Categories
Home & Garden คุณทำเองได้ (DIY)

ตู้รับจดหมายแจ้งเตือนด้วย LED

หากคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับจดหมายและเอกสาร ไม่ควรพลาดโครงงานนี้ ตู้รับจดหมายกันฝนพร้อมมีแสงไฟแสดงสถานะจดหมายในตู้ติดสว่างในยามค่ำคืน

ชวนท่านนักประดิษฐ์สร้างตู้รับจดหมายกันน้ำสำหรับเกาะรั้วแบบมีไฟเตือนสถานะเมื่อมีจดหมายเข้า โดยใช้วงจรง่ายๆ ทำได้ทุกคน (ขอให้ใช้หัวแร้งเป็นก็พอ)

หลายท่านคงเคยเห็นโคมไฟสนามโซลาร์เซลที่ปัจจุบันมีขายกันตามห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป สนนราคาก็ประมาณหนึ่งร้อยบาทปลายๆ จนถึงหลายร้อยบาทหรือหลักพันก็มี (แต่หลักพันนี่ไม่เคยใช้ครับ) โคมไฟเหล่านี้เหมาะสำหรับใช้ประดับสวนเพื่อความสวยงามและบอกตำแหน่งเป็นหลัก ที่น่าสนใจก็คือ ราคาค่าตัวของมันสุดแสนจะถูก เหมาะที่เราจะเอามารื้อประกอบเป็นสิ่งประดิษฐ์ของเรา ว่าแล้วก็มาดูอุปกรณ์ที่จะต้องใช้กันก่อนเลยครับ

เตรียมวัสดุและอุปกรณ์

1. ชุดโคมไฟโซลาร์เซลล์ (คลิกสั่งซื้อ) 
2. แลตชิ่งรีเลย์ เบอร์ AL-D 5 W-K (คลิกสั่งซื้อ)
3. กะบะถ่าน AA 3 ก้อน (คลิกสั่งซื้อ)
4. แบตเตอรี่ AA 3 ก้อน
5. ไมโคร (ลิมิต) สวิตช์แบบมีก้าน 2 ตัว
6. แผ่นพลาสวูดหนา 5 มม. (ขนาดที่ต้องใช้ดูจากรูปที่ 1)
7. เสารองโลหะยาว 1 นิ้ว 6 ตัว
8. สกรู 3×15 มม. 6 ตัว
9. แผ่น PVC สีขาวหนา 0.5 มม. แบบโปร่งแสง 1 แผ่น
10. กาวซิลิโคนสีขาว หรือใส (สั่งซื้้อคลิก)
11. กาวร้อน (สั่งซื้อคลิก)
12. ปืนยิงกาวร้อน (สั่งซื้อคลิก)
หมายเหตุ : แลตชิ่งรีเลย์มีจำหน่ายที่ บริษัท อีเลคทรอนิคส์ ซอร์ซ จำกัด โทร : 0-2623-9460-6

รูปที่ 1 รูปวาดส่วนประกอบของตู้รับจดหมาย

รูปที่ 2 แสดงการเชื่อมต่อวงจรกับอุปกรณ์จริง

หลักการทำงาน
จากรูปที่ 2 แสดงการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้าด้วยกัน โดยการทำงานเริ่มจากไมโครสวิตช์ SW1 ตรวจจับการเปิดปิดฝาช่องใส่จดหมาย และ SW2 ตรวจจับการเปิดปิดฝาด้านหลังตู้ ปกติไมโครสวิตช์จะถูกกดอยู่ยังไม่มีกระแสไฟจ่ายให้กับขดลวดของรีเลย์ จนกระทั่งบุรุษไปรษณีย์มาเปิดฝาเพื่อใส่จดหมายช่วงเวลานี้เองก้านสวิตช์ SW1 จะถูกยกขึ้นทำให้มีกระแสไฟไหลผ่านขั้ว C และ NC ไปเลี้ยงขดลวดที่ 1 ของแลตชิ่งรีเลย์ที่ขา 10 ทำให้หน้าสัมผัสที่ขา 2 และ 3 ของแลตชิ่งรีเลย์ต่อถึงกันและยังคงต่อค้างอยู่อย่างนั้นแม้ SW1 จะถูกกดลงตามเดิมแล้วก็ตาม แต่ LED จะยังไม่ทำงานจนกว่าแสงสว่างภายนอกจะมืดลง

เมื่อถึงยามค่ำที่เรากลับถึงบ้านก็จะพบกับแสงสว่างจาก LED ที่เตือนเราว่ามีจดหมายอยู่ในตู้และเปิดฝาหลังตู้หยิบจดหมายก้าน SW2 จะถูกยกขึ้นทำให้มีกระแสไฟไปเลี้ยงขดลวดที่ 2 ของแลตชิ่งรีเลย์ที่ขา 1 และ 5 หน้าสัมผัสที่ขา 2 และ 3 จะแยกออกจากกันทำให้ LED ดับลง การทำงานของวงจรก็มีเพียงเท่านี้ ที่เหลือก็งานฝีมือล้วนๆ

การสร้างตู้จดหมายเกาะรั้ว
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตู้รับจดหมายนี้ออกแบบเผื่อเอาไว้สำหรับบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่ส่วนมากเหล็กสำหรับทำรั้วจะใช้เหล็กกล่องขนาดไม่เกิน 2 นิ้ว และที่สำคัญรั้วต้องเปิดแบบบานพับไม่ใช่รั้วแบบเลื่อนเหมือนบ้านเดี่ยว เอาล่ะครับก่อนอื่นทำการตัดแผ่นพลาสวูดตามแบบในรูปที่ 1 ให้ครบจากนั้นประกอบตามขั้นตอนต่อไปนี้

(1) นำแผ่น A1 , B1 และ B2 ประกอบกันยึดด้วยกาวร้อนเพื่อใช้เป็นโครงสร้างหลักดังรูปที่ 3 (ในรูปเป็นตัวต้นแบบยังไม่ได้แยกแผ่น A2 ออกมา)

(2) นำแผ่น C1 และ C2 ประกอบด้านบนสำหรับเป็นช่องรับจดหมายดังรูปที่ 4

(3) นำแผ่น E1, E2 และ E3 ติดด้านในตรงช่องของแผ่น A2 เพื่อกัน ฝาตู้ด้านหลังดังรูปที่ 5.2 และ 5.3

 

(4) ตัดเศษพลาสวูดเป็นแท่งขนาดกว้าง 0.5 ซม. ยาว 3 ซม. จากนั้นเหลาให้เป็นแท่งทรงกลมสำหรับใช้เป็นก้านกดไมโครสวิตช์ดังรูปที่ 6.2 หรืออาจใช้ไม้ตะเกียบกลมมาตัดก็ได้เช่นกัน

(5) เจาะรูด้านขวาของแผ่น C2 ให้มีขนาดเท่ากับก้านพลาสวูดทรงกลมที่ทำจากขั้นตอนที่ 4 โดยให้ก้านพลาสวูดสามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงรูได้คล่อง จากนั้นนำเศษพลาสวูดขนาดเล็กติดเข้ากับก้านพลาสวูดทรงกลมด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 7.3 นำไมโครสวิตช์มาติดตั้งยึดด้วยปืนยิงกาว ใช้นิ้วทดลองกดเบาๆ เมื่อปล่อยมือ ก้านพลาสวูดจะต้องสามารถกระเด้งขึ้นเองได้สะดวก

(6) ติดเศษพลาสวูดสำหรับเป็นตัวดันก้านไมโครสวิตช์ SW2 ที่แผ่น A2 ด้วยกาวร้อน (ฝาหลังตู้) ดังรูปที่ 8.1 แล้วติดตั้งไมโครสวิตช์ SW2 กับแผ่น A1 ด้วยปืนยิงกาวดังรูปที่ 8.2

(7) ติดตั้งแผ่น D1 ไว้ด้านบน โดยยึดด้วยบานพับเข้ากับด้านหลังตู้ (A1) ดังรูปที่ 9.2 จากนั้นติด D2, D3 และ D4 เป็นกันสาดด้านล่างแผ่น D1 ในตำแหน่งด้านซ้าย ขวา และหลัง

(8) นำชุดโคมไฟสนามโซลาร์เซลมารื้อเอาเฉพาะแผงรับแสงอาทิตย์ และวงจร สำหรับกะบะถ่านต้องใช้คีมตัดค่อยๆ เล็มทีละนิดจดได้เฉพาะกะบะถ่านดังรูปที่ 10.4

(9) ติดตั้งแผงรับแสงอาทิตย์ไว้บนแผ่น D1 (หลังคา) บริเวณมุมขวาโดยเจาะรูสำหรับสอดสายลงไปด้านล่างและเจาะอีกรูที่แผ่น A1 (หลังตู้) สำหรับสอดสายเข้าในตู้ดังรูปที่ 11.2 ยึดแผงรับแสงอาทิตย์ด้วยปืนยิงกาว จากนั้นใช้กาวซิลิโคนยาแนวให้รอบแผ่นรับแสงอาทิตย์เพื่อกันน้ำเข้า

(10) ประกอบแผ่น J เข้ากับด้านหน้าดังรูปที่ 12.1 แล้วเจาะช่อง สี่เหลี่ยมสำหรับให้ LED ส่องแสงออกมาดังรูปที่ 12.2 จากนั้นตัดพลาสวูด เป็นกรอบนำแผ่น PVC สีขาวแบบโปร่งแสงติดกับช่องที่เจาะไว้ด้วยกาวร้อนแล้วแปะกรอบพลาสวูดทับลงไปอีกชั้น โดยขั้นตอนนี้อาจออกแบบเป็นรูปทรงอื่นเช่นวงกลม หรือฉลุลวดลาย ตามความชอบส่วนตัวได้เลย

(11) ติดตั้งกะบะถ่าน AA 3 ก้อนไว้ด้านล่างของแผ่น C1 ส่วนแลตชิ่งรีเลย์ก็หาที่เหมาะๆ ติดไว้ด้วยปืนกาว ส่วนชุดวงจรไฟแสดงสถานะติดไว้ใต้แผ่น C2 โดยให้ LED ยื่นออกมากึ่งกลางของช่องแผ่น J ที่เจาะไว้จากขั้นตอนที่ 10 ดังรูปที่ 13.2

เพิ่มเติมอีกนิดในรูปที่ 13.1 จะเห็นว่ามีแบตเตอรี่บรรจุไว้เพียง 2 ก้อน เป็นเพราะว่าขั้นตอนนี้ไมโครสวิตช์ถูกปล่อยลอยไว้ และเพื่อป้องกันไม่ให้มีกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงขดลวดรีเลย์ตลอดเวลาจึงต้องถอดแบตเตอรี่ออกก่อน

(12) ประกอบแผ่น F , G ดังรูปที่ 14.1 และแผ่น H สำหรับปิดก้นตู้รับจดหมายด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 14.2

(13) ประกอบแผ่น L1 และ L2 เข้ากับแผ่น K ดังรูปที่ 15

(14) ประกอบชิ้นรั้วเข้ากับแผ่น i ด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 16

(15) เจาะรูสำหรับยึดเสารองโลหะที่แผ่น K ด้วยสว่านแล้วยึดสกรูขนาด 3×15 มม. ดังรูปที่ 17.1 อาจเจาะหลายรูหน่อยเผื่อตอนติดตั้งไปเจอเอาแนวเหล็กรั้วเข้าจะได้เลี่ยงไปยึดรูอื่นได้ จากนั้นเจาะรูที่แผ่น G ให้ตรงกับแนวเสารองโลหะดังรูปที่ 17.3 และ 17.4

