จะมีใครสักกี่คนทราบว่า ผู้ที่ค้นคิดรีโมตคอนโทรล สิ่งประดิษฐ์ที่อำนวยความสะดวกแก่มวลมนุษยชาติเป็นใคร? และวันนี้เขาอยู่ที่ไหน
ผมได้รับข่าวสารชิ้นหนึ่งที่เล่าถึงการรำลึกถึงวันครบรอบการจากไปของบุคคลสำคัญคนหนึ่งของวงการเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ที่โลกลืม ทั้งที่สิ่งที่เขาค้นคิดประดิษฐ์ขึ้นคือ ต้นแบบไอเดียของเครื่องมือที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้คนบนโลกกลมใบนี้อย่างมากมายมหาศาล ชื่อของเขาคือ ดร.โรเบิร์ต แอดเลอร์ (Dr.Robert Adler) สิ่งประดิษฐ์ที่เขาร่วมค้นคิดขึ้นมาคือ รีโมตคอนโทรลของเครื่องรับโทรทัศน์ ดร. แอดเลอร์ค้นคิดรีโมตคอนโทรลหรืออุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องรับโทรทัศน์จากระยะไกลโดยใช้คลื่นอัลตร้าโซนิกหรือคลื่นความถี่เหนือเสียง การแบ่งแยกคำสั่งต่างๆ ว่า เป็นคำสั่งเลือกช่องต่างๆ หรือปรับความดังจะใช้เทคนิคที่เรียกว่า ”Space command” โดยทาง Zenith บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดัง (ในอดีต) ของสหรัฐอมเริกาได้นำเทคโนโลยีนี้ไปพัฒนาจนสามารถออกวางจำหน่ายโทรทัศน์ที่มีรีโมตคอนโทรลสามารถควบคุมการเปลี่ยนช่องและปรับความดังเสียงได้สำเร็จเป็นเครื่องแรกของโลกในปี ค.ศ.1956 โดยใช้ชื่อรุ่นทางการค่าว่า Space commander
ถ้ามามองดูรีโมตคอนโทรลในปัจจุบันที่อยู่ในมือคุณๆ ในวันนี้ มันเป็นรีโมตคอนโทรลแบบใช้แสงอินฟราเรด เราแทบจะไม่รู้เลยว่า รีโมตคอนโทรลของเครื่องรับโทรทัศน์ตัวแรกของโลกมันใช้คลื่นอัลตร้าโซนิก ซึ่งแน่นอนครับ มันต้องใหญ่กว่ารีโมตคอนโทรลในปัจจุบันมากพอสมควร และต้องใช้พลังงานมากกว่า คงมีคำถามตามมาว่า แล้วทำไมไม่ใช้อินฟราเรดตั้งแต่แรก คำตอบของเรื่องนี้คือ ในช่วงเวลานั้นเทคโนโลยีของอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางแสง (opto electonics) ยังพัฒนาไปไม่ถึงครับ
ถ้าหากเจาะลึกลงไปในรีโมตคอนโทรลตัวนี้ คุณๆ จะต้องยิ่งพบสิ่งที่น่าประหลาดใจ และแทบไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะคิดและทำได้ถึงขนาดนั้น รีโมตคอนโทรลที่ดร. แอดเลอร์สร้างขึ้นใช้อุปกรณ์ทางกลเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกและเป็นการคิดนอกกรอบอย่างยิ่งของคนในยุคนั้น ผมเชื่อเหลือเกินว่า ใครจะไปคิดว่า เราจะผลิตเครื่องควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระยะไกลจากอุปกรณ์ทางกล แต่ ดร. แอดเลอร์ก็ทำให้เห็น
รีโมตคอนโทรลตัวแรกนี้มีปุ่มให้ใช้งานเพียง4 ปุ่มคือ ปุ่มเปิด-ปิด, ปุ่มเลือกช่องลง, ปุ่มเลือกช่องขึ้น และปุ่มปิดเปิดเสียง สวิตช์ที่ใช้กดเพื่อเลือกส่งคำสั่งควบคุมนั้นมีลักษณะเป็นเหมือนค่อนขนาดเล็กที่ยึดกับสปริงเพื่อควบคุมระยะและแรงกด เมื่อกดเลือกปุ่ม ค้อนสปริงจะถูกตีลงไปบนแผ่นอะลูมิเนียมซึ่งมีด้วยกัน 4 แผ่น ตามจำนวนของปุ่มที่มีของรีโมตคอนโทรล ซึ่งกลไกของสวิตช์แต่ละตัวของรีโมตคอนโทรลจะกำเนิดความถี่ที่เป็นเฉพาะของตัวเอง จากกลไกการทำงานแบบนี้ทำให้ในทุกครั้งที่เรากดปุ่มบนรีโมตคอนโทรลเราจะได้ยินเสียง ”คลิก” ทำให้รีโมตคอนโทรลแบบนี้มีชื่อเล่นว่า ”คลิกเกอร์” (Clicker) ผมว่ามันน่าสนุกดีเหมือนกันนะครับ
