกภาคสนาม) กับหน่วยงานภาคอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) และอุตสาหกรรมธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewable energy) และเครือข่ายโรงไฟฟ้า (Power Plant groups) ควบคู่กับการประยุกต์ใช้ความรู้ทางทฤษฎีที่ได้จากการเรียน บูรณาการเข้ากับประสบการณ์การฝึกปฏิบัติลงมือทำจริงในโครงการสหกิจศึกษา โดยซึบซับเทคนิควิธีการแก้ไขปัญหา/ศึกษารูปแบบการทำงาน/เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กร/รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากวิศวกรพี่เลี้ยงจากภาคอุตสาหกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน เพื่อนำไปสู่การผลิตวิศวกรควบคุมที่พร้อมทำงานในภาคอุตสาหกรรม

(2) เน้นต่อยอดกระบวนการเรียนรู้ หลังจบโครงการสหกิจศึกษา เพื่อเชื่อมไปสู่โครงการปริญญานิพนธ์ร่วม (The mutual student project) นำข้อมูลปัญหาหรือโจทย์จากภาคอุตสาหกรรมมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดงานวิจัยและพัฒนา ก่อให้เกิดองค์ความรู้ที่ตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง ภายใต้รูปแบบการเรียนร่วมกับการทำงาน (Work-integrated Learning, WiL) ผ่านการลงนามสัญญาการเก็บรักษาความลับ (Non-Disclosure Agreement, NDA) โดยจัดตารางเรียนสลับการทำงาน (Sandwich course)

(3) เชิญวิทยากรพิเศษ/วิศวกรอาวุโส/ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีประสบการณ์ 10-15 ปี ขึ้นไป จากบริษัทเอกชนชั้นนำ และหรือบริษัทในภาคอุตสาหกรรมในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ร่วมสอนให้ความรู้ เพิ่มพูนทักษะ ชี้นำวิธีการแก้ไขปัญหา จากประสบการณ์การทำงานจริง ในสายงานด้านการออกแบบทางวิศวกรรม (Engineering design) การจัดการ/จัดหา/จัดซื้อ (Procurement and purchasing) ควบคุมโครงการและดำเนินการก่อสร้าง (Constructive management) หรือเรียกชื่อย่อว่าทักษะด้านงาน EPC – Engineering, Procurement and Construction รวมถึงการอบรมเสริมทักษะภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมสอบ TOEIC เพื่อให้นักศึกษามีพื้นฐานแน่น ๆ การตะลุยโจทย์ TOEIC ทำให้ผู้เรียนสามารถฝึกฝนและเตรียมตัวก่อนลงสนามจริง อัพคะแนนถึงตามมาตรฐานสากล ก่อนจบการศึกษา

(4) มีการนำเทคโนโลยีประเภทโปรแกรมช่วยออกแบบ หรือซอฟต์แวร์ด้านงานออกแบบ และจำลองกระบวนการแบบถูกลิขสิทธิ์ อาทิ MATLAB & Simulink, ASPEN Plus process simulation for chemicals, ANSYS Fluent, Applied Flow Technology (AFT), Intergraph SmartPlant 4 packages (P&ID, 3D, Electrical and Instrumentation), SolidWork and SolidPlant P&ID and 3D พร้อมอัพเดทฐานข้อมูลจำเพาะที่ทันสมัย ถูกบรรจุใช้งานในหลักสูตร เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอน และสมรรถนะการเรียนรู้ของผู้เรียน นําความรู้ไปใช้ต่อยอดในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์และผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยร่วมมือกับ 3 บริษัทชั้นนำด้านการออกแบบและจำลอง

(5) อบรมเสริมสมรรถนะ ภายใต้ทุนสนับสนุนจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำหรับโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ 4.0 แบบ Degree ด้าน Advanced knowledge of ASME codes ด้าน Hazard and Operability Study (HAZOP) ด้าน Energy Optimization & Management ด้านผู้ควบคุมหม้อน้ำ, มลพิษอากาศ, มลพิษน้ำเสีย และกากมลพิษ ด้าน Online Marketing หรือ Digital Marketing และด้าน 3D visualization and virtual reality (VR) และ

(6) มุ่งยกระดับมาตรฐานคุณภาพหลักสูตร ให้เป็นที่ยอมรับ การรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ (Thailand Accreditation Body for Engineering Education: TABEE) หลักสูตร CPet ตอบโจทย์บัณฑิตพันธุ์ใหม่ 4.0 อย่างแท้จริง ทั้งในด้านกระบวนการเรียนรู้และเทคโนโลยีจาการฝึกงานสหกิจภาคสนาม รวมถึงการฝึกปฏิบัติลงมือทำจริงในโครงการสหกิจศึกษา