(16) ประกอบชุดรั้วกับแผ่น K ที่เจาะรูและยึดเสารองโลหะไว้แล้วด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 18 ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการทำตู้รับจดหมายแล้วครับ

การติดตั้ง
นำตู้รับจดหมายไปคล้องกับรั้วดังรูปที่ 19.1 จากนั้นนำชุดยึดที่มีแนวรั้วสำหรับปลูกต้นไม้ไปประกบดังรูปที่ 19.2 เปิดฝาหลังตู้ขันสกรู 3×15 มม. เข้าไปดังรูปที่ 19.3 ก็เป็นอันเรียบร้อย ขั้นตอนสุดท้ายก็นำไม้ดอกสวยๆ ไปลงปลูกในกะบะดังรูปที่ 20

การใช้งาน
บรรจุแบตเตอรี่ AA 3 ก้อน ลงในกะบะถ่านให้เรียบร้อย จากนั้นก็รอบุรุษไปรษณีย์มาเปิดตู้จดหมายแลตชิ่งรีเลย์ก็จะต่อหน้าสัมผัสให้กับ LED พอเวลากลางคืน LED ก็จะติดสว่างทำให้เรารู้ว่ามีจดหมายในตู้ และเมื่อเปิดฝาออกแลตชิ่งรีเลย์ก็จะตัดหน้าสัมผัสทำให้ LED ดับทันที

ลองทำดูนะครับสำหรับคนที่ชอบแต่งบ้านและไม่ต้องการเหมือนใคร และที่สำคัญแทบไม่ต้องใช้ทักษะทางอิเล็กทรอนิกส์เลยก็สร้างได้แล้ว


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Gadget คุณทำเองได้ (DIY)

Simple Tablet Stand

ทุกวันนี้ใครๆ ก็มีแท็บเล็ต สมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์อัจฉริยะพกพาอื่นๆ และหลายท่านก็ใช้มันเป็นเครื่องรับโทรทัศน์ดิจิตอลบ้าง เครื่องเล่นไฟล์ภาพยนตร์บ้าง เพื่อสร้างความบันเทิงในครอบครัว แต่ด้วยความหลากหลายของยี่ห้อ ขนาด รูปทรง โดยเฉพาะทางผู้ผลิตอุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์

ทำให้ซองที่ผลิตออกมา ยากที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ครบถ้วน เช่น ช่องหูฟังไม่ตรง บ้างก็ช่องลำโพงไม่ตรง ทำให้เสียงเบาเกินไป นี่จึงเป็นที่มาของขาตั้งแท็ปเล็ตราคาประหยัดสุดคุ้มตัวนี้ หากสนใจก็มาเริ่มประดิษฐ์กันเลย

(1) เตรียมพลาสวูดขนาด 2.5 x 12 ซม. จำนวน 2 ชิ้น ดังรูป

(2) บากร่องของพลาสวูดทั้งสองชิ้นโดยวัดให้ได้ขนาดดังรูป

(3) เมื่อบากร่องเสร็จแล้วนำมาเกาะกันไว้ดังรูป

(4) นำแท็บเล็ตมาวางทาบด้านบนเพื่อหาตำแหน่ง ความกว้างของร่องและมุมเอียงที่เหมาะสม แล้วใช้ดินสอวาดเป็นแนวตามขนาดและความเอียงที่ต้องการดังรูป

(5) ใช้คัตเตอร์บากพลาสวูดให้เป็นร่อง โดยตั้งใบมีดให้ตรงแล้วค่อยๆ กดลงไปจนได้ระดับที่วาดไว้ดังรูป

(6) นำไปทาบกับพลาสวูดอีกชิ้นหนึ่งแล้วบากเป็นร่องเช่นเดียวกัน จะได้พลาสวูด 2 ชิ้นที่บากเป็นร่องชิ้นละ 2 ร่องดังรูป

(7) ขั้นตอนสุดท้ายเพียงนำพลาสวูดทั้ง 2 ชิ้นมาวางไขว้กันให้แนวของร่องที่เราบากไว้ในขั้นตอนที่แล้วหันไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อรองรับตัวอุปกรณ์ดังรูป

เพียงแค่นี้ก็ได้แท่นวางแท็บเล็ตอย่างง่ายๆ จากวัสดุที่เราคุ้ยเคย สามารถถอดแยกชิ้นเพื่อพกพาใส่กระเป๋าเสื้อไปกับเราได้ทุกที่

ผ่านไปอีกหนึ่งไอเดียง่ายๆ ที่นำมาแนะนำ โอกาสหน้าจะมีไอเดียการประดิษฐ์อะไรอีกก็อย่าลืมติดตามให้ได้นะครับ สำหรับตอนนี้ขอลาไปก่อน

หมายเหตุ : แผ่นพลาสวูดขนาด A4 มีจำหน่ายที่ www.inex.co.th 


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Gadget คุณทำเองได้ (DIY)

อุปกรณ์ไล่สุนัข

ปัญหาสุนัขฉี่ใส่ล้อรถ หรือแมวมารดน้ำต้นไม้ให้ แต่ต้นไม้เหี่ยวลงทุกวันจะหมดไปด้วยอุปกรณ์ไล่สุนัขและแมว คอยปกป้องพื้นที่จากเจ้าสี่ขา หลายคนมีวิธีจัดการหรือป้องกันอาณาเขตหวงห้ามให้ปลอดภัยจากฉี่ ของเจ้าสี่ขา (หมา) ที่แตกต่างกันไป

บ้างก็โรยพริกไทไว้บริเวณสวนเพาะปลูกกันเจ้าเหมียวมาฉี่ใส่ต้นไม้ แน่นอนว่าต้องโรยกันแทบทุกวัน ส่วนคนรักรถก็ใช้ขวดน้ำวางล้อมรอบรถยนต์คันโปรดไม่ให้สุนัขมาฉี่ใส่ล้อรถ เมื่อจอดรถก็เอามาวาง แต่พอต้องการใช้รถก็ต้องมาเก็บออก ซึ่งดูแล้วไม่สะดวกสักเท่าไหร่ เหล่านี้ล้วนเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเลยทีเดียว

แต่จะดีกว่ามั้ยหากมีอุปกรณ์ที่สามารถสอดส่อง เป็นหูเป็นตาแทนคุณ และแถมยังติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว เพียงคุณนำไปวางในพื้นที่ที่คุณต้องการปกป้อง ซึ่งเจ้าอุปกรณ์นี้มีระยะทำการที่หวังผลได้ประมาณ 15 ถึง 20 ฟุต ซึ่งก็ไกลเพียงพอสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก

รูปแบบการทำงาน
เห็นชื่อโครงงานแล้วอย่าเพิ่งคิดว่าเราจะใช้เสียงไล่ให้รำคาญหูคนอื่น หรือสร้างความทรมานให้กับเจ้าสี่ขานะครับ เพราะผู้เขียนก็เป็นอีกคนที่รักในความขี้อ้อนของพวกมัน แต่มันก็ต้องมีพื้นที่หวงห้ามกันบ้างเป็นธรรมดา การขับไล่นี้เราใช้วิธีละมุนละม่อมด้วยการฉีดน้ำไล่ โดยอาศัย ZX-PIR เป็นตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวของเจ้าสี่ขา เมื่อ ZX-PIR ตรวจพบความเคลื่อนไหวที่เข้ามาในบริเวณหวงห้าม ZX-PIR จะส่งกระแสไฟฟ้าไปจ่ายให้กับรีเลย์เพื่อเปิดปั้มน้ำให้ทำงานนั่นเอง และที่สำคัญไม่ต้องเขียนโปรแกรม โครงงานนี้จึงเหมาะสำหรับทุกคน โดยไม่ต้องมีความรู้อิเล็กทรอนิกส์มากมายนัก มีเพียงความสามารถในการบัดกรีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เล็กน้อยก็พอแล้วครับ

การทำงานของวงจร
จากรูปที่ 1 เป็นวงจรขับขดลวดรีเลย์อย่างง่ายที่รับการสั่งงานจากขา OUT ของ ZX-PIR การทำงานเริ่มจากเมื่อจ่ายไฟเข้าวงจร ZX-PIR จะเริ่มตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต เมื่อตรวจพบความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิต ZX-PIR จะส่งแรงดัน +5V ออกทางขา OUT เพื่อไบอัสให้กับ Q1 ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลลงกราวด์รีเลย์ต่อหน้าสัมผัส C และ NO ส่งผลให้ปั้มน้ำ ทำงาน

สำหรับหลักการทำงานของวงจรก็มีเพียงเท่านี้ ต่อไปก็มาถึงการจัดวางอุปกรณ์ลงแผ่นวงจรพิมพ์

การติดตั้งอุปกรณ์ลงแผ่นวงจรพิมพ์
เนื่องจากโครงงานนี้ใช้อุปกรณ์ไม่มากจึงไม่ต้องทำแผ่นวงจรพิมพ์ใหม่ให้เสียเวลา ในที่นี้ใช้แผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์รุ่น uPCB01F (ดูรายละเอียดได้จากหน้า TPE Shop) โดยนำอุปกรณ์ตามรายการมาจัดวางดังรูปที่ 2.1 และเชื่อมต่อจุดต่างๆ ด้านล่างให้ถึงกันดังรูปที่ 2.2

เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ลงแผ่นวงจรพิมพ์แล้วให้นำอะแดปเตอร์ไฟตรง +5V มาถอดเอาเฉพาะวงจรแล้วจั้มสายไฟออกดังรูปที่ 3.3 นำไปต่อเข้ากับเทอร์มินอลบล็อกที่จุด Vin ของแผงวงจรหลัก พักส่วนของวงจรไว้แค่นี้ก่อนต่อไปก็เป็นงานฝีมือสร้างกล่องบรรจุให้โครงงานกัน

การสร้างกล่องบรรจุโครงงาน
สำหรับกล่องบรรจุนี้ออกแบบให้สามารถปรับมุมก้มเงยได้ดังรูปที่ 4 (รูปที่ 4 จะใช้อ้างอิงตลอดการสร้างกล่อง) โดยวัสดุที่ใช้สร้างตัวต้นแบบก็คือ พลาสวูดหนา 5 มม. ขนาด A4 จำนวน 2 แผ่น นำมาตัดให้ได้ขนาดและจำนวนดังรูปวาดที่ 5 แล้วเริ่มสร้างตามขั้นตอนต่อไปนี้

 

 

(1) ประกอบเป็นกล่องสำหรับติดตั้งวงจรโดยใช้ชิ้นส่วน A, B, D และ E ประกอบกันให้ได้ลักษณะดังรูปที่ 4 ด้วยกาวร้อน จะได้โครงสร้างที่มีลักษณะเป็นช่อง 2 ชั้นดังรูปที่ 6 ชั้นล่างสำหรับติดตั้งท่อ PVC 4 หุน ( 1/2 นิ้ว ) ชั้นบนสำหรับติดตั้งแผงวงจร

(2) ใช้ปืนเป่าลมร้อนเป่าปลายท่อ PVC ให้อ่อนตัวลง จากนั้นบีบให้ได้รูปทรงดังรูปที่ 7 ที่ต้องทำเช่นนี้ก็เพื่อให้น้ำที่ฉีดออกมาเป็นมุมกว้างและกระจายตัวเป็นฝอย

(3) นำพลาสวูดแผ่น F มาเจาะเป็นช่อง 2 ช่องดังรูปที่ 8.1 โดยช่องบนสำหรับติดตั้ง ZX-PIR ช่องล่างสำหรับติดตั้งท่อ PVC ที่เราพับปลายไว้จากขั้นตอนที่ 2 จากนั้นนำมาติดเป็นด้านหน้ากล่องด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 8.3