ทีนี้มาทางฝั่งภาครับบ้าง ที่เครื่องรับโทรทัศน์จะมีตัวรับคลื่นอัลตร้าโซนิก จากนั้นจะมีวงจรที่ทำหน้าที่แยกความถี่ที่รับมาเป็น 4 ความถี่ โดยใช้หลอดสุญญากาศ 6 ตัวทำหน้าที่นี้ เมื่อสามารถแยกความถี่ได้แล้ว ก็จะทราบว่า ผู้ควบคุมต้องการให้ทำอะไร วงจรก็จะส่งสัญญาณไปควบคุมรีเลย์เพื่อตัดต่อการจ่ายไฟเลี้ยง หรือควบคุมมอเตอร์ที่ใช้ในการหมุนปรับเลือกช่องของสถานีโทรทัศน์ ผมว่า ถ้าคุณๆ ลองนั่งจินตนาการถึงการทำงานตามไปด้วย มันช่างได้อรรถรสและทึ่งกับแนวคิดของคนรุ่นคุณปู่ของเราจริงๆ
แล้วราคาล่ะ… ทุกวันนี้เวลาเราซื้อโทรทัศน์ เจ้ารีโมตคอนโทรลมันเป็นของที่แถมมาด้วย ถึงเกิดเสียหรือสูญหาย สนนราคาในการจัดหามาใช้ใหม่ก็ไม่แพง อย่างมากก็หลักร้อยบาท แต่ถ้าคุณๆ ทราบถึง ราคาของรีโมตคอนโทรลที่ทาง Zenith ขายในยุคนั้น คุณๆ ต้องหงายหลังเก้าอี้แน่นอน..มันแพงมากครับ แค่ต้นทุนของระบบรีโมตคอนโทรลที่เพิ่มเข้าไป เป็นมูลค่ามากกว่า 30%ของต้นทุนรวมของเครื่องรับโทรทัศน์ขาว-ดำในสมัยนั้น นั่นเป็นเพราะใช้อุปกรณ์ทางกลจำนวนมากนั่นเอง และแน่นอนเรื่องกินพลังงานไม่ต้องพูดถึง รีโมตคอนโทรลแบบนี้ใช้พลังงานมาก ยิ่งกดบ่อยกดถี่ ก็ยิ่งกินไฟ
ถึงจะดูไม่ไฮเทคเมื่อเทียบกับรีโมตคอนโทรลสมัยนี้ แต่ต้องยอมรับสภาพความเป็นจริงในขณะนั้นด้วยว่า เทคโนโลยีของอุปกรณ์ยังมีความก้าวหน้าช้า จนกระทั่งเมื่อมีการค้นพบอุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ จนนำไปสู่การพัฒนาเป็นทรานซิสเตอร์ในทศวรรษ 1960 เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์จึงมาถึงจุดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ด้านรีโมตคอนโทรลก็ได้รับการพัฒนามาใช้การรับส่งข้อมูลผ่านแสงอินฟราเรดแทน
รีโมตคอนโทรลที่มาจากการค้นคิดของดร.แอดเลอร์ สามารถขายได้มากถึง 9 ล้านตัวในตลอด 25 ปีที่มีการทำตลาดก่อนจะถูกแทนที่ด้วยรีโมตคอนโทรลอินฟราเรด
รีโมตคอนโทรลอัลตร้าโซนิกของดร.แอดเลอร์ได้รับการยกย่องให้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ควรค่าแก่การจดจำ เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรู้ความสามารถในการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีความสามารถสูงภายใต้ข้อจำกัดของเทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ตามความฝันไม่ทัน
ดร.แอดเลอร์มีผลงานสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรมากกว่า180 ผลงาน ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐอเมริกาได้ทำการตีพิมพ์และเผยแพร่ผลงานของเขาเพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติ ดร. แอดเลอร์จากโลกนี้ไปอย่างสงบในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 หลังจากที่ผลงานสิทธิบัตรของเขาได้รับการเชิดชูเกียรติเพียง 15 วัน
ดร.แอดเลอร์แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณที่โดดเด่นของการเป็น นักประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ยอมแพ้ หรือยอมจำนนต่อข้อจำกัด การคิดนอกกรอบยังเป็นคุณสมบัติที่ต้องมีในตัวนักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ แนวคิดในการเลือกใช้อุปกรณ์ทางกลมาทำเป็นรีโมตคอนโทรลเครื่องรับโทรทัศน์คือ ผลงานหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสมควรได้รับการยกย่องมากกว่าที่เป็นมา
ข้อมูลภาพจาก : http://www.theage.com.au