ส่วนการเปิดรับสมัครหลักสูตร CPet จะเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เปิดรับสมัคร ผู้มีวุฒิ ม.6 (สายสามัญ หรือมีผลงานนวัตกรรม) และสำหรับผู้มีวุฒิ ปวช. และ ปวส. (สาขาเคมี) โดยจะเปิดรับสมัครรอบที่ 1 (TCAS#1) ถึงรอบที่ 5 (TCAS#5) ของทุกปี

รศ. ดร. ปิยะพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจบการศึกษาในหลักสูตร CPet บัณฑิตสามารถต่อยอดลักษณะงาน EPC และลักษณะงานที่เกี่ยวกับงานควบคุมการผลิต งานพิจารณาตรวจสอบ และการอำนวยการใช้ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องปฏิกรณ์ในเครือข่ายโรงไฟฟ้า (Power Plant) เช่น โรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากขยะชุมชน และโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น ผ่านการใช้ระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าและความร้อนร่วม (Combined heat and power หรือ CHP) งานพิจารณาตรวจสอบคุณภาพน้ำป้อนที่จะนำไปใช้ในหม้อไอน้ำ (Boiler feed water) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ (Biofuels and Biochemicals) อุตสาหกรรมในโรงงานต้นแบบ (เช่น โรงงานแบตเตอรี่ จำพวกเซลล์อิเลคโทรไลต์) และพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์เซลล์ ไบโอดีเซล ไบโอเอทานอล เป็นต้น เพื่อควบคุมกระบวนการผลิตให้มีความปลอดภัย ลดการปล่อยมลพิษ และเกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังมีคอร์สอบรมเสริมทักษะ online Marketing หรือ Digital Marketing สอนแบบเจาะลึก ชี้ช่องทางเทคนิคการตลาดที่ใช้จริง จากประสบการณ์การทำตลาดออนไลน์จริงโดยทีมวิทยากรมืออาชีพ เสริมทัพด้วยการอบรมเสริมทักษะ 3D visualization and virtual reality (VR) ที่สามารถนำความรู้ทางด้านเทคโนโลยีดิจิตอลเข้าไปใช้ในกระบวนการภาคอุตสาหกรรมได้ การเข้ามาเรียนในหลักสูตร CPet อนาคตสดใสแน่นอน มีตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมอีกมากที่รองรับสาขาด้านนี้ เมื่อจบไปสามารถเข้าไปปฏิบัติงานในภาคอุตสาหกรรม สามารถควบคุมและพิจารณาตรวจสอบข้อกำหนดตามมาตรฐานสากลต่าง ๆ ลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปรับปรุงเทคนิคกระบวนการผลิต รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ในการลงทุนทั้งด้านเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ และปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้อง โอกาสความก้าวหน้าในสายอาชีพนั้นมีแนวโน้มค่อนข้างสูง เพราะปัจจุบันงานสำหรับวิศวกรรมกระบวนการเคมีส่วนใหญ่ สามารถรองรับกับอุตสาหกรรมเคมีต้นน้ำ (Upstream) และปลายน้ำ (Downstream processing) ที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply-chain) ของโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)

สอบถามได้ที่ สาขาวิชาเทคโนโลยีวิศวกรรมกระบวนการเคมี ภาควิชาวิศวกรรมกระบวนการเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ วิทยาเขตระยอง หรือที่เฟสบุ๊ก https://www.facebook.com/CPet.Kmutnb.Rayong/ หรือ โทรศัพท์ 080-044-9344 (ในเวลาราชการ)

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. โชว์นวัตกรรมตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก สนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) สนับสนุนสร้างนวัตกรรมสู้ภัยโควิด-19 โดยการผนึกกำลังของคณะและส่วนงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย ร่วมกับศิษย์เก่า องค์กรเครือข่ายพันธมิตรของมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยและเทคโนโลยี เพื่อรับมือกับความท้าทาย ตอบโจทย์ และพลิกวิกฤติเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยเหลือสังคม นักศึกษา และสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่แนวหน้าทุกคนได้เข้าถึงงานวิจัย-นวัตกรรมช่วยเหลือสู้ภัยเชื้อไวรัสโควิด-19