(4) ติดตั้ง ZX-PIR ด้วยปืนยิงกาวให้ส่วนโดมยื่นออกมาดังรูปที่ 9.1 และติดตั้งแผงวงจรดังรูป 9.3 จากนั้นเชื่อมต่อสายจากจุดต่อ IDC 3 ขา ของแผงวงจรหลักเข้ากับ ZX-PIR ระวังต่อผิดขั้วนะครับ

(5) เจาะรูพลาสวูดแผ่น G ให้มีขนาดเท่ากับท่อ PVC ที่เตรียมไว้ดังรูปที่ 10.1 และสอดท่อเข้าไปดังรูปที่ 10.2 จากนั้นประกบแผ่น G เข้าไปด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 10.3

(6) เชื่อมต่อวงจรด้านในโดยอ้างอิงจากรูปวงจรที่ 1 ให้มีจุดต่อยื่นออกมาด้านนอกเพียง 2 จุดคือ จุดต่อไฟเข้า 220Vac และจุดต่อปั้มน้ำดังรูปที่ 11.2

(7) นำพลาสวูดแผ่น H มาเป่าด้วยปืนเป่าลมร้อนที่กึ่งกลางของแผ่นจนพลาสวูดเริ่มอ่อนตัวแล้วพับให้เข้ากับขอบของภาชนะที่เราจะนำมาใส่น้ำเพื่อเอาไว้ไล่เจ้าสี่ขาดังรูปที่ 12

(8) เจาะรูขนาด 3 มม. สำหรับเป็นจุดหมุนให้กับแผ่นพลาสวูด i, J, K, L จากนั้นตัดชิ้น k และ L ให้โค้งรับกับแผ่น H ดังรูปที่ 13.1 จับคู่โดยการนำแผ่น i และ K ร้อยเข้าด้วยกันด้วยสกรูขนาด 3×15 มม. ดังรูปที่ 13.2 จะได้ส่วนขาของกล่อง 2 ขาที่สามารถปรับมุมก้มเงยได้ตามต้องการ

(9) นำขาในส่วนของ K และ L ประกบเข้ากับส่วนโค้งของแผ่น H ด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 14.1 ส่วนด้านของแผ่น i และ J ให้ยึดเข้ากับด้านล่างของกล่องดังรูปที่ 14.2

(10) นำชิ้นงานที่ประกอบเสร็จแล้วไปติดตั้งกับขอบของภาชนะดังรูปที่ 15.1 แล้วติดตั้งปั้มน้ำพร้อมสายยางดังรูปที่ 15.2

(11) เชื่อมต่อสายไฟด้านหลังให้เรียบร้อยและใช้เทปกาวพันระหว่างท่อ PVC และสายยางให้แน่น เพื่อกันน้ำรั่วออกมาดังรูปที่ 16.1 จากนั้นเติมน้ำให้ท่วมปั้มแล้วนำไปวางในบริเวณที่ต้องการปกป้องเพื่อทำการทดสอบ

การทดสอบและปรับแต่ง
เริ่มด้วยการจ่ายไฟ 220Vac เข้าวงจร แล้วเริ่มทดสอบการทำงานโดยการเดินผ่านในระยะหวังผลหากใช้กับสวนขนาดเล็กก็ประมาณ 5 เมตร ปั้มน้ำจะต้องทำการฉีดน้ำ หากวงจรทำงานได้ในระยะใกล้เพียง 2 ถึง 3 เมตร ให้สลับจั้มเปอร์ที่ตัว ZX-PIR มาทางฝั่ง L จะทำให้ ZX-PIR ตรวจจับได้ไวขึ้น

หากปั้มน้ำทำงานบ่อยมาก ทั้งที่ไม่มีความเคลื่อนไหวตัดผ่าน อาจเป็นเพราะ ZX-PIR ถูกรบกวนจากอินฟราเรดของดวงอาทิตย์ ควรใช้ท่อ PVC ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 นิ้ว ตัดให้ได้ความยาวประมาณ 2 นิ้ว นำมาครอบโดมของ ZX-PIR เอาไว้ เพื่อลดการรบกวนของแสงภายนอก จะช่วยให้การทำงานแม่นยำขึ้น

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็นำพลาสวูดแผ่น C มาปิดด้านบนก็เป็นอันเสร็จสิ้นการสร้างพร้อมนำไปใช้งานจริง

การประยุกต์ใช้งานอื่นๆ
(1)ประยุกต์ให้เคลื่อนย้ายได้
หากต้องการเคลื่อนย้ายวางที่ใดก็ได้ตามต้องการนั้น ทำได้โดยใช้ปั้มน้ำ ไฟตรงขนาด 12 โวลต์ สำหรับฉีดน้ำล้างกระจกรถยนต์ ส่วนภาคจ่ายไฟสำหรับวงจรก็สามารถใช้กะบะถ่าน AA 4 ก้อนจ่ายเข้าจุดต่อ Vin ได้โดยตรงเลย ส่วนแหล่งจ่ายไฟสำหรับปั้มน้ำแนะนำให้ใช้แบตเตอรี่ 12V สำหรับรถจักรยานยนต์

(2)ประยุกต์ใช้กับวาล์วไฟฟ้า
การใช้กับวาล์วไฟฟ้าหรือโซลินอยด์วาล์ว เพียงคุณเปลี่ยนจากการใช้รีเลย์ผ่านไฟให้กับปั้มน้ำ มาเป็นวาล์วไฟฟ้าแทน แต่ต้องดูเรื่องแรงดันไฟฟ้าที่ขดลวดของวาล์วต้องการให้ดี ซึ่งมีข้อดีคือ คุณไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะหมดหรือไม่ เพราะสามารถต่อกับท่อน้ำปะปาที่บ้านได้เลย เหมาะสำหรับการติดตั้งแบบถาวร

(3)ประยุกต์เป็นไฟอ่านหนังสือและไฟทาง
นำสายปลั๊กสำเร็จรูปที่ปลายด้านหนึ่งเป็นปลั๊กและอีกปลายเป็นสายเปลือยต่อเข้ากับจุดต่อ 220V ที่ด้านหลังกล่อง แล้วนำโคมไฟตั้งโต๊ะต่อเข้ากับจุดต่อปั้มน้ำ คุณก็จะได้ไฟอ่านหนังสือและไฟนำทาง เมื่อคุณลุกขึ้นจากเตียงไฟก็จะติดสว่างทันที

พอหอมปากหอมคอกับโครงงานง่ายๆ ที่เราสามารถประยุกต์ใช้งานได้อย่างหลากหลาย ลองประดิษฐ์ไว้ใช้ดูนะครับ ใครจะนำไปใช้งานอะไรก็สุดแท้แต่จินตนาการ แต่ที่สำคัญอย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

รายการอุปกรณ์
– โมดูลตรวจจับความเคลื่อนไหว ZX-PIR
– ทรานซิสเตอร์ 2N3904
– ไดโอด 1N4001
– รีเลย์ 5V 1A
– ตัวต้านทาน 1kW 1/4W 5% หรือ 1%
– เทอร์มินอลบล็อก DT-26 2 ขา 2 ตัว
– คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวเมีย 3 ขา
– สาย IDC1MF จำนวน 3 เส้น
– แผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์ uPCB01F
– ปั้มน้ำ 220Vac
– แผ่นพลาสวูด หนา 5 มม. ขนาด A4 จำนวน 2 แผ่น
– ท่อ PVC 4 หุน ( 1/2 นิ้ว ) 1 ฟุต
– สายยางสำหรับต่อปั้มน้ำกับท่อ PVC
กาวร้อน (สั่งซื้อคลิก)
หมายเหตุ : ZX-PIR, แผ่นพลาสวูด ขนาด A4 หนา 5 มม., แผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์ uPCB01F และ สาย IDC1MF สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ www.inex.co.th


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Pets คุณทำเองได้ (DIY)

ขั้นตอนการสร้างห้องน้ำแมว

มีบรรดาคนรักแมว ถามกันเข้ามามากเหลือเกินเกี่ยวกับวิธีการสร้างห้องน้ำแมวด้วยตัวเอง ตอนนี้ก็จัดไปเลยครับ ซึ่งอันที่จริงแล้วห้องน้ำแมวนี้เคยทำไว้ตั้งนานแล้วและตีพิมพ์ลงในนิตยสาร The Prototype Electronics ฉบับที่ 15

 แต่จะมีส่วนวงจรอิเล็กทรอนกิส์เข้าไปเกี่ยวข้อง 
ดูแล้วค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้นผมจึงตัดมาแนะนำเฉพาะส่วนของการทำโครงสร้างห้องน้ำแมวรับรองว่าง่ายและสามารถวางหรือติดตั้งไว้ภาพในบ้านได้อย่างลงตัว

อุปกรณ์การสร้าง
1. ถังพลาสติกเอนกประสงค์ทรงเหลี่ยม

2. พลาสวูดหนา 5 มม. ใช้ทำหลังคา ขนาดกว้างยาวบอกไม่ได้ขึ้นกับขนาดถังพลาสติก
3. กาวร้อน หรือกาวซูเปอร์กลู ใช้ยึดพลาสวูด
4. คัตเตอร์+แผ่นรองตัด
5. มือจับหรือห่วงสำหรับดึงกะบะทรายออกมาเก็บอึ

ขั้นตอนการสร้าง
สำหรับขั้นตอนการทำ อาจมีหลายขั้นตอนหน่อยนะครับ ขอให้ใจเย็นๆ น้องเหมียวเป็นกำลังใจให้อยู่นะ โดยผมได้เปลี่ยนจากกะบะทรายธรรมดามาใช้เป็นกล่องเอนกประสงค์ที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าราคาไม่เกินใบละ 150 บาท เพราะมันทั้งใหญ่และลึกเผื่อเจ้าเหมียวตอนโตได้

(1) จากนั้นใช้แผ่นพลาสวูดหนา 5 มม. กว้าง 60 ยาว 120 ซม. มาพับครึ่งเป็นหลังคาด้วยปืนเป่าลมร้อนก็จะได้หลังคาดังรูปที่ 1

(2) นำหลังคาที่ได้มาทาบบนแผ่นพลาสวูดเพื่อวาดแบบจั่วให้พอดีกับแนวโค้งจากการดัด ให้ทำทั้ง 2 ด้าน จะได้รูปจั่วจำนวน 2 แผ่นดังรูปที่ 1 แล้วตัดออกมาด้วยคัตเตอร์แล้วประกอบเข้ากับหลังคาด้วยกาวร้อนหรือกาวตราช้างดังรูปที่ 2

(3) ตัดแผ่นพลาสวูดขนาดกว้างเท่ากับ 2 ใน 3 ของกล่องพลาสติกเอนกประสงค์ส่วนความสูงให้เท่ากับความสูงของกล่องพลาสติก เพื่อกั้นเป็นห้องเล็กๆ ให้เจ้าเหมียวเดินเข้าออกสลับไปมา เพื่อกันเจ้าเหมียวไม่ให้กระโจนออกมาทันทีหลังจากเสร็จกิจเพราะทรายที่ติดเท้าออกมาจะได้หล่นอยู่ในกล่องดังรูปที่ 3

(4) ใช้คัตเตอร์เจาะกล่องพลาสติกเป็นทางเข้าด้านขวาให้กว้างประมาณ 1 ใน 3 ของกล่องแล้วใช้ตะไบลบคมของเศษพลาสติกออกให้เรียบร้อย มิฉะนั้นอาจทำให้เจ้าเหมียวได้รับบาดเจ็บได้
 
(5) ตัดแผ่นพลาสวูดทำกะบะทรายขนาดสูง 15 ซม. ส่วนความกว้างและยาวเท่ากับช่องด้านในของกล่องพลาสติก จากนั้นนำมาประกอบเป็นกะบะสำหรับใส่ทราย โดยเสริมความแข็งแรงด้วยเหล็กฉากดังรูปที่ 4 เพราะเราต้องดึงเข้าออกมาทำความสะอาดทุกวัน จากนั้นขันตะขอเกลียวหรือมือจับเข้าไป เพื่อใช้เป็นตัวจับดึงกะบะทรายออกมาทำความสะอาด สำหรับขั้นตอนนี้อาจไปหาซื้อกะบะพลาสติกสี่เหลี่ยมที่มีขายตามห้างสรรพสินค้ามาวางเลยก็ได้แต่ช่องอาจไม่พอดีกับถังพลาสติก
(6) ใช้คัตเตอร์เจาะกล่องพลาสติกเป็นช่องสี่เหลี่ยมด้านข้างสำหรับดึงกะบะทรายเข้าออกให้ช่องพอดีกับขนาดของกะบะทรายที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่แล้ว โดยแนวการเจาะให้เจาะเสมอก้นกล่องพลาสติก เพื่อความสะดวกในการดึงกะบะทรายออกมาทำความสะอาดดังรูปที่ 5 อาจติดล้อหรือรางเลื่อนเข้าไปด้วยก็ได้
เอาล่ะครับ การสร้างก็เรียบร้อยแล้วให้เจ้าเหมียวมาทดสอบได้เลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Electronics Arts Home & Garden Lighting คุณทำเองได้ (DIY)

สร้างงานศิลป์ ระบายสีด้วย LED

สร้างสรรค์งานศิลป์จากแสงของ LED ที่ควบคุมความสว่างและช่วงเวลาของแสงได้

เมื่อพูดถึง LED แล้วคุณนึกถึงอะไร แน่นอนว่าต้องคิดถึงสีสันที่ชวนหลงใหลอันหลากหลายของมัน ยิ่งนับวัน LED ยิ่งมีวิวัฒนาการสามารถสร้างเป็นเฉดสีใหม่ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้นึกสนุกขึ้นมาได้ว่า หากเราระบายสีลงบนผืนผ้าด้วย LED ล่ะ จะออกมาเป็นยังไง

นั่นล่ะครับ จึงเป็นที่มาของโครงงานนี้ และด้วยความเป็นคนชอบประดิษฐ์ของแต่งบ้านจึงไม่รอช้าจัดหาอุปกรณ์มาทดลองประดิษฐ์ให้รู้แจ้งกันไปเลยว่าจะออกมาหน้าตายังไง

แนวคิดการออกแบบ
เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการสร้างแนะนำให้หาซื้อภาพวาดที่เขาลงสีไว้แล้วดังรูปที่ 1 จะเหลือพื้นที่ให้จิตกร LED ก็คือส่วนพื้นหลัง ซึ่งจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากท้องฟ้า จึงเหมาะสำหรับมือใหม่ใจร้อนทั้งหลาย เมื่อรู้แล้วว่าภาพที่เราต้องลงสีคือท้องฟ้า คราวนี้ก็มาเรียงร้อยเรื่องราวโดยแนวความคิดของภาพนี้ก็จะเน้นไปที่บรรยากาศสบายๆ แห่งท้องทุ่งของหนุ่มบ้านไร่ที่ตอนท้ายก็ได้หวานใจไฮโซมาครอบครอง โดยแบ่งกลุ่ม LED ออกเป็น 5 กลุ่มได้แก่

(1) ดวงอาทิตย์ ใช้ LED สีแดง 8 มม. แบบความสว่างสูง ส่องจากด้านหลังเพื่อให้ดูเหมือนพระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า

(2) ท้องฟ้าส่วนล่าง ใช้ LED สีฟ้า 3 มม. แบบความสว่างสูง จำนวน 18 ดวง

(3) ท้องฟ้าส่วนบน ใช้ LED สีน้ำเงิน 8 มม. 15 ดวง

(4) หน้าต่างบ้านใช้ LED สีเหลือง 5 มม. 5 ดวง

(5) พระจันทร์ ใช้ LED สีเหลือง 8 มม. 1 ดวง

ต่อไปก็มาลำดับเนื้อเรื่องกันสักนิดก่อนจะเริ่มประดิษฐ์กันจริงๆ โดยเริ่มจาก เมื่อแสงสว่างในบ้านเริ่มลดลง ดวงอาทิตย์ก็จะติดขึ้นและค่อยๆ หรี่ลงจนดับ พร้อมกับการติดขึ้นของ LED ชุดที่ 2 นั่นก็คือท้องฟ้าส่วนล่างที่จะค่อยๆ เพิ่มความสว่างขึ้น ตามด้วย LED ชุดที่ 3 ท้องฟ้าส่วนบน ก็จะติดและค่อยๆ เพิ่มความสว่างขึ้นเช่นกัน จากนั้นไฟที่หน้าต่างบ้านคนก็ติดขึ้น และปิดท้ายด้วยดวงจันทร์ที่ค่อยๆ สว่างขึ้นจนเห็นชัดเจนเต็มดวง

ขั้นตอนการประดิษฐ์
เมื่อรู้ถึงแนวคิดและลำดับการทำงานของ LED แต่ละชุดไปแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย เรามาเริ่มลงมือประดิษฐ์กันเลยครับ

(1) นำกระดาษขนาด B4 หรือกระดาษลอกแบบแผ่นใหญ่ มาวางทับด้านหลังภาพ แล้วใช้ดินสอวาดตามรูปดังรูปที่ 2.2 จากนั้นใช้คัตเตอร์หรือกรรไกรตัดกระดาษ B4 ออกมาเราจะได้แบบของแผ่นกั้นแสงไม่ให้ส่องผ่านตำแหน่งที่เป็นลวดลายที่ได้ลงสีไว้แล้วดังรูปที่ 2.3

(2) ทำส่วนกั้นแสงโดยการนำกระดาษที่ตัดเป็นแบบทาบกับแผ่นยางดังรูปที่ 3.1 แล้วลากเส้นตามแบบด้วยดินสอแล้วตัดแผ่นยางออกมาตามแบบที่วาดไว้ (ขออภัยทำเพลินจนลืมถ่ายรูป)

(3) ตัดพลาสวูดดังรูปที่ 4 สำหรับทำเป็นกรอบเสริมด้านนอกเพิ่มพื้นที่ในการติดตั้งแผงวงจรควบคุม โดยความยาวขึ้นกับขนาดของกรอบรูปที่เราซื้อมา ส่วนความกว้างคือ 5 ซม.

(4) ติดแผ่นยางที่ตัดไว้จากขั้นตอนที่ 2 ลงไปด้านหลังภาพด้วยปืนยิงกาว แล้วติดตั้ง LED ต่อขนานกันลงไปบนแผ่นยางในบางตำแหน่งก่อนทดลองจ่ายไฟ +3V ด้วยแบตเตอรี่ CR2032 เพื่อดูความสว่างด้านหน้าของภาพว่าเกิดเงาสะท้อนหรือไม่ หากเกิดเงาของแผ่นยางพาดผ่านให้แก้ไขโดยการรีดแผ่นยางให้แนบสนิทกับพื้นรูปภาพ จากนั้นติดตั้งแผ่นพลาสวูดเข้ากับกรอบรูปดังรูปที่ 5

(5) ตัดพลาสวูดทำกรอบด้านหน้าเพื่อความสวยงามโดยขนาดขึ้นกับภาพที่ซื้อมาให้มีลักษณะดังรูปที่ 6.1 แล้วนำมาติดตั้งดังรูปที่ 6.3 ด้วยกาวร้อนจะได้กรอบรูปพลาสวูดห่อหุ้มภาพเขียนเอาไว้

(6) ติดตั้ง LED ลงในตำแหน่งที่ต้องการด้วยปืนยิงกาวดังรูปที่ 7

(7) เชื่อมต่อตัวต้านทานเข้ากับ LED แต่ละชุด จากนั้นบัดกรีสายต่อมอเตอร์เข้ากับชุด LED ทั้งหมดจำนวน 5 ชุดดังรูปวาดที่ 8 จะได้ชุดไฟ LED สำหรับระบายสร้างบรรยากาศพร้อมนำไปเชื่อมต่อแผงวงจรไมโครคอน โทรลเลอร์รุ่น i-BOX 3S ที่พัฒนาโปรแกรมด้วยภาษาโลโก้ดังรูปที่ 9 แล้ว

 

(8) เชื่อมต่อแผงวงจรตรวจจับแสง (ZX-02) เข้ากับช่อง SENSOR 3 ของแผงวงจร i-BOX3S จากนั้นบัดกรีสายไฟเส้นเล็กเข้ากับขั้วของสวิตช์กดติดปล่อยดับในตำแหน่ง RUN ดังรูปวาดที่ 8 เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เพราะแผงวงจร i-BOX3S จะทำงานเมื่อกดสวิตช์ RUN

(9) ติดตั้งแผงวงจร i-BOX3S และกะบะแบตเตอรี่ 4 ก้อน ไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วยปืนยิงกาว ไม่ให้บดบังแสงของ LED ขณะทำงานส่องกระทบกับผืนผ้าดังรูปที่ 10

(10) ต่อสาย LED ทุกจุดเข้ากับจุดต่อมอเตอร์โดยให้ LED ชุดท้องฟ้า ส่วนล่างต่อกับ MOTOR-B, ท้องฟ้าส่วนบนต่อกับ MOTOR-A, หน้าต่างต่อเข้ากับ MOTOR-C, ดวงอาทิตย์ต่อกับ MOTOR-D ช่อง Forward (ขั้วต่อสีขาว) , ดวงจันทร์ต่อกับ MOTOR-D ช่อง Backward (ขั้วต่อสีดำ)

(11) เจาะรูขนาด 3 มม. ที่กรอบด้านบนสำหรับติดตั้งแผงวงจรตรวจจับแสงดังรูปที่ 11.1 และ 11.2 และเจาะรูติดตั้งสวิตช์ RUN ที่ต่อพ่วงมาจากแผงวงจร i-BOX3S

 

(12) เปิดโปรแกรม Logo Blocks ขึ้นมา แล้วลากบล็อกมาวางเชื่อมต่อกันตามรูปที่ 12 ส่วนค่าตัวเลขของ SENSOR 3 สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นกับสภาพแวดล้อมที่จะนำภาพไปติดตั้ง จากนั้นดาวน์โหลดโปรแกรมลงสู่แผงวงจร i-BOX3S กดสวิตช์ RUN เพื่อทดสอบการทำงานดังรูปที่ 13

(13) เมื่อโปรแกรมทำงานตามต้องการได้แล้ว มาถึงขั้นตอนสุดท้ายคือการนำกระดาษขาวมาปิดบัง LED เอาไว้นอกจากจะช่วยไม่ให้แสงกระเจิงออกภายนอกแล้วยังช่วยสะท้อนแสงให้กระทบกับผืนผ้าได้ดีขึ้นอีกด้วย จากนั้นตัดเศษพลาสวูดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเจาะรูสำหรับแขวนผนังดังรูปที่ 14 ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนการประดิษฐ์แล้วครับ

 

ปัญหาและการปรับแต่ง
สำหรับการปรับแต่งนั้นก็ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ปัญหาที่พบมักเกิดจากแสงของ LED เมื่อส่องกระทบกับผืนผ้าแล้วเป็นดวงๆ ไม่กระเจิงหรือดูไม่แนบเนียนเหมือนการระบายสี ให้ขยับเลื่อน LED เข้าไปในแผ่นยางดังภาพวาดที่ 15 ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้ว ส่วนความหนักเบาของสีก็ขึ้นอยู่กับค่าตัวต้านทานที่ต่อกับ LED แต่ละชุดด้วยนะครับ แต่หากไม่ต้องการเปลี่ยนค่าตัวต้านทานก็สามารถตั้งค่าจากโปรแกรม Logo Blocks ได้ด้วยการกำหนดที่บล็อกคำสั่ง setpower