นวัตกรรมที่สร้างมาจากองค์ความรู้ด้านการวิจัยของมหาวิทยาลัยและได้ส่งมอบใช้งานแล้ว ได้แก่ ตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก โดยเมื่อที่ 19 มิถุนายน 2563 ณ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร รศ.ดร.สันชัย อินทพิชัย รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนากิจการมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ประธานพิธีส่งมอบตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก พลตรี ธไนนิธย์ โชตนภูติ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร เป็นผู้รับมอบ เพื่อเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยในการคัดกรองโรคได้ โดยมี อาจารย์ ดร.เต็มสิริ ทรัพย์สมาน รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม ภาควิชาวิศวกรรมการผลิต คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. หัวหน้าโครงการ “ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก” ร่วมเป็นสักขีพยาน พร้อมคณะผู้บริหารสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร ร่วมพิธีดังกล่าว

อาจารย์ ดร.เต็มสิริ ทรัพย์สมาน เปิดเผยว่า นวัตกรรมตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก ก่อนหน้านี้ได้ออกแบบตู้ตรวจโรคความดันบวกเป็นตู้ต้นแบบแล้ว จัดสร้างด้วยเงินรายได้ของคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. โดยตู้ต้นแบบได้ไปทดลองที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรแล้ว ได้ผลการตอบรับที่ดีจากทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แผนถัดไปก็จะสร้างตู้และมอบให้แก่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ต่อไป สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีความรุนแรงต่อเนื่อง กอปรกับความต้องการตู้ฆ่าเชื้อโรคโควิด-19 ก็ยังมีความต้องการอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ มจพ. มีนโยบายเพื่อการระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลต่าง ๆ สอดรับกับความต้องการตู้ตรวจโรคโควิด -19 ความดันบวก ที่ได้จัดสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารใช้ประโยชน์ในการตรวจคัดกรองคนไข้หาเชื้อโรคโควิด-19 ใช้งบประมาณจัดสร้างตู้ละ 75,000 บาทและค่าขนส่งตู้ละ 10,000 บาท ซึ่งบริษัทที่ช่วยจัดสร้างตู้ดังกล่าว เป็นหนึ่งในทีมวิจัยด้วย ทั้งนี้ ตู้นี้ได้รับบริจาคเครื่องปรับอากาศจากบริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์-มหาจักร แอร์ คอนดิชั่นเนอร์ส จำกัด หรือ (MACO) ร่วมกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา ระยะเวลาในการจัดสร้างประมาณ 1 เดือน โดยมีทีมงานวิจัย ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก มาจากหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย (1) รศ.ดร.อุดมเกียรติ นนทแก้ว คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ. หัวหน้าทีม (2) อาจารย์ ฐิฎิมา อัมพวรรณ คณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบ มจพ.ออกแบบสติกเกอร์ตู้ (3) ผศ.ดร.ยอดชาย เตียเปิ้น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา นักวิจัย (4) อาจารย์ ดร.ไทยทัศน์ สุดสวนสี มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์ นักวิจัย (5) ดร.ธาเนตร แสงสว่างมาตุ้ม บริษัท Turbo Fluid Corporation จัดสร้าง ทดสอบ และติดตั้ง และ (6) คุณสุรชัย คงอุไร บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์-มหาจักร แอร์คอนดิชั่นเนอร์ส จำกัด หรือ (MACO) บริจาคเครื่องปรับอากาศ

ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก เป็นตู้กรองอากาศที่สามารถป้องกันอันตรายและการปนเปื้อนจากการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน มีคุณสมบัติพิเศษและจุดเด่นของนวัตกรรมใหม่ จะคงความดันภายในที่ 7.47 ปาสคาล ซึ่งหมายถึงตู้ขณะทำการตรวจเชื้อต้องมีความดันเป็นบวก โดยจะดูดอากาศเข้าภายในตู้ผ่านแผ่นกรอง HEPA ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อคงความดันในตู้ให้เป็นบวก ที่ 7.47 ปาสคาล ซึ่งจะทำให้อากาศจากภายนอกไม่สามารถเข้าไปในตู้ในช่องทางอื่นได้ บุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในตู้จะไม่ได้รับเชื้อโควิด-19 ขณะทำการตรวจผู้ป่วย ทำให้อากาศที่ไม่ได้กรองภายนอกก็จะไม่สามารถเข้าไปได้ กล่าวคือความดันบวก : เมื่อต้องการตรวจเชื้อโดยแพทย์อยู่ด้านใน เหมาะกับการใช้งานกับคนไข้นอก OPD ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก โดยติดตั้งภายนอกอาคารที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ทำให้การตรวจหาเชื้อโรคโควิด-19 มีความปลอดภัย สำหรับใช้ตรวจวินิจฉัย (Swab) โดยไม่ต้องสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย ด้านการออกแบบทรงสี่เหลี่ยมแนวตั้งสำหรับผู้ป่วย 1 คน ต่อ 1 ห้อง ขนาดตู้กว้าง 1.2 x ยาว 1.2 x สูง 2.5 เมตร แบบติดตั้งภายนอกอาคาร ระบบบําบัดอากาศ HEPA Filter อุปกรณ์แสดงผลความดันบรรยากาศ และอุปกรณ์สื่อสารระหว่างภายในและภายนอก ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก เป็นห้องตรวจเชื้อความดันบวกแบบเคลื่อนที่ (Positive Pressure) ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อขณะทำการตรวจวินิจฉัย จึงปลอดภัยต่อแพทย์และเจ้าหน้าที่ โครงสร้างผลิตจากโลหะปลอดสนิม ผนังด้านหน้า-ด้านข้าง ทำจาก Plexiglass แผงควบคุมใช้ไฟแสดงการทำงาน ปุ่มเปิด-ปิดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานเครื่องปรับอากาศ ส่วนการสื่อสารใช้ผ่านอินเตอร์คอมหรือไมโครโฟน และติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก อีกหนึ่งความปลอดภัย ที่ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวกที่พัฒนาขึ้นโดยทีมวิจัย จาก มจพ. หากหน่วยงานใด สนใจสามารถติดต่อผ่าน คณะวิศวกรรมศาสตร์ มจพ.

โอกาสนี้ขอเชิญศิษย์เก่า ผู้ปกครองและผู้มีจิตศรัทธาทุก ๆ ท่าน ร่วมบริจาคสมทบทุนกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ต้านภัยโควิด-19 เพื่อนำเงินบริจาคร่วมจัดทำนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี ชื่อบัญชี “กองทุนพัฒนามหาวิทยาลัยและต้านภัยโควิด มจพ.” ธนาคารกรุงเทพ สาขา มจพ. เลขที่บัญชี 907-3-50043-2 ใบเสร็จรับเงินในการบริจาคสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า

“ตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวก” ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ นอกจากจะตอบโจทย์เรื่องความปลอดภัยแล้ว ความสะดวกในการใช้งาน ทั้งการติดตั้งและเคลื่อนย้าย ใช้งานได้จริง เป็นสิ่งที่บุคลากรทางการแพทย์ต้องการ เพื่อการใช้งานอย่างไม่มีข้อจำกัด โดย มจพ. ได้จัดสร้างและส่งมอบตู้ตรวจโรคโควิด-19 ความดันบวกนี้ให้แก่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหาร สำหรับใช้ประโยชน์ เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งเป็นด่านแรกของการต่อสู้กับวิกฤติการณ์ COVID-19”

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบฟาร์มเกษตรในอาคาร (Plant Factory) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค “เกษตร 4.0”

รองศาสตราจารย์วันชัย แหลมหลักสกุล หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมระบบไซเบอร์-กายภาพทางการผลิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) และผู้เชี่ยวชาญโปรแกรม ITAP สวทช. เปิดเผยว่า สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) หนุนโปรแกรมไอแทปช่วยผู้ประกอบการพัฒนาระบบฟาร์มเกษตรในอาคาร ปลูกผักและผลไม้ออแกนิกในห้องพักอพาร์ทเมนท์ เป็นโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP: ไอแทป) ให้การสนับสนุนผู้เชี่ยวชาญโปรแกรม ITAP จากอาจารย์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมด้วยบริษัท ลอฟท์ บิวเดอร์ จำกัด ผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง ที่แตกไลน์ธุรกิจ นำเทคโนโลยีระบบฟาร์มเกษตรในอาคาร หรือ Plant Factory มาใช้กับการปลูกพืชออแกนิกในห้องพักอพาร์ทเมนท์ใจกลางเมืองของบริษัทฯ เป็นการช่วยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบฟาร์มเกษตรในอาคาร หรือ Plant Factory ทำให้ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ขนาด 10 ตารางเมตรในอพาร์ทเมนท์ใจกลางเมือง สามารถเป็นต้นแบบห้องที่ปลูกผักและผลไม้ออแกนิกชนิดต่าง ๆ เช่น สตรอว์เบอร์รี Kale และสมุนไพรเมืองหนาว อาทิ พาสเลย์และดอกไม้กินได้ สำหรับไว้ปั่นรับประทานได้ทุกฤดูกาล พร้อมเป็นสถานที่ดูงานของลูกค้าบริษัทฯ ที่สนใจจะทำระบบฟาร์มเกษตรในอาคารได้เห็นต้นแบบของธุรกิจประเภทนี้ เพราะผักและผลไม้ออแกนิกที่ปลูกเป็นพืชที่มีมูลค่าสูงในตลาด ราคาแพง และการลงทุนของเทคโนโลยีนี้เกษตรกรหรือผู้สนใจสามารถจะพอลงทุนได้ด้วยกำลังของตนเอง