การปรับแต่งคงมีเพียงเท่านี้ เพราะแผงวงจรที่ใช้ในโครงงานนี้ก็สำเร็จรูปมาให้พร้อมใช้งานอยู่แล้ว ที่เหลือก็อยู่ที่ความอุตสาหะของแต่ละท่านแล้วล่ะครับ ก็ขอให้สนุกกับงานศิลป์ในแบบของคุณได้ ณ บัดนี้

รายการอุปกรณ์
ตัวต้านทาน 1/2 หรือ 1/4 วัตต์ ±5%
R1 = 30Ω
R2 = 20Ω
R3,R4,R5 = 47Ω   3 ตัว
LED สีฟ้า แบบขุ่น 3มม. 16 ดวง
LED สีฟ้า แบบขุ่น 8มม. 20 ดวง LED สีเหลือง แบบขุ่น 5มม. 5 ดวง
LED สีแดง แบบขุ่น 8มม. 1 ดวง LED สีเหลือง แบบขุ่น 8มม. 1 ดวง
สายต่อมอเตอร์ 5 เส้น
แผงวงจรตรวจจับแสง ZX-02
แผงวงจร i-BOX3S
สายไฟเส้นเล็กหรือสายแพ กรอบภาพเขียนสีน้ำ
พลาสวูด 5 มม. ขนาดขึ้นกับกรอบภาพเขียนที่ซื้อมา
หมายเหตุ : แผงวงจร i-BOX 3Sแผงวงจรตรวจจับแสง สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ www.inex.co.th


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Gadget คุณทำเองได้ (DIY)

Car Watchdog

“สุนัขเฝ้ารถ” สิ่งประดิษฐ์ประเภทรักษาความปลอดภัยที่จะคอยเฝ้าระวังรถยนต์ของคุณ ยามที่ต้องจอดในที่ลับตาคน โดยทำหน้าที่เป็นเสมือนสุนัขเฝ้ารถและจะโทรหาคุณทันทีที่มีผู้บุกรุกมาเยือนพร้อมส่งเสียงเตือนหัวขโมยว่าเจ้าของรถรู้แล้ว

ในยุคสมัยข้าวยากหมากก็แพง แต่จะแพงยังไงรถใหม่ป้ายแดงก็วิ่งกันให้เกลื่อนท้องถนน ยิ่งเป็นรถยนต์คันแรกด้วยแล้ว ความกังวลใจที่ต้องจอดไกลหูไกลตาก็มากขึ้นเป็นทวีคูณ ผู้อ่านหลายท่านคงมีประสบการณ์แบบนี้เป็นแน่ แต่ครั้นจะนำไปติดตั้งสัญญาณกันขโมย ก็ได้แค่ส่งเสียงเรียกร้องความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา บางคันปรับแต่งไม่ดี แค่มีรถบรรทุกวิ่งผ่านสัญญาณก็ดังเสียแล้ว จนคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มชาชินและไม่สนใจกับเสียงเตือนภัยแบบนี้ (รวมทั้งผมด้วย) ที่สำคัญเจ้าหัวขโมยสมัยนี้รู้เรื่องระบบไฟฟ้าของรถยนต์เป็นอย่างดีว่า จะต้องตัดวงจรที่จุดใดก่อนจะสะเดาะกุญแจเข้ามาในตัวรถ

ดังนั้นสิ่งประดิษฐ์เครื่องนี้จึงถูกออกแบบให้ทำงานได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องติดตั้งเข้ากับระบบของรถยนต์ โดยติดตั้งชุดอุปกรณ์ไว้ในถังขยะ ขนาดเล็ก เพียงนำถังขยะตั้งไว้บริเวณที่นั่งด้านหน้าคู่กับตำแหน่งคนขับ เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในรถของเรา มันก็จะทำการกดโทรศัพท์เข้ามายังเครื่องของเจ้าของรถทันทีพร้อมกับส่งเสียงพูดเตือนผู้บุกรุกที่กำลังพยายามสตาร์ต รถให้ทราบว่าเจ้าของรถรู้แล้ว ถึงแม้เจ้าหัวขโมยจะไม่สนใจกับเสียงเตือนแต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่า ขณะนี้กำลังเกิดความผิดปกติในรถยนต์ของเรา

ต่อไปมาดูการทำงานของวงจรและอุปกรณ์ที่ต้องใช้กันก่อนดีกว่าครับ รับรองว่า งบไม่บานปลายแน่นอน

การทำงานของวงจร

จากรูปวงจรที่ 1 โมดูล POP-MCU ควบคุมการทำงานของระบบร่วม กับโมดูลตรวจจับความเคลื่อนไหว ZX-PIR , ออปโต้คัปเปลอร์เบอร์ PC817 และรีเลย์ 5Vdc โดยเริ่มจากโมดูล POP-MCU รอรับสัญญาณการตรวจพบผู้บุกรุกจากโมดูล ZX-PIR ที่ขา Di2 ว่ามีค่าเป็น HIGH หรือไม่ เมื่อมีค่าเป็น HIGH ให้ส่งค่าควบคุมเป็นจังหวะ(ดูตามโค้ดโปรแกรมที่ 1) ให้กับ IC2 ซึ่งเป็นออปโต้คัปเปลอร์ที่ขา Di3 เพื่อตัดต่อหน้าสัมผัสของสวิตช์ สมอลทอร์ก ตามด้วยการสั่ง HIGH ออกทางขา Di4 ให้กับ Q1 เพื่อขับรีเลย์ให้ต่อหน้าสัมผัสจ่ายไฟแก่เครื่องเล่น MP3 เล่นไฟล์เสียงใน SD การ์ดและจากนั้นระบบจะทำงานวนซ้ำไปเรื่อยๆ จนกว่า ZX-PIR จะไม่พบความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใดๆ หรือมีการปิดสวิตช์

การติดตั้งอุปกรณ์ลงแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์

เนื่องจากวงจรนี้ใช้อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นจึงขอแนะนำให้บัดกรีติดตั้งอุปกรณ์ลงบนแผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์ได้เลย โดยแผ่นวงจรพิมพ์ อเนกประสงค์สำหรับงานนี้เลือกใช้แบบ uPCB01A จากนั้นติดตั้งอุปกรณ์ดังรูปที่ 2 โดยจุดติดตั้งโมดูล POP-MCU ใช้คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวเมียแถวเดี่ยว 12 ขา จำนวน 2 ชุด ทำเป็นซ็อกเก็ต, คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวเมียแถวเดี่ยว 3 ขาเป็นจุดเชื่อมต่อสายดาวน์โหลด, IDC ตัวผู้แถวเดี่ยว 3 ขาสำหรับเชื่อมต่อ ZX-PIR, IDC ตัวผู้แถวเดี่ยว 2 ขา 2 ชุด สำหรับต่อกับสายสมอลทอร์กและเครื่องเล่น MP3 ตามลำดับ ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ ก็บัดกรีติดตั้งตามรูปที่ 2 ได้เลย

จากนั้นทำการเชื่อมต่อลายวงจรด้านล่างแผ่นวงจรพิมพ์เข้าด้วยกันโดยใช้สายไฟขนาดเล็กตามแบบในรูปที่ 3

การจัดเตรียมอุปกรณ์และขั้นตอนการสร้าง

(1) แกะฝาครอบสวิตช์ของสายสมอลทอร์กออกมา จะเห็นแผงวงจรขนาดเล็กจากนั้นนำสายไฟเส้นเล็กๆ บัดกรีกับขั้วของสวิตช์ดังรูปที่ 4.1 จากนั้นนำสาย IDC ตัวเมียที่แถมมากับโมดูล ZX-PIR มาตัดครึ่งและบัดกรีกับปลายอีกด้านหนึ่งของสายไฟเส้นเล็ก จะได้สายสำหรับต่อกับขั้ว A และ B บนแผ่นวงจรพิมพ์ดังรูปที่ 4.2

(2) แกะเครื่องเล่น MP3 ดังรูปที่ 5 เอาแต่แผงวงจรและลำโพง ส่วนแบตเตอรี่เอาออกเพราะเราจะใช้ไฟเลี้ยงร่วมกับแผงวงจรหลัก เพราะหากใช้ไฟเลี้ยงแยกเราจะต้องคอยประจุแบตเตอรี่ให้กับเครื่องเล่น MP3 แยกต่างหากทำให้ไม่สะดวกในการใช้งานจริง

(3) นำสาย IDC ตัวเมียที่แถมจาก โมดูล ZX-PIR ตัดครึ่งและบัดกรีเข้ากับจุดต่อไฟเลี้ยงของเครื่องเล่น MP3 แล้วเสียบเข้ากับแผงวงจรในตำแหน่ง C เข้ากับขั้วบวก และ D เข้ากับขั้วลบของเครื่องเล่น MP3 แล้วเสียบสายโมดูล ZX-PIR เข้ากับแผงวงจรหลักในตำแหน่ง ZX-PIR สุดท้ายขาดไม่ได้คือแหล่งจ่ายไฟ +9V ในต่อในตำแหน่ง Vin (ห้ามต่อผิดขั้ว) จะได้ชุด Car Watchdog พร้อมเขียนโปรแกรมทดสอบ ดังรูปที่ 6

(4) ก่อนไปถึงขั้นตอนการเขียนโปรแกรม ต้องมาทำตัวเชื่อมต่อสายดาวน์โหลดของ UCON-4 เฉพาะกิจสำหรับแผงวงจรสุดพิเศษนี้กันก่อนครับ โดยการนำคอนเน็กเตอร์ RJ-11 มาเชื่อมต่อสายเข้ากับคอนเน็กเตอร์ IDC ตัวผู้แถวเดี่ยว 3 ขา ดังรูปที่ 7.1 จากนั้นใช้ท่อหดหุ่มปลายสายให้เรียบร้อยจะได้ตัวเชื่อมต่อสายดาวน์โหลดดังรูปที่ 7.2

เขียนและอัปโหลดโปรแกรม

ขออนุญาตข้ามขั้นตอนการติดตั้งและการตั้งค่าซอฟต์แวร์ Arduino โดยเปิดโปรแกรม Arduino ขึ้นมาแล้วพิมพ์ชุดคำสั่งต่อไปนี้และเชื่อมต่อสาย UCON-4 เข้ากับคอนเน็กเตอร์ที่สร้างขึ้นจากขั้นตอนที่ 4 แล้วจึง อัปโหลดโปรแกรมลงตัว POP-MCU แต่หากท่านใดที่เป็นมือใหม่และยังไม่เข้าใจการปรับแต่งก็สามารถดูรายละเอียดได้ในบทความเครื่องให้อาหารแมวอัตโนมัติ

———————————————————————-

#define phone 3
#define mp3 4
int val = 0;
void setup()
{
pinMode(phone, OUTPUT);
pinMode(mp3, OUTPUT);
}

void loop()
{
val = digitalRead(PIN2);
if (val == HIGH)// PIR Detected
{
phonecall();
mp3play();
}
}

void phonecall()
{
digitalWrite(phone,HIGH); // show last number
delay(1000);
digitalWrite(phone,LOW);
delay(2000);
digitalWrite(phone,HIGH); // call
delay(1000);
digitalWrite(phone,LOW);
delay(1000);
digitalWrite(phone,LOW); //delay 15sec.
delay(15000);
digitalWrite(phone,HIGH); // end call
delay(1000);
digitalWrite(phone,LOW);
delay(1000);
}

void mp3play()
{
digitalWrite(mp3,HIGH);// mp3 power on 15sec.
delay(15000);
digitalWrite(mp3,LOW); // mp3 power off
delay(1000);
}

———————————————————————-
โปรแกรมที่ 1 โปรแกรมควบคุมการทำงานของ Car Watchdog
———————————————————————-

การติดตั้งอุปกรณ์ลงถังขยะ
นี่คือขั้นตอนการนำอุปกรณ์ติดตั้งลงถังขยะนะครับ ไม่ใช่เอาไปทิ้งถังขยะ ท่านผู้อ่านสามารถทำวิธีอื่นก็ได้ตามที่เห็นสมควร เนื่องจากขนาดและรูปทรงของถังขยะอาจแตกต่างไปจากตัวต้นแบบได้

(1) เริ่มจากนำถังขยะทรงกลมแบบมีฝาเปิดปิดขนาดพอเหมาะสำหรับใส่ในรถยนต์ดังรูปที่ 8.1 มาทำการถอดส่วนยางด้านล่างดังรูปที่ 8.2 (ผู้ผลิตถังขยะคงตั้งใจทำไว้ถ่วงน้ำหนัก)

(2) เจาะรูด้านหน้าสำหรับติดตั้ง ZX-PIR ดังรูปที่ 9.1 แล้วยึด ZX-PIR ให้แน่นด้วยปืนกาว

(3) เจาะรูขนาด 3 มม. ด้านล่างของถังให้เป็นรูพรุนบริเวณที่ต้องการติดตั้งลำโพงของเครื่องเล่น MP3 ดังรูปที่ 10

(4) นำแผ่นยางด้านล่างมาเจาะเป็นร่องสำหรับติดตั้งสวิตช์เปิดปิดดังรูปที่ 11

(5) เซาะแผ่นยางจากขั้นตอนที่ 4 ให้มีพื้นที่สำหรับติดตั้งเครื่องโทรศัพท์และแบตเตอรี่ 9 โวลต์ จากนั้นตัดสายไฟของขั้วแบตเตอรี่ 9 โวลต์ให้ผ่านสวิตช์เปิดปิด และเจาะรูสอดสายไฟเข้าไปในถังดังรูปที่ 12 อ้อ…อย่าลืมสอดสายหูฟังลงมาเสียบกับเครื่องโทรศัพท์ด้วยนะครับ

(6) จัดวางแผงวงจรทั้งหมดไว้ภายในถังขยะแล้วยึดด้วยปืนกาวดังรูปที่ 13

(7) ตัดพลาสวูดหนา 5 มม. ขนาด 3×3 ซม. จำนวน 3 ชิ้น ดังรูปที่ 14.1 สำหรับใช้เป็นขารองแผ่นปิดชุดวงจร โดยจัดวางให้ระยะห่างเท่ากันดังรูปที่ 14.2 แล้วยึดด้วยปืนกาว

(8) ใช้วงเวียนคัตเตอร์ตัดพลาสวูดขนาดหนา 5 มม. ให้ได้เส้นผ่านศูนย์กลาง 12.5 ซม. สำหรับทำแผ่นปิดแผงวงจร ดังรูปที่ 15

(9) สุดท้ายตัดเศษพลาสวูดเป็นรูปทรงอะไรก็ได้สำหรับทำเป็นมือจับแล้วติดกับแผ่นปิดแผงวงจรด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 16.1 ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์แล้วครับ

การทดสอบและปรับแต่ง
เมื่อทุกอย่างถูกติดตั้งเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการทดสอบโดยเริ่มจาก

(1) เปิดเครื่องโทรศัพท์และโทรออกยังหมายเลขที่คุณต้องการเพื่อให้เบอร์ล่าสุดที่โทรออกเป็นเบอร์ที่คุณต้องการ จากนั้นเปิดสวิตช์จ่ายไฟเข้าระบบ Car Watchdog จะเริ่มโทรออกไปหาเบอร์ล่าสุด หากไม่มีการโทรเข้าเบอร์ของคุณให้สลับคอนเน็กเตอร์ที่จุด A และ B

(2) เมื่อระบบโทรเข้าเครื่องและวางสายเรียบร้อยแล้ว จะต่อหน้าสัมผัสรีเลย์เพื่อจ่ายไฟเข้าเครื่องเล่น MP3 และเล่นไฟล์เสียงที่อยู่ใน SD การ์ด

(2.1) หากรีเลย์ทำงานต่อหน้าสัมผัสแล้ว แต่ไม่มีเสียงดังออกมาให้ตรวจสอบคอนเน็กเตอร์ที่จุด C และ D ว่าต่อถูกขั้วหรือไม่

(2.2) หากได้ยินเสียงหน้าสัมผัสรีเลย์ต่อแบบรัวๆ แสดงว่ากระแสไฟฟ้าที่ออกจากภาคจ่ายไฟไปยังขดลวดของรีเลย์ไม่ราบเรียบพอจึงทำให้เกิดอาการกระชาก ให้ตรวจสอบจุดบัดกรีบริเวณไฟออกที่ขาของ C2 ว่าสนิทดีหรือไม่

การนำไปใช้งาน
มาถึงขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยากแล้วครับ เพียงเล็งตำแหน่งในการวางให้เหมาะสมดังรูปที่ 17 เมื่อต้องการใช้งานคุณเพียงเปิดสวิตช์ ระบบจะโทรหาคุณทันที เมื่อปิดประตูล็อกรถเรียบร้อยแล้วระบบก็จะหยุดโทรหาคุณ จนกว่าจะพบความเคลื่อนไหวภายในรถยนต์ของคุณอีกครั้ง ระบบจึงจะเริ่มทำงาน คราวนี้คุณก็ไปทำธุระได้แล้ว โดยปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Car Watchdog เฝ้ารถให้คุณ

แต่อย่าลืมนะครับว่า แบตเตอรี่ที่ใช้เลี้ยงวงจรทั้งหมดเป็นแบตเตอรี่ +9V ซึ่งกระแสไฟฟ้าไม่ได้มากมายอะไร การเปิดใช้งานบ่อยๆ ควรตรวจสอบพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่บ้างก็ดี แต่หากไม่เน้นว่าแหล่งพลังงานต้องเล็ก ก็เอาแบตเตอรี่แบบประจุได้ขนาด AA สัก 6 ก้อนต่อแทนได้เลย

อย่างไรก็ตามอย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าพอมีโทรศัพท์เรียกจากรถของเราก็รีบกุรีกุจอเข้าไป หากหัวขโมยยังอยู่ในรถและมีอาวุธจะไม่คุ้มกัน ทางที่ดีควรชวนใครไปเป็นเพื่อนด้วยจะดีกว่า ท้ายนี้ขอให้สนุกกับการสร้างสุนัขเฝ้ารถ และขอให้ทุกท่านผ่านพ้นความน่ากลัวของสังสารวัฏฏ์ไปได้ด้วยดี

รายการอุปกรณ์
• โมดูล POP-MCU
• โมดูลตรวจจับความเคลื่อนไหว ZX-PIR
• เครื่องเล่น MP3
• เครื่องโทรศัพท์พร้อมสายหูฟังสมอลทอร์ก
• ถังขยะขนาดเล็กสำหรับวางในรถยนต์
• Q1 – ทรานซิสเตอร์ BC337
• IC1 – ไอซีเรกูเลเตอร์ เบอร์ LM2940-5.0
• IC2 – ออปโต้คัปเปลอร์ PC817
• R1 – ตัวต้านทาน 150Ω 1/4 วัตต์ ± 5%
• R2 – ตัวต้านทาน 1kΩ 1/4 วัตต์ ± 5%
• C1 – ตัวเก็บประจุ 47µF โพลีเอสเตอร์
• C2 – ตัวเก็บประจุ 220µF 16V อิเล็กทรอไลต์
• D1 – ไดโอด 1N4001
• S1 – สวิตช์เปิดปิดแบบใดก็ได้ตามชอบ
• S2 – สวิตช์กดติดปล่อยดับตัวเล็ก 4 ขา
• แผ่นวงจรพิมพ์อเนกประสงค์รุ่น uPCB01A
• แจ๊กโมดูล่าร์ RJ-11 4 ขา
• สายดาวน์โหลด UCON-4
• คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวเมีย แถวเดี่ยว 12 ขา 2 ตัว
• คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวเมีย แถวเดี่ยว 3 ขา
• คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวเมีย แถวเดี่ยว 2 ขา
• คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวผู้ แถวเดี่ยว 3 ขา 2 ตัว
• คอนเน็กเตอร์ IDC ตัวผู้ แถวเดี่ยว 2 ขา 3 ตัว
• แผ่นพลาสวูดหนา 5 มม. ขนาด A4
• ขั้วแบตเตอรี่ 9 โวลต์


หมายเหตุ โมดูล POP-MCU, ZX-PIR, สาย UCON-4 และแผ่นพลาสวูด ขนาด A4 สั่งซื้อออนไลน์ที่ www.inex.co.th


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Toy คุณทำเองได้ (DIY)

ประดิษฐ์ “รถหลอดด้าย” ของเล่นย้อนยุค

สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้อาจเรียกได้ว่าบ่งบอกอายุของผู้เขียนกันเลย เพราะมันเป็นของเล่นในอดีตที่ผมเล่นตอนสมัยประถม หลายคนอาจเคยประดิษฐ์เล่นหรือทำเป็นอยู่แล้ว แต่ด้วยความนึกสนุกในอดีต เลยต้องนำมาแนะนำให้กับคนรุ่นใหม่ได้ลองประดิษฐ์เล่นกันดูบ้าง

รถหลอดด้ายนี้ ใช้อุปกรณ์ที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด ขับเคลื่อนด้วยพลังของหนังยาง ตอนเด็กๆ ที่นิยมเล่นกันมีสองลักษณะก็คือนำมาวิ่งแข่งและเล่นซูโม่ ต่อไปเรามาดูวิธีประดิษฐ์กันดีกว่าครับ


เตรียมอุปกรณ์

1. หลอดด้าย (คลิกสั่งซื้อหลอดด้ายเปล่า)
2. เทียนไข
3. หนังยางรัดของ
4. ก้านธูปหรือก้านไม้กวาดทางมะพร้าว
5. คัตเตอร์

เริ่มประดิษฐ์ของเล่นโบราณ “รถหลอดด้าย” กันเลย
1. ตัดเทียนไขให้มีขนาดสั้นกว่าหลอดด้ายเล็กน้อยดังรูป

2. ใช้คัตเตอร์เซาะเทียนไขให้เป็นร่องดังรูป

3. หักก้านธูปให้มีขนาดเท่ากับเทียนไขแล้วนำหนังยางมาร้อยกับก้านธูปเอาไว้

4. คล้องหนังยางเข้ากับก้านธูป จากนั้นนำหนังยางสอดเข้าไปในรูของหลอดด้าย

5. นำปลายหนังยางที่สอดออกจากรูหลอดด้ายมาคล้องกับเทียนไขดังรูป

6. สุดท้ายหักก้านธูปยางประมาณ 10 – 12 เซนติเมตร สอดเข้าที่ร่องของเทียนไขที่เราเซาะไว้จากขั้นตอนที่ 2 เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จการประดิษฐ์ของ รถหลอดด้ายแล้วครับ

 

วิธีเล่น
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นรถหลอดด้าย เราก็ต้องทำให้มันวิ่งนั่นเอง การเล่นก็ง่ายนิดเดียวเพียงใช้มือจับหลอดด้ายเอาไว้ แล้วใช้มืออีกข้างหมุนก้านธูปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาพอเริ่มตึงมือก็พอ จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับการไขลานนถเด็กเล่นนั่นแหละ