การปลูกพืชในอาคารนั้นเหมาะสมต่อการเพาะปลูกผักและผลไม้บางชนิด ส่วนใหญ่เป็นผักใบ และผักผลไม้เมืองหนาว เช่น ผักสลัด สมุนไพร และสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น จึงยังไม่หลากหลายและมีขนาดตลาดที่จำกัดอยู่เฉพาะผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น โรงพยาบาลเอกชนระดับบนที่ต้องการผักและผลไม้ปลอดสารพิษเพื่อให้บริการผู้ป่วย ร้านอาหารและโรงแรมที่ให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพ ครัวเรือนที่มีรายได้ระดับปานกลางค่อนไปทางสูง เป็นต้น แต่ในต่างประเทศกระแสซุปเปอร์มาเก็ตปลูกผักเองในอาคารตามห้างสรรพสินค้าหรือตามสถานีรถไฟใต้ดินกำลังได้รับความนิยมทั่วทั้งยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งจะเน้นปลูกผักที่มีคุณภาพสูง อุดมด้วยสารอาหาร โดยจุดเด่นคือ ผักที่ปลูกแบบนี้ทั้งสด สะอาด ปลอดภัยจากยาฆ่าแมลง แถมยังมีรสชาติกรอบอร่อยกว่าผักที่ปลูกแบบเดิม


ระบบฟาร์มเกษตรในอาคาร (Plant Factory) ในไทย โดยทั่วไปมีวัตถุประสงค์หลัก คือ ผลิตพืชผักและผลไม้เมืองหนาว เนื่องจากข้อจำกัดด้านภูมิอากาศให้มีการเจริญเติบโตที่ดี และให้ผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยควบคุมและใช้ปัจจัยการผลิต เช่น การให้แสง การให้น้ำ แร่ธาตุอาหาร และปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะที่ปลดปล่อยของเสียสู่สภาพแวดล้อมน้อยที่สุด และใช้ต้นทุนในการผลิตต่ำ

เนื่องจากระบบฟาร์มเกษตรในอาคารนั้นเป็นระบบที่ประหยัดการใช้ทรัพยากร ทั้งน้ำ แร่ธาตุอาหาร พื้นที่เพาะปลูก และแรงงาน รวมถึงยังสามารถควบคุมปริมาณและคุณภาพผลผลิตได้ตามที่ต้องการ จึงช่วยลดความผันผวนในด้านปริมาณและคุณภาพของผลผลิตได้ดีกว่าการเกษตรแบบดั้งเดิม จึงเป็นหนึ่งในเทรนด์สำคัญของภาคการเกษตรที่ค่อย ๆ มีบทบาทในเชิงพาณิชย์มากขึ้นในไทย โดยเทคโนโลยีระบบฟาร์มเกษตรของบริษัทฯ สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมด้วยระบบอัตโนมัติ เช่น อุณหภูมิ แสงเทียม (LED) เพื่อการสังเคราะห์แสงของพืช ซึ่งกระบวนการสังเคราะห์แสงนี้จะผ่านแสงจากหลอดไฟ LED ที่มีการควบคุมความเข้มของแสง คลื่นความถี่และระยะเวลาของแสงในแต่ละช่วงการปลูก เพื่อให้มีความคล้ายคลึงกับการสังเคราะห์แสงจากดวงอาทิตย์ ทั้งนี้การใช้แสง LED จะช่วยลดระยะเวลาการปลูกลงได้ครึ่งหนึ่งของระยะเวลาการเติบโต อีกทั้งยังมีการควบคุมลมและความชื้นในอากาศ หากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศต่ำกว่ากำหนด ระบบจะเชื่อมต่อกับระบบพ่นละอองน้ำแบบพิเศษเพื่อปรับความชื้นสัมพัทธ์ให้อยู่ในช่วงที่กำหนด โดยตั้งค่าการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน สามารถปรับตั้ง แก้ไข ควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตจากนอกสถานที่ได้ โดยระบบจะควบคุมพารามิเตอร์ต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับพืชแต่ละชนิด”