ระวังอย่าหมุนจนเพลินเพราะจะทำให้หนังยางขาดเร็วเกินไปครับ


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Pets คุณทำเองได้ (DIY)

เครื่องให้อาหารแมวรุ่นประหยัด

เอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงกันอีกเช่นเคย กับเครื่องให้อาหารแมวด้วยงบประมาณสุดประหยัด และที่สำคัญสร้างง่ายไม่ต้องทำแผ่นวงจรพิมพ์ เพราะใช้อุปกรณ์หลักเพียงรีเลย์และไมโครสวิตช์

เครื่องให้อาหารแมวรุ่นนี้ จะทำหน้าที่เปิดปิดฝากล่องที่ใส่ชามอาหารไม่ให้กลิ่นหอมและความกรอบอร่อยของอาหารเจ้าเหมียวหมดลงไปอย่างรวดเร็ว โดยจะคอยตรวจจับการกดสวิตช์เท้า เมื่อแมวเดินมาเหยียบแป้นสวิตช์ กล่องก็จะเปิดให้มันสามารถอร่อยกับอาหารที่มันชื่นชอบได้ทันที และเมื่อมันเดินจากไปฝากล่องก็จะปิดไว้ดังเดิม ทำให้โครงงานนี้กินไฟเพียงช่วงเวลาที่มอเตอร์หมุนดันฝากล่องให้เปิดและปิดเท่านั้น เป็นยังไงล่ะครับ ง่ายถูกใจแบบนี้ก็มาลงมือสร้างกันเลย

จัดเตรียมอุปกรณ์
1. แผ่นพลาสวูดหนา 5 มม. ขนาด A4 จำนวน 5 แผ่น
2. ชุดเฟืองขับมอเตอร์ไฟตรงรุ่น BO2 อัตราทด 120:1
3. รีเลย์ 5V จำนวน 2 ตัว
4. ไมโครสวิตช์แบบมีขั้ว COM , NC และ NO จำนวน 3 ตัว
5. สายไฟเส้นเล็ก
6. กาวร้อน
7. สกรูเกลียวปล่อยตัวเล็ก
8. บานพับขนาดจิ๋ว 2 ตัว
9. สปริงปากกาตัดครึ่งให้ได้สปริง 2 ชิ้น
10. สกรูขนาด 3×10 พร้อมนอต 2 ชุด
11. ปืนยิงพร้อมกาวแท่ง (hot melt)
12. กะบะถ่าน AA 4 ก้อน

* อุปกรณ์รายการที่ 1,2 และ 12 สั่งซื้อออนไลน์ได้ที่ www.inex.co.th

เริ่มทำโครงสร้าง
(1) นำพลาสวูดมาตัดให้มีขนาดและจำนวนดังรูปที่ 1 เพื่อทำโครงสร้างกล่องใส่ถ้วยอาหารแมว ส่วนขนาดนั้นขึ้นอยู่กับถ้วยอาหารประจำกายของเจ้าเหมียวนะครับ ในที่นี้ผมวัดจากถ้วยของแมวที่บ้านมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 15.5 ซม.
(2) เริ่มประกอบชิ้นส่วนพลาสวูด L, R, F และ B ด้วยกาวร้อนให้เป็นกรอบ โดยการประกอบให้วางบนพื้นเรียบเพื่อให้ขอบด้านที่รองรับฝาปิดเสมอกันดังรูปที่ 2.1  จากนั้นนำด้านที่ขอบเสมอกันที่สุดพลิกขึ้นด้านบน ครอบกรอบเข้ากับแผ่น Bottom ยึดด้วยกาวร้อนดังรูปที่ 2.2 นำแผ่น SE เสียบขั้นภายในกล่องเพื่อกั้นเป็นช่องเก็บวงจรและแบตเตอรี่ดังรูปที่ 2.4 โดยดูตำแหน่งการประกอบจากรูปวาดที่ 3
(3) ติดตั้งชุดเฟืองขับมอเตอร์ โดยเจาะรูให้แกนมอเตอร์ทะลุจากช่องติดตั้งวงจรออกมาภายในช่องใส่ชามอาหารดังรูปที่ 4 แล้วยึดชุดเฟืองขับมอเตอร์ให้แน่นด้วยปืนยิงกาว
(4) นำบานพับ 2 ตัว มายึดพลาสวูดแผ่น TOP1 เข้ากับขอบด้านหลังของกล่อง เพื่อให้บานพับสนิทแนบกับขอบกล่องจึงต้องบากขอบกล่องให้พอดีกับความหนาของแผ่นบานพับดังรูปที่ 5.1
(5) นำเศษพลาสวูดมาตัดเป็นทรงโค้งแบบรูปที่ 6.1 ทำเป็นก้านสำหรับดันฝากล่อง สำหรับขนาดนั้นให้ลองเปิดฝากล่องจนเกือบสุด (ไม่ต้องเปิดสุดเพราะกลไกของเราเป็นแบบดันขึ้นอย่างเดียวไม่มีส่วนดึงฝาให้ปิด หากเปิดจนสุดหรือตั้งฉากฝาจะไม่สามารถพับลงมาได้) แล้วนำไปทาบดูความสูงที่เหมาะสมแล้วจึงใช้คัตเตอร์ตัดแต่งให้สวยงาม ตามด้วยการเจาะรูให้เป็นช่องรับกับแกนของมอเตอร์ แล้วสวมเข้ากับแกนมอเตอร์ดังรูปที่ 6.2 ขันสกรูเกลียวปล่อยตัวจิ๋วยึดก้านดันกับแกนมอเตอร์
(6) เจาะด้านหลังกล่องเป็นช่องสำหรับติดตั้งไมโครสวิตช์ (SW3) ดังรูปที่ 7.1 เพื่อทำหน้าที่ตรวจจับระยะสิ้นสุดของการเปิดฝายึดด้วยปืนยิงกาว บัดกรีสายไฟเข้ากับขั้ว C และ NC ของไมโครสวิตช์ จากนั้นใช้เศษพลาสวูดติดเข้ากับฝาดังรูปที่ 7.2 เพื่อใช้เป็นก้านกดสวิตช์
(7) บัดกรีสายไฟเส้นเล็ก 2 เส้นกับขั้ว C และ NC ของไมโครสวิตช์ (SW2) แล้วใช้กาวสองหน้าอย่างหนาหรือปืนยิงกาวติดตั้งไมโครสวิตช์ สำหรับตรวจสอบการปิดฝาไว้ด้านในกล่องใส่ชามอาหาร ในตำแหน่งที่ก้านดันฝาพ้นจากขอบกล่องลงมาโดยติดตั้งให้ชนกับก้านของสวิตช์พอดีดังรูปที่ 8 แล้วเจาะรูขนาด 3 มม. เพื่อสอดสายไฟเข้าไปในช่องติดตั้งวงจร (ในรูปที่ 8 มีแท่งต่อสีส้มเกินมาเพราะตัวต้นแบบถูกถอดออกบ่อยครั้ง จนรูของแกนมอเตอร์หลวมจึงต้องใช้สกรูเกลียวปล่อยตัวใหญ่ขึ้น)
(8) ติดตั้งรีเลย์ทั้งสองตัว และกะบะถ่านไว้ในช่องติดตั้งวงจร (9) ทำแป้นสวิตช์เหยียบ (SW1) โดยนำพลาสวูดขนาด A4 มาตัดครึ่ง จากนั้นเจาะรูแผ่นพลาสวูดชิ้นใดชิ้นหนึ่งจำนวน 2 รู เป็นแผ่นเหยียบส่วนล่าง นำสกรูขนาด 3×10 มม. ร้อยเข้าไปแล้วขันนอตล็อกให้แน่น นำสปริงปากกาที่เตรียมไว้มาสวมกับสกรู แล้วยึดด้วยปืนยิงกาวดังรูปที่ 9.1 ทำเช่นเดียวกันทั้งสองฝั่งดังรูปที่ 9.2 นำแผ่นพลาสวูดอีกชิ้นมาวางประกบด้านบนแล้วหุ้มส่วนที่ประกบกันด้วยเทปกาวดังรูปที่ 9.3
(10) เจาะช่องติดตั้งไมโครสวิตช์ (SW1) ดังรูปที่ 10.1 บัดกรีสายไฟเข้ากับขั้วไมโครสวิตช์ทั้ง 3 ขั้วโดยให้เผื่อความยาวสายสำหรับสอดเข้าไปในช่องติดตั้งวงจรได้ จากนั้นใช้ชิ้นต่อพลาสติกหรือเศษพลาสวูดเป็นแท่งยาวมากั้นด้านล่างสวิตช์กันหลุด (เผื่อแมวอ้วนมาเหยียบ) ดังรูปที่ 10.4
(11) เจาะรูขนาด 3 มม. ให้ตรงช่องติดตั้งวงจร แล้วสอดสายไฟที่ต่อจากสวิตช์เท้าเข้าไปดังรูปที่ 11
(12) ต่อวงจรควบคุมรีเลย์ดังรูปที่ 12
(13) นำเศษพลาสวูดมาตัดเป็นก้านติดเข้ากับแผ่น TOP2 เพื่อทำเป็นตัวล็อกฝาปิดช่องติดตั้งวงจรดังรูปที่ 13
(14) สุดท้ายต่อวงจรตามรูปที่ 12
การทำงานของวงจร

วงจรนี้เป็นวงจรง่ายๆ ที่สามารถนำไปดัดแปลงได้หลากหลายโดยหน้าที่หลักของวงจรนี้มีไว้เพื่อสลับทิศทางการหมุนของมอเตอร์ไฟตรง แต่มีการเพิ่ม SW2 และ SW3 ในลักษณะการต่อเป็นแบบกดดับปล่อยติด เพื่อทำหน้าที่คอยตัดกระแสไฟฟ้าที่มาจ่ายให้กับขดลวดของ Relay1 และ Relay2 โดยการทำงานจะเป็นดังนี้

เมื่อ SW1 ถูกกด มีกระแสไฟไหลผ่านขั้ว NO ไปยัง SW3 ที่ต่ออยู่ด้านหลังกล่องแต่เนื่องจากกล่องปิดอยู่ SW3 จึงไม่ถูกกดสามารถนำกระแสผ่านไปจ่ายให้กับ Relay1 ทำการต่อหน้าสัมผัส มอเตอร์จึงหมุนเปิดฝากล่อง จนกระทั่ง SW3 ถูกกดมอเตอร์จึงหยุดทำงาน

เมื่อ SW1 ถูกปล่อยก็จะทำงานสลับกันกับตอนกดคือ มีกระแสไฟไหลผ่านขั้ว NC ไปยัง SW2 ที่ติดตั้งอยู่ด้านในกล่องซึ่งฝาถูกเปิดอยู่ SW2 จึงสามารถนำกระแสไฟฟ้าจ่ายให้กับ Relay2 ต่อหน้าสัมผัส ทำให้เกิดการสลับขั้วไฟฟ้าที่จ่ายให้กับมอเตอร์ จึงหมุนกลับทางจนกระทั่งก้านดันฝามาสัมผัสกับ SW2 เพื่อตัดกระแสไฟฟ้ามอเตอร์จึงหยุดทำงาน

ทดสอบและปรับแต่ง

เมื่อรู้หลักการทำงานของวงจรที่สุดแสนจะง่ายดายกันไปแล้ว ก็มาทดสอบความสมบูรณ์ในการทำงานกัน

(1) เมื่อกดสวิตช์เท้าฝากล่องจะต้องเปิดจนเกือบสุดแล้วหยุดการทำงาน หากฝาไม่ยอมเปิดให้สลับสายไฟที่ขั้วมอเตอร์