ผู้ประกอบการที่สนใจเทคโนโลยีและขอรับการสนับสนุนภายใต้โครงการยกระดับผักและผลไม้ไทย : โอกาสสำหรับพัฒนาเกษตรกรรมสู่ความยั่งยืน ด้านโรงเรือนอัจฉริยะ สามารถติดต่อขอรับการบริการได้ที่ โปรแกรม ITAP สวทช. โทร 0 2 564 7000 ต่อ 1301 หรืออีเมล panita@nstda.or.th

ขวัญฤทัย ข่าว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. ร่วมขับเคลื่อนเปิดศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC)

ศ.ดร.สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นประธานเข้าร่วมการประชุม (Kick off) ร่วมขับเคลื่อนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) พร้อมด้วย ผศ.ดร.พีรพงษ์ พรวงศ์ทอง รองคณบดีฝ่ายวิจัยและพัฒนา คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเป็นตัวแทนด้านการศึกษาดำเนินการโครงการในพื้นที่ เพื่อร่วมขับเคลื่อนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (Agritech and Innovation Center : AIC) พ.ศ 2563 ของจังหวัดนนทบุรี โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นการประชุมด้วยแอปพลิเคชัน Zoom ที่ได้เปิดศูนย์อย่างเป็นทางการและประชุมครั้งแรก (เป็นการ Kick off) ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 9 อาคารสำนักวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มจพ. โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ (ส่วนราชการและมหาวิทยาลัย) และเอกชนเป็นภาคีเครือข่ายการทำงานร่วมกับจังหวัดนนทบุรี โดยมีเฉพาะส่วนงานและสำนักในวิทยาเขตกรุงเทพ ส่วน มจพ. วิทยาเขตปราจีนบุรีจะเป็นศูนย์ AIC ปราจีนบุรี ส่วน มจพ. วิทยาเขต ระยองจะเป็นศูนย์ AIC ระยอง

สำหรับ มจพ. มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับภาครัฐและเกษตรกร โดยมีแนวคิดเชื่อมโยงงานวิจัย นวัตกรรม IOT ของ มจพ. กับการทำการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ หรือการพัฒนาต่อยอดการเกษตรที่เป็นสินค้าเด่นของจังหวัดนนทบุรี รวมถึงการจัดทำ Business Plan และการเชื่อมโยง E–commerce จะเป็นการดำเนินการตามแนวทางการเกษตรสมัยใหม่

สืบเนื่องจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีพิธีเปิดศูนย์ Agritech and Innovation Center (AIC) พร้อมกันทั่วประเทศ 77 จังหวัด โดยมีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ร่วมด้วย นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนจากมหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา 77 จังหวัดทั่วประเทศ เป็นการขับเคลื่อนการเกษตรสมัยใหม่ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และภูมิปัญญาในการพัฒนาสินค้าเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าเกษตรให้ปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้จัดตั้งศูนย์กลางทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตรในชื่อ “ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม” (Agritech and Innovation Center หรือ AIC) โดยมี

วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันภาคเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนและส่งเสริมเทคโนโลยีเกษตร การประดิษฐ์นวัตกรรม รวมทั้งเครื่องจักรกลการเกษตร และยังเป็นศูนย์อบรมบ่มเพาะเกษตรกร สนับสนุน Smart Farmer รวมถึง Young Smart Farmer ในแต่ละจังหวัด ตลอดจนผลักดันงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมผ่านการวิจัย การพัฒนา การลงทุน การแปรรูปและการบริหารจัดการเชิงพาณิชย์
ศูนย์ AIC ถือเป็นศูนย์กลางในการบริการเกษตรกร เป็นที่รวบรวมองค์ความรู้ทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร สามารถนำองค์ความรู้ต่าง ๆ ไปใช้พัฒนาต่อยอดการผลิต สามารถลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร ให้สินค้ามีคุณภาพและได้มาตรฐาน

ขวัญฤทัย ข่าว /สมเกษ ถ่ายภาพ


 

Exit mobile version