(2) หากฝาเปิดมากเกินไป มีวิธีปรับแต่ง 2 วิธีคือ

(2.1) เลื่อนก้านไมโครสวิตช์เข้ามาอีกหนึ่งล็อก

(2.2) ใช้กาวสองหน้าอย่างหนาหนุนก้านกดไมโครสวิตช์ของฝากล่องให้สูงขึ้น

(3) เมื่อปล่อยมือจากสวิตช์เท้ามอเตอร์จะต้องหมุนกลับทางซึ่งทำให้ฝาปิดกล่องตามลงมาด้วยและมอเตอร์จะหยุดทำงานเมื่อก้านดันฝาหมุนมากดสวิตช์ด้านในกล่อง

เอาล่ะครับการทดสอบก็มีเพียงเท่านี้ ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และพร้อมนำไปใช้งานแล้ว

การนำไปใช้งาน

นำถ้วยอาหารของเจ้าเหมียวใส่ลงไปในกล่องแล้วรอให้เจ้าเหมียวหิวมากๆ ก่อน จึงมาสอนให้รู้จักการเปิดกล่องอาหาร โดยการจับเท้าของมันทั้งสองข้างวางบนสวิตช์เท้าให้เห็นว่าอาหารอยู่ในนี้ ในช่วงแรกๆ อาจมีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ แล้วเดินหนีบ้างเป็นธรรมดา ปล่อยให้เดินหนีไปก่อน เดี๋ยวก็ร้องขอกินอีก คราวนี้เราก็ทำเหมือนเดิมเดี๋ยวก็คุ้นไปเอง

บางบ้านมีมดเยอะอาจต้องหล่อน้ำไว้ภายในกล่อง ทำได้โดยนำกาวซิลิโคนมาอุดตามขอบไม่ให้น้ำรั่วซึมได้ แล้วเทน้ำใส่ลงไปได้เลย

เพียงแค่นี้คุณก็สามารถเทอาหารไว้ให้เจ้าเหมียวกินได้ตลอดวันโดยกลิ่นหอมของอาหารยังคงอยู่ และคุณก็สามารถออกไปทำภารกิจได้อย่างสบายใจแล้วครับ

Categories
Gadget คุณทำเองได้ (DIY)

การทำแป้งปั้นซิลิโคน

ทำแป้งปั้นที่คงตัวได้ แข็งแต่ไม่แข็ง มีความยืดหยุ่นเหมือนยาง ใช้กับงานต่างๆ ได้หลากหลาย เช่นทำตัวรองอุปกรณ์กันกระแทก ฐานยึดมอเตอร์กันสะเทือน หรือจะใส่ LED ไว้ภายในเพื่อสร้างเป็นโครงงานอาร์ตๆ 


จากบทความแนะนำ Sugru ที่ผ่านมาหลายคนคงทึ่งและเริ่มสนใจในคุณสมบัติอันน่าอัศจรรย์ของมันที่เราสามารถปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ ได้ตามต้องการ หลายคนนึกค้านในใจว่า ก็ไปซื้อแป้งปั้นหรือดินญี่ปุ่นมาก็สิ้นเรื่องหาซื้อก็ง่าย ใช่ครับปั้นได้ หาซื้อง่าย แต่พอแข็งแล้วก็แข็งจริงๆ ไม่มีคุณสมบัติเหมือนยางซิลิโคน ทำให้ประโยชน์ของมันสิ้นสุดลงที่ความสวยงามเป็นหลัก

แต่สำหรับ i-Gru (เป็นชื่อเฉพาะที่ผมตั้งเองครับ ไม่ต้องไปค้นใน Google) ที่เราจะมาชวนท่านผู้อ่านทำกันนี้ จะมีคุณสมบัติคล้ายกับ Sugru ต่างที่การทนความร้อนทีี่ Sugru ทนได้ถึง 180oC แต่ i-Gru จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของซิลิโคนซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ทำ ก่อนอื่นเรามาเตรียมวัตถุดิบกันก่อนดังรูป

ส่วนผสมและอุปกรณ์ประกอบด้วย
1. แป้งข้าวโพด
2. ซิลิโคนสีใส แนะนำให้ซื้อชนิดที่ไม่มีกลิ่น และห้ามใช้ชนิดแห้งเร็ว
3. ไม้ไอศครีมหรืออะไรก็ได้ที่ใช้กวนได้
4. ถ้วยหรือชาม
 
ขั้นตอนการทำ
(1) บีบซิลิโคนลงในภาชนะในปริมาณที่ต้องการดังรูปที่ 2 แนะนำว่าไม่ควรผสมเกิน 3 ช้อนโต๊ะ เพราะจะทำให้ส่วนผสมเข้ากันไม่ดี
(2) เทแป้งข้าวโพดลงไป ในอัตราส่วน 1:1 ดังรูปที่ 3 จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน ซึ่งในขั้นตอนนี้ต้องใช้ความเร็วในการคลุกหน่อยนะครับ คนให้เข้ากันจนรู้สึกว่าซิลิโคนและแป้งข้าวโพดเริ่มจับตัวกันดี (หากใครต้องการใส่สีก็ให้หยดลงไปในขั้นตอนนี้ โดยสีที่ใช้ควรเป็นสีน้ำมันหยดลงไปในอัตราส่วน 1:10 เพราะหากหยดมากเกินไปส่วนผสมจะเหลวมากและแห้งช้า) คลุกเคล้าต่ออีกสักครู่ก็จะเริ่มจับตัวเหมือนแป้งปั้นดังรูปที่ 3.4 ก็เป็นอันใช้ได้แล้วครับ
(3) ตอนนี้ท่านสามารถปั้นเป็นรูปทรงตามต้องการ ในตัวอย่างนี้เราจะนำมาห่อหุ้มแผงวงจร ZX-01 (แผงวงจรสวิตช์) เพื่อกันกระแทกและรองรับงานหนักๆ อย่างเช่นการทุบ โดยเริ่มจากผ่าครึ่งลูกปิงปองแล้วทา i-Gru เพื่อรองพื้นให้รอบ ดังรูปที่ 4.1 เมื่อทาจนทั่วแล้วก็นำ ZX-01 คว่ำหน้าลงไปดังรูปที่ 4.2 แล้วโปะ i-Gru เพื่อห่อหุ้มให้ทั่วทั้งแผงวงจรดังรูปที่ 4.3 รอให้แห้งประมาณ 10 นาที
(4) เมื่อชิ้นงานแห้งแล้วก็มาทำการแกะออกจากแบบ โดยการบีบขอบลูกปิงปองให้ชิ้นงานคลายตัวดังรูปที่ 5.1 แล้วค่อยๆ ดึงออกมาจะได้แป้นกดปุ่มยางซิลิโคนที่ฝังแผงวงจรสวิตจช์ไว้ภายใน นำไปใช้งานได้ทันทีดังรูปที่ 5.2 และ 5.3
(5) แถมท้ายด้วยการนำ i-Gru มาห่อหุ้ม LED แล้วปั้นเป็นรูปทรงที่เราต้องการ เมื่อจ่ายไฟให้ LED เราก็จะพบกับความสวยงามของแสง LED ที่ส่องผ่าน i-Gru ออกมาดังรูปที่ 6.2
เพียงเท่านี้ก็จะได้วัสดุใหม่ที่ใช้เป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการทำโครงงานอิเล็กทรอนิกส์อาร์ตของเราแล้ว

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
Gadget Home & Garden Lighting คุณทำเองได้ (DIY)

สอนประดิษฐ์รองเท้าไฟฉาย

อยากเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน แต่ไม่อยากเปิดไฟหัวเตียงเพราะกลัวแสงไฟจะรบกวนคนนอนข้างๆ หรือกระทั่งน้ำท่วมบ้านโดนตัดไฟต้องการไฟฉายแต่ไม่รู้วางไว้ที่ไหน

สิ่งประดิษฐ์นี้จะมาช่วยคุณได้ นั่นคือรองเท้าติดไฟ เพียงแค่คุณสวมรองเท้าคู่นี้เข้าไป จะทำให้คุณหมดปัญหาในเรื่องของแสงสว่างยามค่ำคืน การใช้งานเพียงสวมรองเท้าแล้วเดิน ก็จะมีแสงไฟส่องออกมาจากปลายของรองเท้า โอ้ว !! มันยอดมากเลยใช่ไหม ลงมือทำกันเลย

เตรียมอุปกรณ์
รองเท้าสำหรับใส่ในบ้าน 1 คู่
กะบะถ่าน CR2032   1 อัน
ถ่าน  CR2032  3V   1 ก้อน
LED สีขาวขนาด 8 มม.    1 ดวง/ข้าง
แถบตีนตุ๊กแก ขนาด 4 x 1.5 ซม. 1 เส้น
สายไฟเส้นเล็กๆ
กาวร้อน  (กาวตราช้าง)
เข็มและด้าย

ลงมือประดิษฐ์กันเลย
(1) ขั้นตอนแรกนำรองเท้าใส่ในบ้านมา 1 คู่ หาซื้อได้ตามร้านไดโซ ที่ขายสินค้าราคาเดียวเพียง 60 บาท จากนั้นใช้คัตเตอร์หรือที่เลาะด้ายเลาะส้นรองเท้าออกประมาณ 5 ซม. ดังรูปที่ 1.1

(2) ขั้นต่อไปวางกะบะถ่านแล้วขีดเส้นเพื่อกำหนดตำแหน่งสำหรับติดตั้ง แล้วใช้คัตเตอร์เจาะตามรอยที่ขีดไว้ลึกลงไป โดยเผื่อให้กะบะถ่านโผล่ขึ้นมาประมาณ 1 มม.

(3) ต่อไปเป็นขั้นตอนการเชื่อมต่อวงจร ดัดขา LED สีขาวขนาด 8 มม. ดังรูปที่ 3.1 บัดกรีสายไฟเข้ากับขาของ LED แล้วนำ LED เสียบเข้าร่องส่วนปลายของรองเท้าเพื่อซ่อนขา LED และสายไฟดังรูปที่ 3.3 เก็บสายไฟให้เรียบร้อยโดยเหน็บเข้าร่องด้านข้างของรองเท้าดังรูปที่ 3.4 เจาะรูเล็กๆ ด้านข้างรองเท้าแล้วสอดสายไฟเข้าไปดังรูปที่ 3.6 เมื่อสอดสายไฟเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะนำกะบะถ่านไปวาง ให้ใช้คีมดัดขั้วกะบะถ่านด้านขั้วบวกขึ้นดังรูปที่ 3.8 แล้ววางลงไปในรูที่เจาะไว้ในขั้นตอนที่ 2 บัดกรีสายไฟให้เรียบร้อยตามรูปการเชื่อมต่ออุปกรณ์ ต้องสังเกตขั้วบวกขั้วลบในการต่อให้ดี เพราะถ้าผิดขั้วอาจทำให้ LED พังได้

 

(4) เย็บเก็บชายให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้ผ้าหลุดลุ่ย ดังรูปที่ 4.1  นำแถบตีนตุ๊กแกขนาด 4 x 1.5 ซม. ทากาวร้อนแล้วติดลงไปดังรูปที่ 4.2 เมื่อติดแถบตีนตีนตุ๊กแกเพื่อใช้เปิด-ปิดเวลาเปลี่ยนแบตเตอรี่เสร็จแล้วให้ปิดส้นรองเท้าลง แค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ด้วยอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้น คุณก็สามารถเดินไปทั่วบ้าน โดยไม่ต้องเปิดไฟเลยสักดวงก็ได้


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Exit mobile version